ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โครงการลับของสหรัฐอเมริกา

    ลำดับตอนที่ #5 : โครงการลับออโรร่า

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 54


     

    โครงการลับออโรร่า   
    จนถึงปัจจุบันนี้ พื้นที่ 51 (Area51) ยังคงความเป็นเขตลึกลับที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดแต่ถึงกระนั้นก็มีคนจำนวนมากพยายามที่จะเสาะแสวงหาข้อมูลออกมาตีแผ่ต่อสาธารณชนว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังปกปิดอะไรไว้เบื้องหลังดินแดนต้องห้าม และหนึ่งในโครงการลับของรัฐบาลสหรัฐที่ทำการทดลอง ณ ที่แห่งนี้คือ "โครงการออโรร่า" (AURORA)

    ออโรร่าคืออะไร?
    ออโรร่า (AURORA) เป็นโครงการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับเครื่องบินรบล่องหนของกองทัพอากาศสหรัฐ ชื่อ"โครงการออโรร่า" เป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี ค.ศ. 1986 เมื่อกองทัพสหรัฐได้ยื่นเอกสารต่อสำนักงบประมาณเพื่อขออนุมัติเงินจำนวน 80 ล้านดอลลาร์มาใช้เริ่มต้นโครงการป้องกันภัยทางอากาศที่ใช้ชื่อว่า ออโรร่า และโครงการนี้เป็นโครงการต่อเนื่องที่ต้องใช้งบประมาณผูกพันไปถึงปี ค.ศ. 1987 เป็นเงินอีกราวสองพันล้านดอลลาร์

    เป็นที่เชื่อกันว่ากองทัพอากาศสหรัฐได้เปลี่ยนชื่อโครงการนี้เป็นชื่ออื่นแล้วหลังจากที่มีข่าวรั่วไหลออกสู่สาธารณชนหากแต่ว่าไม่มีใครทราบว่าชื่อใหม่ของโครงการนี้คืออะไรแน่ แต่ก็เดาว่าน่าจะชื่อ ซีเนียร์ ซิติเซน (SENIOR CITIZEN) แต่กระนั้นทุกคนก็ยังคงใช้ชื่อ ออโรร่า เรียกขานโครงการลึกลับนี้อยู่

    จริงอยู่ที่ในช่วงเวลานั้นกองทัพอากาศสหรัฐได้ผลิตเครื่องบินรบล่องหนที่มีความเร็วสูงอย่างเช่น เอสอาร์ 71 (SR-71 Blackbird) เพื่อปฏิบัติภารกิจในด้านการทำจารกรรม แต่โครงการนี้ได้ถูกยกเลิกไปในต้นปี ค.ศ. 1990 โดยทางกองทัพให้เหตุผลว่าได้นำดาวเทียมจารกรรมมาทำหน้าที่แทน เอสอาร์ 71 แล้ว ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้มาก

    และงบประมาณจากโครงการผลิตเครื่อง เอสอาร์ 71 ได้ถูกถ่ายโอนมายังโครงการออโรร่า ซึ่งก็ฟังดูสมเหตุสมผลดี ถ้าจะกล่าวว่าโครงการออโรร่า ก็คือการก้าวขั้นต่อไปของโครงการค้นคว้า วิจัยเครื่องบินรบล่องหน เนื่องจากว่า ชื่อรหัสที่ใช้ในโครงการผลิตเครื่องเอสอาร์ 71 คือ อ๊อกซ์คาร์ท (A-12 OXCART)


    อ๊อกซ์คาร์ท นั้นมีความหมายว่า เชื่องช้า ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป กองทัพอากาศเลือกใช้ชื่อนี้เพราะมันตรงกันข้ามกับสมรรถนะที่แท้จริงของเครื่องบิน เอสอาร์ 71 เพื่อทำให้พวกลูกคุณช่างสงสัยที่ชอบคุ้ย แคะ แกะ เกา เกิดไขว้เขวเวลาที่สืบหาความเป็นไปของโครงการลับนี้

    ในขณะที่โครงการออโรร่า นั้นก็มีชื่อรหัสเรียกว่า ซีเนียร์ ซิติเซน (SENIOR CITIZEN) หรือผู้สูงอายุ ซึ่งมีความหมายไม่ต่างไปจากโครงการอ๊อกซ์คาร์ท ดังนั้นจุดประสงค์ที่แท้จริงของการยกเลิกโครงการผลิตเครื่องบิน เอสอาร์ 71 ก็น่าจะเป็นเพราะพวกเขาก้าวมาอีกขั้นของการผลิตเครื่องบินความเร็วสูงที่เรียกกันว่า ไฮเปอร์โซนิค

