คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เปลวไฟรักนั้นรุนแรงเหลือเกิน
1
เปลวไฟรักนั้นรุนแรงเหลือเกิน
หน้าจอคอมพิวเตอร์ยังคงส่องแสงสว่าง มันถูกเปิดใช้งานข้ามวันข้ามคืนอย่างไม่มีหยุดพัก เพียงเพราะเจ้าของใจร้ายใช้ต่ออินเตอร์เน็ตเล่นอย่างต่อเนื่อง
“กรี๊ด....ไม่ยอมๆ มีมี่คนนี้จะไม่ยอมให้ใครแย่งลูฟี่จังไปเด็ดขาด นังนามิ แกจะเข้าใกล้ลูฟี่จังมากเกินไปแล้ว”
มีมี่โวยวายลั่น เมื่อตัวการ์ตูนหญิงผมสีส้มเดินเข้าไปใกล้กับลูฟี่มนุษย์ยางในการ์ตูนเรื่องโปรด เธอมักจะใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อเปิดดูการ์ตูนญี่ปุ่นเป็นประจำ ด้วยความที่ชอบดูการ์ตูนญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ ห้องของเธอจึงเต็มไปด้วยโปสเตอร์การ์ตูนเรื่องโปรด และข้าวของทุกอย่างก็เป็นการ์ตูนไปเสียหมด
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนจะถูกเปิดออก นรินทร์เดินเข้ามาข้างหลังเธอ มือหนานั้นยื่นมาลูบหัวลูกสาวเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง
“ตี 3 แล้ว นอนได้แล้วลูก”
“หนูขอดูการ์ตูนเรื่องนี้จบก่อนนะ” มีมี่บอกส่งๆ
ดูจบเหรอ...จบรอบที่เท่าไหร่กันแน่ การ์ตูนเรื่องนี้เธอดูมา12รอบแล้ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อเลยสักครั้ง แม้ว่าเธอจะเป็นสาวขี้เบื่อก็ตาม แต่การ์ตูนเรื่องนี้นี่มันโดนใจจริงๆ ต่อให้ดูรอบที่พันก็คงจะยังไม่เบื่อ (มันก็แค่คงจะล่ะนะ - -*)
“มีมี่ครับ ลูกอายุ 22 แล้วนะ จะแต่งงานอยู่แล้ว ยังจะดูการ์ตูนอีกเหรอ”
“แต่งงานอะไรกันล่ะพ่อ แฟนเฟินอะไรหนูยังไม่มีเลย จะให้หนูแต่งกับใครล่ะคะ”
มีมี่แค่พูดออกไปเล่นๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่พ่อของเธอพูดมาเป็นความจริง เธอกำลังจะแต่งงานกับคนในตระกูลซาโต้ หลานชายของเพื่อนพ่อเธอเอง
“ก็แต่งงานกับคนนี้ไง”
นรินทร์ยื่นวีซีดีบันทึกการแสดงคอนเสิร์ตของวงชายล้วนวงหนึ่งมาให้ ด้านหน้าปกเป็นรูปชายหนุ่มหน้าตาดี 3 คนที่กำลังยิ้มแฉ่งโชว์ฟันขาว
“ก็หล่อดีนะ แต่หนูชอบลูฟี่คุงมากกว่า อ๊างงงง....”
