Barbegazi - Barbegazi นิยาย Barbegazi : Dek-D.com - Writer

    Barbegazi

    ผู้เข้าชมรวม

    131

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    131

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 ก.พ. 53 / 13:03 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      Story
      " เธอๆ นั้นงัย พี่A พี่Bอะ เดินมาด้วยกันอีกแล้ว "
      เสียงนี้ดังขึ้นเมื่อมีชายหนุ่ม 2 คนเดินผ่านประตูโรงเรียนเข้ามาในตอนเช้าทั้ง สองคนนั้น ก็คือ A และ B
                      A เป็นคนหล่อ หน้าตาดีพอๆ กับพระเอกหนังได้เลย ไม่สูงเท่าไรแต่ก็ไม่จัดว่าเตี้ย เรียนไม่ค่อยเก่งเท่าไร ชอบดูกีฬาแต่เล่นไม่ค่อยเป็น ส่วนดนตรีนั้น ไม่แพ้ใครเลยทีเดียว ส่วนนิสัยของAนั้นเป็นคนเบื่อง่าย ชอบหาอะไรใหม่ๆทำ ขี้เล่น ร่าเริง คุยเก่ง และชอบโม้ แต่ถ้ารักใครแล้ว รักจริง
                      ส่วนBนั้น หน้าตาไม่ดีเท่าไร แต่หุ่นเท่ Smart เล่นกีฬาเก่ง เรียนเก่ง แต่เล่นดนตรีไม่เป็น นิสัย เป็นคนที่จริงจัง เอาจริงเอาจังในทุกเรื่อง ดูเป็นผู้ใหญ่ เงียบขรึมแต่ทั้งคู่ กับอยู่หอพักเดียวกันจึงมาโรงเรียนด้วยกันทุกวัน และทั้งคู่ก็มีผู้หญิงมาตามจีบอยู่ไม่น้อย จะถือว่าเป็นดาว โรงเรียนก็ว่าได้
      นี้ๆๆ !! พวกเธอมานี้ก่อนสิ "
      เสียงนี้ชั่งเป็นเสียงที่น่ากลัวมากๆ สำคัญบุคคลที่ทำผิด เป็นเสียงอาจารย์ฝ่ายปกครองคนหนึ่ง อาจารย์ชื่อว่า หลิวท่านมีรูปร่างที่ใหญ่โต แต่ก็ไม่สูงเท่าไรนัก ส่วนใบหูของเธอนั้นก็ถูกเกี่ยวไว้ด้วย แว่นที่หนามากๆๆ ในมือข้าง ขวานั้น ถือไม้เรียวอันหนึ่ง มันดูภายนอกเบาะบางมาก แต่หารู้ไหมว่าหากมาอยู่ในมือของอาจารย์ หลิว แล้วมันกลับดูมีพลังยิ่งใหญ่มากนักเรียนทุกคนเห็นก็กลัว จนไม่กล้าจะเดินผ่านอาจารย์แล้ว ส่วนมืออีกข้างของอาจารย์นั้นเป็นกระดาษ A4 ธรรมดา ประมาณ 2 แผ่น พร้อมกับปากกาอีกด้ามหนึ่ง แม้ มันจะเป็นเพียงแค่กระดาษขาวธรรมดา แต่นักเรียนทุกคนรู้ดีว่า อาจารย์มีไว้ทำอะไรและทุกคนก็ไม่อยากที่จะมีชื่อลงในกระดาษแผ่นนั้นเลย
      " ครับ !! อาจารย์มีอะไรหรือเปล่าครับ "
      ประโยคนี้อาจจะดูเหมือนจะไม่กลัวอะไรเลย แต่น้ำเสียงกลับสั่นไหวเอามากๆๆ
      " นี้มันกี่โมงแล้ว "
      " อ๋อ ! เดียวดูนาฬิกาให้ครับ อาจารย์ลืมใส่นาฬิกามาหรือครับ " A พูดและซักพักก็พูดต่อว่า
      " แปด โมงจะครึ่งแล้วครับ "
      " ยังจะมาพูดดีอีก รู้ไหมว่าเค้าเข้าแถวกันกี่โมง "
      " แปดโมงครับ "
      "แล้วนี้พวกเธอมากันกี่โมง ยังจะมีน่ามายิ้มอีก "
      " หันหลังมา แล้วกอดอกด้วยนะ ทั้งสองคนเลย "
      “ เพี๊ยะ ๆ “ เสียงนี้ดังขึ้น 2 ครั้งเมื่อ ไม้เรียวของอาจารย์ หลิวนั้น ไปกระทบกับกางเกง นักเรียนทั้ง 2 คนนี้
      " มานี้ก่อน จะรีบไปไหนละ ทีเวลาเข้าแถวละไม่รีบมา ? พวกเธอชื่ออะไรกัน จดลงไปด้วยนะ"
      " นี้พวกเธอรู้ไหมว่า ตอนเช้านี้เป็นเวลาที่นักเรียนต้องรีบมาเข้าแถว เพื่อเคารพธงชาติ และ ก็จะได้ชี้แจ้งอะไรต่างๆๆ พวกเธอมากันเวลานี้เนี่ย ....Etc...... "
      นักเรียนชายทั้ง 2 คนก็ได้แต่ก้มหน้าและลูบก้นของตัวเอง ที่ยังแสบๆ อยู่ และก็ต้องทนฟังเทศน์
      " กรี๊ง ๆ ๆ ๆ ขณะ นี้เวลา 8.45 น. ขอให้นักเรียนทุกคนขึ้นมาบนห้องของตัวเองเพื่อเรียนในวิชาแรกได้แล้วค่ะ "
      " เอาละได้เวลาเรียนแล้ว ครูคิดว่าพวกเธอคงจะไม่มาสายอีกนะ รีบขึ้นห้องไปเรียนได้แล้วอย่าเถรไถลไปไหนอีกละ "
      " ครับ ๆ "
      แล้วทั้งคู่ก็รีบหยิบกระเป๋านักเรียนแล้วก็วิ่งขึ้นห้องไป
      " ถึงซักที วิ่งมาตั้ง 4 ชั้น " A บ่นเล็กน้อย
      " อย่าบ่นน่า เข้าเรียนกันเถอะ เดียวเรียนไม่ทัน "
       
      " เอานี้นักเรียนดูนะ ข้อนี้มันไม่ยากหลอก วิธีทำก็คือ....."
