ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขอบินลัดฟ้ามาตามหารัก(e-book)

    ลำดับตอนที่ #3 : ปาฏิหาริย์รักคืนคริสมาสต์

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 55


    2

    ปาฏิหาริย์รักคืนคริสมาสต์

    หลังจากที่ตัดสินใจเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางไปตะลุยตามหารักแท้แดนปลาดิบ และถูกห้ามโดยคุณพ่อสุดที่รักเรียบร้อยแล้ว มีมี่ก็มาขลุกอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เสิร์ชหาข้อมูลประเพณี ขนบธรรมเนียม มารยาทของประเทศญี่ปุ่นเป็นการใหญ่ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนไม่เอาอ่าวด้านภาษา ต่อให้ไปญี่ปุ่นแล้วพูดกับใครไม่ได้ แต่เรื่องกิริยามารยาทเนี่ย ถึงจะเป็นชาวต่างชาติแต่ก็ให้ใครมาว่าไม่ได้เด็ดขาด

    ไม่นานนักข้อมูลทั้งหมดก็ถูกจดจำอยู่ในหัวสมองอย่างรวดเร็ว เธอเปลี่ยนหน้าจอมคอมพิวเตอร์สุดรักเป็นรูปเทปเปหวานใจก่อนจะปิดคอมฯ แล้วลุกขึ้นมารื้อหาหนังสือคู่มือฝึกพูดภาษาญี่ปุ่นที่เคยซื้อมาเก็บไว้ในชั้นวางหนังสือ

    หน้ากระดาษถูกพลิกไปมาอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ว่าอ่านและจำได้แล้วหรอกนะ แต่เพราะว่าอ่านแล้วมันไม่รู้เรื่องเลยต่างหาก

    อาริกาโตอุโกไซมาซึ...โอ๊ยอะไรวะเนี่ย ทุเรศตัวเองชะมัด อาริกาโตะโกไซมัซ ในการ์ตูนกับในหนังสือทำไมไม่เห็นเหมือนกันเลยวะ

    เธอโวยวายลั่นห้อง ก่อนจะปาหนังสือทิ้งด้วยอารมณ์หงุดหงิด ตามด้วยคำด่าอีกมากมาย

    เกลียดตัวเองชะมัด ทำไมใจง่ายอย่างนี้ ทำไมฉันไม่ชอบคนไทย ไปชอบคนญี่ปุ่นทำไม อ๊าก!อยากจะบ้า

    มีมี่ยังคงเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง เธอยังคงฝึกพูดภาษาญี่ปุ่นกับตัวเองในกระจกที่ติดอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งหน้าห้องน้ำส่วนตัว จากภาษาญี่ปุ่นเบื้องต้นกลับกลายเป็นภาษาไทยสมัยพ่อขุนรามคำแหงแทนอย่างไร้ข้อกังขา เมื่อสาวขี้เบื่อผู้ไม่มีความเป็นกุลสตรีหมดความอดทนกับการเรียนรู้ที่ไร้ซึ่งความสนุกสนานเลยในครั้งนี้

    ก๊อกๆๆ!

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะอาละอาดของมีมี่ได้พอดิบพอดี เธอกระแทกเท้าปึงปังไปเปิดประตูให้ผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรเลยสักนิดเดียว ทำให้ผู้เป็นพ่อเสียเซลฟ์ไปเหมือนกันว่าข่าวที่นำมาบอกจะทำให้ยัยมีมี่จอมเพี้ยนดี๊ด๊าหรือเปล่า

    ลุงเซจิโร่บอกว่าให้ลูกไปโตเกียววันที่ 20 เคนตะกับเพื่อนจะมารับที่สนามบินนะ ไม่ต้องกลัวว่าจะกลายเป็นเป็ดหลงแน่นอน

    นรินทร์บอกลูกสาวดวยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่มีมี่กลับโมโหจนตัวสั่น

    พ่อโทรบอกเขา หาล่ามมาให้หนูด้วยนะคะ ถ้าไม่มีล่ามสงสัยว่าระหว่างหนูกับเทปเปซังคงรักกันไม่ได้

    เทปเปซัง?...มีมี่ คนที่ลูกจะแต่งงานด้วยน่ะ เคนตะนะลูก ไม่ใช่เทปเป

    นรินทร์บอกเสียงเรียบ แต่ก็ทำให้มีมี่รู้สึกเหมือนถูกพ่อเอาไม้หน้าสามฟาดกลางหน้าผาก ถ้าหากกรีดร้องดังๆ ได้ เธอจะกรี๊ดใส่หูพ่อให้ลืมไปเลยว่าว่าที่ลูกเขยเป็นใคร

    ถ้าหากนี่เป็นเพียงแค่การ์ตูนที่ถ่างตาดูทุกคืนทุกวันก็ดีน่ะสิ โอ้ว!มายก็อด ขอให้นี่เป็นเพียงแค่ความฝันทีเถอะ คนที่ฉันต้องแต่งงานด้วย ไม่ใช่เทปเปไม่ใช่เทปเปไม่ใช่เทปเป!