มีมี่วางแผ่นซีดีลงบนโต๊ะคอมพิวเตอร์อย่างไม่ใส่ใจ เห็นผ่านๆ ก็ละลายหัวใจอยู่หรอก แต่ถึงอย่างไร เธอก็สนใจการ์ตูนที่เปิดอยู่ตรงหน้ามากกว่า
“ไม่สนใจไม่ได้แล้ว เราต้องแต่งงานกับเขาเชียวนะ สนใจหน่อยเถอะลูก”
นรินทร์บอก ในใจนั้นแสนหวั่นกับลูกสาวเพียงคนเดียว อายุอานามก็ปาเข้าไป 22 แล้ว มหาลัยก็เรียนจบเรียบร้อย แถมได้เกียรตินิยมอันดับ 1 อีกต่างหาก มันจะไม่มีอะไรให้น่าหวั่นเลยสักนิด ถ้าการเรียนดีของเธอจะช่วยอะไรบ้างในเรื่องของความรัก อายุ 22 วันๆ เอาแต่นั่งดูการ์ตูนไม่หลับไม่นอน ไม่มีเลยที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเซย์ฮัลโหลกับผองเพื่อน ไม่มีเลยที่จะออกไปไหนกับใคร และไม่มีเลยที่จะวี๊ดวี๊วไปกับความรักในวัยหนุ่มสาว
“พ่อพูดจริงเหรอ...หนูกำลังจะถูกคลุมถุงชนสินะ”
“ใช่”
นรินทร์ตอบเสียงเรียบ สิ่งที่เขาคาดหวังจากตัวลูกสาวคืออาการคัดค้านหัวชนฝาอย่างลูกสาวเศรษฐีทั่วๆ ไป หรือไม่ก็อาการตกใจทำอะไรไม่ถูก แต่สิ่งที่เขาได้รับจากตัวมีมี่ คือแววตาที่ทอประกายสดใส เธอพุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็วและถามเสียงใสว่า
“จริงเหรอคะ พ่อไม่ได้โกหกนะ”
เขาเพียงแต่พยักหน้าเบาๆ การถูกคลุมถุงชนมันจะทำให้หญิงสาวคนหนึ่งดีใจถึงขนาดนี้เชียวหรือ มันต้องเสียใจไม่ใช่หรือไง เขาค่อนข้างงงกับพฤติกรรมของลูกสาวคนเดียว แต่ก็พอจะทำใจยอมรับความบ้าในตัวเธอได้อยู่
“ว้ายๆๆๆๆ ตื่นเต้นจังเลยอ่ะ มันจะสนุกเหมือนในการ์ตูนรึเปล่าคะพ่อ ฮ่าๆๆๆๆ เสร็จฉันแน่”
มีมี่ดี๊ด๊าใหญ่ เธอรีบวิ่งเข้าหาคอมพิวเตอร์และปิดหน้าต่างการ์ตูนวันพีชอย่างรวดเร็ว มือบางนั้นเปิดแผ่นวีซีดีออกและใส่มันในเครื่องคอมพิวเตอร์ ทันทีที่เสียงดนตรีคอนเสิร์ตเริ่มต้นขึ้น เสียงกรี๊ดกร๊าดจากผู้หญิงมากมายที่อยู่ด้านล่างเวทีก็ดังกระหึ่มขานรับเสียงดนตรีเช่นเดียวกัน
“น่าเบื่อ อย่าบอกนะว่าหนูจะต้องแต่งงานกับคนแบบนี้จริงๆ”
เธอพูด แทบจะทันทีที่เห็นสามหนุ่มร้องเพลงเป็นภาษาญี่ปุ่นที่เธอฟังไม่ออกอยู่บนเวที แต่ก็แทบจะทันทีเช่นกันเมื่อดวงตาสีน้ำตาลไหม้นั้นจ้องมองไปยังชายหนุ่มร่างเล็กที่สุดในกลุ่ม ผู้ซึ่งกำลังโชว์ลีลาการเล่นกีตาร์อย่างเมามัน
“อ๊า....สุโค่ย แต่งกันคนแบบนี้ก็ดีเยี่ยมไปเลยค่ะ โฮะๆๆๆๆ นี่แหละผู้ชายในฝัน คนนี้เลยรักแท้ที่ฉันตามหา”
หัวใจเต้นแรงเป็นจังหวะรัวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ร่างกายนั้นรู้สึกร้อนรุ่มเหมือนโดนไฟแผดเผา ให้เธออยู่เฉยๆ ตอนนี้คงทำไม่ได้ สมองและหัวใจสามัคคีกันได้ถูกเวลา เมื่อเรื่องที่พ่อบอกไว้เมื่อครู่ว่าจะให้แต่งงานกับคนในสามคนนี้ผุดขึ้นในหัวสมอง หัวใจก็กางปีกบินนำหน้าเจ้าตัวไปญี่ปุ่นทันที
“มะ...มีมี่ ลูก...พ่อ..โอ๊ย พ่อสับสนไปหมดแล้ว ผู้หญิงปกติเขาต้องไม่ยอมสิลูก ถึงอยากแต่งแต่ก็เล่นตัวหน่อยสิลูก”
“แล้วหนูมันปกติซะที่ไหนล่ะคะ ให้เล่นตงเล่นตัว น่าเบื่อจะตายไม่เอาด้วยหรอก”
มีมี่ทำหน้าแหย เธอเกลียดผู้หญิงเรื่องมาก ชอบใช้มารยายั่วยวนผู้ชายที่สุด ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่ถ้าจะให้เธอทำอะไรตามแบบผู้หญิงๆ ล่ะก็ ฝันไปเถอะ!
