ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Help me one more time | dylmas
Title : Help me one more
time
Pairing :
Thomas Sangster x Dylan O’brien
Rate : PG-13
Note :
Winter Project ที่น้องแจนชวนร่วม พี่ขอโทษจริงๆค่ะที่ปั่นโดไม่ได้
เลยปั่นฟิคมาแทน YvY
ดีแลน
โอไบรอันเป็นชายหนุ่มที่เพิ่งโสดได้เพียงสามสัปดาห์กว่าๆ
หลังจากที่เขาเจอแฟนของตัวเองนั่งกินข้าวอยู่กับผู้หญิงคนอื่นในคืนสิ้นปีและเป็นคืนวันครบรอบของพวกเขา
จากนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาตลอดสองปีก็จบลงตั้งแต่วินาทีนั้น
สองเท้าเดินย่ำหิมะที่หนาขึ้นมาเกือบหนึ่งนิ้วราวกับคนกวาดนึกขี้เกียจขึ้นมาอย่างนั้น
มือข้างหนึ่งถือแก้วมอคค่าร้อน ในขณะที่อีกข้างซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวใหญ่
เขาพ่นลมหายใจทิ้งอย่างหงุดหงิดยามที่โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสั่นครืดๆไม่ยอมหยุด
และไม่ว่าจะหยิบมาดูชื่อคนโทรเข้าอีกกี่รอบมันก็ยังคงเป็นชื่อเดิม
T.Pose
อยากโกรธตัวเองที่ต่อให้ลบชื่อนั้นออกไป
เขาก็ยังจำเบอร์อีกฝ่ายได้ขึ้นใจ เพราะงั้นมันดูไม่มีประโยชน์เลย
ถึงได้ทิ้งเอาไว้แบบนั้น
จริงที่ว่าดีแลนเป็นผู้ชายมองโลกแง่บวก
และอารมณ์ดีขนาดที่ว่าแทบจะนึกภาพตอนโมโหไม่ออก
นั่นแปลว่าถ้าเขาโมโหเมื่อไหร่ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกันอีก เขาอาจเป็นคนตลก
แต่ไม่ใช่ตัวตลกสำหรับผู้ชายเฮงซวยกับผู้หญิงคนนั้นแน่นอน
“พอเถอะน่าไทเลอร์” ชายหนุ่มยอมกดรับสายอย่างจำใจ เอ่ยแทรกก่อนที่ปลายสายจะทันได้พูดอะไรซักคำ
เขาไม่อยากฟัง ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนก็ตาม
เขาเบื่อที่จะฟังคำว่าขอโทษและคำบอกรักจอมปลอมที่ฟังแล้วคลื่นไส้
“ไม่เอาน่าดีล นายต้องฟังฉันนะ”
ดีแลนเบะปาก
พลางโคลงหัวไปมาราวกับจะล้อเลียนอีกฝ่ายแม้ว่าไทเลอร์จะไม่สามารถมองเห็นได้ก็ตาม
ถ้าซานตาคลอสมีอยู่จริงและไม่ถือว่ามันเลยวันเทศกาลมาเกือบเดือนแล้ว
ชายหนุ่มคงจะขอร้องให้ซานต้าที่รักพาไทเลอร์ โพซี่ออกไปจากชีวิตเขาที
“ผมฟังคุณเป็นรอบที่ร้อยแล้วมิสเตอร์โพซี่….”
กดเสียงลงด้วยพยายามข่มความหงุดหงิดและนึกรำคาญในใจ
ก่อนสายตาจะเหลือบเห็นผู้ชายผมสีบลอนด์ทองยืนจุดบุหรี่ด้วยความยากลำบากเพราะมืออีกข้างถือแก้วกาแฟร้านเดียวกับที่เขาถืออยู่
ดีแลนชะงักขาหยุดยืนมองอยู่ชั่วครู่ก่อนเดินตรงเข้าไปขณะเปลี่ยนท่าเป็นการใช้ไหล่หนีบโทรศัพท์มือถือไว้แทน
มือข้างที่ว่างคว้าไลท์เตอร์ในมืออีกฝ่ายมาช่วยจุดให้แทน
อีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
ก่อนจะยกยิ้มเล็กๆ พร้อมเอ่ย “ขอบคุณ”
ดีแลนยักไหล่เบาๆ
ก่อนเปลี่ยนมาใช้มือจับโทรศัพท์ไว้เช่นเก่า
“นั่นเสียงใครน่ะดีล!”
