คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : sf : หิมะ ...
ผมชอบน่ะครับวันหิมะตก ผมชอบยื่นมืออกไปรับเกร็ดหิมะเล็กๆ ผมชอบเงยหน้า ปิดตาแล้วปล่อยให้ฝนหิมะตกลงมาจนใบหน้าเย็นเฉียบ ผมชอบทำให้ตัวเองทรมาณโดยการมาเดินท่ามกลางฝนหิมะที่หนาวเย็นจนกัดกระดูกแบบนี้ ฮะๆ ผมไม่ได้บ้าและผมก็ไม่ใช่คนโรคจิตชอบทำร้ายตัวเองน่ะครับ ผมแค่รู้สึกว่าบนโลกนี้ไม่มีอะไรจะ นุ่มนวล และขาวโพลน สว่างไสวเท่าหิมะอีกแล้ว
ฟังดูเหมือนผมตกหลุมรักหิมะ... เปล่าเลยครับ ไม่ใช่หิมะหรอกที่ผมตกหลุมรักแต่ความนุ่มนวล ความสว่างไสว ที่สัมผัสได้จากมันต่างหากที่ผมตกหลุมรัก
“ แทมินเอาอีกแล้วน่ะลูกแม่บอกแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าไปเดินเล่นตอนหิมะตกหนักแบบนี้ ไหน ยื่นมือมาให้แม่ดูเลย” ทันทีที่เท้าเล็กย่างเข้าตัวบ้านเสียงแรกที่ได้ยินคือเสียงของแม่ ผมยิ้มให้แม่เล็กน้อย เดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟากลางบ้าน แล้วยื่นสองมือไปให้แม่ดู แม่จับมือผมนวดไปมาก่อนจะเอาถุงมือมาใส่ให้เพราะมือผมเย็นเฉียบและเริ่มแตก
นี่หล่ะครับแม่ผมท่านรู้ว่าผมชอบเดินเที่ยวเล่นกลางหิมะทั้งๆที่ไม่ได้ใส่มือ พอกลับมาก็จะโดนแบบนี้ประจำ แต่ผมก็ชอบน่ะครับ เพราะ มันทำให้ผมรู้ว่าแม่เป็นห่วงผมมากแค่ไหน
“หนาวครับ แม่” ผมดึงแม่เข้ามากอดซะแน่น บอกว่าหนาวแต่ริมฝีปากก็ยังประดับยิ้มสวยไม่จาง
“บอกแล้วไง ลูกเนี่ยยังไงน่ะ อยากให้ตัวเองหนาวตายเหรอ” ถึงจะว่าไปอย่างนั้นแต่แม่ก็ยอมกอดตอบผมหล่ะ
“ฮะๆ ไม่อยากตายหรอกฮ่ะ ผมยังไม่ได้กินข้าวผัดกิมจิฝีมือแม่เลยน่ะ”
“แหม ขี้อ้อนซะจริง ไปกินสิแม่ทำเสร็จแล้ว วางอยู่บนโต๊ะในครัวแหนะ “ แม่หอมแก้มผมหนึ่งฟอด ก่อนจะไล่ให้ไปกินข้าวที่ผมอุตส่าห์ไปเดินฆ่าเวลารอให้แม่ทำเสร็จมากิน
หัวเราะ ผมนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างสายตาไม่ได้โฟกัสจุดใดจุดหนึ่ง มันออกจะเลื่อนลอยจนบัดนี้หิมะก็ยังตกไม่เลิก ตกจน รั้วต้นไม้บ้านผมเริ่มดูเหมือนภูเขาหิมะกองย่อมๆเข้าทุกที ตกจน สวนสีเขียวของคนข้างบ้านผมเริ่มกลายเป็นสีขาวโพลน และผมว่าหมาพันธ์มาสทริฟของพวกเค้าคงเริ่มสับสนแล้วเพราะมันวิ่งไล่จับเกล็ดหิมะราวกับจับผีเสื้อ ผมเท้าแขนเล็กไว้กับหน้าต่างพลางมองปฏิกิริยาไร้เดียงสานั่นพลางหัวเราะชอบใจ ก่อนเสียงกีต้าร์บรรเลงเพลงสากลที่ผมไม่รู้จักจะดึงความสนใจไปจากหมาน้อยตัวนั้นเสียหมด และผมก็คาดว่าดวงตาผมตอนนี้คงมีน้ำหล่อเลี้ยงจนมันเป็นประกายเมื่อสามารถหาต้นเสียงเจอ
