ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF HSJ] Love You My Naughty Boy (Nakachii)

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 56


    Title : Love You My Naughty Boy [Intro]
    Type : Short Fiction
    Pairing : Nakajima Yuto x Chinen Yuri
    Writer : BbChii





    "ไม่! ไม่ไป! ยังไงยูริก็ไม่ไปอยู่ที่นั่น"

    "ยูริ ถ้าลูกไม่ไปอยู่ที่บ้านคุณป้า แล้วลูกจะอยู่ที่นี่คนเดียวรึไง แบบนี้แม่ก็ไม่ยอมหรอกน้ะ" นางจิเน็นได้แต่ทอดถอนใจ บทจะดื้อลูกชายเธอก็ดื้อแพ่งไม่ยอมใครเช่นกัน นิสัยแบบนี้เธอไม่อยากจะยอมรับนักหรอกนะ ว่ามัน...ได้มาจากเธอล้วนๆ

    "ยูริโตแล้วนะแม่ ดูแลตัวเองได้หน่า"

    "ไม่รู้หล่ะ แม่ไม่ยอม แม่บอกเรื่องเรากับคุณป้าไว้แล้ว ยังไงลูกก็ต้องไปอยู่บ้านคุณป้า นี่คือคำสั่ง"

    "พ่อฮะ~" ผู้เป็นพ่อได้แต่ยิ้มรับให้ลูกชายตัวเล็กที่ส่งน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนที่ชอบทำประจำเวลาต้องการความช่วยเหลือ แต่เขาจะช่วยอะไรได้ ในเมื่อบ้านหลังนี้...นางจิเน็นคือผู้ยึดครองอำนาจ!! นายตำรวจใหญ่อย่างเขาจับผู้ร้ายมานักต่อนัก แต่กลับต้องยอมศิโรราบให้กับอำนาจมืดของภรรยา




    "อะไรนะฮะ! แม่จะให้เจ้าเด็กแสบนั่นมาอยู่บ้านเรา นี่แม่คิดอะไรอยู่"

    "จะให้คิดอะไร ก็คิดว่าดีซะอีกที่บ้านเราจะได้มีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง อยู่กับแกสองคน นับวันยิ่งจะเฉาตายหน่ะสิ อ้อ...แล้วแกอย่ามาเรียกหนูยูริว่าเจ้าเด็กแสบนะ เดี๋ยวจะโดน" สุดสวาทขาดใจแม่เขาเลยหล่ะ หนูยูริเนี่ย~

    "
    เหอะ โอ๋กันเข้าไป"

    "อะไรยะ รีบๆไปช่วยแม่จัดห้องให้หนูยูริเลย เดี๋ยวน้องเค้าจะมาวันอาทิตย์นี้แล้ว แกต้องไปรับน้องเค้าด้วย อย่าลืม"



    โอ้ยยย นี่มันอะไรกัน! ทำไมชีวิตคนหล่อๆอย่าง นากาจิม่า ยูโตะ จะต้องมีเจ้าเด็กตัวเตี้ยแสนแสบมาพัวพันในชีวิตไม่จบไม่สิ้นแบบนี้! คนหล่ออยากจะกรี๊ดดดดดดด~

    ทำไมถึงไม่จบไม่สิ้นหน่ะหรอ?! ถ้านึงถึงเจ้าเด็กหัวกลมๆ ตัวเล็กๆ ขาวๆ แก้วตากลมใส และปากสีชมพูเชอรี่นั้นหล่ะก็...ทุกคนคงจะคิดถึงความสดใสน่ารักสมวัยในแบบที่เด็กเค้าควรจะเป็นใช่มั้ยหล่ะ........ ใช่! ทุกคนสัมผัสได้ถึงมัน แต่สำหรับยูโตะแล้ว...