ดีแลนถอนหายใจจนขึ้นเป็นควันสีขาว
เกือบจะตอบอีกฝ่ายไปว่าไม่มีอะไร
แต่แล้วความคิดนึงก็แล่นเข้ามาในหัวพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก
“อืม… เสียงแฟนใหม่ฉันเอง”
พูดไปพลางจ้องหน้าอีกคนที่ยืนตรงข้าม
คนแปลกหน้าเลิกคิ้วมองกลับมาอย่างงุนงง “ถ้านายไม่เชื่อนายก็คุยกับเขาเองแล้วกัน”
ว่าแล้วก็ยื่นโทรศัพท์ในมือให้
กระพริบตาปริบๆเป็นเชิงอ้อนวอนที่ใช้กับใครก็ได้ผลเสียทุกครั้ง
ขยับปากพูดแบบไร้เสียงว่า ‘แฟนเก่า’ เป็นคำอธิบายสั้นๆที่เข้าใจได้ไม่ยาก
ชายหนุ่มผมบลอนด์หัวเราะเล็กน้อย พยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้า
ยื่นมือรับโทรศัพท์มาคุย ก่อนจะยื่นแก้วกาแฟให้อีกฝ่ายช่วยถือชั่วคราว
“เฮ้ เลิกยุ่งกับแฟนฉันได้แล้ว
เรากำลังเดทกันอยู่ ไม่มีเวลามานั่งฟังเสียงคร่ำครวญของพวกขี้แพ้หรอกนะ” สิ้นคำสุดท้ายเขาก็กดตัดสายทันที
ดีแลนหลุดหัวเราะเสียงดังลั่น
ก่อนจะเอ่ยคำเดียวกับที่อีกฝ่ายพูดกับเขาเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน
“ขอบคุณ”
“ถือว่าเจ๊ากัน”
แก้วกาแฟและโทรศัพท์มือถือถูกยื่นคืนกลับสู่มือเจ้าของ
พร้อมการยกมือบอกลาโดยไม่คิดจะทำความรู้จักซึ่งกันและกัน โธมัส แซงสเตอร์ยืนสูบบุหรี่พิงเสาไฟมองคนที่ดูเด็กกว่าเดินลับหายไปท่ามกลางฝูงคน
กลิ่นช็อกโกแลตอ่อนๆปะปนกับกลิ่นของกาแฟลอยขึ้นจากแก้วกระดาษในมือชวนให้สงสัยจนต้องยอมละจากบุหรี่ยกขึ้นจิบ
“หวาน…”
เบ้หน้าเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มขัน
ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายที่เดินไปไกลแล้วจะรู้สึกยังไงเวลาปลายลิ้นรับรสความขมจากเอสเพรสโซ่แทนที่จะหวานอย่างมอคค่า
“แหวะ… หวานชะมัด”
โธมัสพยายามหาร้อยแปดพันเก้าเหตุผลที่จะมาอธิบายถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของเขา
แม้แต่พนักงานยังทำสีหน้าแปลกใจเมื่อลูกค้าประจำเปลี่ยนจากการสั่งเอสเพรสโซ่มาเป็นมอคค่า
โธมัสไม่รู้เหตุผลอะไรทั้งสิ้น เขารู้เพียงแค่ว่าอากาศหนาวๆแบบนี้เขาต้องการกาแฟร้อนซักแก้วแทนการสูบบุหรี่
(ที่พยายามลดละเลิกอยู่)
และรสหวานของช็อกโกแลตที่ติดอยู่ปลายลิ้นในวันนั้นมันก็แทรกเข้ามา
มันก็แค่นั้นแหละน่า
“หวานก็อย่ากินสิวะ” โธมัสมองเพื่อนชาวต่างชาติอย่างกีฮงด้วยความขัดเคือง
“เสือก”
“เอ้า ไอ้เวรนี่”
เขารีบก้าวขายาวๆ
ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่าย
เพราะไม่งั้นอะไรบางอย่างที่เขาพยายามมองข้ามตลอดหลายวันมานี้มันอาจจะเปิดเผยออกมา…
อาจเป็นเรื่องที่ว่าไม่ว่าจะสั่งมอคค่ามากี่แก้ว
มันก็ไม่ได้หอมหวานเหมือนแก้วนั้น
หรืออาจเป็นเรื่องที่ว่าเขาคิดถึ—
“เลิกตามฉันได้แล้ว!!”
