คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ใคร?
5
ใคร ?
“คุณเป็นใคร”
มีมี่ถามทันทีที่ออกมาจากห้องแต่งตัว มิสเทอรี่เพียงแค่หันมามองและส่งยิ้มบางๆ ให้เจ้าหล่อน แค่เพียงเท่านั้นก็ทำเอามีมี่แทบทรุด คนอะไรน่ารักบาดใจเป็นบ้า...ชีวิตนี้ขอแต่งงานโดยใช้เจ้าบ่าวสองคนได้มั้ยเนี่ย
“มีมี่ ฉันซีไง จำไม่ได้เหรอ”
“ซี....กรี๊ด! ไม่จริง ซีเพื่อนฉันเป็นผู้หญิงนะ แล้วยัยบ้านั่นก็ไม่มีวันยอมหั่นผมตัวเองแบบนายแน่”
“เหอๆ ทุกคนที่โรงเรียนเรียกฉันว่าซีเครต เพราะมีคนแกล้งเอาหมากฝรั่งซีเครตมาแปะหัวฉัน แล้วจากนั้นแกก็ไปตบพวกมันให้ฉันเสร็จสรรพแถมยังประกาศอีกว่า ถ้าไม่อยากตาย อย่ามายุ่งกับฉันอีก พอตอนม.1 เทอม 2 แกก็ลากฉันไปดูการ์ตูนกับแกประจำ จนฉันกลายเป็นโอตาคุเหมือนแก แล้วเราก็มักจะทะเลาะกันเรื่องพระเอกการ์ตูนบ่อยๆ เรื่องโอนิซึกะบ้างแหละ โงกุนบ้างแหละ โอ๊ย...มากมาย วีรกรรมของเราเล่าสามวันสามคืนก็ไม่จบ ทีนี้เชื่อรึยังว่าฉันคือซี” มิสเทอรี่เล่าเรื่องทั้งหมดด้วยเสียงเล็กๆ หวานๆ ไม่ได้กดให้ฟังดูทุ้มต่ำเหมือนตอนที่อยู่ต่อหน้าพวกไคโตะ
“กรี๊ดดดด! ยัยซีเครตจริงๆ ด้วย คิดถึงแกมากมาย แต่ฉันติดต่อแกไม่ได้เลยอ่ะ”
มีมี่โยนข้าวของทิ้งก่อนจะกระโดดกอดร่างบางของเพื่อนสาว
“ก็ฉันย้ายตามพ่อมาอยู่ที่ญี่ปุ่นตั้งแต่สอบเสร็จ เลยไม่ได้ลาแกเลย คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าจะได้เจอแกอีก ว่าแต่แกเถอะ มาทำอะไรกับพวก KKT เนี่ย”
“เรื่องมันยาว ฮ่าๆ ช่างเถอะนะ แต่ทำไมแกถึงแต่งตัวเป็นผู้ชายอย่างนี้ล่ะ ไม่น่าเลยอ่ะ เสียดายความสวย”
“ฉันก็แต่งเป็นหญิงมาตลอดน่ะแหละ แต่เพิ่งมาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นชายก็ตอนเข้าวงการ แกเข้าใจคำว่าเจ้าชายที่พวกเขาตั้งให้ฉันใช่ไหม ฉันแหกหน้าพวกเขาไม่ได้หรอก ฉันไม่กล้า คิดดูสิว่าพวกเขาจะเสียใจแค่ไหนถ้าฉันทำร้ายความรู้สึกของเขาด้วยการบอกความจริง มีมี่ ฉันพูดไม่ได้”
มิสเทอรี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะก้มลงไปเก็บข้าวของที่มีมี่โยนทิ้งไว้
“แกพูดได้นะ แกบอกพวกเขาได้ว่าพวกเขาเข้าใจผิด”
“ไม่ได้หรอก ความลึกลับคือจุดขายของฉัน ฉันคือ เจ้าชายแห่งความลับของนักข่าวและผู้คนทั่วไป แกเข้าใจคำว่าเจ้าชายใช่มั้ย...เขามั่นใจว่าฉันเป็นผู้ชายมาโดยตลอด ถ้าเกิดพวกเขารู้ว่าฉันเป็นผู้หญิง พวกเขาจะเสียใจแค่ไหน แล้วทางต้นสังกัดก็คงจะเฉดหัวฉันออกจากวงการแน่ๆ เฮ้อ...แกคิดว่าถ้าฉันลาออกจากการเป็นนายแบบแล้ว ฉันจะไปทำอะไรได้วะ เป็นครูเหรอ...ก็ท่าทางจะเวิร์คอยู่”