    อะไรคือ "ไฮเปอร์โซนิค"

    ไฮเปอร์โซนิค (Hypersonic) คือ ระดับความเร็วที่เร็วกว่าความเร็วเสียงเกิน 5 เท่า หรือที่ระดับความเร็วเกินกว่ามัค 5 (Mach 5) หรือมากกว่า 3,300 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งความเร็วเสียงนั้นมีความเร็วในการเดินทางเท่ากับ 670 ไมล์ต่อชั่วโมง ส่วนเครื่องบินเอสอาร์ 71 บินด้วยความเร็วมัค 3.2 หรือประมาณ 2,100 ไมล์ต่อชั่วโมง

    ทำไมกองทัพอากาศสหรัฐต้องสร้างเครื่องบินที่มีความเร็วสูงระดับไฮเปอร์โซนิค? เหตุผลก็คือในราวปี ค.ศ. 1980 รัสเซียได้พัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลจากพื้นดินสู่อากาศ (Surface-to-air missile) หรือที่นิยมเรียกว่า แซม (SAM) มันเป็นขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า เอสเอ10 กรัมเบิ้ล (SA-10 Grumble)

    และ เอสเอ12 กลาดิเอเตอร์ (SA-12 Gladiator)

    เจ้าขีปนาวุธทั้ง 2 แบบนี้สามารถยิงเป้าที่บินอยู่บนท้องฟ้าที่ระดับความสูง 100,000 ฟุตได้อย่างสบายๆ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ปลอดภัยต่อเครื่องบินเอสอาร์ 71 ซึ่งมีเพดานบินอยุ่ที่ 85,000 ฟุต

    นักบินคนหนึ่งกล่าวว่าเจ้าเอสอาร์ 71 นี้ที่จริงสามารถไต่เพดานบินได้สูงถึง 125,000 ฟุตแต่มันจะ "สั่นสะเทือน" นิดหน่อย ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่พ้นรัศมีการยิงของขีปนาวุธรุ่นใหม่ของรัสเซียอยู่ดี

     
    และข้ออ้างที่ว่า กองทัพอากาศสหรัฐได้นำดาวเทียมจารกรรมมาปฏิบัติภารกิจแทนเครื่องบินเอสอาร์ 71 เพื่อลดค่าใช้จ่ายนั้นก็เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เพราะว่าค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องบินเอสอาร์ 71 นั้นตกราว 200-300 ล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการยิงดาวเทียมจารกรรมนั้นสูงถึง 4,000 ล้านดอลลลาร์

    ในขณะที่การใช้เครื่องบินเอสอาร์ 71 ทำการจารกรรมมีความคล่องตัวกว่าการใช้ดาวเทียมเป็นอย่างมากเพราะดาวเทียมนั้นลอยคงที่อยู่บนวงโคจรของโลก ซึ่งทุกคนทราบตำแหน่งของมัน เพราะฉนั้นการจะหลบเลี่ยงการตรวจจับของมันจึงสามารถทำได้

    ผิดกับการใช้เครื่องบินที่บินด้วยความเร็วสูง บุกเข้าไปในเขตแดนที่ต้องการทำจารกรรมโดยที่ศัตรูไม่ทันได้ตั้งตัวและไม่ทันได้เก็บซ่อนสิ่งที่พวกเขาต้องการปกปิดอีกทั้งกองทัพอากาศสหรัฐเคยกล่าวไว้ว่าพวกเขาเชื่อถือการปฏิบัติการที่มีนุษย์เป็นผู้ควบคุมมากกว่าการปฏิบัติการที่ใช้อุปกรณ์ที่ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยมนุษย์ เช่น ดาวเทียมและที่สำคัญไปกว่านั้น กองทัพอากาศสหรัฐสามารถสั่งให้เครื่องบินตรงไปยังเป้าหมายที่ต้องการได้ทุกเมื่อที่พวกเขาต้องการ