“คนที่หนูต้องแต่งงานด้วยเขาเป็นใครเหรอคะ มือกีตาร์ มือเบส หรือนักร้อง”
มีมี่ถามเข้าประเด็นทันที ความรู้สึกแบบนี้ใช่ไหม ที่เขาเรียกว่าตกหลุมรัก ในการ์ตูนญี่ปุ่นก็บอกบ่อยๆ เธอมั่นใจว่าเธอตกหลุมรักเขา ชายหนุ่มตัวเล็กคนนั้นเข้าอย่างจัง ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็คงไม่อาจหยุดหัวใจดวงนี้ได้
“นักร้องจ๊ะ”
นักร้องเหรอ...จะว่าไปชายหนุ่มทั้งสามก็ร้องเพลงด้วยกันทั้งสามคนเลยนี่ แล้วคนที่ถือกีตาร์อยู่ก็มีสองคนด้วย คนหนึ่งเป็นชายร่างเล็กที่เธอพิศวาสทันทีตั้งแต่แรกเห็น ส่วนอีกคนเป็นชายร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ๊ตสีขาว กำลังดีดกีตาร์อย่างเมามันเช่นเดียวกัน ส่วนอีกคนก็ถือเบสยืนทำหน้าตายอยู่ข้างหลัง
แล้วคนที่ฉันต้องแต่งงานด้วยมันคนไหนล่ะเนี่ย? เล่นจับไมค์ร้องเพลงด้วยกันหมดแบบนี้ โอ๊ย! ตื่นเต้น
“คนไหนคะ...กรี๊ด! น่ารักที่สุดเลยอ่ะ”
แล้วเรื่องทุกอย่างก็ถูกลืมไปอย่างง่ายดาย ด้วยการที่นักร้องชายผู้มากระชากใจเธอไปครอบครองนั้นสะดุดสายไฟล้มไปกองกับพื้น นอกจากจะตัวเล็กแล้วยังซุ่มซ่ามอีก แทนที่เธอจะมองในแง่ลบ กลับเห็นว่ามันนั้นน่ารักน่าทะนุถนอม เมื่อชายผู้นั้นลุกขึ้นมาหัวเราะเสียงแห้งๆ ให้กับผู้ชม และพูดอะไรสักอย่างซึ่งมีมี่ฟังไม่ออก ซึ่งนั่นก็เรียกเสียงหัวเราะและเสียงกรี๊ดให้ดังกระหึ่มเลยทีเดียว ถ้าหากนี่เป็นการ์ตูนที่เธอชอบดู ดวงตากลมโตสีน้ำตาลไหม้ของเธอก็คงแปรเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจสีชมพูหวานแล้วล่ะ
ฉับพลันเสียงเรียกชื่อเทปเปก็ดังขึ้น ผู้คนที่มาชมพร้อมใจกันผสานเสียงเรียกเพื่อให้กำลังใจชายร่างเล็กผู้นั้น แม้มีมี่จะฟังชื่อไม่ค่อยชัด แต่เพราะป้ายที่พวกแฟนคลับทำมาก็ทำให้เธอรู้ชื่อของคนที่เธอตกหลุมรักทันที
TEPPEI !~ WE LOVE TEPPEI
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เอาถ่านด้านภาษาอังกฤษเลย แต่เธอก็อ่านประโยคสั้นๆ ง่ายๆ นี้ออก เทปเป! พวกเรารักเทปเป เธอเองก็ตกหลุมรักและขออุทิศทั้งตัวทั้งหัวใจให้เขาด้วยเช่นกัน ไม่สนแล้วว่าจะต้องแต่งงานกับใคร...จะมือกีตาร์ตัวสูงคนนั้น หรือจะมือเบสร่างสูงท่าทางเย็นชาที่ยืนอยู่ข้างหลัง ขอแค่ได้อยู่ใกล้เทปเป ให้ทำอะไรเธอก็ยอม! ถ้าหากไปอยู่ใกล้ชิดกับพวกเขาแล้ว บางที...เทปเปอาจจะหลงรักเธอ และเปลี่ยนมาเป็นคู่แต่งงานของเธอแทนก็ได้ แค่คิดหัวใจก็เต้นรัว เลือดไหลเวียนสูบฉีดดีเลยทีเดียว ไม่รู้แหละ มีมี่ไม่สนอะไรทั้งนั้น สิ่งที่อยู่ในหัวมีเพียงอย่างเดียว...