มีมี่ได้แต่มองเพื่อนสาวด้วยความสงสาร ซีคงเครียดมากแน่ๆ ก็มีผู้หญิงคนไหนบ้างล่ะที่อยากให้คนอื่นเข้าใจว่าตัวเองเป็นผู้ชาย ถ้าเป็นเธอ เธอคงยอมไม่ได้
“มีมี่ แกจะช่วยฉันปิดเป็นความลับต่อไปได้มั้ย”
“ฉันไม่เห็นด้วยหรอกนะ แต่ถ้าแกอยากจะปิดต่อไป ฉันก็จะช่วย”
ทั้งคู่เดินคุยกันกะหนุงกะหนิงไปเก็บของที่รถของไคโตะแล้วจึงกลับมายังห้องแต่งตัวที่สามหนุ่มนั่งรออยู่ พวกเขาก็ยังคงสาละวนอยู่กับทรงผมไม่เลิกจนริซ่า ผู้จัดการส่วนตัวของมิสเทอรี่ต้องมาตามให้ไปถ่ายแบบ
มิสเทอรี่กับมีมี่นั่งรออยู่ข้างฉากเรียบร้อย พวกเธอทั้งคู่ต่างก็นั่งมองหน้ากันแล้วก็อมยิ้ม มิสเทอรี่หยิบขวดน้ำส่งให้มีมี่ก่อนจะเดินเข้ามาหาเคนตะ เธอโค้งตัวให้เขา แล้วจึงส่งยิ้มหวานละลายหัวใจ เคนตะแทบจะล้มพับ ไม่สามารถต้านทานรอยยิ้มแสนหวานของมิสเทอรี่ได้
“รบกวนด้วยนะ เคนตะซัง~”
พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินกลับไปหามีมี่ เคนตะหน้าแดงไปจนถึงใบหู จึงรีบหันไปหาเทปเป ชายร่างเล็กยืนค้อนตาเขียว ส่งสายตาห้ามปรามใส่ชายร่างสูง
จะมากไปแล้วไอ้เพื่อนคนนี้ มันชอบไม้ป่าเดียวกันรึเปล่าวะเนี่ย ต่อให้มิสเทอรี่จะน่ารักน่าหลงขนาดไหนแต่ยังไงนั่นก็ผู้ชายนะ
การถ่ายแบบดูเหมือนจะดำเนินไปอย่างราบลื่น แต่แผนการกำจัดมีมี่ของไคโตะกลับหยุดชะงัก เพราะหนุ่มปริศนาคนนั้นเพียงคนเดียวที่ทำให้ทุกอย่างพัง แผนการจิกหัวใช้เยี่ยงทาสต้องล้มไม่เป็นท่า คว้าน้ำเหลวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งเทปเปและเคนตะมองชายคนนั้นด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้มด้วยแล้วยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดไปใหญ่...
เขาไม่เถียงหรอกว่ามิสเทอรี่ไม่น่ารักน่าหลง ขนาดตัวเขาเองยังมองว่ามิสเทอรี่หล่อ น่ารัก น่าค้นหาเลย ไม่ว่าจะมองในมุมไหน เจ้าชายแห่งความลับก็ดูดีไปหมด เรียกได้ว่าหล่อทุกองศาเลยล่ะ ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงจะสวยน่าดู...แต่อย่างว่า ฉายาที่ผู้คนขนานนามให้ก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นผู้ชาย
“ในที่สุดทางนิตยสารเราก็ได้นายแบบชื่อดังอย่างมิสเทอรี่คุงมาขึ้นปกคู่กับวง KKT ให้ ต้องขอบคุณพวกคุณมากเลยนะคะที่ยอมสละเวลา”
“ครับ” สามหนุ่มผสานเสียง มีแต่เพียงมิสเทอรี่เท่านั้นที่ให้ความเงียบเป็นคำตอบ
“ขอสัมภาษณ์พวกคุณหน่อยได้มั้ยคะ จะรบกวนเวลารึเปล่าเอ่ย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถามได้เลย พวกเรายินดีตอบอยู่แล้ว”
เคนตะพูดตามประสาคนอารมณ์ดี เทปเปก็ยิ้มแฉ่ง ส่วนไคโตะก็ตีหน้านิ่งซ่อนอารมณ์ที่ขุ่นมัว มิสเทอรี่เองก็เช่นกัน เธอยังคงตีหน้านิ่งเรียบสนิท ไม่มีทีท่าแสดงถึงความวิตกกังวลในคำถามของคอลัมนิสน์คนนั้น