“นายให้โอกาสฉันได้พิสูจน์ตัวเองเถอะนะดีล”
เสียงทะเลาะที่ดังขึ้นมาในที่สาธารณะเป็นอะไรที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้ไม่ยาก
ไม่เว้นแม้แต่กับโธมัสที่เผลอมองตามอย่างช่วยไม่ได้
เขาขมวดคิ้วมองชายหนุ่มสองคนยืนเถียงกันตรงอีกฟากของถนน แผ่นหลังนั่นคุ้นตาเหมือนกับว่าเขาเพิ่งจ้องมองมันเมื่อไม่นานมานี้
และเพียงแค่เสี้ยวหน้านั้นหันมา
โธมัสก็รีบข้ามถนนในช่วงที่สัญญาณไฟเกือบจะเปลี่ยนพอดี
ทำให้กีฮงไม่สามารถจะวิ่งตามไปได้ ทำได้แค่ตะโกนตามไล่หลัง
“เฮ้ย นั่นแกจะไปไหนน่ะ
ไอ้คุณโธมัส!!!”
ทุกย่างก้าวที่เดินทำให้ใจเขาเต้นระรัว
ระยะทางสั้นลงจนเขามาหยุดอยู่ด้านหลังอีกฝ่าย
คนที่เคยเป็นแฟนเขาอยู่ประมาณสิบวินาทีทั้งที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ ฟังดูน่าขำ
และโธมัสก็ขำออกมาจริงๆ ในขณะที่วาดแขนโอบไหล่อีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ
“นี่น่ะหรอไอ้หนูขี้แพ้ที่โทรมาวันนั้น”
ดีแลนสะดุ้งเล็กน้อย
ก่อนหันมามองคนมาใหม่ที่ก้มหน้าลงมาเสียจนชิด
ระยะห่างระหว่างปลายจมูกกับผิวแก้มดูยังไงก็ไม่น่าเกินห้าเซนติเมตร
แปลกที่ใกล้ขนาดนั้นดีแลนกลับจำได้ทันทีว่าเป็นใคร
“อยากให้ช่วยอีกมั้ย”
หรืออาจเป็นเพราะน้ำเสียงที่กระซิบอยู่ข้างหูไม่ก็กลิ่นบุหรี่อ่อนๆที่ปนกับกลิ่นน้ำหอม
“อ…อื้ม”
คนอายุน้อยกว่าเบี่ยงหน้ากลับมาทางเดิม
“ต้องให้ฉันเตือนนายอีกซักครั้งมั้ยว่าพวกเราไม่มีเวลามานั่งฟังนายคร่ำครวญหรอกนะ”
โธมัสจ้องมองไปยังชายหนุ่มอีกคนด้วยความรู้สึกเหนือกว่า
“อากาศหนาวแบบนี้เราต้องการเวลาส่วนตัวสร้างความอบอุ่นให้กัน”
คำพูดชวนส่อให้คิดลึกทำให้แก้มของดีแลนขึ้นสีแดงตัดกับเกล็ดหิมะที่โปรยลงมา
แต่ไม่ทันได้ต่อว่าด้วยความเขินอายอีกฝ่ายก็เอ่ยปากพูดต่อ
“ถ้านายไม่ว่าอะไร
ฉันก็ขอตัวแฟนฉันคืนแล้วกันนะ” ก่อนดึงแขนดีแลนให้เดินตามออกมา ไทเลอร์ได้แต่ยืนกำหมัดแน่นอย่างแค้นใจแต่ไม่สามารถทำอะไรได้
ดีแลนหันหลังกลับไปมอง
เมื่อเห็นว่าไทเลอร์ไม่ได้เดินตามมาอีกแล้วจึงหยุดเดิน
โดยมีโธมัสหันกลับมามองตามด้วยความสงสัย
“คือ… หมอนั่นคงไม่ตามมาแล้วแหละ”