      " ขออนุญาต ครับ "
      " เชิญ "
      แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง ทั้งคู่ก็นั่งอยู่ข้างๆ กัน ส่วนทางขวาของA เป็น โจ ถัดไปเป็น หญิง ทางซ้ายของB เป็น จิบ กับ แก้ว ข้างหลังเป็น กร กับ นิค ข้างหน้า ตอง กับ ตาล
      " ตาลครับ อาจารย์สอนถึงไหนแล้วหรอ? "
      Bเอ๋ย ขึ้นพร้อมกับสะกิดตาล และยืนหน้าไปถาม ..
      " อ๋อ ! ถึงแบบฝึกหัดข้อ 5 แล้วจ๊ะ "
      เสียงนี้แหลมขึ้นมาพร้อมกับ ผู้หญิง ที่ใส่แว่นหนาเตอะคนหนึ่งยืนหน้ามาอยู่ข้างๆ B แต่รู้สึกว่าจะไม่ใช่เสียงของตาลนะ ใช่แล้วนั้นเป็นเสียงของจิบ
      " นั้นไง มีคนตอบแล้วอะ เอาหน้าจืดๆๆ ของเธอกลับไปได้แล้ว "
      แต่เหมือนว่า B จะยังไม่ยอมที่จะถอยกลับไป แล้วก็ถามอีกว่า
      " แล้วมันทำยังไงอะครับ ช่วยสอนหน่อยสิ "
      " แล้วทำไมไม่บอกมาตั้งแต่แรกละ จะได้สอนให้ "
      เสียงนี้ไม่ใช่ของตาล แต่เป็นของ จิบอีกแล้วและในที่สุด B ก็ต้องยอมถอยกลับมาและนั่งเรียนไป เพราะรู้ดีว่าถ้าถามต่อไปอีกคนตอบก็คงจะเป็นคนเดิมแน่ๆๆ
      "A ๆ เมื่อคืนมึงได้ดูแมนยูไหม สุดยอด ! เลยวะ นิตเตอรอยอะ "
      เสียงนี้มาจากด้านขวา และAก็ตอบกลับไปอย่างไม่รอช้า
      " เออ ๆๆ มันโคตรเลยเมื่อคืนอะ มันน่าจะยิงได้มากกว่านี้นะ "
      " กูก็ว่างันแหละ แต่มันดวงไม่ดีวะ ชนทั้งเสาร์ ทั้งคาน แถมยังล้ำหน้าไปอีกลูก "
      ทั้งคู่คุยกันได้มันมากจนไม่รู้เลยว่าวิชาหมดเวลาแล้ว
      " นักเรียน ... เคารพ "
      " ขอบคุณครับ / ค่ะ "
      " เอ้ย A มึงตั้งใจเรียนมั่งดิวะ "
      " เออ ๆๆ ก็กูไม่รู้เรื่องนี้หว่า "
      คำแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ของA
      " ก็มึงไม่ดูบนกระดานเลยอะ เอาแต่คุย เดียวเรียนเสร็จค่อยคุยก็ได้ "
      " มึงจะอะไรเนี่ย เดียวกูค่อยไปเรียนที่หอ กับมึงก็ได้ "
      Aพูดออกมาอย่างยิ้มแย้ม
      " แล้วถ้า กูไม่สอนมึงอะ มึงจะรู้เรื่องไหนเล่า .. "
      B ชักจะอารมณ์ ไม่ดีซะแล้ว
      " เออได้ งันมึงจะให้กูสอบตกใช่ไหมละ ได้ไม่เป็นไรหลอก "
      A ตีหน้าเศร้าทันที ส่วนนัดก็เงียบไป...