    สารพัดเรื่องราวมากมายที่เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในห้วงของความคิดนั้นช่างแตกต่าง! ทั้งเรื่องที่ตัวเองปั่นจักรยานล้มเป็นแผลเอง แต่กลับไปพ้องแม่เขาว่าเขาเป็นคนขี่มาชน ทั้งเรื่องที่ตัวเองอยากเล่นลูกแมวบนต้นไม้ เลยปีนขึ้นไปแล้วตกลงมา ก็กลับไปพ้องแม่ว่าเขาใจร้ายไม่ยอมช่วยลูกแมวที่กำลังเดือดร้อน เลยต้องเป็นหน้าที่ของยูริที่ต้องปีนขึ้นไปช่วยมัน ไหนจะเรื่องที่ไม่ได้ทำการบ้านเพราะลืม แต่กลับบอกแม่ว่าเพราะเค้าชวนเล่นเกมส์จนดึกดื่น สารพัดเรื่องราวที่จิเน็น ยูริ จะกุขึ้นมาให้ตัวเองรอด ส่วนเขา...โดนด่า ตลอด!! 





    ถ้าเลือกได้ดั่งในนิยาย "นากาจิม่า ยูโตะ" คนนี้ จะขออยู่ให้ห่างจาก "จิเน็น ยูริ" ทุกชาติไป...








    แต่เพราะชีวิตจริงไม่เหมือนดั่งในนิยาย....







    เช้าวันอาทิตย์ที่อากาศแลจะดูสดใสกว่าทุกวัน แต่ภายใต้จิตใจหนุ่มหล่ออย่างนากาจิม่า ยูโตะไม่ได้ไฉไลไปด้วยเลย ในเมื่อตอนนี้เค้ายืนอยู่ที่หน้าสถานีมานานกว่าสามชั่วโมง เหตุใดเจ้าเตี้ยแสนแสบที่แม่กำชับนักกำชับหนาให้เค้าตื่นมารอรับตั้งแต่ไก่ยังไม่เริ่มขันนั้น ยังไม่โผล่หน้ามาให้เค้าเห็นสักที หวังว่าเค้าคงจะไม่โดนเจ้าเด็กนั้นแกล้งตั้งแต่ยังไม่เจอหน้าค่าตากันหรอกน้ะ 


    "
    ให้ตายเถอะ ทำไมคนอย่างชั้นต้องมารอรับนายด้วยนะเจ้าเด็กบ้า"

    "ก็เพราะคุณป้าสั่งมาหน่ะสิ! ยืนบ่นเป็นลุงแก่ข้างถนนอยู่ได้" จิเน็น ยูริ ซาตานในคราบเด็กน้อยผู้ใสซื่อไร้เดียงสาของทุกคน กำลังยืนดูดนมกล่องรสช็อคโกแลตด้วยท่าทีสบายๆ มือขวาถือกล่องนมรสโปรด ในขณะที่มืออีกข้างก็มีโดนัทชิ้นโต อร่อยเค้าหล่ะ นี่ไม่ได้สนใจเลยใช่มั้ยว่าทำให้ใครเค้าต้องรอตัวเองนานขนาดไหน

    "นี่...ยูริ ไปอยู่ไหนมา พี่มารอนานมากแล้วน้ะ รถไฟก็มาถึงตั้งนานแล้วด้วย แอบไปเถลไถลมาหล่ะสิ" เจอหน้าเป็นต้องขอสั่งสอนเสียหน่อย เป็นเด็กเป็นเล็กมัวแต่เถลไถลให้ผู้ใหญ่รอนี่ใช้ได้ที่ไหนกัน

    "จะกลับบ้านได้ยัง"

    "ตอบให้มันตรงคำถามหน่อย"

    "นั่นสิ ถามว่าจะบ้านได้ยัง ตอบให้มันตรงคำถามด้วย"

    "นี่ ยูริ!! อย่ามายอกย้อนกับพี่น้ะ"

    "โอ้ย กลับบ้านได้แล้ว เราเหนื่อยจะคุยกับคนพูดไม่รู้เรื่องแล้ว"

    ยูโตะถึงกับหน้าชาแขนชาขาชาปากชา พูดอะไรไม่ออก ในเมื่อตอนนี้ยูริเดินดุ่มๆนำหน้าเค้าไปแล้ว นี่เค้าแพ้ตั้งแต่เกมส์แรกเลยรึไงกัน มาหาว่าเค้าพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ใช้ได้หรอ ใครกันแน่ที่พูดไม่รู้เรื่อง!! พระเจ้าครับชีวิตต่อจากนี้ของนากาจิม่า ยูโตะ ดูเหมือนจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอีกต่อไป ในเมื่อตอนนี้เสี้ยนหนามอย่าง จิเน็น ยูริ ได้ปรากฎกายต่อหน้าเค้าอีกครั้ง