    อีกเหตุผลหนึ่งที่กองทัพอากาศสหรัฐไม่น่าจะใช้ดาวเทียมจารกรรมแทนการปฏิบัติการของเครื่องบินเอสอาร์ 71 ก็คือดาวเทียมจารกรรมนั้นไม่สามารถถ่ายภาพได้ทุกสภาพอากาศ ดาวเทียมจารกรรมส่วนใหญ่นั้นติดตั้งกล้องถ่ายภาพประเภทใช้แสงปรกติ หรืออย่างมากก็เพียงแค่กล้องที่กินแสงน้อยเท่านั้น ต่างกับการใช้เครื่องบินเอสอาร์ 71 ที่สามารถบรรทุกกล้องถ่ายภาพทุกสภาพอากาศได้

    ระเบิดกำแพงเสียง

    เช้าตรู่ของวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1992 ประชาชนที่อาศัยอยู่ทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อพวกเขาได้ยินเสียง "ระเบิดของกำแพงเสียง" (Sonic boom)

    เจ้าเสียงระเบิดนั้นก็ไม่ธรรมดาเพราะว่ามันดังขนาดเครื่องตรวจจับแผ่นดินไหวสามารถตรวจจับได้

    สำนักงานธรณีวิทยาของสหรัฐจึงได้ทำการตรวจสอบที่มาของเสียงก็พบว่ามันเกิดจากยานพาหนะไม่ปรากฏสัญชาติที่บินด้วยความเร็วระหว่างมัค 3 ถึงมัค 4 และแหล่งที่มาของเสียงนั้นอยู่บริเวณเหนือเมืองลอสแองเจลิสกับทะเลทรายโมจาวี และมุ่งหน้าตรงไปยัง ฐานทัพอากาศเนลลิส ในรัฐเนวาดา บริเวณทะเลสาบกรูมหรือArea 51 นั่นเอง

    ในที่สุดก็มีคนถ่ายภาพเหตุการณ์ประหลาดที่เรียกว่า "โดนัทบนเส้นเชือก" (Donuts-on-a-rope) ไว้ได้

    เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1992 ที่บริเวณเหนือ อมาริลโล ในรัฐเท็กซัส เจ้า "โดนัทบนเส้นเชือก" นี้คือภาพที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าเป็นกลุ่มควันที่ลากยาวเป็นสายคล้ายเส้นเชือก และมีกลุ่มควันขมวดเป็นวงกลมล้อมรอบเป็นช่วงๆ สาเหตุเกิดจากการบินด้วยเครื่องบินที่มีความเร็วสูงมากๆ

    แต่นั่นก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีพยานรู้เห็นเครื่องบินประหลาดที่เรียกกันว่า ออโรร่า เพราะเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1989 ขณะที่ คริส กิบสัน (Chris Gibson) วิศวกรสำรวจน้ำมันชาวสก็อต กำลังทำงานอยู่บนท่อส่งน้ำมัน เกลฟสตันคีย์ ในทะเลเหนือ เขาได้เหลือบมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเห็นเครื่องบินรูปสามเหลี่ยมที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน กำลังเติมน้ำมันกลางอากาศโดยเครื่องบิน เคซี 135 และมีเครื่องบิน เอฟ 111 เอส 2 ลำบินคุ้มกันอยู่ข้างๆ


    ดูเหมือนว่าเครื่องบินลำนั้นจะเป็นเครื่องบินต้นแบบของเครื่องบินรุ่นใหม่ที่จะมาแทนที่เครื่องบินเอสอาร์ 71 ซึ่งมาทำการทดสอบสมรรถนะ การที่ คริส สามารถระบุชื่อเครื่องบินต่างๆ ได้อย่างแม่นยำก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะ คริส เป็นสมาชิกของ องค์กรนักสังเกตการณ์แห่งสหราชอาณาจักร (British Royal Observer Corps) ซึ่งเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องบอกชื่อเครื่องบินที่เขาเห็นได้อยู่แล้ว แต่เจ้าเครื่องบินอีกลำที่มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมนั้นเขาไม่รู้ว่ามันเป็นเครื่องบินรุ่นไหน

    ใครสร้างเครื่องบินออโรร่า

    ถ้าหากออโรร่า เป็นเครื่องบินที่สร้างขึ้นมาแทนเครื่องบินรุ่นเอสอาร์ 71 จริงมันก็น่าจะสร้างโดยบริษัทล็อกฮีด สกังเวิร์ค (Lockheed's Skunk Works) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องเอสอาร์ 71 แต่จากการสัมภาษณ์ บี บูเชล (B. Buschel) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของล็อคฮีด เขากลับปฏิเสธว่ามันไม่ใช่เครื่องบินของล้อคฮีด