    ราวกับมีเสียงเอคโค่ดังก้องอยู่ในหัว ความจริงที่นรินทร์นำมาบอกนั้นทำให้มีมี่ลมจับ อุตส่าห์คิดฝันอะไรไปยาวไกลว่าคู่ชีวิตจะกลายเป็นเทปเปชายในฝัน อุตส่าห์ประมวลผลออกมาว่ามีโอกาสถึง33.33แต่สุดท้าย นายเคนตะก็ได้เธอไปครอบครองเสียอย่างนั้น...ไม่ทันได้ไปตะลุยแดนปลาดิบก็ได้แห้วเป็นโหลๆ มารับประทานรอก่อนวันเดินทางเสียแล้ว

    นี่อย่าบอกนะว่าลูกสาวพ่อกรี๊ดกร๊าดผิดคน

    นรินทร์ดูจะตกใจไม่น้อยกับอาการดับเบิ้ลช็อกของมีมี่ เธอพยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบ ไม่กี่วินาทีหลังจากที่แสดงอาการช็อคสะท้านโลกันตร์ให้พ่อเห็นแล้ว รอยยิ้มแสนหวานก็ระบายอยู่บนใบหน้า อย่างที่เธอเคยคิดไว้นั่นแหละ ไม่ใช่เทปเปก็ไม่เป็นไร ฮ่าๆๆ หาวิธีใกล้ชิดพวกเขาก่อนแล้วค่อยวางแผนกำจัดเคนตะทีหลัง งานวางแผนการร้ายนี่มันเป็นงานอดิเรกของเธออยู่แล้วด้วย แค่กำจัดเคนตะแล้วกระชากใจเทปเปมาน่ะเหรอ โอ๊ย จิ๊บๆ (ถ้าเธอสามารถคุยกับพวกเขารู้เรื่องนะ)

    เคนตะก็เคนตะค่ะ หนูก็แอบกรี๊ดเคนตะอยู่เหมือนกัน

    มีมี่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับตัวเองในกระจก ถ้าหากพ่อของเธอจะรู้ทันลูกสาวตัวแสบสักนิด แค่เพียงนิดเดียว เรื่องมันก็คงจะหวาน และราบรื่นราวกับโรยด้วยกลีบกุหลาบ

    ฝ่ายเคนตะและเพื่อนๆ ที่กำลังวุ่นซ้อมดนตรีกันอย่างหนักเพื่อแสดงในวันคริสมาสต์นั้นก็ลืมเรื่องของมีมี่เสียสนิท รูปถ่ายของหญิงสาวที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องซ้อมดนตรีนั้นถูกข้าวของอย่างอื่นทับจนมิด

    โอไฮโย เคนตะ เทปเปไคโตะเอ่ยทักด้วยสีหน้าที่ยากเกินกว่าจะบ่งบอกอารมณ์ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องซ้อม เคนตะและเทปเปต่างก็พยักหน้าให้กับหนุ่มเย็นชาเบาๆ ตามมารยาท วันนี้วันที่20 แล้วสินะ อีก4 วันก็คริสมาสต์อีฟแล้ว อิจฉาคนมีคู่จริงๆปากก็แขวะหนุ่มร่างเล็ก ส่วนมือก็หยิบเบสมาปรับสาย

    ฮ่าๆ ไม่เห็นต้องอิจฉากันเลย ยังไงฉันกับแฟนก็ไปเที่ยวด้วยกันไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องอิจิโกะเป็นความลับระดับโลก นายก็รู้นี่

    เทปเปพูดด้วยแววตาที่หม่นลง เขามักจะเป็นเช่นนี้ทุกทีที่เอ่ยถึงแฟนสาว เพราะความเป็นไอดอลของเขา ทางต้นสังกัดจึงสั่งให้ปิดเรื่องอิจิโกะเป็นความลับ มีเพียงสองหนุ่มคู่หูเท่านั้นที่รู้และช่วยกันรักษาความลับให้ แต่ช่วงนี้ความสัมพันธ์ของเขาและอิจิโกะก็แปลกไปจนน่ากลัวว่าเส้นใยบางๆ ที่เรียกว่าความรักในใจของหล่อนจะขาดลง

    เฮ้ พวกนายจำได้มั้ยว่าวันนี้ฉันต้องไปทำไมที่สนามบินตอน2 ทุ่ม

    เคนตะถามขึ้นเมื่อดวงตาสีฮาเซลนั้นเหลือบไปเห็นข้อความที่เขียนอยู่บนปฏิทินด้วยลายมือของเขาเอง

    หึๆ จำไม่ได้จริงๆ เหรอเคนตะไคโตะหัวเราะในลำคอและถามเสียงเย็น

    จำได้จะถามมั้ยล่ะ ฉันก็วุ่นๆ กับเพลงใหม่ จำไม่ได้จริงๆ ว่าต้องไปทำไม

    อ๋อฉันจำได้ ก็ที่คุณเซจิโร่มาบอกให้นายไปรับคู่หมั้นไงเทปเปบอก

    เออว่ะ ฉันมีคู่หมั้นแล้วนี่ ตายล่ะ ยังไม่ได้คิดแผนให้ยัยนั่นขอถอนหมั้นเลย

    เคนตะเริ่มร้อนรน เพราะมัวแต่วุ่นกับงาน เรื่องที่มีมี่จะมาหาเขานั้นจึงถูกลืมไปอย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับแผนการกำจัดเธอออกไปจากสารบบชีวิตก็ถูกลืมไม่แตกต่างกัน

    อย่าใส่ใจเลย ผู้หญิงแบบนั้นน่ะจัดการไม่ยากหรอก นายแค่ทำตามที่ฉันบอกก็พอ

    สองหนุ่มได้แต่มองหน้ากัน เทปเปและเคนตะต่างรู้ดีว่าวิธีการของเพื่อนผู้แสนเย็นชานั้นจะสามารถทำให้มีมี่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะแต่งงานกับเคนตะได้อย่างแน่นอน หากแต่วิธีของไคโตะนั้นแสนจะเยือกเย็นและรุนแรงร้ายกาจดุจพายุหิมะที่จะกรีดหัวใจหญิงสาวให้กลายเป็นชิ้นๆ

    มีมี่กำลังอยู่บนเครื่องบินลำใหญ่ที่จะพาเธอไปสู่แดนปลาดิบ สถานที่ที่หัวใจโบยบินนำหน้ามาก่อนแล้ว เธอได้แต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง มองหมู่เมฆบนท้องฟ้าด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุข อีกไม่กี่ชั่วโมงชายหนุ่มที่เธอเฝ้ารอพบเจอก็จะมาปรกฏอยู่ตรงหน้า และแผนการมัดใจชายที่อุตส่าห์คิดมาก็จะได้เริ่มปฏิบัติการทันที

    เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบิน มีมี่ก็จัดการเรื่องวีซ่าและกระเป๋าอย่างรวดเร็ว เธอรีบมาที่ Meeting point (จุดนัดพบ) และมองหาใครบางคนด้วยความหวัง

    ผู้คนรอบข้างค่อยๆ จากไปทีละคนจนเหลือแค่เพียงตัวเธอคนเดียว เธอก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือที่ถูกปรับเป็นเวลาตามประเทศญี่ปุ่นแล้ว ชี้บอกเวลา4 ทุ่ม 50 ผ่านมาจะ3 ชั่วโมงอยู่แล้ว ชายหนุ่มที่เธอเฝ้ารอก็ยังไม่ปรากฏให้เห็นแม้แต่เงา มีมี่เริ่มกังวลใจว่าตัวเธออาจจะถูกลืม แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีไว้ เคนตะเป็นไอดอลชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น การมารับสาวสวยอย่างหล่อนด้วยตัวเอง ย่อมเป็นเรื่องราวใหญ่โต หรือไม่ก็อาจเป็นข่าว ให้ผู้คนพูดถึงกันได้ง่ายๆ ...บางทีเขาอาจจะมาหลังเที่ยงคืนไปแล้วก็ได้นะ ถ้าเธอนั่งรอเขาอยู่ตรงนี้ล่ะก็...เขาจะต้องเห็นเธออย่างแน่นอน

    แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่มา หลายชั่วโมงผ่านไปจนเช้าวันใหม่มาเยือน แสงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วขับไล่ความมืดมิดที่ปกคลุมท้องฟ้าไปจนหมดสิ้น มีมี่ก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้งด้วยหัวใจที่เริ่มห่อเหี่ยว เขาอาจจะไม่สะดวกมาในตอนกลางคืนก็ได้ แต่อย่างไรซะ วันนี้เคนตะจะต้องมารับเธอไปที่บ้านอย่างแน่นอน เธอเชื่ออย่างนั้น จึงนั่งลงที่เก้าอี้ตัวว่างๆ ในจุดนัดพบที่เดิม มือบางนั้นยกกระเป๋าเดินทางสีชมพูขึ้นมากอดไว้แน่น

    ผู้คนพลุกพล่านต่างมองเธอด้วยสายตาที่แปลกประหลาด มันเจือปนไปด้วยความสงสารและเห็นใจ นั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำให้น้ำใสๆ รินไหลออกมาจากเบ้าตาทั้งสองข้าง เธอกางที่อยู่ของตระกูลซาโต้ออก และจ้องมองมันด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวัง

    ถ้าวันนี้นายไม่มารับฉัน...พรุ่งนี้ฉันจะไปหานาย เป็ดหลงก็เป็ดหลงเถอะ มีมี่คนนี้ไม่มีหลงอยู่แล้ว

    และแล้วความอดทนของเธอก็ถึงขีดจำกัด เมื่อวันที่21 ผ่านพ้นไปโดยปราศจากเงาของชายหนุ่มว่าที่คู่หมั้น เธอลุกออกไปซื้ออาหารในร้านค้าภายในสนามบินมาทานประทังชีวิต แล้วจึงกลับมานั่งคิดที่เดิมด้วยเศษเสี้ยวความหวังที่ยังคงเหลืออยู่ว่าในไม่กี่วินาทีที่เธอตัดสินใจ เคนตะจะมารับ

    แต่การมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเช่นนี้ จะให้ออกไปตามหาบ้านของตระกูลซาโต้ก็เห็นทีจะเป็นเรื่องที่ลำบากพอควร ถ้าจะให้นั่งรอเช่นนี้ต่อไปก็ดูท่าทางจะไม่มีความหวังหลงเหลืออยู่เลยเสียแล้ว หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เธอถูกทิ้ง

    ถูกทิ้งอย่างไร้ข้อกังขา จะให้รออีกนานแค่ไหนชายหนุ่มที่ชื่อเคนตะ สมาชิกคนสำคัญของวงKKT ก็ไม่อาจปรากฏตัวขึ้นมาได้

    แวบหนึ่งในความคิดของมีมี่คือการกลับบ้าน เธอไม่น่าเป็นคนอารมณ์รุนแรงเช่นนี้เลย ถ้าหากไม่นึกสนุกคิดอะไรแผลงๆ แล้วคัดค้านเรื่องการหมั้นไปตั้งแต่วินาทีแรกที่รู้ เรื่องก็คงไม่เป็นเช่นนี้ เธอก็คงไม่ถูกทิ้งให้คอยเก้ออยู่ที่สนามบินเช่นนี้อย่างแน่นอน คิดแล้วน้ำตาก็พานจะไหลลงมาเสียดื้อๆ เกิดมา 22 ปีไม่เคยถูกทิ้งให้รอนานขนาดนี้เลยสักครั้ง เพียงเพราะผู้ชายไร้หัวใจคนเดียวที่ทำให้เธอต้องกลายเป็นเป็ดหลงเช่นนี้

    เคนตะ ผู้ชายหัวใจด้านชาอย่างนาย ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายฉันก็จะไม่แต่งงานกับนายแน่!

     

    เทปเปวางกีตาร์ลงอย่างเบามือ ดวงตาสีน้ำตาลนั้นมองไปยังนาฬิกาดิจิตอลที่บอกเวลาอยู่ในโทรศัพท์มือถือ

    เคนจัง มันไม่แรงไปหน่อยเหรอกับการทิ้งเธอคนนั้นไว้ที่สนามบินน่ะ

    ไม่มั้ง เดี๋ยวทนไม่ไหวก็กลับบ้านไปเองแหละ

    แต่...