“คุณพ่อขา...หนูจะไปตามหารักแท้!”
นรินทร์หน้าเจื่อนไปเลยเมื่อได้ยินเสียงประกาศกร้าวของลูกสาวจอมเพี้ยน ใจจริงเขาก็อยากให้เรื่องมันง่ายแบบนี้อยู่ แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่ามันจะง่ายขนาดนี้ มันง่ายดายและไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลยเมื่อเทียบกับความเป็นจริง...แต่ลูกสาวจอมเพี้ยน ก็เพี้ยนแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร การจะทำอะไรให้เขาช็อคและผิดคาดแบบนี้จึงเกิดขึ้นเป็นประจำ
“เราไม่สงสัยอะไรเลยเหรอ ตกใจหน่อยก็ดี สงสัยหน่อยก็ได้”
“เอ๋?...”
มีมี่ทำหน้าสงสัย ดวงตากลมโตนั้นจ้องมองผู้เป็นพ่อ มือบางกำหมัดหลวมๆ ยกขึ้นไว้ใกล้ปากเช่นเดียวกับในการ์ตูนที่เธอชอบดู แอ๊บไปฆ่าใครไม่รู้ แต่สิ่งที่รู้คือแอ๊บแบ๊วแล้วมันมีความสุข
“ตอนแรกพ่อก็จะห้ามไม่ให้ไปนะ เข้าใจว่ามันเป็นอารมณ์ชั่ววูบของลูก แต่ลูกรีบไปเถอะ อย่าอยู่ใกล้พ่อเลย เหนื่อยใจเหลือเกิน บางทีลูกไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแล้วอาจจะดีขึ้นก็ได้นะลูก เผื่อจะเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น”
เขากุมขมับกับท่าทางปัญญาอ่อนของลูกสาวสุดที่รัก เหนื่อยใจ...นี่คงเป็นคำจำกัดความ ความรู้สึกที่มีต่อลูกสาวเพียงคนเดียวได้ดีที่สุด ไม่ได้เหนื่อยใจที่มีมี่ทำตัวเกเร ไม่ได้เหนื่อยใจที่เธอทำตัวแย่ แต่เหนื่อยใจกับความติ๊งต๊อง รั่ว บ้า ของเธอ
“เฮ้อ...พ่อกับลุงของเขาหมั้นลูกไว้ตั้งแต่เล็กๆ แล้ว เหลือก็แต่ทำให้ทั้งสองคนรักกัน แล้วก็แต่งงานกันเท่านั้นเอง”
“ทำไมต้องหมั้น”
“พ่อกับลุงเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน เพราะลุงอยากจะตอบแทนที่พ่อช่วยดูแลกิจการแทนตอนที่เขาล้มป่วยจนตอนนี้เขาร่ำรวยเป็นเศรษฐีใหญ่ เขาเลยจะขอให้หลานชายเพียงคนเดียวของเขามาดูแลลูกสาวสุดที่รักของพ่อ”
นรินทร์อธิบายยืดยาว แต่ลูกสาวตัวดีก็หงายหลังหลับปุ๋ยไปแล้ว ไม่ได้สนใจฟังเรื่องที่เขาบอกเลยสักนิดถึงแม้ว่ามันจะสำคัญกับตัวเองก็ตาม
“เฮ้อ...”
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะเอาแผ่นวีซีดีคอนเสิร์ตของว่าที่ลูกเขยออกจากคอมฯ และปิดคอมฯ ให้ มือหน้านั้นหยิบผ้าห่มมาห่มให้ลูกสาวสุดที่รักก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง
แสงสีทองลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาแยงตาของมีมี่ เธอค่อยๆ ลืมตาช้าๆ และกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับแสง ค่อยๆ นึกทบทวนเรื่องเมื่อคืน...เป็นไปได้หรือ ที่เธอจะตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่งตั้งแต่แรกเห็น แค่เพียงรอยยิ้มละลายหัวใจของเขาที่ยิ้มผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์มา จะทำให้หัวใจของเธอตกเป็นของเขาได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ...