“เมื่อคืนวันคริสมาสต์ พวกคุณอยู่ที่ไหนกันคะ แล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง สนุกมั้ย”
“ที่สวนสาธารณะครับ พวกเราต้องไปแสดงคอนเสิร์ตที่นั่น สำหรับผม ผมว่ามันสนุกมากเลยล่ะ แม้จะเจอเรื่องปวดหัวตอนท้ายก็ตาม” เคนตะบอก
“ไม่ใช่เรื่องปวดหัวซะหน่อย มันเป็นเรื่องซวยโคตรๆ เลยต่างหาก” ไคโตะแย้ง ก่อนจะส่งสายตาจิกกัดไปที่มีมี่
“ไคคุงก็พูดเกินไป มีจังไม่ได้ทำอะไรให้ซะหน่อย อุ๊บ” เทปเปอุดปากตัวเองแทบไม่ทัน เผลอพูดเรื่องมีมี่ไปเสียแล้ว
“ถึงแม้ว่ามีมี่จะเป็นตัวซวยของใคร แต่เขาก็คือคนสำคัญของฉัน” มิสเทอรี่พูดพร้อมกับหันมาส่งยิ้มให้มีมี่ ทำให้ทุกสายตาต้องจับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว หนุ่มๆ สาวๆ ที่อยู่ในสตูดิโอแห่งนั้นแทบใจสลาย ไคโตะกำมือแน่น ความโมโหเข้าครอบงำไปทั่วจิตใจ ความเข้าใจผิดลุกลามไปไกลเกินกว่าจะกู่ให้กลับ
ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีมิสเทอรี่คุงผู้แสนน่ารักอยู่แล้ว แต่ยัยนี่ยังจะมาแย่งเคนตะของเขาไปอีก มันไม่น่าให้อภัยจริงๆ
“ผู้หญิงคนนั้นคือคนสำคัญของฉัน เราเพิ่งจะได้เจอกัน หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานมาก ต้องขอบคุณไคโตะซังจริงๆ ที่พามีมี่มาในวันนี้” มิสเทอรี่คลี่ยิ้มบางๆ ให้กับปีศาจน้ำแข็ง แม้แต่ปีศาจน้ำแข็งจอมเย็นชาอย่างเขาเองก็อดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้
“คนรู้จักสินะคะ เฮ้อ...เล่นเอาใจหายไปตามๆ กันเลย แล้วเมื่อคืนมิสคุงอยู่ที่ไหนเหรอ หวังว่ามันคงไม่เป็นความลับหรอกนะคะ”
“ฮ่าๆ อยู่ที่เดียวกันกับพวกเขาแหละ เมื่อคืนฉันก็ไปดูคอนเสิร์ตของพวกเขาเหมือนกัน”
“จริงเหรอครับ!” เคนตะดี๊ด๊า
“หึๆ ได้ยินมาว่าสามหนุ่มเขาชื่นชอบมิสเทอรี่คุงม๊ากมาก~ ตอนอยู่ในห้องแต่งตัวยังคุยกันอยู่เลยว่าถ้ามิสคุงเป็นผู้หญิงจะขอทำสงครามขายขนมจีบ แล้วอย่างนี้ ถ้าเทปเปกับเคนตะมาขายขนมจีบมิสคุงพร้อมกัน มิสคุงจะทำยังไงดีล่ะคะ”
คำถามของคอลัมนิสน์ทำเอาเทปเปและเคนตะอายหน้าแดง ส่วนมิสเทอรี่ก็มองหน้าทั้งสองคนสลับไปสลับมาก่อนจะส่งยิ้มแสนหวานให้พวกเขา
“ถ้าชอบฉันกันถึงขนาดนี้ แล้วฉันพูดอะไรออกไป พวกคุณคงเสียใจแย่ แต่ฉันเองก็เสียใจนะที่เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ เมื่อในใจของพวกคุณยังคงคิดว่าฉันเป็นผู้ชาย เรื่องความรักระหว่างเราก็ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก แน่นอนว่าเทปเปซังและเคนตะซังก็คงชอบผู้หญิงมากกว่าใช่มั้ย”