    เทปเป...มันอนาคตของเคนตะเลยนะ ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้ผู้หญิงแรดๆ แบบนั้นมาเป็นแฟนกับเคนตะแน่นอน

    ไคโตะแย้งขึ้น บรรยากาศในห้องซ้อมดนตรีเริ่มมาคุ เมื่อความสงสารเริ่มก่อเกิดขึ้นในหัวใจของเทปเปและเคนตะ ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันเพื่อเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายออกไปคุยกันข้างนอก

    เอ่อ...ฉันมีธุระกับอิจิโกะ ขอตัวก่อนนะไคจัง จะไปด้วยกันมั้ยเคนจัง

    เคนตะพยักหน้าเบาๆ และเดินตามเทปเปออกมาโดยไม่ได้พูดอะไร แต่นั่นก็ทำให้ไคโตะสงสัยในท่าทีของทั้งสองคนอยู่ดี

    ฉันว่านายควรแวะไปหาเธอหน่อยดีมั้ยเทปเปเสนอความคิดทันทีที่ก้าวพ้นออกมาจากห้องซ้อม เธอเป็นชาวต่างด้าว เอ๊ยต่างชาติไม่ใช่เหรอ อยู่คนเดียวในญี่ปุ่นมันอันตรายนะ

    เคนตะเริ่มคล้อยตาม แต่ความคิดที่อยากให้เธอกลับไปประเทศของเธอก็ยังคงฝังแน่นอยู่ในหัวไม่มีทีท่าจะลบเลือนไปง่ายๆ แต่กระนั้น เขาก็เห็นด้วยกับคำพูดของเทปเปอยู่ดี ชาวต่างชาติในประเทศญี่ปุ่นที่แสนวุ่นวายนี้จะอยู่ตัวคนเดียวได้อย่างไร

    ไว้ไปหาอิจิโกะจังกับนายก่อนแล้วค่อยไปรับเธอก็คงได้มั้ง ถ้าป่านนี้ยังรออยู่ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็คงไม่ไปไหนหรอก

    ชะล่าใจไปรึเปล่า นายไม่ใจเย็นไปหน่อยเหรอ นี่มัน2 วันแล้วนะ นายรีบไปดีกว่านะ เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน ความจริงฉันไม่ได้นัดกับอิจิโกะไว้หรอก ไม่ต้องเป็นห่วง

    อ่า...อืม ไปก็ไป หวังว่าเธอคงจะยังรออยู่นะพูดจบเขาและเคนตะก็รีบตรงดิ่งไปที่สนามบิน แต่นั่นก็ช้าเกินไปเสียแล้ว


    มีมี่ลุกขึ้นเดินออกมาจากสนามบินด้วยหัวใจที่เหลือแสงแห่งความหวังเพียงริบหรี่ ในเมื่อรอเป็นฝ่ายรับแล้วไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เธอคงต้องเป็นฝ่ายรุกเสียบ้าง

    ขอโทษนะคะ ฉันอยากจะไปที่สถานีตำรวจ...เอ่อ...คุณช่วยพาฉันไปทีได้มั้ยคะ

    มีมี่พยายามพูดภาษาอังกฤษพูดกับเจ้าหน้าที่ในสนามบิน เขาเพียงแต่ส่งยิ้มหวานให้เธอ และเขียนแผนที่ใส่กระดาษให้ มีมี่รีบรับมันมาด้วยความดีใจก่อนจะตรงดิ่งไปที่นั่น

    จังหวะเดียวกันนั้น เทปเปและเคนตะก็ก้าวเข้ามาในสนามบินพอดี เขาทั้งสองต่างช่วยกันมองหา แต่สุดท้ายก็ไร้วี่แววของเธอ พวกเขาจึงคิดว่ามีมี่คงกลับไปแล้วอย่างแน่นอน

    เทปเป เป็นนายนายจะรอมั้ยล่ะ ฉันว่าเรากลับกันเถอะ ยัยนั่นไม่อยู่ที่นี่แล้ว

    นั่นสินะแล้วพวกเขาก็ตัดสินใจกลับไปซ้อมดนตรีกับไคโตะตามเดิม

    ขอโทษนะมีมี่ นี่คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้ว

    ทางฝ่ายมีมี่ที่เดินเป็นเป็ดหลงมาจนถึงสถานีตำรวจแล้วนั้น ก็กำลังเอ๋ออยู่กับตำรวจสองสามนายที่มารุมรอบตัวเธอเหมือนกับว่าเธอกำลังทำอะไรผิดอยู่สักอย่าง

    ขอโทษนะคะ ช่วยพาฉันไปที่บ้านของตระกูลซาโต้ทีเถอะค่ะ

    มีมี่บอกพวกเขาเป็นภาษาอังกฤษแต่พวกตำรวจกลับงงในสำเนียงเพี้ยนๆ ที่มีมี่พยายามสื่อออกมาเพื่อให้พวกตำรวจเข้าใจ แต่สำเนียงฝรั่งของเธอนั้นมันกลับเพี้ยนมากเกินไปจึงทำให้พวกเขายิ่งงง เธอจึงขอกระดาษจากพวกเขาและวาดเป็นรูปตัวเธอเอง โดยมีเครื่องหมายเควชั่นมาร์คไว้บนหัวตัวเองและเขียนคำว่า Where ไว้ที่ตัวการ์ตูนผู้ชายซึ่งวาดไว้ห่างจากรูปของเธอ พวกตำรวจนั้นก็พยักหน้าและรับที่อยู่ของตระกูลซาโต้มาจากมือของมีมี่ แต่แล้วพวกเขาก็ทำหน้างงอีกครั้งเมื่อที่อยู่ในกระดาษแผ่นนั้นถูกเขียนเป็นภาษาไทย

    พวกผมคงช่วยคุณไม่ได้เพราะพวกผมอ่านที่อยู่ของคุณไม่ออกเลยจริงๆ

    มีมี่ได้แต่พยักหน้า และก้มลงถอนหายใจเฮือกใหญ่ จบแล้วเรื่องของเธอกับเทปเปซัง...ความรักของเราคงไม่อาจไปด้วยกันได้ เมื่อสวรรค์ขีดเส้นชะตาให้เธอพลัดหลงอยู่กลางทางเช่นนี้ มันคงไม่มีตอนต่อไปของความรักระหว่างเรา...