    รถสปอร์ตคันหรูจอดเทียบหน้าบ้านในเวลาต่อมา เจ้าตัวเล็กที่นั่งหลับมาตลอดทางค่อยๆเปิดเปลือกตาบางขึ้น แก้วตาใสค่อยๆปรับโฟกัสรับภาพที่ปรากฎตรงหน้าทีละน้อย บ้านหลังใหญ่สีขาวสะอาดตา ปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวสะพรั่ง สวนหย่อมหน้าบ้านที่เค้ามักจะแอบมานั่งกินขนมบ่อยๆ ลานน้ำพุตรงมุมหนึ่งของสวนกับแปลงดอกไม้นานาพันธุ์ที่เจ้าของบ้านให้ความสัมพันธ์กับความงดงามของมันอย่างที่สุด ไม่ผิดแน่! ที่นี่คือบ้านนากาจิม่า ทันทีที่ตระหนักได้ว่าที่นี่คือที่ใด ร่างเล็กก็รีบกระโจนลงจากรถทันที


    "คุณป้าาาาาาาา" ร่างเล็กของลูกชายเพื่อนสนิทกระโดดเข้าหาผู้เป็นป้าอย่างแสนคิดถึง 

    "
    มาช้าจังลูก ป้ารอหนูตั้งนาน นึกว่าหลงกับพี่ยูโตะซะอีก" นางนากาจิม่าจับหลานตัวเล็กโยกไปมาเบาๆ 

    "ป่าวนะฮะ แค่พี่ยูโตะมาช้าเท่านั้นเอง" ทอดสายตาไปยังบุคคลที่ถูกพาดพิงเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมายิ้มหวานให้ผู้เป็นป้าอีกครั้ง "แต่ไม่เป็นไรฮะคุณป้า ยูริก็เดินเล่นแถวนั้นรอ สนุกดีฮะๆ คุณป้าอย่าดุพี่ยูโตะนะฮะ" ก้มหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยๆช้อนสายตาขึ้นมอง เจ้าตัวเล็กออดอ้อนสุดชีวิต มาไม้นี้กี่คนต่อกี่คนก็ต้องยอม ลูกอ้อนยูริเค้าหล่ะ!

    "ยูโตะ ทำแบบนี้ใช้ไม่ได้เลยนะ" ถึงหลานชายสุดที่รักจะพยายามขอไม่ให้ดุว่าลูกชายสักเพียงใด แต่ผู้เป็นแม่ก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิสักคำสองคำ ให้สมกับที่ทำให้หลานคนโปรดต้องรอเสียนาน

    "........." อึ้ง อึ้ง อึ้ง อึ้งสิครับ เจ้าเด็กนั่นมันออกลายอีกแล้ว นั่น! มันยังมีหน้าหันมายักคิ้วหลิ่วตา

    "คุณป้าฮะ ยูริหิวแล้ว" ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะได้กล่าวแก้ตัว ร่างเล็กข้างๆก็ชิ่งตัดบทไปเสียก่อน

    "
    อุ้ยตายๆ ป้าก้ลืมไป มาเหนื่อยๆ ป่ะๆ เข้าบ้านก่อนๆ ยูโตะพาน้องเอาของไปเก็บที่ห้องก่อน แล้วพาน้องลงมากินข้าวด้วย" นางนากาจิม่าสั่งทิ้งท้ายก่อนจะดันหลังทั้งลูกและหลายชายให้เดินเข้าบ้านไป โดยที่ตัวเธอนั้นเดินเลี่ยงไปทางหลังบ้านเพื่อจัดเตรียมอาหารสำหรับมือกลางวัน



    "
    นี่ จะรีบเดินไปไหนหน่ะ กลัวบ้านหายรึไง" เสียงเล็กโวยวายตามประสา 'คนที่เดินไม่ทัน'

    "พี่ก็เดินปกติน้ะ เรานั่นแหล่ะขาสั้น" ยูโตะหยิบยกเอาปมด้อยของร่างเล็กที่เดินตามมาข้างหลังขึ้นมาพาดพิง อย่างน้อยถ้าเป็นเรื่องความสูงยังไงเค้าก็ชนะใสๆ

