คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Three times Minho was upset | thominho
Title : Three times Minho was upset when he saw Thomas and Newt, and one time he found a reason
Pairing : Minho/Thomas
Fandom : The Maze Runner
Rate : PG
Note : ศัพท์แสลงของชาวทุ่งบางคำเราก็ยึดตามในหนังและบางคำก็ยึดตามหนังสือนะคะ และแม้ว่าเราจะไปดูมาถึงสองรอบด้วยแรงติ่งมหาศาลแล้ว ก็ขอสารภาพว่าไม่สามารถจำรายละเอียดได้หมด ก็ขออนุญาตแถๆ เนียนๆ ผสมกับการอิงบางเหตุการณ์จากหนังสือไปค่ะ Y v Y
1.
มุกตลกฝืดของเบนไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากมินโฮได้แม้เศษเสี้ยว เสียงโห่ร้องรอบกองไฟก็ไม่อาจหยุดสายตาเขาได้เช่นกัน เด็กหนุ่มชาวเอเชียได้แต่ยืนกอดอกจับจ้องไปยังน้องใหม่ที่นั่งพิงท่อนไม้ใหญ่อยู่คนเดียว แม้จะมองจากด้านหลังเขาก็สัมผัสได้ถึงความสับสน ความกังวล หรือความรู้สึกอะไรก็ตามแต่ที่ทุกคนที่นี่เคยผ่านมาแล้วทั้งสิ้น
มันเป็นเรื่องปกติของทุกเดือนที่จะมีคนโผล่มาจากกล่องนั่นในวันเดิมและเวลาเดิม มันเป็นอย่างนั้นมาสามปีและจะเป็นแบบนั้นต่อไปไม่รู้จบ หรืออาจจนกว่าพวกเราจะสามารถหาทางออกจากวงกตเฮงซวยนั่นได้
โอเค... มันเป็นเรื่องปกติ
แต่ไม่ปกติก็ตรงที่อะไรบางอย่างในตัวหมอนั่นทำให้เขาละสายตาไม่ได้
ไม่เอาน่า นั่นก็แค่...น้องใหม่คนนึง ใช่ ก็แค่นั้น ก็แค่ไอ้หน้าปลวกที่มีความอยากรู้อยากเห็นไม่สิ้นสุดจนเกือบเอาชีวิตไปทิ้งไว้ในวงกตตั้งแต่วันแรกที่มาถึง เขาล่ะไม่อยากนึกเลยว่าถ้าแกลลี่ไม่วิ่งไปขวางเข้าจะเป็นยังไง ทุ่งของเราคงได้ประวัติศาสตร์จารึกว่ามีเพียกคนแรกที่ตายไปโดยเราไม่มีโอกาสได้ขีดฆ่าชื่อบนกำแพงด้วยซ้ำ เพราะหมอนั่นอยู่ไม่ทันได้สลักชื่อบนกำแพงไงล่ะ
คิดไปแล้วก็ได้แต่หัวเราะในลำคออยู่คนเดียว นั่นทำให้นักวิ่งรอบข้างมองเขาด้วยสายตาประหลาด แต่ใครจะไปสนกัน
มินโฮทำท่าจะเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่นั่งอยู่ตรงนั้น แต่ต้องชะงักขาไว้ก่อนทันได้ก้าวเมื่อมองเห็นใครบางคนเดินตัดหน้าเขาไปแล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างน้องใหม่
สองแขนยกขึ้นกอดอกเช่นเก่า ยืนมองดูคล้ายกับทำการสังเกตดูท่าทีของสองคนนั้น บทสนทนาที่ห่างออกไปไม่อาจลอยมาถึงตรงนี้ได้และนั่นทำให้มินโฮรู้สึกขัดใจอยู่เล็กน้อย เด็กหนุ่มผมทองเอ่ยปากชวนอีกฝ่ายคุยด้วยท่าทีเป็นมิตร ดูมันจะได้ผลเมื่อความประหม่าที่เคยเห็นได้ชัดในตัวหมอนั่นลดน้อยลงไป เสียงหัวเราะที่ฟังแล้วไม่สบอารมณ์ซักเท่าไหร่ดังเข้าหูมินโฮแผ่วๆ
โอเค นิวท์ก็แค่ทำตามหน้าที่ของตนเอง การเป็นถึงรองหัวหน้ากลุ่มนั่นแปลว่าต้องดูแลชาวทุ่งได้อย่างทั่วถึง และนิวท์ก็แค่กำลังดูแลน้องใหม่
มินโฮเบือนหน้าหนีไปทางอื่นทันทีเมื่อเห็นทั้งสองคนหันมามอง เขาทำราวกับตั้งใจฟังบทสนทนาของพวกเพียก แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในใจกำลังรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านมากแค่ไหน
อ้อใช่สิ เขาถึงขั้นหัวเสียเลยล่ะ
2.