    ลมที่จู่ๆ ก็กรรโชกแรงขึ้นมานั้นได้พัดแผ่นกระดาษที่เขียนที่อยู่ของตระกูลซาโต้ปลิวหายไป เธอพยายามวิ่งไล่ตามเก็บกระดาษแผ่นนั้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งกระดาษที่ถูกเขียนด้วยปากกาหมึกซึมปลิวตกลงไปในอ่างปลาหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอรีบล้วงมือลงไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู แต่แล้วน้ำก็ทำให้หมึกซึมกระจายไปทั่วทั้งแผ่น ไม่สามารถมองเห็นข้อความภายในที่ถูกเขียนได้เลย

    น้ำใสๆ เอ่อล้นเบ้าตาทั้งสองข้างทันทีที่สมองประมวลผลได้ชัดเจนว่าเธอกลายเป็นคนหลงทาง เธอปาดน้ำตาออกช้าๆ ก่อนจะคุกเข่านั่งลงอย่างหมดหวัง หมดหวังแล้วจริงๆ เมื่อเหตุการณ์มันพลิกผันเช่นนี้ ไม่คิดเลยว่าจะซวยเหมือนในการ์ตูนไม่มีผิด

    ฉับพลันดวงตาสีน้ำตาลก็เหลือบไปเห็นโปสเตอร์โฆษณาที่แปะอยู่ไม่ไกล ภาพวงKKTที่เด่นหลาอยู่นั้นทำให้เธอต้องรีบเข้าไปดู แต่ก็อ่านไม่ออก เลยต้องใช้โทรศัพท์มือถือกดแปลความหมายทีละตัวๆ

    วันที่25นี้ วงKKT จะมาแสดงที่สวนสาธารณะใกล้ๆ กับสถานีรถไฟอย่างนั้นเหรอ....

    ไม่เธอยังไม่หมดหวัง ถ้าหากวันคริสมาสต์นี้เธอได้ไปที่เวทีนั่น เธอจะได้พบกับเคนตะและเทปเป และเมื่อพวกเขาเจอเธอ พวกเขาจะต้องยอมให้เธอกลับบ้านด้วยแน่นอน รอยยิ้มอย่างมีความหวังระบายอยู่บนใบหน้าทันทีที่ทราบข่าว หยาดน้ำตาแห่งความปิติยินดีกลับมาไหลรินอีกครั้ง

    ขอบคุณค่ะพระเจ้า...ที่พระองค์ยังไม่ทอดทิ้งมีมี่


    ลาลาลา ลาลาลา

    เสียงโทรศัพท์ของเทปเปดังขึ้น เขารีบหยิบขึ้นมาดูเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอ แล้วสีหน้าที่เคยเคร่งเครียดกับการซ้อมดนตรีอย่างหนักก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสดใสเหมือนเด็กๆ เขารีบกดรับอย่างรวดเร็ว

    โมชิ โมชิ

    (ว่างมั้ย ออกมาเจอกันหน่อยได้มั้ย ขอร้องล่ะ)

     เสียงจากปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ยากเกินกว่าจะคาดเดาความรู้สึก เทปเปที่เริ่มเป็นห่วงอิจิโกะก็ตอบตกลงทันทีแม้ว่าเขาจะไม่ว่างก็ตาม

    อืม งั้นวันนี้ 2 ทุ่ม เดี๋ยวฉันไปหาที่ร้านราเมงของฮานะจังละกัน

    (ตอนนี้ไม่ได้เหรอ ฉันมีเรื่องสำคัญที่จะบอกเธอจริงๆ)

    อืม รอฉันแปบนะ

    เขาตอบรับทันทีด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าตัวเขาเองจะต้องซ้อมใหญ่เตรียมแสดงในคืนคริสมาสต์คืนพรุ่งนี้ก็ตาม แต่ด้วยความเป็นห่วงอิจิโกะที่มีมากกว่า เขาจึงไม่ลังเลที่จะออกไปหาเธอโดยไม่สนใจว่าจะโดนไคโตะปีศาจหิมะแหกอกเอาก็ตาม สิ้นเสียงเขาปลายสายก็วางไปอย่างรวดเร็ว

    ไคโตะ เคนตะ ฉันไปหาอิจิโกะก่อนนะ ขอโทษจริงๆ ที่อยู่ซ้อมไม่ได้

    เทปเปก้มหัวให้ทั้งสองคน ก่อนจะรีบหมุนตัวออกไปร้านอาหารด้วยความร้อนใจ อิจิโกะจังจะพูดอะไรกับเขานะ เรื่องสำคัญที่ต้องพูดให้ได้ในวันนี้คือเรื่องอะไร คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวสมองจนไม่อาจหยุดตั้งสติคิดได้

    เขารีบลงจากรถประจำทางและวิ่งไปตามทางเท้าที่ประดับประดาไปด้วยไฟหลากสี  ต้นคริสมาสต์ที่วางไว้ริมทางนั้นตกแต่งไปด้วยเครื่องประดับแวววาวมากมายโดยมีดอกไม้สีเหลืองจำพวกวิสคัมแต่งแต้มให้เห็นอยู่ทั่ว เหล่าคู่รักหลายต่อหลายคู่ต่างเดินควงแขนกันกะหนุงกะหนิงแสดงถึงความรักที่กำลังหวานชื่น ผิดกับความรักของเขาที่สั่นคลอนอยู่ทุกวินาทีจนไม่รู้ว่าวินาทีไหนที่ความรักของเขาและอิจิโกะจะสิ้นสุดลง