    "นี่!! ว่าเราเตี้ยหรอ เราไม่ได้เตี้ยน้ะ แค่ตัวเล็กกว่าคนอื่นเท่านั้นแหล่ะ ตัวเองนั่นแหล่ะสูงเกินมนุษย์ ชริ" เปะปากเล็กน้อยพอเป็นพิธี ยูโตะได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของร่างเล็กข้างหลัง คงจะมีแค่เรื่องนี้หล่ะมั้งที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีต่อกี่ปี เค้าก็สามารถเอามันมาทำให้คนที่เดินตามมาข้างหลังโมโหขึ้นมาได้ ยกนี้เค้าชนะ!




    กาลเวลาล่วงเลยมาถึงสองอาทิตย์ จากนี้ไปจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาของการเปิดภาคการศึกษา เหล่านักเรียนมัธยมที่กำลังจะมีชีวิตที่โตขึ้นอีกขั้น อีกขั้นของการก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ จุดเปลี่ยนจากคำว่านักเรียนมาเป็นนักศึกษา จุดเริ่มต้นของเส้นทางชีวิตที่ตัวเองได้ขีดเอาไว้ ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยจะเป็นเช่นไร ร่างเล็กในชุดนักศึกษาอย่างยูริยังอดที่จะจินตนาการตื่นเต้นไปต่างๆนาๆไม่ได้เลย 


    รถสปอร์ตสีดำคันหรูเลี้ยวผ่านหน้ามหาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว นักศึกษาหนุ่มชั้นปีสุดท้าย ดีกรีนักเรียนดีเด่น ว่าที่นักศึกษาทุนวิจัยป.โทอย่างนากาจิม่า ยูโตะ ค่อยๆขับมาจอดหน้าคณะอักษรศาสตร์อย่างช้าๆ เพื่อส่งใครบางคนที่แลดูจะตื่นเต้นกับความโอ่อ่าอลังการของมหาลัยแห่งนี้ไม่น้อย สังเกตุได้จากลูกตากลมโตที่จดจ้องไปยังจุดต่างๆภายในรั้วมหาลัยอย่างตื่นเต้นพอๆกับที่ริมฝีปากบางรูปกระจับที่แย้มยิ้มอย่างพึงพอใจ 


    "
    ยูริ เลิกเรียนแล้วมารอพี่ที่คณะนะ" ยูโตะหันมากำชับร่างเล็กที่นั่งมาข้างๆอีกครั้ง

    "ทำไมต้องรอ"

    "ก็จะได้กลับบ้านพร้อมกันไง หรือยูริจะเดินกลับเอง"

    "เราจะกลับเอง มากับนายมีแต่คนมอง เราไม่กลับด้วยหรอก" จริงอย่างที่ร่างเล็กว่า ยูโตะไม่ใช่แค่นักศึกษาดีเด่น แต่ยูโตะคือเทพบุตรที่ใครหลายๆคนหมายปอง ทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษาและฐานะทางการเงิน ยูโตะมีพร้อมในทุกๆด้าน ไม่แปลกหากจะเป็นจุดสนใจของใครต่อใครยามเมื่อปรากฎกายที่ไหน

    "ไม่เห็นจะเกี่ยวกัน แล้วอีกอย่าง...พี่เป็นพี่เรานะยูริ พูดจาให้มันเพราะๆหน่อย เรียกพี่ยูโตะไม่ใช่เรียกนาย แล้วก็ห้ามแทนตัวเองว่าเรากับพี่ด้วย พี่ไม่ชอบ"

    "แต่เราชอบ!!" 

    "
    ยูริ!!"