“ I try to picture a girl
Through a looking glass
See her as a carbon atom
See her eyes and stare back at them
See that girl
As her own new world
Though a home is on the surface, she is still a universe
Glory God, oh God is peeking through the blinds
Are we all here standing naked”
เค้าเป็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งคงเป็นลูกเจ้าของบ้านที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ หมอนั่นกำลังนั่งเกากีต้าร์อยู่บนเก้าอี้ข้างหมาของเค้า เป็นผู้ชายร่างสูง หลังกว้าง หล่อมั้ยไม่รู้(เพราะเค้าหันหลังให้)รู้แต่ว่าเสียงนั่นสะกดผมซะอยู่หมัด เพราะมันทุ้ม นุ่มนวลและมีเสน่ห์ซะจนผมเผลอตบมือให้เมื่อเค้าร้องจบ
มาได้สติเอาตอนที่หมอนั่นหันมามอง แล้วผมดันหลบไม่ทัน
ชิบหายยยย
ผมได้แต่สบถเบาๆกับตัวเองก่อนจะคลานเข่าขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างเงียบเชียบ ไม่อยากเดาหรอกครับว่าหมอนั่นกำลังทำหน้ายังไงอยู่ ผมดึงผ้าห่มมาคลุมซะมิดตัวเหลือไว้แต่ดวงตากลมโตที่กระพริบปริบๆมองแสงไฟจากหลอดนีออนในห้อง หน้าผมคงจะแดงมากเพราะหัวใจที่เต้นโครมครามมันสูบเลือดไปทั่วร่างกายไม่หยุดหย่อน
ผมว่า ตอนนี้แหละครับที่ผมกำลังบ้า บ้าที่ไปเก็บเอาหน้าหล่อๆของคนที่เห็นแวบๆ มาทำให้ตัวเองเขินจนได้
ตอนนี้หมอนั่นกำลังเกาหัวด้วยความงงเพราะมีไอ้บ้าตัวไหนก็ไม่รู้มาตบมือให้ทั้งที่ไม่ได้ร้องให้ฟัง
หรือหมอนั่นกำลังหัวเราะในความบ้าบอคอแตกเปิ่นเป๋อของคนไม่รู้จักกันอย่างผมอยู่รึเปล่าน่ะ ที่สำคัญหมอนั่นเห็นหน้าผมรึเปล่าหว่า
โอยยยย เขินว่ะ แล้วก็เอาผ้าห่มคลุมมิดหัวในที่สุด
ผมตื่นมาอีกวันด้วยสภาพงัวเงียสุดๆเพราะนอนไม่หลับ มองนาฬิกาแล้วต้องร้องเห้ยด้วยความตกใจเพราะมันสายแล้ว ผมกำลังจะไปโงเรียนไม่ทัน ผมทำธุระส่วนตัวด้วยอัตราเร็วที่ไม่อาจคำนวณได้ อาบน้ำแต่งตัว กินข้าว เพียงสิบนาทีมจะวิ่งออกมายืนกรหอบอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับเสียงเรียกของแม่ว่าผมลืมกระเป๋า เวลาทำอะไรเร็วผมมักจะลืมตลอดหล่ะฮ่ะ จะไม่เร็วก็เหอะ นี่เป็นข้อเสียอันดับหนึ่งของผม
“บอกแล้วอย่าตื่นสายยย ทำไมไม่ตั้งนาฬิกาปลุก หล..” ผมหอมแก้มแม่โดยไม่รอให้ท่านพูดจบ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว สิบห้านาที กับระยะทาง สี่กิโลเมตรทันมั้ยหว่า “อย่าวิ่งลูกเดี๋ยวหกล้ม ก็แม่บอกแล้วอย่านอนดึกไง”