      กรี๊ง ๆๆๆ ๆๆๆ
      " กลางวันกินข้าว กับอะไรดีวะ ไอ้ B "
      " กินกับตาล ไง " B แอบยิ้มในใจเล็กน้อย
      " กำ แล้วเค้าจะกินกับมึงไหมเนี่ย "
                      ทาง เดินระหว่างอาคารเรียนไปโรงอาหารนั้น เป็นทางโค้งที่ปูด้วยปูนที่เป็นบล็อกๆ ไม่กว้างมากเท่าไรนัก แต่ข้างๆ ทางนั้นเป็นพื้นที่ว่าง ที่พื้นปูด้วยหญ้าสีเขียวๆ สั้น ๆ ใบเล็ก นุ่มมาก และยังมี ต้นไม้ เต็มข้างทาง นอกจากนี้ยัง มีโต๊ะและเก้าอี้หินอ่อน อยู่ประมาณ 3 ชุด และถัดจากพื้นหญ้านั้นก็เป็น สระน้ำ ขนาดไม่ใหญ่มาก ไว้สำหรับให้นักเรียนได้ศึกษา จึงมีปลาเลี้ยงไว้มากมาย
                      และระหว่างที่ตาล กำลังจะเดินไปกินข้าวนั้น เธอก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนเดินตามเธอมา เธอจึงหันกลับไปมอง เธอจึงรู้ว่าคนที่เดินตามเธอมานั้น คือ B นั้นเอง แต่เค้ามีเพื่อนมาด้วย 3-4 คน และตาล ก็รีบเดินหน้าต่อไปจนถึงโรงอาหาร แต่เวลานี้โรงอาหารนั้นเต็มไปด้วยนักเรียนตั้งแต่ ม.1 -ม.6 เลย
                      สภาพโรงอาหารตอนนี้คล้ายกับรังมดที่กำลังเต็มไปด้วยคนที่รอซื้ออาหารกลางวันกินกัน หากแต่การทำงานของมดนั้นชั่งเป็นระเบียบและรู้หน้าทีของตนเองเป็นอย่างดี  ส่วนในโรงอาหารนี้กลับดูวุ่นวาย เสียงดังจากการพูดคุยและการกระทบกันของ ช้อนส้อมและจาน ทุกคนต่างคนต่างรีบที่จะซื้อข้าวกินเพื่อจะได้ขึ้นไปเรียนต่อในช่วงบ่าย
      ทุกคนเร่งรีบกันมากจนไม่มีใครนึกถึงคำว่าเสียสละ กลุ่มของตาล มาช้าจนไม่เหลือที่นั่งเลย แม้จะมีอยู่บ้างแต่ก็เต็มไปด้วยคราบอาหารที่หกเลอะเถอะ พวกเธอจึงต้องหาผ้ามาเช็ดกันเอาเอง ส่วนพวกเพื่อนของ B และ B นั้นก็เดินตามเข้าไปพร้อมกัน แต่ทวา B และA นั้นแทบจะไม่ต้องหาที่นั่งเลย มีแต่คนเดินเข้ามาชวนไม่หยุดเลย
      " พี่A ค่ะ ที่ตรงนี้ก็ว่าง ค่ะทำไมไม่นั่ง ละคะ "
      " พี่ B ค่ะ จะมัวยืนทำไมข้างๆ ขวัญก็ว่างอะค่ะ "
      เสียงของเด็กผู้หญิงดังขึ้นมากมาย แต่สุดท้าย
      " B ๆๆ มานั่งตรงจิบ ก็ได้ "
      เธอพูดพร้อมกับจะจูงมือ B ไป เป็นที่มันไส้ของสาวๆ ที่มองกันอยู่ เพราะทำเหมือนกับเป็นเจ้าของ B งั้นแหละ
      และ B ก็ตอบปฏิเสธ ไปว่า
      " เดียวนัดไปซื้อข้าวก่อนนะ "
      และเมื่อ B เห็นตาล กำลังเช็ดโต๊ะอยู่นั้น B จึงเดินเข้าไปและบอกว่า
      " เราช่วยไหม "
      ( เอาอีกแล้วเพื่อนกู ) Aคิดในใจ ขณะที่ B กำลังเดินเข้าไป และAก็เดินตามไปด้วย
      - - - ไม่มีสัญญาณ ตอบรับใดๆๆทั้งสิน นัดจึงถามไปอีกครั้ง
      " เดียว B ช่วยเช็ดให้นะ ตาลไปซื้อข้าวก่อนก็ได้ ไม่หิวหรอ ? "