    บูเชล ให้ความเห็นว่าจากลักษณะของมันและดูข้อมูลอื่นๆ ประกอบ ออโรร่า น่าจะเป็นเครื่องบิน บี2 รุ่นใหม่ ที่มีชื่อว่า บี2เอ (B2A) ซึ่งผลิตโดย บริษัท นอร์ทรอพ กรัมแมน (Northrop Grumman) ต่างกันก็ตรงที่เครื่องบินลำนี้สร้างขึ้นสำหรับทำจารกรรมโดยเฉพาะ ดังนั้นมันจึงไม่มีการติดตั้งอาวุธบนเครื่อง และเน้นเครื่องยนต์ที่มีความเร็วสูง

    ความเร็วสูงที่ว่าก็คือ ความเร็วที่ระดับไฮเปอร์โซนิค หรือที่ระดับมัค 5 ขึ้นไป ซึ่งเมื่อมันบินได้เร็วขนาดนั้นมันก็ไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีล่องหนอีกต่อไป เพราะคงไม่มีขีปนาวุธแบบไหนที่สามารถยิงมันได้ นอกเสียจากว่าพวกเขาไม่ต้องการให้มีใครรู้ว่ามีเครื่องบินล่วงล้ำน่านฟ้าเข้ามา

    ออโรร่าสามารถบินได้ที่ความเร็วระดับมัค 5 ถึง มัค 8 และมีเพดานบินสูงถึง 150,000 ฟุต มันเป็นเครื่องบินล่องหนรุ่นที่ 5 ของโครงการแอสตร้า (ASTRA) ซึ่งย่อมาจาก Advanced Stealth Technology หรือเทคโนโลยีล่องหนขั้นสูง

    จาก
    http://www.bisbos.com/rocketscience/aircraft/black/aurora/aurora.html

    http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2009/01/X7434470/X7434470.html



    เทคโนโลยีล่องหนขั้นสูง

    บูเชลเชื่อว่า โครงการแอสตร้า นั้นเป็นชื่อที่แท้จริงของโครงการ ออโรร่า และออโรร่าก็ไม่ใช่ชื่อเครื่องบิน แต่เป็นชื่อของโครงการพัฒนาเครื่องบินล่องหนซึ่งเป็นโครงการลับที่กองทัพอากาศสหรัฐได้เริ่มทำขึ้นในช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 โดยมีเครื่องเอสอาร์ 71 เป็นเครื่องบินล่องหนรุ่นแรก และตามด้วยเครื่อง เอฟ 117

    ส่วนเครื่อง บี2 นั้นเป็นรุ่นที่ 3 สำหรับเครื่องบินล่องหนรุ่นที่ 4 ก็คือเครื่อง เอฟ 22 และปัจจุบันเครื่องบิน บี2เอ เป็นเครื่องบินล่องหนที่กำลังทดสอบอยู่

    เครื่องเอสอาร์ 71 นั้นถูกแขวนปีกไปแล้วเมื่อปี ค.ศ. 1990 ส่วนเครื่อง เอฟ 117 นั้นเป็นเครื่องบินขับไล่(ทิ้งระเบิด)ล่องหน (Stealth Fighter) แบบที่นั่งเดียว ได้รับการอนุมัติให้สร้างในปี ค.ศ. 1978 และสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1982 โดยล็อกฮีด ใช้งบประมาณในการสร้างราว 45 ล้านดอลลาร์

    เครื่อง บี2 นั้นเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน (stealth bomber) ที่สงสัยกันว่ามีการติดตั้งเครื่องต้านแรงโน้มถ่วงของโลก จึงทำให้มันมีราคาสูงกว่าสองพันล้านดอลลาร์ต่อลำ ส่วนเครื่อง เอฟ 22 นั้นสร้างโดยล็อกฮีด เป็นเครื่องบินขับไล่ติดอาวุธหนักที่ทำความเร็วได้ราวมัค 1.8