    เมื่อสองเท้าพาร่างเล็กๆ ของเขามาจนถึงร้านที่นัดหมายกับอิจิโกะ เขาก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับความกังวลไร้สาระของตัวเอง ปากบางนั้นคลี่ยิ้มออกเล็กน้อยให้กับหญิงสาวร่างบางที่ยืนรออยู่หน้าประตูร้าน แม้จะเหนื่อยกับการวิ่งมาไกลแต่ถ้าเพื่ออิจิโกะแล้ว เขาทนได้

    เทตจัง

    เธอเอ่ยชื่อของเขาด้วยเสียงที่แผ่วเบาแฝงไปด้วยความรู้สึกผิด ดวงตาสีน้ำตาลนั้นหลบต่ำไม่สู้หน้าของชายหนุ่ม เขาก้าวเข้ามาหาเธอใกล้ๆ ด้วยหัวใจที่เอ่อล้นไปด้วยความเป็นห่วง

    อิจิโกะจัง เป็นอะไรไป ใครทำอะไรเหรอ

    ฉันรู้ว่าเทตจังเหนื่อยมากกับงาน แล้วเธอก็คงจะเหนื่อยมากกับการคบกับฉัน ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วงเธออีกแล้ว เพราะฉะนั้น...เราอย่ามาเจอกันอีกเลยนะ

    อิจิโกะจัง

    ราวกับเวลาหยุดนิ่ง เมื่อรู้สึกตัว เทปเปก็ได้แต่ตะโกนเรียกชื่อเธอด้วยความตกใจ หากแต่สาวเจ้านั้นเดินหายไปท่ามกลางบรรยากาศวันคริสมาสต์ที่แสนรื่นเริงเสียแล้ว

    ผู้ชายอย่างเขาควรจะรู้สึกเช่นไร เสียใจเหรอ มันก็เสียใจอยู่หรอก แต่มันตกใจมากกว่า ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ทำไมอยู่ดีๆ เธอถึงบอกเลิกแบบนี้ เขาไม่เข้าใจเธอเลย

    มีมี่นั่งมองพวกเขาทั้งคู่จากฝั่งตรงข้ามผ่านม่านน้ำตาแวววาวด้วยสายตาที่เหม่อลอย สิ่งที่เธอมองเห็นตรงหน้าทำให้เธอเข้าใจถึงความเจ็บปวดจริงๆ คืนคริสมาสต์อีฟไม่ได้มอบความสุขให้กับทุกคนหรอก อย่างน้อยก็ไม่ได้มีแค่เธอที่ต้องอยู่คนเดียวเช่นนี้ อย่างน้อยก็ไม่ได้มีแค่เธอที่เจ็บปวด มือบางกำแผ่นโปสเตอร์คอนเสิร์ตวงKKTที่ดึงออกมาจากฝาผนังแน่น ความกดดันที่ถาโถมเข้ามาบีบให้น้ำตารินไหล

    อีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นในการตามหาเวทีคอนเสิร์ตของพวกเขา และถ้าหากเธอพลาดโอกาสนี้ การจะได้เจอคู่หมั้นของเธอก็จะกลายเป็นเพียงแค่ความฝัน และผู้ชายร่างเล็กที่ชื่อเทปเปก็จะมลายหายไปกับอากาศเช่นเดียวกัน

    เทปเปเหลือบมองเธอแวบหนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบาร์ไป เขานั่งดื่มอะไรนิดหน่อยเพื่อระบายความเศร้า เพราะนิสัยที่ไม่ชอบเล่าเรื่องแย่ๆ ให้เพื่อนฟัง เขาจึงต้องเก็บเงียบเอาไว้คนเดียวอย่างนี้ ไม่นานนักเขาก็ออกมาพร้อมกับสภาพจิตใจที่ไม่ได้ดีขึ้นเลยแต่ก็ซ่อนไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย

    มือหนาผลักประตูกระจกออกไปกระแทกหน้าของมีมี่ที่เดินร้องไห้เข้าอย่างจัง มือบางรีบยกขึ้นคลำจมูกของตัวเองอย่างรวดเร็ว

    ขอโทษครับ

    ชายร่างเล็กขอโทษด้วยภาษาญี่ปุ่นพร้อมกับก้มศรีษะให้เธอ เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาดูเมื่อไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกจากปากเธอเลย มีเพียงเสียงสะอื้นเท่านั้นที่ดังลอดผ่านริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพู

    ฮือๆ

    ดั้งหักรึเปล่าครับ ไปโรงพยาบาลมั้ยเขาถามด้วยความเป็นห่วง

     รู้สึกแย่จริงๆ ที่มาทำให้ผู้หญิงร้องไห้แบบนี้ แถมยังต้องเจ็บตัวเพราะเขาอีกต่างหาก

    มีมี่สะอึกไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงนุ่มคุ้นหูพูดด้วยภาษาญี่ปุ่น ความกดดันจู่โจมอีกครั้ง นั่นทำให้เธอตระหนักได้ว่าตัวเองไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ และไม่สามารถอยู่ในดินแดนแห่งนี้ได้เพียงลำพัง

    ฉันฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออก

    เจ็บตรงไหนรึเปล่าครับเทปเปถามอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษ

    จมูก...และหัวใจค่ะ

    พูดจบน้ำตาก็ไหลพรากๆ ราวกับมีเข็มนับสิบนับพันทิ่มแทงอยู่ในหัวใจ สิ่งที่เคนตะทำกับเธอในครั้งนี้มันเจ็บแสบมาก หากเธอมองในแง่ลบแล้ว เธอคิดว่าทางฝ่ายเคนตะเองก็จ้องเล่นงานเพื่อที่จะยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้อยู่เหมือนกัน แต่การทิ้งเธอไว้ที่สนามบินแล้วคิดว่าเธอจะปอดแหก ยอมยกธงขาวกลับไทยไปก่อน มันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะยังไงซะ เธอก็ดั้นด้นมาที่แดนปลาดิบแห่งนี้เพื่อผู้ชายที่ชื่อเทปเป ไม่ใช่เคนตะ