      แล้วนัดก็ดึงผ้าจากมือของตาล มาเช็ดต่อ ส่วนตาล ก็เดินไปซื้อข้าวกับตองและเพื่อนๆ แต่ตาลกลับไม่นั่งตรงที่เดิม เปลี่ยนไปนั่งโต๊ะข้างๆพร้อมกับตอง ซึ่งกำลังว่างอยู่พอดี
      B และAจึงเดินไปซื้อข้าว และก็เดินกลับมายืนข้าง โต๊ะของตาล
      " ตรงนี้ว่างไหมครับ ขอนั่งด้วยได้ไหมครับ "
      ทั้ง 4 คนเงียบไปพักนึง ตองจึงพูดขึ้นมาว่า
      " ไม่มีใครนั่งหลอก จะนั่งก็นั่งได้นะ "
      และทั้งคู่ก็นั่งลง แต่บนโต๊ะนั้น ยังไม่มีน้ำซักแก้วเลย B และAจึงเดินไปตักมา คนละ 2 แก้ว
                      เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาจิบและสาวๆ คนอื่นที่กำลังอิจฉาตาลอยู่ แต่ก็ไม่มีใครจะทำอะไรเพราะรู้ว่าไม่สมควรและขณะที่กำลังกินกันอยู่นั้น B ก็พยายามที่จะชวนตาลคุยตลอดเวลา ทั้งเรื่องเรียน และอื่นๆ แต่ตาลกลับไม่ตอบอะไรเลย มีแต่ตองที่คอยช่วยตอบแทนเท่านั้น และเมื่อตาลและคนอื่นๆกินข้าวเสร็จ B จึงพูดขึ้นมาว่า
      " ช่วยเก็บไหมครับ "
      ตองก็ยื่นจานให้นัดตามมารยาทเพื่อช่วยไม่ให้นัดหน้าแตก ส่วนตาลนั้นก็รีบเดินเอาจานไปเก็บแล้วก็ไปกินน้ำ
      " ตอนนี้ บ่ายหนึ่งแล้วไปเรียนกันเถอะ "
      ตองเอ่ยขึ้นแล้วก็เดินขึ้นห้องกันไป
      กรี๊งๆๆ เป็นเสียงกริ่งสุดท้ายของวันนี้ และทุกคนก็รู้ว่าหมดเวลาเรียนในวันนี้แล้ว
                      ตอนเย็นหลังเลิกเรียนของทุกวัน ตอง และตาล จะไปนั่งบริเวณ ม้านั่งหินอ่อน ข้างๆ สระน้ำเพื่อทำการบ้าน เป็นประจำแล้วซักพักก็มีรถเบ็นซ์ สีขาว สว่าง ดูเหมือนกับพึ่งไปซื้อมาวัน สองวันเอง แต่กลับเป็นรถรุ่นเก่าที่ดูแล้วสวยงาม และได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
      " ตองเรากลับแล้วนะ แม่เรามารับแล้ว "
      " อืมๆๆ จ๋า อย่าลืมทำการบ้านมาละ "
      " อืม รู้แล้วละจ๊ะ แล้วเธอละกลับบ้านยังไง เราไปส่งไหม "
      ท่าทางตองเหมือนอยากจะไปด้วย แต่ด้วยความเกรงใจ
      " อ๋อ ไม่เป็นไรละจ๊ะ เดียวฉันขึ้นรถเมล์ กลับเองก็ได้ แค่นี้เอง ขอบใจมากนะ "
      " งั้นบายนะ เจอกันพรุ่งนี้นะ "
      " บายจ๊ะ บาย "
      แล้วตองก็เก็บของใส่กระเป๋า แล้วก็เดินไปรอรถเมล์ที่หน้า โรงเรียนอย่างเคย
      ส่วนนักเรียนคนอื่นๆๆ ก็แยกย้ายกันกลับบ้านไป ยกเว้นบ้างชมรม ที่ยังมาการซ้อมอยู่จนถึง ประมาณ 19.00 น.
      " เฮ้ย เหนื่อยไหมวะ เอานี้น้ำกินซะ "
      แล้วAก็ยืน ขวดน้ำเปล่าที่ดูธรรมดา แต่ในความคิดของ B นั้นมันเหมือนกับสิ่งที่อร่อยที่สุดและน่ากินที่สุดเมื่อยามเราเหนื่อย B จึงรีบหยิบมาอย่างรวดเร็ว
       " อึก ! อึก ! อึก ! ฮาย ขอบใจมากเลยเพื่อน แล้วมึงละซ้อมดนตรีมันไหม "
      " อืมก็ดี งันเรากลับกันเถอะ "