มิสเทอรี่พูดและถามออกไปตามที่ใจคิด เธอไม่ลืมที่จะพยายามกดเสียงตัวเองให้ฟังดูทุ้มต่ำในทุกๆ คำพูด มีมี่ที่นั่งฟังอยู่ถึงกับน้ำตาร่วง แววตาของมิสเทอรี่ที่หม่นลงทำให้เธอไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เธอสงสารเพื่อนจับใจ มันเกิดอะไรขึ้นนะ ถ้าเพียงแต่เธอจะฟังภาษาญี่ปุ่นออกบ้าง แค่เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
“แต่ก็ยังมีใครบางคนที่ชอบผู้ชายมากกว่านะ” ไคโตะพูดปลอบเมื่อเห็นแววตาอ่อนลงของมิสเทอรี่
“เทปเปเป็นเกย์เหรอ หรือว่าเคนตะซัง”
มิสเทอรี่ถามอย่างใสซื่อ เคนตะก็รับมุกเล่นเอาฮาไปทั้งสตูดิโอ ส่วนเทปเปก็นั่งหน้าเจื่อน อยู่ดีไม่ว่าดี โดนปรักปรำว่าเป็นเกย์ซะงั้น ซวยจริงๆ
“แหม...ตัวเอ๊ง! ถ้าเค้าเป็นเกย์แล้วตัวจะคบกับเค้ามั้ยล่ะฮ้า~”
“แล้วถ้าตัวเองเป็นเกย์แต่เค้าเป็นผู้หญิง ตัวเองจะคบกับเค้ามั้ยล่ะคะ” มิสเทอรี่ถามเสียงหวาน เธอไม่ได้กดเสียงต่ำเหมือนเช่นทุกครั้ง ทำเอาสามหนุ่มใจกระตุกไปเลยทีเดียว
อะไรกันเนี่ย!~ เจ้าชายแห่งความลับยังมีอะไรซ่อนไว้อีก...เจอกันครั้งแรกยังเลียนเสียงเป็นผู้หญิงได้หวานจับใจขนาดนี้ เจอกันคราวหน้าคงได้แต่หญิงโชว์แน่ๆ โอ๊ย!~ ตายแล้ว ถ้ามิสเทอรี่แต่งเป็นหญิง หัวใจสามหนุ่มคงจะตกเป็นของเธออย่างแน่นอน
“ตายแล้วๆ อย่างนี้สงสัยต้องเรียกว่าเจ้าหญิงแห่งปริศนาแทนแล้วล่ะค่ะ แต่แหม...วันนี้เจ้าชายแห่งความลับพูดเยอะกว่าทุกครั้งเลยนะคะ คงต้องให้ 3 หนุ่มพูดอะไรสักหน่อยแล้วล่ะค่ะ ว่าไงคะ 3 หนุ่ม มิสจังเนี่ย ควรเรียกเธอว่าเจ้าหญิงแห่งปริศนา รึว่าเจ้าชายแห่งความลับดีคะ”
“ฮ่าๆๆ ไม่รู้สิครับ จะเรียกยังไงมิสเทอรี่คุงก็ยังคงเป็นมิสเทอรี่คุงอยู่ดีนี่ครับ แต่ผมว่านะ ผมอยากเรียกชื่อจริงๆ ของมิสเทอรี่คุงมากกว่า...ขอทายนะ มิสเทอรี่คุงต้องชื่อซีเครตแน่ๆ เลยอ่ะ”
เทปเปบอกด้วยท่าทางร่าเริง ส่วนมิสเทอรี่ก็ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มบางๆ แก้มสีขาวอมชมพูของเธอตอนนี้แดงเรื่อไปทั้งหน้า
“จริงเหรอครับเนี่ย ซีเครตจัง”
เทปเปถามซ้ำ ไม่น่าเชื่อว่าชื่อที่เขามั่วๆ มันจะถูก แต่มิสเทอรี่กลับส่ายหน้าเบาๆ ก็ซีเครตมันไม่ใช่ชื่อจริงๆ ของเธอนี่นา ชื่อจริงของเธอน่ะ ยังคงเป็นความลับอยู่นะ แม้แต่มีมี่ก็ไม่รู้
“น่ารักเกินไปแล้ว มิสเทอรี่คุง! ผมยอมเป็นเกย์ เรามาแต่งงานกันเถอะนะ”
อยู่ดีๆ เคนตะก็โพล่งออกมา พร้อมกับนั่งลงคุกเข่าขอความรักจากมิสเทอรี่ คนถูกของงเป็นแก่ตาแตก ไม่รู้ว่าเคนตะเล่นไม้ไหน ส่วนไคโตะที่เผลอใจให้มิสเทอรี่ไปเสี้ยวหนึ่งแล้วนั้นก็เคืองสุดๆ ถึงเขาจะเข้าใจท่าทีหลงเคลิ้มของเคนตะ แต่เล่นมาขอแต่งงานอย่างนี้มันไม่ไหว เขารับไม่ได้!~