    "แบร่" แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผู้ที่เพิ่งป่าวประกาศว่าเป็นพี่ แล้วเปิดประตูรถวิ่งหนีออกไปทันที ทิ้งไว้เพียงพี่ชายที่ได้แต่ข่มเขี้ยวเคี้ยวฟันไว้ภายในรถแต่เพียงลำพัง




    "เฮ้ยยูโตะ เด็กใหม่หรอว้ะ เดี๋ยวนี้งาบเด็กนะมึง" เพื่อนร่วมคณะดีกรีคาสโนว่าเหรียญทอง 'ทาคากิ ยูยะ' เอ่อทักเสียงใส หลังจากได้ยินข่าวสารมาจากวงใน

    "เด็กเหี้ยไร นั่นน้องกูเว้ย" ยูโตะรีบแก้ข่าวทันที จะให้เคัางาบเด็กแสบอย่างยูริหน่ะหรอ เค้ายอมใช้ชีวิตโสดไปจนวันตายยังจะดีซะกว่า ขอตายอย่างเดียวดาย ดีกว่าต้องมาตายทั้งเป็นเมื่อมียูริอยู่ข้างกาย

    "เห้ย มึงลูกคนเดียวไม่ใช่หรอวะ" 

    "ก็เออ แต่นั่นลูกเพื่อนแม่กู จะย้ายมาอยู่บ้านกูตั้งแต่นี้เป็นต้นไป"

    "อืมมมม น่ารักดี" 

    "อย่าแม้แต่จะคิด เห็นหน้าตาน่ารักแบบนั้น นิสัยนี่ไม่น่ารักเหมือนหน้าหรอกนะ กูขอเตือน" ยูโตะขอเอาประสบการณ์ที่ผ่านมาเกือบครึ่งชีวิตเป็นประกัน จิเน็น ยูริ ไม่น่ารักเหมือนที่ทุกคนคิด!!

    "มึงจะเก็บไว้กินคนเดียวก็บอกมาเหอะไอ้โตะ"

    "กินบ้าอะไร ประสาทกูจะแดก กูไม่เอาหรอกน้ะแบบนี้ กูขอบายหว่ะ" ตลอดสองอาทิตย์ที่อยู่ด้วยกันมา ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ ยูริไม่เคยทำตัวเป็นเด็กดีให้เค้าได้สัมผัสมันสักครั้ง!

    "ขนาดนั้นเลยหรอวะ" ยูยะชักเริ่มเขว ถ้าถึงขนาดที่ยูโตะมันขอบาย ชีวิตนี้บอกเลยว่าไม่ควรเอาไปเสี่ยง ถ้าเพื่อนพูดซะขนาดนี้ ขอบายมาแบบนี้ถ้ายังจะไม่เชื่อก็ควายเต็มที 

    "
    ช่างเหอะ ไปทำแลปเหอะ วันนี้กูต้องรีบกลับด้วย" คนผิวขาวรีบตัดบท พูดเรื่องนี้ทีไรคันยิบๆทุกที อาการเหมือนผื่นจะขึ้นยังไงชอบกล




    ตึกทรงสูงรูปทรงแปลกตาที่มักจะถูกกล่าวขาลจากรุ่นสู่รุ่นว่าเป็นสถานที่ที่ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรจะย่างกรายเข้ามา ไม่ใช่ว่าเพราะเป็นตึกอาถรรพ์หรือมีดวงจิตวิญญาณร้ายสิงอยู่ แต่ด้วยเพราะการออกแบบที่แปลกประหลาดบวกกับความสูงที่สูงที่สุดในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ตึกนี้จึงเป็นเหมือนเขาวงกต หากใครที่ไม่คุ้นเคยแล้วเข้ามาที่นี่หล่ะก็ เป็นต้องติดอยู่ในตึกแห่งนี้อย่างต่ำต้องหนึ่งถึงสองชั่วโมง

    แต่น่าแปลกที่เด็กปีหนึ่งต่างคณะอย่างยูริ สามารถเดินเข้าออกที่ตึกนี้ได้ตั้งแต่วันแรก โดยที่คำว่า "หลง" คืออะไร ยูริยังไม่เคยได้สัมผัสมัน! ยูรินายมันเด็กอัจฉริยะ!!!