    แม้ว่าทุกคนจะเชื่อว่าโครงการออโรร่านั้นมีอยู่จริง แต่ก็ไม่มีใครสามารถระบุได้แน่ชัดว่ามันเป็นชื่อเครื่องบินล่องหนรุ่นใหม่หรือเป็นชื่อโครงการวิจัยพัฒนาเครื่องบินล่องหนทั้งโครงการ แต่ที่แน่ๆ ก็มีหลักฐานพอที่จะเชื่อได้ว่ากองทัพอากาศสหรัฐกำลังพัฒนาเครื่องบินล่องหนที่มีความเร็วระดับมัค 6 ปัญหาที่เป็นที่สงสัยก็คือพวกเขาใช้เครื่องยนต์แบบไหนในการขับเคลื่อน

    เครื่องยนต์จุดระเบิดเป็นจังหวะ

    จากการที่เครื่องบินที่บินเร็วระดับไฮเปอร์โซนิค ได้ทิ้งร่องรอยการบินเป็นทางยาวบนท้องฟ้าที่เรียกว่า "โดนัทบนเส้นเชือก"ทำให้พอจะคาดเดาได้ว่ามันน่าจะใช้เครื่องยนต์ชนิดจุดระเบิดเป็นจังหวะ (Pulse Detonation Wave Engine) หรือเรียกสั้นๆว่า พีดีวี (PDWE) ซึ่งถ้าจะว่ากันตามทฤษฏีแล้ว เครื่องยนต์ชนิดนี้สามารถทำความเร็วได้สูงถึงมัค 10 ทีเดียว

    พีดีวี ใช้มีเธนเหลว (Liquid Methane) หรือไม่ก็ไฮโดรเจนเหลว (Liquid Hydrogen) เป็นเชื้อเพลิงซึ่งมันถูกจุดระเบิดในห้องเครื่องที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ และเมื่อเครื่องบิน บินด้วยความเร็วที่เหนือเสียง ส่วนหัวของเครื่องบินจะดันอณูของอากาศออกไปด้านข้างรอบๆ ส่วนหัวของเครื่องบินทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เราเรียกว่า "ระเบิดของกำแพงเสียง"

    ทันทีที่เครื่องยนต์ พีดีวี ทำงาน เครื่องบินก็จะดันดำแพงเสียงไปข้างหน้า และการทำงานของเครื่องยนต์ พีดีวี เป็นระยะๆ นี้เองที่ทำให้เกิดหางลากเป็นทางยาว เมื่อมองจากพื้นดินก็จะดูเหมือน "โดนัทบนเส้นเชือก" แต่ดูเหมือนว่าเราจะมีข้อมูลเรื่องการทำงานของเครื่องยนต์ พีดีวี ค่อนข้างที่จะน้อย ผู้ที่อ้างว่าได้เห็นเครื่องบินรูปร่างประหลาดมักจะระบุตรงกันว่า เสียงเครื่องยนต์ของมันก็ดังไม่เหมือนใครเช่นกัน เพราะมันมีเสียงที่ต่ำมาก

    ออโรร่ามีปัญหา

    จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถบันทึกภาพเครื่องบินปริศนา ออโรร่า แบบเจ๋งๆ ได้สักคน ภาพเครื่องบินออโรร่า ที่เราได้เห็นกันก็มีแต่ภาพวาดตามจินตนาการของศิลปิน กับภาพถ่ายขาวดำที่มองไม่เห็นรายละเอียดของมัน ยิ่งมีข่าวลือว่าโครงการออโรร่าต้องพบกับอุปสรรคบางอย่างจนทำให้ต้องระงับโครงการชั่วคราว ยิ่งทำให้การที่จะได้เห็นการปรากฏตัวของมันยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ข่าวลือที่ว่านั้นฟังดูมีนำหนักเนื่องจากว่าเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1996 รัฐบาลสหรัฐได้อนุมัติงบประมาณขั้นต้นจำนวน 30 ล้านดอลลาร์ เพื่อปลุกผีเครื่องบินล่องหนเอสอาร์ 71 ขึ้นมาใหม่ แต่อะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้โครงการออโรร่าถูกระงับไปนั้นคงต้องรอให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ไม่สุขไปคุ้ยกันมาก่อน

    ที่มา :
    ณรงค์/ศิลป์ อิศเรศ แปล
    www.arunsawat.com
    http://en.wikipedia.org/wiki/Aurora_(aircraft)

    http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2009/01/X7434470/X7434470.html





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×