มีมี่ที่นี่นั่งดูอยู่ข้างฉาก เมื่อได้เห็นท่าขอแต่งงานของเคนตะก็มีความคิดอะไรขึ้นมาได้ วิธีนี้แหละ มันต้องเจ็บปวดรวดร้าวไปตามๆ กัน ไม่ใช่แค่เพื่อนฉันฝ่ายเดียวที่เจ็บแน่นอน เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินตรงเข้าไปตบบ่าของเคนตะอย่างแรงก่อนจะนั่งลงบนตักของมิสเทอรี่
“บังอาจ! อย่ามายุ่งกับที่รักของฉันนะ”
“มีจัง!~ เล่นแรงไปแล้วนะ” มิสเทอรี่ปรามข้างหู
“แววตาที่เจ็บปวดของเธอมันทรมานหัวใจฉันมาก ฉันไม่ยอมให้ใครมาทำร้าย (เพื่อน) ที่รักของฉันหรอกนะ โดยเฉพาะหมอนี่ รู้ไหมว่าฉันดั้นด้นมาถึงญี่ปุ่นก็เพื่อกำจัดมันโดยเฉพาะ แล้วยิ่งมันเป็นต้นเหตุทำให้เธอเจ็บปวดอีก โอ๊ย! ฉันตบให้กะโหลกร้าวยังน้อยไปเลย”
“อ๊ะ! ฉันต้องไปแล้วล่ะ....ทุกคน!~ ฉันขอตัวก่อนนะ” มิสเทอรี่บอกพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ไปไหน!~”
“ฉันมีสัมภาษณ์ต่อ เดี๋ยวไปไม่ทัน แกก็เคยดูในการ์ตูนนี่ว่าคนญี่ปุ่นเขาถือเรื่องเวลามาก ไปก่อนนะ” มิสเทอรี่บอกพร้อมกับเดินออกจากสตูดิโอไปโดยไม่หันกลับมามองมีมี่เลยแม้แต่น้อย นั่นทำเอาเธออดน้อยใจไม่ได้ อุตส่าห์ได้เจอกันทั้งที ซีก็ไม่สนใจฉันเลย แต่ก็อย่างว่าแหละนะ เขามีงานต้องทำต่อนี่
“เคนตะ นายก็ต้องรีบกลับ เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน เธอด้วย! ” ไคโตะพูดเสียงเย็น มันช่างน่ากลัวยิ่งนักสำหรับเพื่อนที่แสนรู้ใจอย่างเคนตะและเทปเป
“งั้นฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนนะเดี๋ยวตามไป ขอตัวก่อนนะครับ” เทปเปหันไปบอกกับทีมงานก่อนจะเดินตามมิสเทอรี่ออกมาจากสตูดิโอ ทิ้งไว้แต่เพียงสองหนุ่มยุ่นกับสาวไทยจอมโวยวาย
ภายในห้องแต่งตัว มิสเทอรี่ที่กำลังจะถอดเสื้อต้องหยุดมือไว้กลางอากาศเมื่อเทปเปเดินเข้ามาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง เกือบความแตกไปแล้วไหมล่ะ โชคดีนะเนี่ยที่มือของเธออยู่แค่ปลายเสื้อ
“ขอโทษครับ ผมนึกว่าไม่มีคนอยู่” เทปเปบอกพร้อมกับโค้งตัวขอโทษมิสเทอรี่
“ไม่เป็นไร เทปเปซังเปลี่ยนเสื้อไปเถอะ ฉันขอตัวก่อน” มิสเทอรี่ถอยหลังกรูด รีบหมุนตัวหนีแทบไม่ทัน
“อ้าว ไม่เปลี่ยนเสื้อแล้วเหรอ”
“ไม่อ่ะ” เธอบอกอย่างขอไปที ให้ตาย อยู่ใกล้ผู้ชายร่างเล็กคนนี้ทีไรหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะทุกที จะมีสักครั้งไหมนะที่เธอจะไม่อ่อนไหวเผลอตัวจนทำให้ความลับแตกต่อหน้าเขา ถ้าหากเธอไม่ชอบเขา หัวใจคงจะไม่ทรยศต่อสมองอย่างนี้หรอก
“เออใช่ ผมขอเรียกมิสคุงว่าซีเครตจังได้ไหมครับ”
“อืม”
“แหะๆ ซีเครตจัง มันอาจช้าไปหน่อย แต่เมะริคุริสุมะสุนะครับ”