    "กลับยัง" เสียงห้วนใสกล่าวทักร่างสูงที่ยังคงง่วนอยู่กับการจดข้อมูลผลการทดลองที่เพิ่งทำสำเร็จลงในสมุกบันทึก ช่วงนี้ยูโตะติดทำแลปที่คณะบ่อยๆ จนไม่สามารถไปรอรับร่างเล็กที่คณะตามที่นางนากาจิม่าได้สั่งไว้ เป็นผลทำให้ร่างเล็กต้องมาคอยร่างสูงที่ห้องแลปซะเอง

    "นี่ หูหนวกหรอไง ถามว่าจะกลับยัง" เจ้าของห้องยังคงนิ่ง ไร้การตอบสนองใดๆจนร่างเล็กชักจะขัดใจ

    "บอกให้พูดยังไง" มีเพียงน้ำเสียงเสียงเข้มเท่านั้นที่ดูเหมือนจะสนใจร่างเล็กผู้มาเยือนอยู่บ้าง เพราะตั้งแต่เข้ามาร่างสูงเจ้าของห้องยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากสมุดเล่มหนาสีน้ำเงินนั้นเลยแม้แต่นิด

    "โอ้ย เรื่องมากจริง" ไม่ต้องให้กล่าวย้ำยูริก็รู้ว่ายูโตะพูดเรื่องอะไร 'มารยาทที่ดีของการเป็นน้อง' ยูโตะพูดเรื่องนี้ตั้งแต่เค้าเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้อาศัยของบ้านนากาจิม่าแล้วนั่นแหล่ะ แต่มีหรือที่คนอย่างยูริจะเชื่อฟัง



    "เฮ้ยยูโตะ มีไซเลนเดอร์เหลือป่าวว้ะ ของกูมันแตกหว่ะ ต้องรีบใช้ด้วยดิ" ยูยะเปิดประตูพรวดเข้ามาด้วยความเร่งรีบ ท่าทางจะเร่งด่วนมากจริงๆ

    "ในตู้กระจกชั้นสอง ลองหาดู" ยูโตะยังคงง่วนอยู่กับการจดบันทึกข้อมูล เขาต้องรีบลงดาต้าให้เสร็จภายในวันนี้ วันพรีเซนต์ยิ่งใกล้วันเข้ามาเรื่อยๆ เขาจะมาเอื่อยเฉื่อยแบบเมื่อก่อนไม่ได้อีกแล้ว

    "อ้ะ นี่ใช่น้องที่มึงบอกว่าย้ายอยู่บ้านมึงรึป่าว" ถึงเท้าจะเดินไปที่ตู้กระจก แต่สายตากลับโฟกัสไปที่ร่างเล็กที่ยืนตาแป๋วอยู่ข้างๆโต๊ะทำงานตัวเล็ก

    "จิเน็น ยูริฮะ ยินดีที่ได้รู้จัก" ร่างเล็กกล่าวทักทายอย่างมีมารยาท เสียงเล็กๆเอื้อนเอ่ยถ้อยคำสุภาพเสียงหวาน พร้อมรอยยิ้มสดใสที่ส่งมาให้ด้วยความเคารพ

    "ทาคากิ ยูยะ เรียกพี่ยูยะก็ได้ น้องยูรินี่น่ารักจังเลยน้า" กล่าวชื่นชมด้วยความจริงใจ ร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้าเค้าราวกับนางฟ้าตัวน้อยๆ หน้าตาน่ารักสดใสสมวัย ไม่เห็นจะเหมือนดั่งที่เพื่อนรักได้กล่าวไว้เมื่อก่อนหน้านี้สักนิด พลันส่งสายตาอาฆาตแค้นไปให้เพื่อนร่างสูงที่อยู่ตรงข้าม

    "ขอบคุณฮะ พี่ยูยะ" ตอบรับอายๆ ยูริมักจะทำตัวน่ารักทุกคนเสมอ ยกเว้น....ยูโตะ ส่งผลให้ตอนนี้อารมณ์ของร่างสูงเจ้าของห้องเริ่มจะขึ้นสู่จุดเดือด(อีกครั้ง)

    "จะยืนคุยกันอีกนานมั้ย ไซเลนเดอร์หน่ะมึงจะไม่เอาแล้วใช่ป่ะ กูจะได้กลับบ้าน" สะบัดเสียงห้วนใส่เพื่อนรัก ทั้งๆที่ยังไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำว่าจะไปเหวี่ยงใส่เพื่อนรักด้วยเหตุผลอะไร.....เพราะยูริพูดดีด้วยงั้นหรอ?