มีมี่ไม่เคยเชื่อในคำว่าปาฏิหาริย์เลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้เห็นทีว่าจะต้องเชื่อแล้วจริงๆ เมื่อคนที่เธอกำลังจะแต่งงานด้วยคือหนึ่งในสามคนนั้น มันเท่ากับ33.33333% เลยที่จะเป็นเทปเป
ตั้ง 33.33% จะมาทำเป็นล้อเล่นกับโชคชะตาไม่ได้แล้ว
“ตายล่ะ นี่ฉันมีคู่หมั้นแล้วอย่างนั้นเหรอ แถมคู่หมั้นก็เป็นคนญี่ปุ่นเสียด้วย”
มีมี่เริ่มหวั่นใจ เธอควรจะรู้สึกอย่างไรกันแน่ ควรจะตกใจ เสียใจ หรือดีใจมันถึงจะถูก เมื่อคืนก็มัวแต่หลงระเริงไปกับเทปเป ไม่ได้ถามข้อมูลเรื่องคู่หมั้นของตัวเองเลยสักนิด ให้ตายเถอะ ทำไมตัวเองถึงได้งี่เง่าถึงเพียงนี้นะ ได้แต่ด่ากราดตัวเองอยู่ในใจ ถึงจะด่าอย่างไรก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะความจริงก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว
ดูการ์ตูนอยู่ดีๆก็จับผลัดจับผลูมาแต่งงาน ให้มันได้อย่างนี้สิจอร์จ
“เทปเปเหรอ อยู่วงอะไรก็ไม่รู้ หน้าตาก็จำได้เลือนลางเหลือเกิน จะพึ่งกูเกิ้ลเสิร์ชหาดีมั้ยเนี่ย”
ไม่ต้องครุ่นคิดต่อให้เสียเวลา พึมพำกับตัวเองต่อไปก็ไม่ทำให้ได้ข้อมูลของหวานใจขึ้นมาได้ สู้แหกขี้ตามาเปิดคอมพิวเตอร์ ต่ออินเตอร์เน็ตแล้วแชทกับหนุ่มๆ ดีกว่า เอ๊ย!มาพึ่งกูเกิ้ลเสิร์ชหาข้อมูล
เมื่อเปิดคอมฯ และเข้าหน้ากูเกิ้ลแล้วเรียบร้อย คำว่าเทปเปก็ถูกพิมพ์ลงในช่องเสิร์ชเอนจิ้นทันที แล้วไม่นาน ข้อมูลทั้งหลายทั้งแหล่ก็โผล่ออกมาเต็มไปหมด แต่ทำไปทำมามีมี่ก็อ่านไม่ออกเลยสักตัว เธอจึงเลือกเปิดเว็บไซด์แฟนคลับของประเทศไทย แต่พอดูรูปบวกกับข้อมูลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประวัติ วันเดือนปีเกิด สิ่งที่ชอบไม่ชอบ ประวัติผลงาน การแสดงละครที่เคยผ่านมา ข้อมูลทั้งหลายทั้งแหล่ก็ทำเอามีมี่ปวดหัว เธอเลือกที่จะปิดหน้าต่างโปรแกรมอย่างรวดเร็ว
คนจะรักกัน มันรักกันที่ใจ ไม่ใช่ข้อมูล
เพราะฉะนั้นแล้ว ข้อมูลพวกนั้นแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีความจำเป็นต่อมีมี่เลย สิ่งที่เธอต้องทำตอนนี้คืออะไร มีมี่เองก็ยังไม่รู้ แต่จะให้มานั่งกังวลใจกับเรื่องคู่หมั้นเหมือนผู้หญิงอื่นๆ ทั่วๆ ไปน่ะเหรอ ไม่มีทาง! ทั้งๆ ที่คนที่เธอจะหมั้นด้วยอาจจะเป็นเทปเปซังก็ได้ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี ว่าเธอตกหลุมรักเทปเปซังเข้าไปแล้วจริงๆ น่ะหรือ แล้วถ้าหากไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันแล้ว เทปเปซังจะรักเธอได้อย่างไร