คำว่าเมอรี่คริสมาสต์แบบคนญี่ปุ่นของเทปเปทำเอามิสเทอรี่หัวใจพองโต เธอเองก็อยากจะพูดคำนี้กับเขาเหมือนกันนะ รวมถึงผ้าพันคอสีฟ้าสดใสที่แอบถักมาหวังจะให้เขาด้วย แต่มิสเทอรี่ก็ได้แต่เก็บความรู้สึกไว้ในใจเท่านั้น เพราะเธอรู้ดีว่าเทปเปไม่เคยมองเธอเป็นผู้หญิงเลย ไม่ใช่แค่เทปเปแต่ไม่เคยมีใครเลยต่างหาก
“เทปเปซัง! ”
“ครับ” เทปเปขานเสียงใส
“ช่วยรับนี่ไว้ด้วย เมอรี่คริสมาสต์เช่นกัน” มิสเทอรี่บอกพร้อมกับหยิบผ้าพันคอสีฟ้าสดใสออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้เขาด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดเธอก็กลั้นใจให้เขาไปได้ มันอาจจะดูแปลกๆ สำหรับคนอื่นที่มองว่าผู้ชายให้ของขวัญผู้ชาย แต่อย่างไรเสีย เธอก็เป็นผู้หญิงนี่
มันคงไม่ผิดอะไรหรอกถ้าหากว่าเธอจะเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ในฐานะที่เป็นมิสเทอรี่ และเปิดความรู้สึกทั้งหมดที่มีในฐานะที่เธอคือซี เพื่อนผู้หญิงธรรมดาของมีมี่
“แหะๆ ขอบคุณครับ น่ารักจังเลยสีสดใสมาก แย่จังที่ผมไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้ซีเครตเลย”
“ไม่เป็นไร ฉันให้เพราะอยากให้ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น และที่สำคัญ ฉันไม่ใช่เกย์นะ” เธอแก้ตัวพัลวัน แย่ล่ะสิ เทปเปจะมองเธอยังไงนะ ต้องเข้าใจผิดแน่ๆ เลย หรือไม่ก็คงจะรังเกียจฉัน เพราะเข้าใจว่าฉันเป็นเกย์
“ฮ่าๆ เย็นนี้พวกเราจะไปกินสุกี้ที่บ้านเคนตะกัน ถ้าซีเครตไม่รังเกียจ มาทานด้วยกันนะครับ”
เหมือนหูดับไปชั่วขณะ มิสเทอรี่ได้แต่ยืนอึ้ง ไม่คิดเลยว่าเทปเปจะชวนเธอไปร่วมวงทานอาหารเย็นด้วย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เปล่งประกายไปด้วยความสุขนั้นมองเห็นแต่รอยยิ้มสดใสที่ระบายอยู่บนใบหน้าของเทปเป นั่นยิ่งทำให้เธอมึนเหมือนถูกมนตร์สะกด
“อืม” เธอรับหมุนตัวเดินออกจากห้องนั้นไปโดยไม่ได้ดูทาง คงเป็นเพราะอาการมึนจากคำชวนและรอยยิ้มของคนที่เธอแอบชอบถึงทำให้เธอมึนจนเดินชนประตูเข้าอย่างจัง เทปเปที่ถอดเสื้อแขนยาวออกเหลือเพียงเสื้อกล้ามบางๆ โชว์แผงอกกว้างอันแข็งแรง รีบวิ่งเข้ามาดู
“ซีเครตจัง! เป็นอะไรไปครับเนี่ย วันนี้ดูเหม่อๆ ไปนะ”
เขาบอก ส่วนคนซุ่มซ่ามได้แต่ลูบหน้าตัวเองป้อยๆ ขายหน้าจริงๆ เลย ซุ่มซ่ามต่อหน้าใครยังพอทน แต่ซุ่มซ่ามต่อหน้าชายร่างเล็กคนนี้แล้วอยากจะควักหัวใจตัวเองออกมาบีบให้หายแค้น
“ให้ผมเดินไปส่งที่รถแล้วกันนะ เดี๋ยวเดินชนนู่นนี่อีกละยุ่งเลย”
เทปเปบอก แต่นายไม่มายุ่งกับฉันจะดีกว่า มิสเทอรี่ได้แต่คิดในใจ แต่เธอก็พยักหน้าปล่อยให้เขามาส่งโดยดี ทั้งสองคนเดินคุยกันไปตลอดทาง แม้ส่วนมากจะเป็นฝ่ายชายแท้มากกว่าที่จ้อ แต่ฝ่ายชายเทียมก็รับฟังอย่างตั้งใจ เธอมีความสุขมากที่ได้มีโอกาสคุยกับเขาเช่นนี้