    "เอาดิวะๆ มึงก็จะรีบไปไหน" 

    "
    ไปหาเอาละกัน อยู่ในตู้นั่นแหล่ะ ป่ะยูริ กลับบ้าน" พูดจบก็คว้ากระเป๋าและกุญแจรถคู่ใจเดินออกจากห้องไปทันที หมู่นี้เค้ามักจะโมโหง่ายบ่อยๆ ต้นเหตุก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เจ้าน้องชายตัวแสบที่แสนดีของทุกๆคนนั่นแหล่ะ 


    ยูริมักจะเป็นเด็กดีของทุกๆคนเสมอ บวกกับนิสัยส่วนตัวที่เป็นเด็กขี้อ้อน จึงไม่ยากเลยที่ยูริจะเป็นที่รักของทุกๆคนที่ได้รู้จัก นั่นไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำ แต่มันคือนิสัยโดยพื้นฐานของยูริตั้งแต่เด็ก ข้อนี้ตัวยูโตะเองก็รู้ดี แต่ที่เขายังสงสัยอยู่ในใจตลอดก็คือ เหตุใดยูริถึงได้ตั้งแง่งอนกับตัวเค้านัก ยูริในโหมดที่เค้ารู้จักกับที่ทุกคนรู้จักทำไมถึงช่างแตกต่างกัน

    ยูโตะก็แค่อยากให้ยูริทำตัวน่ารักแบบที่ทำกับคนอื่นใส่เค้าบ้าง เค้าก็แค่อยากมีน้องน่ารักๆสักคน ไม่ใช่น้องที่คอยแต่จะทำให้เค้าไมเกรนจะขึ้นทุกวันแบบนี้ หรือบางทีเค้าก็ควรจะอยู่ให้ห่างจากยูริ เพื่อที่จะไม่ต้องมาปวดหัวกับเรื่องไม่เป็นเรื่องพรรค์นี้อีก




    ตลอดทางกลับบ้าน ไม่มีแม้แต่การพูดคุยหรือจิกกัดอย่างที่ควรจะเป็น มีแค่เพียงเสียงแอร์และเสียงเงียบฉี่ของเครื่องยนตร์จากรถคันหรูเท่านั้น เกิดอะไรขึ้นกับพี่น้องคู่นี้กัน?


    คนนึงแค่ไม่อยากชวนทะเลาะ เพราะไม่อยากต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องที่เค้าก็ไม่รู้เหตุผลที่อีกคนกระทำ กับอีกคนที่ยังสงสัยในความเงียบที่เกิดจากอีกคน นี่เขาทำให้อีกคนโกรธอะไรรึป่าว หรือว่าเขาจะดื้อเกินไปอย่างที่อีกคนว่าจริงๆ


    "นี่ ลืมเอาปากกลับมาด้วยหรอ" จะเงียบแบบนี้ทำไม แบบนี้ยูริอึดอัดนะ!!

    ".........."

    "
    นี่ อย่าเงียบสิ" ขอร้องหล่ะพี่ยูโตะ แบบนี้ยูริทำตัวไม่ถูก

    "แล้วยูริจะให้พี่พูดอะไรหล่ะ" ร่างสูงข้างกายยังคงนิ่ง สายตานิ่งทอดมองไปยังถนนเบื้องหน้า จับจ้องราวกับกว่าถ้ากระพิบตาแม้เพียงนิด ถนนเส้นนี้จะหายไป


    ร่างเล็กถึงกับเงียบไป นั่นสินะ ยูริต้องการอะไรจากยูโตะกันหล่ะ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอไง ยูโตะที่ไม่บ่น ยูโตะที่ไม่สั่งให้เค้าพูดจาไพเราะอ่อนหวานใส่ ยูโตะที่ไม่คอยเจ้ากี้เจ้าการกับการกระทำของเค้า แบบนี้ไม่ใช่หรอที่ยูริต้องการ แต่แบบนี้มัน.....ขัดใจยูริชอบกล ยูริอึดอัดไม่เข้าใจรึไง!!


    "โกรธหรอ"

    "............."

    "
    โกรธยูริหรอ"

    ".............."