    ขอโทษค่ะ ตอนนี้ฉันกำลังหลงทางและไม่รู้ว่าควรจะไปทางไหน ฉัน...คงหมดหวังแล้วจริงๆ

    น้ำตาเม็ดโตค่อยๆ ไหลลงมาคลอเคลียแก้มเนียน กระชากหัวใจเทปเปให้หวั่นไหว เขาล้วงมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงส่งให้มีมี่ก่อนจะจูงมือเธอออกมาให้พ้นจากหน้าประตู

    ให้ผมช่วยพาคุณไปส่งที่เอามั้ย ถือว่าแทนคำขอโทษที่ผมเปิดประตูกระแทกหน้าคุณก็ได้

    ถึงแม้มีมี่จะไม่เข้าใจในสิ่งที่เทปเปพูดทั้งหมด แต่เธอก็เชื่อว่าชายหนุ่มเสียงนุ่มที่ดูคุ้นหน้าคนนี้สามารถไว้ใจได้และไม่ทำอันตรายเธอแน่นอน เธอจึงพยักหน้าเบาๆ แล้วส่งแผ่นโปสเตอร์ที่ถูกกำไว้แน่นให้เขา

    เทปเปค่อยๆ คลี่แผ่นกระดาษนั้นออกและค่อนข้างแปลกใจในสิ่งที่เห็น ความสงสัยผุดขึ้นในหัวสมองแต่ก็ไม่ได้ถามออกไปเพราะอุปสรรคทางภาษา ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยถนัดในการพูดภาษาอังกฤษสักเท่าไหร่ อะไรไม่สำคัญก็ลืมๆ มันไปเสียเถอะ อย่าเก็บมาใส่ใจเลยจะดีกว่า

    มันเป็นความหวังสุดท้ายของฉันแล้วค่ะ ได้โปรดพาฉันไปที่นั่นด้วยเถอะ

    หยาดน้ำตาที่รินไหลอาบแก้มและสายตาที่อ้อนวอนขอความช่วยเหลือมายังเขาทำให้เทปเปไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องนั่นได้เลยแม้แต่น้อย มือหนาคว้ามือบางของมีมี่มากุมไว้เป็นเชิงให้กำลังใจ ราวกับแสงสว่างเพียงน้อยนิดที่สาดส่องเข้ามายังเส้นทางที่มืดมน

    อย่าร้องไห้เลยนะ

    แค่เพียงถ้อยคำสั้นๆ เท่านั้นที่ทำให้หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น เธอค่อยๆ ดึงมือออกจากมือของเขาและยกขึ้นปาดน้ำตา

    ที่ที่เธอจะไปไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่หรอก เดินไปไม่นานก็ถึงแล้ว

    ขอบคุณค่ะ

    สิ้นเสียงเธอ เทปเปก็ยื่นชายเสื้อให้มีมี่จับเอาไว้กันหลง เนื่องจากคนพลุกพล่านและเธอเองก็เป็นชาวต่างชาติ เขาจึงต้องพยายามช่วยเธอให้ถึงที่สุด มีมี่เองก็จับชายเสื้อของเขาด้วยหัวใจที่เต้นรัว ในหัวสมองพยายามนึกให้ออกว่าเคยเจอชายคนนี้ที่ไหนกัน ? โครงหน้ามนๆ หวานๆ ดวงตากลมโต จมูกโด่งได้รูปและริมฝีปากสีชมพูที่แสนจะคุ้นตานี่ติดอยู่ในความทรงจำเธอเหลือเกิน แต่ทำไมกันนะ ไม่ว่าจะพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก แล้วหัวใจ...ทำไมถึงได้เต้นรัวอย่างนี้

    ขอโทษนะคะ ขอทราบชื่อคุณได้มั้ยคะ

    อ่า...ไม่สำคัญหรอกครับ

    เทปเปเลือกที่จะไม่บอก ปล่อยให้มีมี่ไม่รู้จักเขาน่ะดีแล้ว เพราะถ้าหากรู้ว่าเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกวงKKTที่เธอกำลังจะไปดูคอนเสิร์ต เรื่องคงได้วุ่นวายไปมากกว่านี้แน่ๆ หรือถ้ามีมี่เจอคนที่เธอรู้จักแล้วเอาไปเล่าให้เขาฟัง เคนตะและไคโตะได้เชือดเขาตายแน่นอน

    ค่ะ...ว้าวสวยจังเลย

    มีมี่เผลออุทานออกมาเมื่อได้เห็นต้นคริสมาสต์ขนาดยักษ์ที่ประดับประดาไปด้วยไฟหลากสีสวยงาม เทปเปเหลือบมองเธอพร้อมกับยิ้มบางๆ

    ในที่สุดมีมี่ก็จะได้เจอพวกเขาแล้ว มีมี่จะไม่เป็นเป็ดหลงอีกต่อไป หนอยแน่นังเคนตะ ฉันจะกะซวกไส้แกให้เป็ดกิน โทษฐานทำร้ายจิตใจคนสวย

    เทปเปชักเห็นท่าไม่ดี แม้ว่ามีมี่จะพูดเป็นภาษาไทยที่เขาฟังไม่ออกก็ตาม แต่ชื่อเคนตะที่มี่มี่พูดออกมาและท่าทางน่ากลัวทำให้เขาเริ่มหวั่น

    ถึงแล้วครับ ว่าแต่คุณมาที่เวทีนี่เพื่อมาดูคอนเสิร์ตเหรอครับ คอนเสิร์ตมันมีพรุ่งนี้นะ ไม่ใช่วันนี้

    ฉันมาที่นี่เพื่อผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันหลงรัก และเพื่อกำจัดผู้ชายอีกคนที่เป็นตัวขัดขวางความรักของฉัน