“ซีเครตจังรู้จักมีมี่นานแล้วเหรอ”
“อืม ตั้งแต่ตอนม.ต้นแล้วล่ะ”
“งั้นซีเครตจังก็รู้สิว่ามีมี่จังเขามาตามหาใครที่นี่ แล้วซีเครตจังพอจะรู้ที่อยู่ของเขาไหม”
“ใครเหรอ...ฉันไม่รู้หรอก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีมี่มาที่นี่ทำไม” มิสเทอรี่ตอบไปตามความจริง แต่ลึกๆ แล้วก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ผู้หญิงที่ไม่เคยสนใจสิ่งรอบข้างหรือแม้แต่เรื่องราวรอบตัวอย่างมีมี่กำลังตามหาใครอยู่อย่างนั้นเหรอ...มันเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าหากว่าเธอกำลังตามหาใครอยู่จริงๆ อย่างที่เทปเปบอกล่ะก็ นั่นแปลว่า คนที่มีมี่ตามหาต้องสำคัญมากแน่ๆ
“แย่จังนะ ผมว่าจะช่วยมีจังหาคนรักเสียหน่อย อ้อ! ลืมไป เธอบอกว่าเจอแล้วนี่”
“คนรัก? เจอแล้ว? ที่ไหน? ใคร?”
“ผมก็ไม่รู้นะ แต่มีมี่เขาบอกมาแบบนี้น่ะ”
“เทปเปซังมีเบอร์มีมี่ไหม ฉันจะขอคุยกับเขาเอง” มิสเทอรี่บอก มือบางนั้นล้วงไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาเตรียมกดเบอร์ ส่วนเทปเปนั้นรีบส่ายหัว “ไม่มีเหรอ งั้นเอาเครื่องนี้ให้มีจังนะ บอกเขาว่าฉันจะรีบโทรหา”
พูดจบร่างบางก็วิ่งขึ้นรถตู้สีเงินไป เทปเปได้แต่ยืนมองรถตู้นั้นเคลื่อนตัวออกสู่ถนนใหญ่จนลับสายตา เขาก้มลงมองโทรศัพท์มือถือสีชมพูหวานแบบพับดูคลาสสิค มือหนานั้นเปิดฝาพับออกแล้วก็ต้องตกใจเล็กน้อยเมื่อพบว่ารูปที่หน้าจอนั้นเป็นรูปตัวเขาเอง
ฮ่าๆ งานเข้า!
มีมี่และเคนตะต่างก็นั่งหน้าจ๋อยกันทั้งคู่เมื่อโดนไคโตะสวดยับ โดยเฉพาะมีมี่ที่ถือวิสาสะเดินออกมานั่งตักมิสเทอรี่นั้นโดนหนักกว่าเคนตะ เธอหน้าถอดสีไปเลยทีเดียวเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอย่างไรเสีย เทปเปก็อยู่วงเดียวกับพวกเขา ถ้าจะกำจัดเคนตะกับไคโตะก็เห็นทีว่าคงไม่มีวิธีการใดเหมาะสมเสียแล้ว คงเป็นเธอเสียเองนั่นแหละที่จะถูกกำจัด
“ขอโทษนะ ต่อไปนี้ฉันไม่ทำให้เดือดร้อนอีกแล้ว ฉันจะอยู่เงียบๆ นิ่งๆ เป็นเด็กดี ฉันสัญญา”
เธอพูดพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด เคนตะที่นั่งอยู่ข้างๆ อดสงสารไม่ได้จึงออกหน้ารับผิดแทน
“เออๆ เลิกว่ามีมี่เถอะ เธอไม่ได้ผิดคนเดียวเสียหน่อย ฉันก็ผิดเหมือนกันที่ไม่ดูแลเธอให้ดี เรื่องผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะนะ อีกเดี๋ยวเราก็กลับบ้านไปทำสุกี้กินกันดีกว่า”
เมื่อเห็นเคนตะออกหน้าแทนแถมยังชวนทำสุกี้อย่างสนุกสนาน ไคโตะก็ยิ่งเคือง แต่เขาก็แอบซ่อนมันไว้ภายใต้หน้ากากที่แสนเย็นชาเช่นเดียวกับทุกครั้ง