      แล้วทั้ง 2 คน ก็เดินไปยังลานจอดรถ แล้วAก็จูงรถเวสปา สีไข่ ที่ดูแล้วโทรมเอามากๆ เสียงเครื่องยนต์ดังเหมือนกับว่าผ่านการใช้งานมานานแล้ว เปาะที่ขาดแหว่งเล็กน้อย ทำให้รู้ว่าเคยมีคนนั่งมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ส่วนล้อรถทั้ง 2 ข้างนั้นก็เหมือนกับเส้นยางธรรมดาเส้นหนึ่ง ที่ไม่มีดอกยางเหลืออยู่เลย แสดงให้เห็นว่ารถคันนี้ผ่านมาแล้วนับ หมื่น กิโลเมตร สีของรถนั้นก็ถลอกไปบ้างแล้ว แต่มันยังใช้การได้อยู่
      " ไอ้ B เดียววันนี้กูขับเองนะ "
      " อืมๆ "
      แล้วทั้งคู่ก็กลับไปยังหอพักที่อยู่ห่างจาก โรงเรียน ประมาณ 5 กิโลเมตร
      " วันนี้กินอะไรกันดีวะ "
      " กินอะไรก็ได้ใกล้ๆนี่แหละ กูอยากกลับไปนอนเร็วๆ วะ "
      ท่าทาง B ดูอ่อนล้ามาก
      " เออ ก็ได้งันกินหมี่เหลืองร้านเดิมนี้ก็ได้ แต่มึงต้องช่วยกูทำงานก่อนนะเว้ย ถึงจะนอนได้ "
      " กูอีกแล้วหรอ มึงก็หัดทำเองไม่ได้ไงวะ "
      ท่าทางนัดจะเซ็งมากๆๆ
      " เฮีย เอาเหมือนเดิม 2 นะ "
      " ได้ๆ "
      " มึงก็รู้นี้ว่า อีแก้วมันขี้บ่นขนาดไหนอะ ขืนกูทำไปเองมีหวังกูฟังเทศน์ ทั้งวันแน่เลย "
      Aตีหน้าเศร้าอีกแล้ว
      " สรุปกูก็ต้องมาเดือนร้อนอีกแล้ว "
      " ใช่ ! "
      Aตอบมาได้อย่างเต็มปากเต็ม คำจริงๆ เลย
      " งันมึงจ่ายด้วยละกันค่าก๋วยเตี๋ยวนี้อะ "
      " ได้ๆ เฮีย เท่าไรหรอ "
      " ทั้งหมด 4 จานๆละ 20 แล้วก็ โค้ก 1 ขวด 10 บาท น้ำ 2 แก้ว ทั้งหมด 92 บาท "
      สีหน้าของAเปลี่ยนไป เหงื่อเริ่มซึมออกมา แล้วAก็ยืนแบงค์ 100 ไปให้ ส่วนนัดก็แอบยิ้ม
      " มึงไม่ต้องมายิ้มเลย แดกไปซะ 3 เลยมึง เอาละมึงไปช่วยกูทำงานได้แล้ว "
      แล้วทั้งคู่ก็ขี่รถกลับหอและขึ้นไปบนห้อง อาบน้ำแปรงฟัน แล้วก็ทำการบ้านไป
      ขณะทำการบ้านอยู่นั้น นัดก็เอ๋ยขึ้นมา
      " Aมึงว่าตาล น่ารักไหมวะ "
      " ไอ้ห่ามึงทำงานให้กูก่อนแล้วมึงค่อยไปเพ้อคนเดียว "
      " เออ ใครจะไปดีเหมือน น้องเตย ของมึงเล่า "
      เมื่อจบประโยคนี้เหมือนใครเอาไฟมาลนA ตอนนี้Aเริ่มจะเดือนซะแล้วซิ
      " เฮ้ย กูบอกว่าอย่าพูดชื่อนี้อีก มันจบไปแล้ว "
      Aตะคอกใส่ B ไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
      " เออ กูขอโทษ "
      " กูกับเค้ามันจบไปแล้ว กูอะทุ่มเท่ให้เค้าทุกอย่าง แต่เค้า อะ.. ไม่อยากจะพูดแล้ววะ ทำต่อเถอะ "
      " เออๆ "
      แล้วดวงไฟดวงสุดท้ายในห้องก็ดับลงพร้อมกับเสียง
      " Aฝันดีเน๋อ "
      " มึงก็ด้วย อย่าเพ้อให้มากละ "
                      และแล้วเวลาก็จบลงไปอีก 1 วัน ZZZzzz...