    อา...แล้วถ้าคุณเจอเขาแล้วคุณจะทำยังไงกับคนที่คุณรักเหรอครับ

    ก็ทำให้เขารักฉันไงคะ ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่รู้จักฉัน แต่ฉันจะต้องทำให้เขารักฉันให้ได้เลย และถึงแม้ฉันจะทำให้เขารักฉันไม่ได้ แต่ยังไงฉันก็จะต้องกำจัดผู้ชายคนนั้นให้ได้ ไม่ได้ไม่กลับไทยแน่นอน คอยดู

    ผู้หญิงคนนี้มุ่งมั่นดีจัง...ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจของเธอต้องส่งผ่านมันไปให้ผู้ชายที่เธอรักให้ได้นะ เทปเปได้แต่คิดในใจโดยไม่รู้สักนิดว่าผู้ชายที่มีมี่รักคือตัวเขาเอง

    ต้นคริสมาสต์ขา...อวยพรให้มีมี่ได้เจอกับพวกเขาด้วยนะคะ ได้โปรดช่วยดลบันดาลให้แผนการของมีมี่สำเร็จด้วยเถอะค่ะ

    มีมี่ประสานมือขอพรจากต้นคริสมาสต์ยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลังเวที เทปเปมองเธอด้วยความฉงน เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอใครมันบ้าขอพรจากต้นคริสมาสต์อย่างกับนางเอกในการ์ตูนที่ชอบทำอะไรเพี้ยนๆ ไม่มีผิด สงสัยยัยนี่จะเพี้ยนไปแล้ว

    ฮ่าๆ ที่ประเทศของฉัน เราจะขอพรจากต้นไม้ใหญ่ๆ ที่เชื่อว่ามีเทวดาอาศัยอยู่ แต่ที่ญี่ปุ่นไม่มีต้นโพธิ์ ต้นไทร ให้ฉันขอพรเลยนี่ ฉันก็เลยขอพรจากต้นคริสมาสต์แทน

    มีมี่อธิบายเมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอยิ้มด้วยรอยยิ้มที่แสนสดใส แม้ว่าคราบน้ำตาจะยังไม่เหือดหายก็ตาม แต่รอยยิ้มนั้นก็สดใสจับใจเทปเปจริงๆ แต่กระนั้น ใบหน้าที่ซีดเซียวเหมือนคนหมดแรงของมีมี่ก็ทำให้เขาอดสงสารไม่ได้ ผู้หญิงตัวเล็กๆ จากแดนไกลที่เดินทางมาตามหาคนรัก และยังหลงทางอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าเธอจะได้ทานอะไรบ้างรึเปล่านะ

    ก่อนออกมาจากร้าน ผมแวะซื้อขนมเค้กมา ถ้าไม่รังเกียจ ทานด้วยกันมั้ยครับ

    ว้าวคุณชวนฉันทานเค้กเหรอ โอ้พระเจ้าเกรงใจคุณจัง แต่ก็ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณมากๆ ค่ะ

    ฮ่าๆ ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ถ้าไม่ได้ทานอะไรเลย พรุ่งนี้จะมาดูคอนเสิร์ตไม่ไหวนะ

    ไม่รอให้มีมี่พูดต่อ เขาจับข้อมือเล็กๆ ของเธอมาที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ทันที เทปเปได้แต่ยิ้มให้กับมีมี่ตลอด เขาสงสารเธอจับใจแต่ไม่รู้จะสื่อออกมาอย่างไรดีนอกจาการยิ้มเพื่อให้กำลังใจ มีมี่เองก็ยิ้มตอบตลอด เธอไม่ได้อยากอ่อนแอขนาดนี้ ไม่ได้อยากจนมุมขนาดนี้ด้วย ผู้ชายตรงหน้าช่วยเธอมากมายจริงๆ นอกจากจะช่วยพาเธอมาเจอวง KKT แล้ว ยังแบ่งขนมเค้กให้เธอทานประทังชีวิตอีก ถ้าไม่เพราะเธอไม่ได้ทานอะไรเลยมาตลอดทั้งวันและกำลังจะหมดแรง เธอจะไม่ทานเค้กของเขาเด็ดขาด

    ขนมเค้กแสนหวานค่อยๆ ถูกตักทานจนหมดเหลือเพียงเศษขนมที่ติดอยู่บนกล่อง มีมี่ได้แต่กล่าวขอบคุณเขา ไม่มีคำพูดอื่นใดอีกแล้วที่จะพูดได้มากไปกว่าคำคำนี้

    นี่ก็ดึกแล้ว ไม่ทราบว่าคุณพักที่ไหนครับ ให้ผมไปส่งมั้ย

    ฉันรบกวนคุณมามากพอแล้วค่ะ ทั้งเรื่องที่ฉันหลงทาง และเรื่องช็อกโกแลตสตรอเบอรี่นี่อีก ต้องขอบคุณคุณมาก ถ้าไม่มากเกินไป ช่วยส่งฉันแค่ต้นคริสมาสต์ก็พอเธอลากกระเป๋าเดินทางมาใกล้ๆ ตัว

    เทปเปเดินมาส่งเธอที่ต้นคริสมาสต์ที่เดิม ก่อนจะส่งกระเป๋าเดินทางของเธอที่เขาถือมาคืนให้ มีมี่รับอย่างรวดเร็วและรีบยกมือไหว้ตามแบบไทย เทปเปเองก็โค้งตอบ เพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรจึงโค้งตัวให้แบบคนญี่ปุ่น

    ฮ่าๆ ขอบคุณมากค่ะ ฉันจะรอพวกเขาอยู่ที่นี่ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือนะคะ ไว้คุณมาประเทศไทยเมื่อไหร่ โทรบอกฉันที่เบอร์นี้นะคะ ฉันจะพาคุณเที่ยวเอง ถือเป็นการตอบแทนนะคะ

    ครับ ไว้พรุ่งนี้เจอกันนะครับ

    เทปเปบอก ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งให้มีมี่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกว่าทำไมพรุ่งนี้ถึงได้เจอกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×