ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ความหวังสุดท้ายขององศ์จักรพรรดิ์
ความหวังสุดท้ายขององศ์จักรพรรดิ์
หลังจากที่จักรพรรด์สิ้นพระชนม์เจ้าเมืองทั่ง 4 ได้ทำลายเมืองหลวงโครเซอร์ลงหลังจากนั้นได้เกิดแสงจากของศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 12 ชิ้นและได้กลายเป็นลูกพลังแสงพุ่งออกจากของศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นแล้วได้กระจายหายไปในท้องฟ้า
หลังเกิดเหตุการณืนั้นเจ้าเมืองทั้ง 4 จึงตัดสินใจซ่อนของทั้ง 12 ชิ้นลงในเมืองหลวงที่พินาศไปแล้วและได้นำชิ้นสุดท้ายชิ้นที่ 13 ไปเก็บซ่อนไว้ในถ้ำที่ค้นเจอของศักดิสิทธิ์ทั้งหมดไม่มีใครผู้ใดรู้เรื่องเพราะเจ้าเมืองทั้ง 4 ลงมือกันเองโดยไม่บอกใครเมื่อซ่อนเสร็จก็กลับไปที่เมืองของตนและประกาศสิ้นสุดอาณาจักรโครแลนด์เดียรวมทั้งประกาศว่าต่อไปนี้เมืองทั้ง 4 จะกลายเป็นเมืองอิสระที่มีศูนย์กลางปกครองโดยโรงเรียนซึ่งเคยเป็นแผนการลับขององศ์จักรพรรดิ์ที่จะสร้างโรงเรียนเป็นศูนย์กลางปกครองเมือง โดยได้ดัดแปลงให้เมืองเฟรซาเรียลอยอยู่บนฟ้าและมีเมืองบางส่วนอยู่เบื้องล่าง เมืองโรซาเรียลอยอยู่บนน้ำมีเมืองบางส่วนอยู่ตรงฝั่งใกล้ๆ เมืองเบิรน์ชูไตร์อยู่กลางป่ามายามีเมืองบางส่วนอยู่หน้าทางเข้าป่ามายา เมืองลันแซ็คอยู่ท่ามกลางหุบเขาและภูเขามีเมืองบางส่วนอยู่ตามตีนเขา ซึ่งเมืองบางส่วนก่อนถึงโรงเรียนถูกเรียกว่าเมืองหน้าด่าน
.................................
“เอาละใครมีข้อสงสัยในเรื่องประวัติศาสตร์ของโรงเรียนทั้ง 4 ก็ถามได้นะ” อาจารย์ท่านหนึ่งได้พูดจบแล้วได้กวาดสายตามองจนเจอมือของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
“อาจารย์ครับแล้วใครจะเข้าไปส่วนโรงเรียนได้ยังไงละครับ” เด็กหนุ่มผู้ยกมือลุกขึ้นถามแล้วอาจารย์ก็เริ่มอธิบายว่า
“การที่จะเข้าไปได้นั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 วิธี นั้นคือ1.ให้คนในเมืองหน้าด่านนั้นไปส่งโดยใช้ยานพาหนะแต่ผู้คนที่เข้าไปจะถูกตรวจสอบและผนึกตราจำกัดวันอยู่ไว้ 2.ให้คนในโรงเรียนมารับจะอยู่ได้ตามที่ทางโรงเรียนกำหนด และ 3.ฝึกฝนเวทย์เบื้องต้นที่ใช้ในการเดินทางเข้าไป” เมื่ออาจารย์พูดจบคราวนี้เด็กสาวก็ยกมือขึ้นถามบ้าง