       
      " เฮ้ยๆๆ เร็วๆๆ หน่อยดิวะไอ้A เดียวมึงก็โดนอย่างเมื่อวานหลอก "
      " เออ เสร็จแล้วๆ "
      แล้วรถเวสปา คันเก๋าก็พาทั้งสองไปยังโรงเรียน
      " ขอให้นักเรียนทุกคนมาเข้าแถวตามระดับชั้น เพื่อเคารพธงชาติด้วยคะ "
      ~~ประเทศไทย รวมเลือด..... ~~~
      " แยกแถวเข้าชั้นเรียนได้คะ "
      “ กริ๊งๆๆๆถึงเวลาเรียนในคาบแรกแล้วคะ "
      " โอ่โฮ่ ไอ้ B มีคนเอาดอกไม้มากให้มึงด้วยละโว้ย "
      " โรคจิตรที่ไหนก็ไม่รู้ไม่บอกชื่อด้วย "
      " อาว แล้วในกระดาษนั้นเขียนว่าอะไรวะ "
      A ถามไปแล้ว B ก็หยิบกระดาษสีชมพู ลักษณะเป็นรูปหัวใจแผ่นหนึ่งขึ้นมาอ่าน
      " เค้าเขียนไว้ว่า ตั้งใจเรียนนะ แค่นี้เอง "
                      ทุกคนต่างก็อิจฉา B ที่ยังมีคนส่งดอกไม้มาให้แม้จะไม่มีใครรู้ว่าคนส่งเป็นใคร ชื่ออะไร แต่ก็ยังดีที่มีคนหวังดีส่งมาให้ แต่ยังมีอีกคนที่ไม่รู้สึกอิจฉาอะไรเลย นั้นก็คือตาล เธอทำเป็นนั่งเฉยๆๆ ไม่พูดอะไรแล้วก็ตั้งใจเรียนตามที่อาจารย์สอนไป ในห้อง B ก็พยายามที่จะพูดคุยทำความรู้จักกับตาลตลอด
      แต่เธอกลับไม่สนใจเลย
                      และแล้วก็ถึงเวลากลับบ้านแล้ว B ต้องไปซ้อมบอลที่สนามฟุตบอล แล้วAก็ต้องไปซ้อมดนตรี ส่วนคนอื่นๆๆ บางก็ยังอยู่ทำกิจกรรมที่ชมรมของตัวเองบางก็รีบกลับบ้านไปเรียนพิเศษ ส่วนตาลนั้นก็กำลังหาที่นั่งทำการบ้านกับตองอยู่
      " ตาลๆ เหลือที่นั่งตรงนั้นอะ "
      แล้วตองก็เดินนำตาลไปนั่งยังม้านั่งบริเวณใกล้ๆๆสนามบอล รู้สึกว่าวันนี้ตาลคงต้องกลับบ้านเย็นอีกแล้ว เพราะแม่ของเธอยังไม่มารับเลยแต่ก็ยังมีตองที่นั่งเป็นเพื่อน
      ส่วนในสนามบอลก็เป็นการซ้อมทีมกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตั้งใจเล่นกันจนเกินเหตุ B ถูกเสียบล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรงจนหัวเข่าถลอกและมีเลือดไหลออกมา
      " เฮ้ย  B เป็นไงบ้าง "
      ทุกคนต่างก็เข้าไปประคองนัดลุกขึ้นมา
      " ไม่เป็นไรหรอก เล่นต่อเถอะ "
      ( ตานั้นมันทำเป็นโชว์หรือไงนะ เจ็บแล้วยังไม่เจียมอีก ) ตาลคิดในใจและมองดูต่อไป
      " ตาล ๆ "
      ตองนั้นพยายามที่จะเรียกตาล แต่เหมือนว่าตาลนั้นกำลังคิดอะไรอยู่และไม่ได้สนใจอะไรเลย ตองจึงเรียกใหม่อีกทีพร้อมกับสะกิดตาล
      " ตาล ๆ แม่เธอมารับแล้วนะ "
      " หรอๆ เราไปก่อนนะ บาย "
      " จ๊ะ "
      ตอนนี้ที่ม้านั่งบริเวณข้างสนามบอลก็เหลือเพียงแค่ตองคนเดียวแล้ว
      ( อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว ) ตองคิดในใจและตั้งใจทำต่อไป
      และแล้วก็มีชายคนหนึ่งเดินมาหาเธอโดนที่เธอไม่รู้ และเค้าก็มาหยุดอยู่หน้าเธอ ตองเงยหน้าขึ้นไป คนนั้นคือ Aนั้นเอง
      " อาวตองมืดแล้วนะทำไมยังไม่กลับบ้านอีกละ "
      " เดียวก็กลับแล้วนะ อีกนิดเดียวเอง "
      " เราขอนั่งด้วยคนได้ไหม "
      " ตายใจเลย "
      แล้วทั้งคู่ก็คุยกันไป ซักพักจนตองนั้นทำงานเสร็จพอดี
      " Aเรากลับแล้วนะ "
      " แล้วเธอกลับไงละ "
      " รถเมล์จ๊ะ "
      " ให้เราไปส่งไหม "
      " ไม่เปงไรหลอกเธอมากับ B ไม่ใช่หรอ "
      " อืมใช่สิ "
      แล้วตองก็เก็บของแล้วก็ไปรอรถเมล์รอบค่ำอยู่หน้าโรงเรียน
      " เฮ้ย คุยกับใครอยู่วะ กลับบ้านได้แล้ว "
      แล้วนัดก็เดินเข้ามาหา A อย่างกระโพกกระเพก
      " ไปกันเถอะ "