เมื่อวานมินโฮพบศพของกรีฟเวอร์ในวงกต นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเช้าวันนี้เขาและอัลบี้จะเข้าไปในนั้นด้วยกัน มันเป็นเรื่องแปลก... เป็นอะไรที่พวกเราไม่เคยพบมาก่อนในระยะเวลาสามปีที่อยู่ที่นี่มา
เด็กหนุ่มกำลังยืนรออัลบี้เตรียมตัวให้พร้อม กวาดสายตามองรอบข้างอย่างไม่รู้จะวางโฟกัสไว้ตรงไหน ก่อนจะมองเห็นโธมัสนั่งอยู่ห่างไกลออกไปไม่มากนัก มุมปากเผลอยกขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ทันรู้ตัว ก่อนจะหุบฉับเมื่อเห็นผมสีทองโผล่พ้นต้นไม้ออกมา พนันร้อยเอาหนึ่งเลยว่าไอ้ปลวกนั่นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนิวท์ แม้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งมินโฮและนิวท์จะค่อนข้างสนิทกัน แต่ไม่รู้ทำไมช่วงนี้เขาถึงรู้สึกโมโหเวลาเห็นอีกฝ่ายนัก
มันไม่เข้าท่าเอาเสียเลย
สองคนนั้นดูคุยกันอย่างสนิทสนม (อย่างน้อยก็ในความคิดของเขา) ชวนนึกอยากคว้ามีดที่สะพายอยู่ด้านหลังปาเฉียดหัวทองๆ นั่นให้รู้แล้วรู้รอด และเขาคงได้ทำอย่างนั้นจริงๆ หากเสียงของอัลบี้ไม่ขัดเขาขึ้นมา
มินโฮถอนหายใจเฮือกใหญ่ท่ามกลางสายตาสงสัยของหัวหน้ากลุ่ม เขายกมือบอกปัดไปพร้อมสบถคำด่าที่มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นได้รับอนุญาตให้พูดเช่นนี้กับอัลบี้ได้ ก่อนที่จะออกตัวนำวิ่งไปทางประตูคอนกรีตขนาดใหญ่ เหลือบสายตามองกลับไปทางเดิมแล้วได้แต่คิดในใจว่าหากเจอกรีฟเวอร์ซักตัว เขาคงแทงไม่ยั้งโดยจินตนาการว่านั่นคือหน้าตาของนิวท์เลยล่ะ
3.
เฮงซวยเอ๊ย!
เขาควรจะรู้แต่แรกว่าการพบศพกรีฟเวอร์มันไม่ใช่แค่แปลก แต่มันเป็นไปไม่ได้ต่างหาก มันไม่ได้ตายอย่างที่เขาเข้าใจ มันแค่หยุดนิ่ง...ก่อนจะคลั่งเมื่อเขาและอัลบี้เข้าไปใกล้ โชคร้ายของอัลบี้ที่อยู่ผิดที่ผิดทางจึงถูกมันต่อยเข้าให้ ก่อนไอ้นรกนั่นจะหนีไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าร่างกายของมินโฮจะแข็งแรงเช่นไร แต่หากเทียบกับอัลบี้แล้วเขาก็ยังถือว่าตัวเล็กกว่า และเป็นเรื่องยากที่จะแบกผู้ชายวัยสิบเจ็ดร่างใหญ่เกินอายุแบบนี้ออกจากวงกตเพียงคนเดียว เขาสบถทุกย่างก้าวที่เดิน หยดเหงื่อไหลอาบแก้ม แต่เวลาที่มีนั้นไม่มากพอให้เขาสนใจเรื่องหยุมหยิมแบบนั้น
หากออกไปไม่ได้ก็มีแต่จะต้องตายอยู่ในนี้
มินโฮก้าวไปตามทางของวงกตที่จำได้จนขึ้นใจแม้ไม่ต้องดูแผนที่ พ้นหัวมุมนี้ไปก็เป็นทางออกแล้ว
...ใช่
แต่เขารู้ว่ามันไม่ทัน