“เธอรอข้างนอกนี่แหละ พวกฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”
ไคโตะบอกเสียงเย็นก่อนจะผลักเคนตะเข้าไปในห้องและปิดประตูใส่หน้ามีมี่เสียงดัง เธอชักจะหมดความอดทนกับพฤติกรรมแย่ๆ ของไคโตะ แต่ทำอย่างไรได้เล่า มาถึงขนาดนี้แล้วใครจะยอมถอยกัน
ฉับพลันดวงตาสีน้ำตาลไหม้ก็เงยขึ้นไปสบตากับชายร่างเล็กพอดี เขาส่งยิ้มหวานให้ก่อนจำล้วงไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า
“จำได้ไหมว่าของใคร”
“ไม่ได้”
มีมี่ตอบทันที โทรศัพท์สีชมพูหวานมันจะเป็นของใครกันนะ...ของเทปเปเหรอ บ้ารึเปล่า เป็นไปไม่ได้ ถึงเธอจะจำสีโทรศัพท์เทปเปไม่ได้แต่ก็มั่นใจว่าไม่ใช่สีชมพู ของเคนตะก็เช่นกันไม่ใช่สีชมพูแน่ แล้วปีศาจหิมะจอมแช่แข็งอย่างไคโตะน่ะเหรอจะเป็นสีชมพู...ถ้าเป็นจริงโลกคงแตกไปสามรอบแล้วล่ะ เอ๊ะ! รึจะเป็นของผู้หญิง
แค่คิดก็ปวดใจ เธอก้มหน้านิ่งไม่อยากรับฟังความจริง สาวคนไหนกันนะที่มาสวีทหวานกับหวานใจเธอ มันจะมากเกินไปแล้ว คิดว่าเธอชอบเขาแล้วจะยอมให้ทำร้ายจิตใจกันเยี่ยงนี้เหรอ
“ของซีเครต เมื่อกี้ผมเดินไปส่งเขามา แล้วเขาฝากนี่ให้มีจัง แต่เดี๋ยวผมค่อยเอามาคืนนะ ขอยืมไปแกล้งเคนตะก่อน”
เหมือนจะรู้ความคิดของมีมี่ เทปเปพูดดักทางไว้ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวทิ้งให้มีมี่ยืนทำความเข้าใจกับภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นของเขาอยู่ที่เดิม
ซีเครตของเทปเปก็คือยัยซีเครตหรือมิสเทอรี่เพื่อนฉัน แล้วยัยนั่นก็เป็นผู้หญิง เทปเปพูดว่า “ผมเดินไปส่งเขา” เท่ากับเทปเปเดินไปส่งผู้หญิง แล้วโทรศัพท์นั่นล่ะ ยัยซีให้เทปเปเหรอ!?
ไม่ต้องแปลต่อลมหึงก็พุ่งออกหูทั้งสองข้างเสียแล้ว แต่จะทำอย่างไรเมื่อความรู้สึกมันตีกันอย่างนี้ หึงเหรอ ใช่เลย หึง! แต่มิสเทอรี่ก็เป็นเพื่อนของมีมี่ ความหึงคงเปลี่ยนเป็นแค่ความโกรธเคืองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีทางที่เพื่อนจะแย่งคนสำคัญของเพื่อนได้หรอก เธอเชื่ออย่างนั้นเพราะรู้จักมิสเทอรี่ดี ถ้ามิสเทอรี่รู้ว่าเธอชอบเทปเป มิสเทอรี่จะไม่มีทางแย่งเทปเปไปจากเธอและหล่อนจะต้องช่วยเธอให้ได้รักกับเทปเปแน่นอน มีมี่คิดเช่นนั้น หากแต่ความเป็นจริงแล้ว ตรงกันข้าม เมื่อใจของเพื่อนสาวต่างก็มอบให้ชายร่างเล็กคนเดียวกัน
ในขณะที่เธอกำลังยืนควันออกหูอยู่นั้น สามหนุ่มก็เปิดประตูออกมา เมื่อเคนตะเห็นมีมี่หน้ามุ่ย น้ำตาคลอ หัวใจของชายหนุ่มก็อ่อนฮวบลงไปทันที
“มีจัง...เปน อาราย ปายคับ”
“เปล่า”
มี่มีบอกเสียงอ่อย เคนตะและเทปเปต่างหันมามองหน้ากันโดยอัตโนมัติ ส่วนไคโตะนั้นกลับมองว่าเธอกำลังวางแผนอ่อยเพื่อนทั้งสองของเขาอยู่
ความคิดเห็น