ทั้งที่บอกว่าจะไม่มานั่งวิตกกังวลเรื่องคู่หมั้น เรื่องแต่งงานอย่างผู้หญิงคนอื่น แต่จนแล้วจนรอด มีมี่ก็มานอนคิดเรื่องนั้นอยู่ดี แม้จะความรู้สึกช้า เก็บมานั่งเครียดหลังจากที่ได้ทราบข่าวหลายชั่วโมง แต่มันก็อดคิดไม่ได้นะ เพราะเรื่องแต่งงานมันเท่ากับชีวิตทั้งชีวิตเลยทีเดียว กว่าจะรู้ตัวว่ามันไม่สนุกอย่างที่คาดเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรกก็สายไปเสียแล้ว
ในเมื่อหมั้นไปแล้ว อีกไม่นาน เวลาแต่งงานของเธอและบุรุษปริศนาที่เป็นหนึ่งในนักร้องวงKKT ก็จะต้องมาถึงอย่างแน่นอน สิ่งที่การแต่งงานต้องการก็คือความรัก ยังไงซะ...ก็คงหนีไม่พ้นการไปญี่ปุ่นอยู่ดี
เอาล่ะเทปเปซัง...ฉันไม่ปล่อยนายแน่! คนที่ฉันจะแต่งงานด้วย คือนายคนเดียวเท่านั้น จับกดมันเป็นยังไงไม่รู้ แต่ถ้านายขัดขืน หึหึหึ ไม่รับประกันความปลอดภัย
มีมี่เลิกคิดฟุ้งซ่าน รีบลุกจากโต๊ะคอมฯ มาจัดกระเป๋าเตรียมเดินทาง นี่ก็วันที่18 ธันวาคมแล้ว เวลาไม่เคยคอยใครและเธอเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการแต่งงานจะเริ่มเมื่อไหร่ การทำให้เทปเปมาหลงรักเธออาจจะใช้เวลายาวนานกว่าที่คิด หรืออาจจะทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็คิดว่าเธอควรจะไปญี่ปุ่นให้เร็วที่สุด
เมื่อจัดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยอย่างใจ เธอก็รีบวิ่งไปจัดการธุระส่วนตัวและออกจากจากห้องนอนของตัวเอง บันไดที่ทอดยาวลงมาจากชั้นบนทำให้มีมี่รู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก ถ้าก้าวกระโดดลงไปทีละ5 ขั้นโดยไม่กลิ้งหลุนๆ ลงไปหัวฟาดพื้น เธอคงจะกระโดดลงไปแล้ว แต่เพราะยังกลัวบาดเจ็บอยู่ มีมี่จึงโยนกระเป๋าลงมาจากชั้นบน ส่วนตัวเองก็รีบวิ่งลงมาแทน
ตุ๊บ!
เธอรีบหยิบกระเป๋าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาและลากมันผ่านห้องนั่งเล่นที่มีคุณพ่อของเธอนั่งจิบน้ำชาสบายใจอยู่
“เก็บกระเป๋าไปไหนลูก”
นรินทร์ถาม เท้าที่ยกขึ้นมาเกยไว้โซฟาอีกตัวนั้นต้องเอาลงอย่างรวดเร็วอันเนื่องมาจากสายตาอันคมกริบที่มองมายังเท้าของเขาเป็นเชิงต่อว่า
“ไปญี่ปุ่นค่ะ”
“หา! จะไปจริงๆ เหรอเนี่ย พ่อนึกว่าลูกพูดเล่น”