ภาพของชาวทุ่งที่ปลายทางพร้อมเสียงตะโกนคล้ายกับจะเป็นกำลังใจให้ แต่จะมีประโยชน์อันใดหากเรี่ยวแรงที่มีนั้นหมดลงกลางคัน เขาล้มลงกับพื้นพร้อมกับร่างของอัลบี้ เสียงของกลไกประตูดังขึ้นก่อนมันจะค่อยๆ เคลื่อนเข้าหากัน
ช่วงเวลานั้นเขาสบตากับโธมัสเพียงเสี้ยววินาที
นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นบ่งบอกความรู้สึกออกมาจนหมดสิ้น... ทั้งความปรารถนาที่จะเข้ามาช่วยพวกเขา และความลังเลที่จะฝ่าฝืนกฎเหล็กของทุ่ง
ไม่... อย่าเข้ามา
ก่อนประตูจะเคลื่อนเข้าหากันจนปิดสนิท ร่างผอมบางนั่นก็พุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว และแม้ว่านิวท์จะยืนอยู่เพียงด้านหลังของโธมัสเท่านั้น ก็ไม่อาจคว้าร่างอีกฝ่ายได้ทัน
นั่นเป็นอีกครั้งที่มินโฮทั้งโกรธและโมโหเมื่อมองเห็นนิวท์
ว่าเพราะอะไรกันถึงไม่สามารถรั้งเจ้าน้องใหม่สมองเผละนี่ไว้ได้
4.
“โธมัส!!!!” เขาแหกปากตะโกนจนสุดเสียง เมื่อร่างของอีกฝ่ายยังหยุดนิ่งอยู่ที่เดิมทั้งที่มีกรีฟเวอร์ไล่กวดมาไม่ห่าง มันอยู่ตรงนั้นแล้ว... แค่สุดสายตาเขาเท่านั้น
ความกังวลท่วมท้นในใจ เขานึกอยากวิ่งเข้าไปคว้าแขนเจ้าเด็กสิ้นคิดนั่นซะเดี๋ยวนี้ แต่ขาทั้งสองกลับก้าวไม่ออก นึกเกลียดตัวเองนักที่ยังหลงเหลือความรักตัวกลัวตายไว้เกินกว่าความเป็นห่วงที่มีต่ออีกฝ่าย เหมือนกับไม่กี่นาทีก่อนหน้าที่เขาทิ้งอีกฝ่ายไว้ แล้วสติแตกวิ่งหนีไป หากแต่สุดท้ายก็ไม่อาจลบความกังวลนั้นได้ถึงได้วิ่งกลับมาหาอีกครั้ง
เสียงดังครืนจากข้างบนเรียกให้สายตามองขึ้นไป กำแพงกำลังจะถล่มลงมา
หรือว่าหมอนั่นคิดจะ...
“ไอ้หน้าปลวกเอ๊ย!”
กรีฟเวอร์ที่แสนน่าขยะแขยงโถมตัวเข้าหาร่างของชายหนุ่มโดยที่ขาเหล็กของมันก็ปัดป่ายไปตามกำแพง เร่งให้มันถล่มลงมาเร็วมากขึ้น โธมัสถีบตัวเองวิ่งอีกครั้งอย่างสุดกำลังก่อนที่เขาจะต้องโดนฝังไปพร้อมกับมัน ก่อนท่อนแขนจะโดนฝ่ามือใหญ่กว่าคว้าไว้แล้วดึงเข้าหาตัวจนล้มลงไปกองกับพื้นทั้งคู่
เสียงหอบหายใจเป็นเสียงเดียวที่หลงเหลืออยู่หลังจากที่กำแพงถล่มลงมา มินโฮมองขาเหล็กของสัตว์ประหลาดในวงกตโผล่พ้นมาจากซากกำแพงที่เคยตั้งเด่นสูง มือยังจับแขนของอีกฝ่ายไว้แน่น ในขณะที่แขนอีกข้างโอบประคองรอบเอว
ทันทีที่มินโฮตั้งสติได้ ริมฝีปากก็ขยับจะก่นด่าอีกคนให้หายโมโห แต่ทันทีที่เห็นใบหน้าที่เยาว์วัยกว่ายังขาวซีดราวกับไม่มีเลือดกับนัยน์ตาที่สั่นระริกด้วยความหวาดกลัว ทำให้เขาต้องชะงักค้าง
ไม่แปลกที่จะกลัวในเมื่อชีวิตเพิ่งรอดพ้นจากความตายมาหวุดหวิด เพราะหากไม่กลัว...ก็คงไม่ใช่มนุษย์
เมื่อครู่เขาเองก็กลัวเหมือนกัน...