ได้ยินเสียงแม่ดังอยู่ไกลๆ ฟังเป็นประโยคที่ทำให้อยากหันกลับไปบอกแม่เหลือเกินว่า ผมไม่ได้อยากนอนดึกซะหน่อยแต่สถานการณ์มันทำให้ผมนอนดึกอ่า แล้วตัวการมันก็อยู่ข้างบ้านเราซะด้วย
“ไปกับฉันมั้ย”
หรือบางทีตัวการอาจจะอยู่ข้างหลังผม..ก็ได้
เสียงที่จำได้ดีเพราะเพิ่งได้ยินมาเมื่อคืนทำให้สองเท้าที่กำลังวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายชะงักกึก ตอนนี้ผมไม่กล้าสู้หน้าหมอนี่แล้วหล่ะครับ มันทำหน้าไม่ถูก เลยได้แต่ยืนก้มหน้ามองเท้าตัวเอง ดึงสายกระเป๋าเป้ บิดไปบิดมาอยู่แบบนี้
“เอ่อ”
“ฉันเชวมินโฮเพื่อนบ้านใหม่ของนาย นายชื่ออะไร หืม”
แนะนำตัวเอเบ็ดเสร็จสรรพโดยไม่ถามว่าผมอยากรู้จักไม๊? ซ้าถามผมจะบอกไปเลยว่าอยากรู้ ^^
“ เอ่อ อีแทมิน เรียนโรงเรียนศิลปะนานาชาติ ปี 4 ฮเฮ้ยยย” แล้วก็ต้องตกใจเพราะเงยหน้าขึ้นมาจังหว่ะเดียวกับที่ไอ้เด็กข้างบ้านหน้าหล่อยื่นหน้าเข้ามามองผมใกล้ๆพอดี หัวใจผมเกือบวายมันเต้นโครมเมื่อผมเผลอมองเข้าไปในตาของเขา ดวงตาคมที่ห่างกันไม่ถึงคืบของหมอนั่น เหมือนมีแรงดึงที่มองไม่เห็นฉุดผมไว้ ทำให้ผมไม่อาจล่ะสายตาไปไหนได้เลย ผมตกอยู่ในภวังค์อีกแล้ว
“น่ารักจัง”
“ หะ หา นายว่าอะไรน่ะ”
“เปล่าขึ้นรถสิ” หมอนั่นยิ้มขณะมองลึกเข้ามาในดวงตาของผม ขณะผมได้แต่ทำหน้าเอ๋อพลางก้าวขึ้นรถจักรยานคันสีเทาอ่อนไปอย่างว่าง่าย สมองเหมือนประมวลการไม่ถูกไปแล้วตอนนี้
Try to picture the man
To always have an open hand
And see him as a giving tree
See him as matter
Matter fact he's not a beast
No not the devil either
Always a good deed doer
And it's laughter that we're making after all
แล้วเชวมินโฮก็เริ่มฮัมเพลงเดิมอีกครั้ง ก่อนหมอนั่นจะปล่อยมือข้างนึงจากแฮนด์รถมาดึงมือผมไปเกาะเอวหนาเอาไว้ ก่อนจะเป็นผมเองยื่นมือโอบเอวหมอนั่นไว้เสียแน่น ไม่พอยังซุกหน้าไว้กับหลังอุ่นๆนั่นอีก
ผมเขินน่ะครับ แต่ทำยังไงได้ ก็ความนุ่มนวล ความสว่างไสวจนทำให้สมองและหัวใจขาวโพลนไปหมด ของหมอนี่มันมีมากจนทำให้ผมตกหลุมรักหนิ
นอกจากหิมะแล้วเห็นทีจะเป็นเชวมินโฮนี่หละครับที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ได้ ^^ แปลกจัง.....
คนสองคนกำลังขี่จักรยานไปท่ามกลางฝนหิมะที่หนาวเย็น คนนึงออกแรงปั่น คนนึงซ้อนท้าย คนนึงนอนหลับตาพริ้มซบหลังอีกคน ขณะอีกคนได้แต่ยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกสุขสุดหัวใจ ....
แด่ พี่สาวสุดน่ารัก ฟี่ ปิ๋ว ^^
ปล อันยองรีดเดอร์ทุกคนด้วยน่ะค่ะ >< คิดถึงไรต์กันมั้ยเน้ เหอๆ
ความคิดเห็น