“อ่า… นั่นสินะ”
“อืม ยังไงก็ขอบคุณอีกทีนะ”
โธมัสปล่อยมือจากอีกฝ่าย
เลื่อนมาลูบท้ายทอยตัวเองแทน
มองแก้มที่ยังแต้มสีแดงของคนตัวเล็กกว่าแล้วถึงสังเกตเห็นแก้วกาแฟในมือที่ไม่ต่างไปจากของเขา
“มอคค่ามันหวานไปสำหรับฉัน…
คงเหมาะกับนายมากกว่า” ไม่รู้ทำไมถึงเลือกพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
แต่เขาก็ยกแก้วในมือโคลงเล็กน้อยขณะจ้องมองมัน
“นั่นนายสั่งมอคค่ามาหรอ”
“ก็…ประมาณนั้น”
เป็นดีแลนเสียเองที่หลุดหัวเราะเสียงดังมาอีกครั้ง
โดยที่โธมัสไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำมันตลกตรงไหน
แต่ความสงสัยไม่ต้องเก็บงำไว้นานเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนเฉลยให้เสร็จสรรพ
หลังจากแย่งแก้วในมือเขาไปแล้วยัดแก้วของตัวเองคืนกลับมา
สองมือกุมแก้วกาแฟไว้เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น
“ถ้างั้นฉันก็ว่าเอสเพรสโซ่มันเหมาะกับนายมากกว่า
ถ้านายไม่ถือว่าฉันจิบไปนิดหน่อยน่ะนะ”
รอยยิ้มค่อยๆ
วาดขึ้นบนใบหน้าของทั้งสองฝ่าย ก่อนดีแลนจะเป็นฝ่ายหลบสายตาเสียเอง
ความเงียบทิ้งตัวไม่นานพอให้เกิดความอึดอัดใจ
เมื่อโธมัสตัดสินใจเป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นมา
“เอ่อ… เฮ้
ตะกี๊ฉันช่วยนายแล้ว คงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยถ้าฉันจะขอให้นายช่วยบ้างอีกซักครั้ง”
“หืม เอาสิ ถือว่าเจ๊ากัน” คำพูดเดิมที่เปลี่ยนคนพูดราวกับจะบอกว่าบทสนทนาสั้นๆนั้นเขายังจดจำมันได้ดี
เสียงหัวเราะเล็กๆที่ฟังดูแล้วทั้งสดใสและอบอุ่นราวกับฤดูร้อนท่ามกลางความหนาวเย็นในฤดูหนาว
และโธมัสเอง…
“งั้นช่วยทำให้ฉันรู้จักนายมากกว่านี้ได้รึเปล่า”
ก็อยากได้รับความอบอุ่นนั้นไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของเขา
“ฉันดีแลน โอไบรอัน อืม… นายก็น่าจะเห็นแล้วว่าฉันโสดอยู่” รอยยิ้มนั่นราวกับจะยั่วเย้า
และเขาก็ชอบมันเสียเหลือเกิน
“ไม่…นายมีแฟนแล้ว”
“…”
“โธมัส แซงสเตอร์
ยืนอยู่ตรงหน้านายนี่ไง”
END
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น