ดวงตาสีน้ำตาลไหม้เบิกโพลงกวางด้วยความตกใจ ไอ้เรื่องเมื่อคืนที่เห็นดีเห็นงามให้ลูกสาวไปญี่ปุ่นก็เพราะเห็นว่าลูกสาวขี้เบื่อของเขานั้นอาจจะพูดเล่นและเปลี่ยนใจไม่ไปเหมือนทุกครั้ง การจะออกจากบ้านไปข้างนอกเนี่ย แทบไม่อยู่ในหัวลูกสาวตัวดีเลยสักนิด เขาไม่อยากเชื่อว่าการแสดงดนตรีกิ๊กก๊อกของว่าที่ลูกเขยจะทำให้ หญิงสาวที่ไม่ยอมห่างจากการ์ตูน เก็บข้าวเก็บของเตรียมตะลุยไปถึงแดนปลาดิบได้ ยิ่งภาพมีมี่หน้ามุ่ยถือกระเป๋าเดินทางปรากฏชัดอยู่เบื้องหน้าด้วยแล้ว หัวใจของคนเป็นพ่อก็กระตุกวูบ
“ใครจะมาล้อเล่นกันล่ะคะ ว่าที่สามีหนูตัวเป็นๆ เลยนะพ่อ”
“จะไปเดี๋ยวนี้เลยเหรอ”
“ค่ะ เวลาไม่คอยใคร ช้าไม่ได้เดี๋ยวโดนแย่ง”
นรินทร์ลุกขึ้นจากโซฟาและเดินตรงเข้ามาหาเธอ เขามองลูกสาวด้วยสายตาที่แสนอ่อนโยนก่อนจะจูงมือมีมี่ไปนั่งที่โซฟาด้วยกัน
“คนนะไม่ใช่ปลาซาดีนแย่งกันได้ที่ไหน ไปที่นู่นน่ะพ่อไม่ห่วงหรอกนะลูก เพราะยังไงหลายชายลุงเซจิโร่ก็ต้องมาดูแลลูกอย่างดีอยู่แล้ว แต่ปัญหามันคือเราจะคุยกับเขารู้เรื่องเหรอ โตแล้วนะอย่าไปทำอะไรเป๋อๆ ขายหน้าเขานะลูก”
มีมี่ก้มหน้านิ่ง คิดแต่จะไปญี่ปุ่น จะไปหาเทปเปซัง แต่ดันลืมไปเสียสนิทเลยว่าตัวเองพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ ภาษาอังกฤษก็ไม่กระดิก เด็กป.3ยังเก่งกว่า แม้จะเรียนดีได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาก็ตาม แต่ก็ได้มาในคณะอักษรศาสตร์ ภาควิชาภาษาไทย ต่อให้เก่งภาษาไทยแค่ไหน ไปญี่ปุ่นก็ใช้พูดกับใครไม่ได้อยู่ดี อีกเรื่องหนึ่งที่ลืมไปเสียสนิทเลยก็คือเรื่องอายุของตัวเองนี่แหละ 22 เข้าไปแล้ว แต่ยังไม่เอาการเอางาน นั่งดูการ์ตูนอยู่บ้านอย่างเดียว จะไปญี่ปุ่นทั้งทีไม่รู้เรื่องรู้ราวข่าวสารการเมืองอะไรบ้างเลยเห็นทีจะมีแต่ตายกับตาย
เมื่อกี้ใครมันบอก รักไม่ต้องการข้อมูลฟะ ไม่มีข้อมูลก็หลงทางตามหารักไม่เจอน่ะสิ
“พ่อขอคุยกับทางนู้นก่อน ให้เวลาพี่เขาเคลียร์คิวงานของตัวเองบ้างนะลูก ลูกต้องเข้าใจว่าพี่เขาเป็นนักร้องดัง งานเขาก็คงจะรัดตัว ถ้าเราบุ่มบ่ามไปหาเขาเนี่ย พ่อกลัวว่าลูกจะกลายเป็นเป็ดหลงทางไปซะก่อน รอก่อนนะมีมี่ วันที่20ค่อยว่ากันอีกที”
นรินทร์พูดชักจูงมีมี่ด้วยเหตุผลที่เธอเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เธอพยักหน้าเบาๆ ให้กับเขา ก่อนจะหันหน้าไปมองกระเป๋าเดินทางที่เตรียมไว้ตาละห้อย
รอให้พ่อติดต่อทางนู้นก่อนดีกว่า ไว้เขาตอบกลับมาแล้วค่อยไปก็ได้ เราเองก็เปิ่นๆ เป๋อๆ ไปที่นู่นเองคนเดียว ต้องกลายเป็นเป็ดหลงอย่างที่พ่อบอกแน่ๆ
ว่าแต่...เป็ดหลงมันคืออะไรกันนะ?
ความคิดเห็น