      แล้วทั้งคู่ก็ไปที่ลานจอดรถแล้วก็ขี่เวสปากลับหอกันไป และก็แวะกินหมี่เหลืองที่เดิม
                      แล้วไฟในห้องทั้งคู่ก็ดับลง แต่ยังมีเสียงหนึ่งพูดขึ้นว่า
      " เฮ้ย Aกูจะทำยังไงต่อดีวะ ตาล ไม่สนใจกูเลยอะ "
      " ทำใจไง 55++ นี้มันเรื่องของมึงนะเว้ย จะให้กูช่วยสู้กูจีบเองเลยไม่ดีกว่าไง "
      " กูแค่ขอคำแนะนำจากคนที่มีประสบการณ์ การถูกทิ้งมาก่อนเฉยๆ นะ 555++ "
      และก็ไม่มีใครพูดต่อจากประโยคนี้ ZZZzzz
                      อาทิตย์ต่อมาเหตุการณ์ต่างๆๆยังคงดำเนินไปในรูปแบบเดิม B และA ก็ยังมีสาวๆๆ ส่งของมาให้เสมอ แต่ B นัด ไม่ค่อยจะสอนใจเท่าไรนักยังคงพยายามที่จะเข้าใกล้ตาลให้มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนAก็ยังเป็นเช่นเดิม ไม่ค่อยจะสนใจการเรียนซักเท่าไร มัวแต่คุยมัวแต่เล่นกับเพื่อนเวลาอาจารย์สอน แต่ก็ยังมี B ที่เป็นเพื่อนคอยเตือนตลอดเวลา
      แต่Aก็ไม่สนใจเท่าไร ส่วนตองที่นั่งหน้าAนั้นก็เตือนAเหมือนกันไม่รู้ว่าเพราะอะไร หรืออาจจะเป็นเพราะความรำคาญก็เป็นได้ Aก็ฟังมั่งไม่ฟัง
                      และแล้วอาจารย์วิชาศิลปะก็ให้นักเรียนในแต่ละห้องต้องจัดการแสดงละครห้องละ 1 เรื่องในอีก 2 อาทิตย์เพื่อเก็บคะแนน การแสดงครั้งนี้ห้องของ B และAก็ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะแสดงเรื่องอะไร
      " เออนี้ฉันว่าเรื่อง สโนไวเปงไงละ "
      " ไม่เอาฉันว่า บ้านทรายทองดีกว่า ฉันจะได้เป็นพจมาน 55+ "
      " อย่างเธอเนี่ยนะพจมาน หน้าตาเหมาะกับคนใช้มากกว่านะ 55555++ "
      " นายก็เหมือนกันแหละจะดีซักแค่ไหนเชียว "
      " หยุด !! "
      " ทุกคนฟังก่อนนะ ในฐานะที่ฉันเป็นหัวหน้าห้อง ฉันจะให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นนะ ใครจะเสนอเรื่องอะไร "
      เสียงนี้ดังขึ้นอย่างมีพลัง ทำให้ทุกคนที่กำลังถกเถียงกันอยู่นั้นเงียบลงทันทีและหันไปหาเจ้าของเสียงนั้น เธอคือ แก้ว
      " ฉันว่าบ้านทรายทองอะดีที่สุดแล้ว "
      " ไม่นะ เอาไททานิค เลยไหม "
      " ตาบ้า! จะไปเอาเรือมาจากไหนละ "
      " งันก็แผลเก่าไหม โรแมนติกดี "
      " บ้านนอกตะหากละ "
      " นี้ๆๆ พวกเธอกลับไปนั่งที่ได้แล้ว ถึงวิชาอาจารย์แล้วนะ "
      นี้เป็นเสียงของอาจารย์น้อย ที่เปรี่ยมไปด้วยความเมตตาและความรัก ท่านสอนวิชาภาษาไทย
      " ค่ะ "
      " แล้วพวกเธอกำลังเถียงเรื่องอะไรกันอยู่นะ "
      " ก็พอดีพวกเราต้องหาละครที่จะแสดง ในอีก 2 อาทิตย์อะคะ "
      เสียงของผู้นำดังขึ้น
      " แล้วได้เรื่องกันยังละ " อ.น้อย
      " อ๋อ ๆ ได้แล้วค่ะ บ้านทรายทองอะ "
      " บ้าแล้วใครไปเห็นด้วยกับยายนี้นะ " มีเสียงซุบซิบออกมา
      " งันถ้ายังไม่ได้เรื่อง ครูขอแนะนำนะว่าน่าจะเป็นวรรคดีไทยนะ เพราะพวกเธอก็เรียนกันมาแล้วทุกคนนี้ " อ.น้อย
      " แต่ว่า... มันดูเฉยๆๆ ไปอะคะ ไม่สนุกด้วยอะ " แก้ว
      " วรรณคดี มันไม่น่าเบื่อหรอกจ๊ะ ถ้าพวกเธอตั้งใจแสดงกันมันจะน่าสนใจกว่าเรื่องอื่นๆๆ นะ ครูว่านะ " อ.น้อย
      " แล้วทุกคนละเห็นว่าไงกัน " แก้ว
      " ผมเห็นด้วยกับอาจารย์นะ " B
      ไม่มีใครแย้งขึ้นมาอีก อาจจะเป็นเพราะ B พูด หรือเป็นคำแนะนำของอาจารย์ก็ไม่แน่
      " แล้วจะเอาเรื่องไรกันดีละ "
      " เท่าที่เราเรียนมาก็มี พระอภัย รามเกียรติ์ ขุนช้างขุนแผน " แก้วแนะขึ้น