“อาจารย์คะถ้ามีเวทย์นั้นก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางโดยใช้วิธีอื่นเลยนี่คะ” อาจารย์ยิ้มเล็กน้อยก่อนแล้วพูดว่า “ใช่ถ้ามีเวทย์นั้นเราก็ไม่ต้องพึ่งวิธีอื่นแต่วิธีเรียนรู้นั้นถูกเก็บอยู่ในโรงเรียนซึ่งตอนรับสมัครนักเรียนใหม่จะให้คนที่ผ่านการทดสอบที่เมืองหน้าด่านแล้วข้ามมาเรียนเวทย์นี้ที่โรงเรียนซึ่งเวทย์นี้ใช้ได้แค่ในช่วงจากเมืองหน้าด่านจนถึงโรงเรียนเท่านั้นเพราะต้องอาศัยหินเวทมนต์ที่มีการร่ายเวทย์จากอาจารย์ใหญ่ในแต่ละรุ่นที่เก็บไว้ในโรงเรียนขยายเวทมนต์ให้ใช้งานได้ อีกอย่างนะถ้าเรียนเวทย์ที่ใช้ข้ามไปโรงเรียนจากแห่งหนึ่งแล้วจะไม่สามารถเรียนได้จากโรงเรียนอื่นจะเกิดปฎิกิริยาต่อต้านขณะเรียนและอาจจะโดนอาจารย์ในโรงเรียนอื่นคาดโทษและไล่กลับทันทีโดยจะคิดว่ามาบุกรุกโรงเรียน”
กิ้งก่องกิ้งก่อง เสียงหมดการเรียนประจำชั่วโมงได้ดังขึ้น “เอาละหมดชั่วโมงแล้ววันนี้พอแค่นี้”อาจารย์เดินออกมาจากห้องและพูดลอยๆว่า “การที่มีโรงเรียนเป็นศูนย์กลางการปกครองก็ดีจะได้ไม่ซ้ำรอยเมื่อ 200-300 ปีก่อน” คำพูดที่พูดออกมานั้นเป็นเพียงคำพูดลอยๆแต่ใครจะคิดว่ามันจะกลายเป็นลางบอกเหตุถึงการแตกแยกของโรงเรียนทั้ง 4 เพราะไม่มีใครรู้ว่าในเมืองหลวงที่หลับไหลกำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้อยู่
หลังจากที่จักรพรรด์สิ้นพระชนม์เจ้าเมืองทั่ง 4 ได้ทำลายเมืองหลวงโครเซอร์ลงหลังจากนั้นได้เกิดแสงจากของศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 12 ชิ้นและได้กลายเป็นลูกพลังแสงพุ่งออกจากของศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นแล้วได้กระจายหายไปในท้องฟ้า
หลังเกิดเหตุการณืนั้นเจ้าเมืองทั้ง 4 จึงตัดสินใจซ่อนของทั้ง 12 ชิ้นลงในเมืองหลวงที่พินาศไปแล้วและได้นำชิ้นสุดท้ายชิ้นที่ 13 ไปเก็บซ่อนไว้ในถ้ำที่ค้นเจอของศักดิสิทธิ์ทั้งหมดไม่มีใครผู้ใดรู้เรื่องเพราะเจ้าเมืองทั้ง 4 ลงมือกันเองโดยไม่บอกใครเมื่อซ่อนเสร็จก็กลับไปที่เมืองของตนและประกาศสิ้นสุดอาณาจักรโครแลนด์เดียรวมทั้งประกาศว่าต่อไปนี้เมืองทั้ง 4 จะกลายเป็นเมืองอิสระที่มีศูนย์กลางปกครองโดยโรงเรียนซึ่งเคยเป็นแผนการลับขององศ์จักรพรรดิ์ที่จะสร้างโรงเรียนเป็นศูนย์กลางปกครองเมือง โดยได้ดัดแปลงให้เมืองเฟรซาเรียลอยอยู่บนฟ้าและมีเมืองบางส่วนอยู่เบื้องล่าง เมืองโรซาเรียลอยอยู่บนน้ำมีเมืองบางส่วนอยู่ตรงฝั่งใกล้ๆ เมืองเบิรน์ชูไตร์อยู่กลางป่ามายามีเมืองบางส่วนอยู่หน้าทางเข้าป่ามายา เมืองลันแซ็คอยู่ท่ามกลางหุบเขาและภูเขามีเมืองบางส่วนอยู่ตามตีนเขา ซึ่งเมืองบางส่วนก่อนถึงโรงเรียนถูกเรียกว่าเมืองหน้าด่าน
.................................