กลัวที่จะต้องสูญเสียโธมัสไป
เสียงสะอื้นหลุดพ้นจากริมฝีปากคนตัวเล็กกว่าแทนที่เสียงหอบหายใจ หยดน้ำตาเอ่อล้นจากนัยน์ตาไหลอาบแก้มทั้งสอง มันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความโล่งใจ หลายความรู้สึกปนเปกันไปจนไม่อาจแยกได้ โธมัสซบใบหน้าลงกับไหล่แกร่ง ปล่อยโฮสุดเสียง ไม่สนใจซักนิดว่ามินโฮจะหาว่าเขาขี้แยหรือเปล่า ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
มินโฮพ่นลมหายใจทิ้ง ก่อนเลื่อนมือมาลูบหัวอีกฝ่ายแทน เชื่อเขาเลย... เด็กนี่เพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้แค่สามวันแต่กลับกล้าที่จะวิ่งมาช่วยเขาและอัลบี้ในวงกต ยืนหยัดที่จะสู้กับกรีฟเวอร์ทั้งที่เพิ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก แถมยังฆ่ามันทั้งที่ไม่เคยมีใครทำได้ แล้วตอนนี้กลับมาร้องไห้ราวกับตัวเองอายุเท่าชัคเสียอย่างนั้น
“นายนี่มัน...ไอ้ปลวกหน้าปลวกที่ปลวกที่สุดเลย”
คล้ายกับจะได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆ ที่ไหล่ของเขา
มินโฮคิดว่าเขาพอจะรู้เหตุผลบ้างแล้ว ที่เขาโมโหเวลาเห็นนิวท์อยู่กับอีกฝ่าย คุยกันอย่างสนิทสนม หรือแม้กระทั่งตอนที่เขาพาลโมโหเมื่อเห็นว่านิวท์ไม่สามารถคว้าแขนโธมัสไว้ได้ทัน
ในตอนแรกเขาสนใจเจ้าเด็กนี่...
ทั้งอยากเข้าหา ทั้งอยากมองหน้า รวมไปถึงความเป็นห่วง ความกังวลมากมายที่เห็นอีกฝ่ายขยันสร้างปัญหาอยู่เรื่อย
และบางที
มันอาจจะเลยคำว่าสนใจมานานแล้วก็ได้
“ชู่ววว... เงียบได้แล้ว” เสียงกระซิบดังใกล้กับใบหู ก่อนริมฝีปากเย็นชืดจะแนบลงที่ขมับ
เขาพบว่าสาเหตุทั้งหมดมันก็แค่เขาชอบโธมัสเท่านั้นเอง
สารภาพกันตามตรงว่าพีคคู่นี้มาก ตอนดูในหนังยังไม่เท่าไหร่ แต่ในหนังสือนี่สิ โฮรวววววว แทบจะฉีกกระดาษต้มกิน Y v Y
ถามว่าพีคแค่ไหน...ก็เอาเป็นว่าสอบมิดเทอมวันอาทิตย์นี้แล้ว แต่เราดันเอาเวลามาวาดแฟนอาร์ต แต่งฟิค และมีโปรเจ็กต์(?)จะออกโดคู่นี้หลังมิดเทอมด้วย555555
ความจริงเราชิปโธมินนิวท์ แต่แอบเอียงมาทางโธมินโฮมากกว่า อีกอย่างคือคนชิปนิวท์โธมัสค่อนข้างน้อย (ส่วนมากเจอโธมัสนิวท์) พอคนชิปน้อยเลยไม่มีไฟมาให้ขับเคลื่อนฟฟฟฟฟฟฟฟ พอดีดันเป็นพวกที่ว่าชอบใครจะจับให้อยู่ล่างหมด นี่ปลื้มดีแลนเป็นการส่วนตัวตั้งแต่Teen Wolfแล้ว orz
แอบเสียดายที่หนังตัดความก๊าวจากตัวหนังสือออกไปเยอะมาก ใครมีเวลาว่างอย่าลืมหาฉบับหนังสือมาอ่านกันนะคะ ก๊าวจริงอะไรจริง ;v;
September 30, 2014
ความคิดเห็น