    "
    พี่ยูโตะ โกรธยูริหรอ"

    "............." อึ้ง! โหมดไหน! นี่ยูริมาโหมดไหน

    "เมื่อกี้ยูริเรียกพี่ว่าไงนะ" ร่างสูงถามย้ำอีกครั้งว่าสิ่งที่เค้าได้ยิน ไม่ใช่เพราะเค้าหูฝาดไป 

    "
    ก็...'พี่ยูโตะ' ทำไม ก็บอกให้เรียกก็เรียกแล้วไง อย่ามาทำหน้าแบบนี้นะ ถ้าจะไม่พูดกันก็ไม่ต้องพูด ไม่ง้อแล้ว ชริ" ยูริทิ้งตัวกระแทกกับเบาะรถทันทีที่พูดจบ กอดอกไม่พอใจ แถมด้วยพองลมใส่แก้มจนแก้มขาวพองออกดูน่ารัก จากคนที่เป็นฝ่ายเริ่มง้อกลับกายมาเป็นฝ่ายงอนซะเอง แล้วแบบนี้ยูโตะจะทำยังไงต่อไปหล่ะ? เขาต้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายง้อแทนงั้นสิ

    "ไม่ใช่ว่าพี่ไม่อยากพูด แต่พี่แค่ไม่อยากชวนทะเลาะด้วยอีก เราไม่เคยพูดกันดีๆเลยสักครั้งนะยูริ พี่ไปทำอะไรให้ยูริไม่พอใจงั้นหรอ ทำไมกับคนอื่นยูริถึงเป็นเด็กดี แต่กับพี่.....ยูริถึงได้ดื้อกับพี่ตลอด"

    "ไม่รู้สิ มันเป็นไปเอง"

    "ช่างเถอะ ถ้าเป็นแบบนี้แล้วยูริสบายใจ ก็ตามใจยูริเลย"


    เป็นอีกครั้งที่เกิดความเงียบอันแสนอึดอัดภายในรถคันนี้ ยูโตะไม่พูดอะไรอีกและยูริเองก็ไม่รู้....ว่าจะพูดอะไร ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความคิดของตัวเองเงียบๆเพียงลำพัง


    ตั้งแต่เด็กยันโต ยูโตะกับยูริมักจะถูกจับมาเล่นด้วยกันบ่อยๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าแม่ของเขาทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน จึงมักไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ว่าอายุของทั้งสองจะต่างกัน แต่ยูริก็ไม่เคยเรียกยูโตะว่า 'พี่เลยสักครั้ง เว้นเสียจากตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่เท่านั้น เรื่องนี้มีเพียงยูริและยูโตะเท่านั้นที่รู้


    ยามใดที่ยูริเอาแต่ใจ ถึงยูโตะจะมีบ่นไปบ้าง แต่สุดท้าย ยูโตะก็ตามใจยูริอยู่ดี
    ยามใดที่ยูริงอน ก็ยูโตะอีกนั่นแหล่ะที่เป็นฝ่ายง้อ
    ยามใดที่ยูริหาข้ออ้างล้านแปดมาอ้างให้ตัวเองพ้นผิด ก็ยูโตะอีกนั่นแหล่ะที่เป็นฝ่าย(จำยอม)รับผิดแทนให้


    เมื่อความคิดสะดุด ร่างเล็กจึงค่อยๆเบนสายตาไปยังร่างสูงที่ทำหน้าที่เป็นสารถีคอยไปรับไปส่งเค้าที่มหาลัยทุกวันอย่างไม่เกี่ยงงอน ยูโตะยอมให้ยูริทุกอย่างทั้งๆที่ยูริทั้งแสนดื้อและเอาแต่ใจ หรือบางที...ยูริอาจจะดื้อกับยูโตะมากเกินไปจริงๆ ต่อไปยูริจะ(พยายาม)เป็นเด็กดีให้ก็แล้วกัน! เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น ร่างเล็กเจ้าของฉายา 'เด็กแสบ' ของร่างสูงข้างๆก็ส่งค้อนวงเบ้อเริ่มไปให้คนที่กำลังถูกกล่าวถึงอยู่ในใจ จนคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรต้องหันมามองงงๆ







    ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องคู่นี้จะดำเนินไปในทางใด ติดตามได้ใน Love You My Naughty Boy พาร์ทหน้าค่า







    ปล. เป็นยังไงบ้าง เราเพิ่งลองแต่งเรื่องแรกเลย ปกติเคยแต่อ่าน ฮ่าๆๆๆๆ ยังไงก็ช่วยติชมให้ทีน้า เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×