“เอาละใครมีข้อสงสัยในเรื่องประวัติศาสตร์ของโรงเรียนทั้ง 4 ก็ถามได้นะ” อาจารย์ท่านหนึ่งได้พูดจบแล้วได้กวาดสายตามองจนเจอมือของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
“อาจารย์ครับแล้วใครจะเข้าไปส่วนโรงเรียนได้ยังไงละครับ” เด็กหนุ่มผู้ยกมือลุกขึ้นถามแล้วอาจารย์ก็เริ่มอธิบายว่า
“การที่จะเข้าไปได้นั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 วิธี นั้นคือ1.ให้คนในเมืองหน้าด่านนั้นไปส่งโดยใช้ยานพาหนะแต่ผู้คนที่เข้าไปจะถูกตรวจสอบและผนึกตราจำกัดวันอยู่ไว้ 2.ให้คนในโรงเรียนมารับจะอยู่ได้ตามที่ทางโรงเรียนกำหนด และ 3.ฝึกฝนเวทย์เบื้องต้นที่ใช้ในการเดินทางเข้าไป” เมื่ออาจารย์พูดจบคราวนี้เด็กสาวก็ยกมือขึ้นถามบ้าง
“อาจารย์คะถ้ามีเวทย์นั้นก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางโดยใช้วิธีอื่นเลยนี่คะ” อาจารย์ยิ้มเล็กน้อยก่อนแล้วพูดว่า “ใช่ถ้ามีเวทย์นั้นเราก็ไม่ต้องพึ่งวิธีอื่นแต่วิธีเรียนรู้นั้นถูกเก็บอยู่ในโรงเรียนซึ่งตอนรับสมัครนักเรียนใหม่จะให้คนที่ผ่านการทดสอบที่เมืองหน้าด่านแล้วข้ามมาเรียนเวทย์นี้ที่โรงเรียนซึ่งเวทย์นี้ใช้ได้แค่ในช่วงจากเมืองหน้าด่านจนถึงโรงเรียนเท่านั้นเพราะต้องอาศัยหินเวทมนต์ที่มีการร่ายเวทย์จากอาจารย์ใหญ่ในแต่ละรุ่นที่เก็บไว้ในโรงเรียนขยายเวทมนต์ให้ใช้งานได้ อีกอย่างนะถ้าเรียนเวทย์ที่ใช้ข้ามไปโรงเรียนจากแห่งหนึ่งแล้วจะไม่สามารถเรียนได้จากโรงเรียนอื่นจะเกิดปฎิกิริยาต่อต้านขณะเรียนและอาจจะโดนอาจารย์ในโรงเรียนอื่นคาดโทษและไล่กลับทันทีโดยจะคิดว่ามาบุกรุกโรงเรียน”
กิ้งก่องกิ้งก่อง เสียงหมดการเรียนประจำชั่วโมงได้ดังขึ้น “เอาละหมดชั่วโมงแล้ววันนี้พอแค่นี้”อาจารย์เดินออกมาจากห้องและพูดลอยๆว่า “การที่มีโรงเรียนเป็นศูนย์กลางการปกครองก็ดีจะได้ไม่ซ้ำรอยเมื่อ 200-300 ปีก่อน” คำพูดที่พูดออกมานั้นเป็นเพียงคำพูดลอยๆแต่ใครจะคิดว่ามันจะกลายเป็นลางบอกเหตุถึงการแตกแยกของโรงเรียนทั้ง 4 เพราะไม่มีใครรู้ว่าในเมืองหลวงที่หลับไหลกำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้อยู่
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น