      " รามเกียรติ์ ดีไหม "
      " เราว่ามันดูแล้วน่าจะยากนะ "
      " พระอภัยละ เป็นไง "
      "แล้วใครจะยอมเป็นนางยักษ์ ละ "
      " ก็จิบไง 555555++ "
      " นี้ !! นาย เอาขุนช้างขุนแผนดีกว่า ฉันจะเป็น นางวันทอง แล้วให้ B เป็น ขุนแผนไงละ"
      คำแนะนำขึ้นมามากมาย และสุดท้าย
      " เราว่า เรื่องกับ ตัวพระ อะดูดีแล้ว ส่วน ตัวนางที่เธอเสนอมานะ ไม่เหมาะเลย " แก้ว
      " แล้วจะให้ใครเป็นละ "
       " นี้ๆๆ เค้าว่า ถ้า B มันเป็นตัวพระ น่าจะให้ตาลเป็นตัวนางนะ "
      A พูดขึ้นมาอย่างออกหน้าออกตา ตอนแรก B ก็จะปฏิเสธอยู่แล้วแต่พอAพูดขึ้น B ก็เลยเฉยๆไป
      “ ไม่ๆๆ ฉันเป็นเอง ” จิบพยายามเสนอตัว แต่ไม่มีใครให้ความสนใจเลย
      " มีใครมีความเห็นนอกจากนี้ไหมละ " แก้ว
      " งันเอาตามนี้ละกันนะ "
      ตาลนะไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นมติของห้อง
      " นี้ๆๆ เธอวันแสดงก็แต่งสวยๆๆนะ เดียวขุนแผนจะไม่ชอบ "
      B เริ่มแซวตาลตลอดทั้งชั่วโมงเลย แต่กลับไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปากตาลเลย
      “ นักเรียนเคารพ ”
      และเมื่ออาจารย์ เดินออกไปแล้ว แก้วก็พูดมาว่า
      “ วันนี้ตอนเลิกเรียนแล้วเรามาประชุมเรื่องการแสดงแปปนึงนะทุกคน ”
      มีหลายคนไม่พอใจแต่ไม่อาจจะขัดได้
      กริ๊ง ๆ ๆ ๆ เสียงกริ๊งสุดท้ายของวันก็ดังขึ้น
      และห้อง ม.6/2 ทุกคนก็ยังอยู่ในห้อง
      “ สรุปว่าเราจะแสดงเรื่อง ขุนช้างขุนแผนกันนะ โดย B เป็นขุนแผน ตั้ม นายเหมือนขุนช้างสุดแล้ว นางวันทองก็ตาลนะ ........Etc. ”
      แก้วชี้แจ้งให้ทุกคนฟังทั้งๆที่คนอื่นยังไม่ได้ปรึกษาอะไรกันเลย แต่ก็ไม่มีใครอยากจะขัดเพราะเห็นใจแก้วที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในงานนี้ และทุกคนก็เห็นว่ามันคงจะผ่านไปได้ด้วยดี
      “ เอาละถ้าไม่มีใครขัดค้านก็เป็นไปตามนี้ละกัน เลิกประชุมได้ ”
       
      เมื่อสิ้นเสียง B ต้องรีบวิ่งลงไปที่สนามฟุตบอลทันที A ก็ไปซ้อมดนตรีเช่นเคย ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไป และดูเหมือนว่าวันนี้ตองรีบกลับบ้านเพราะวันนี้แม่ของตองจะมาหาที่บ้านป้าซึ้งตองอาศัยอยู่ ตาลจึงต้องนั่งทำการบ้านรออยู่คนเดียว
      “ นั่งคนเดียวไม่เหงาหรอ ? ” A ทักอย่างเป็นกันเอง
      “ ไม่หลอก ”
      “ งันเราขอนั่งด้วยได้ไหม พอดีเราก็ต้องรอ ไอ้ B มันนะ ”
      “ ตามใจเธอสิ ”
      “ เอ่... แล้วเธอว่าไอ้ B มันเป็นไงมั่งละ ” A ลองถามตาลดู
      “ ก็กวนๆ อะ น่ารำคาญ ”
      “ แต่เราว่าไม่นะ ”
      แต่คราวนี้ตาลกลับไม่ตอบแล้ว และแล้วเบ็นซ์สีขาวก็มารับเธอกลับไป
      “ แอะๆ .. เมื่อกี้คุยกับแฟนฉันทำไมวะ ” B เดินมาอย่างช้า
      “ เขาไปเป็นแฟนมึงตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย ”
      “ นี่ไม่รู้อะไรเลยไงวะ เราเป็นแฟนกันตั้งนานแล้ว ” B ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจเหลือเกิน
      “ โอ่โฮ่ พูดมาได้เต็มปากเต็มคำ ไปๆ กลับกันเถอะ ” แล้วทั้ง 2 คนก็ซ้อนเวสปา คันเดิมกลับหาไป
                      เช้าวันต่อมา รู้สึกว่าวันนี้จะแปลกเป็นพิเศษเพราะทั้งคู่ ตื่นกันตั้งแต่ 6.30 ซึ่งมันแปลกมากๆ
      “ วันนี้เรากินข้าวเช้าที่ไหนดีวะ ” A ถามเพราะรู้สึกว่าเขาจะหิวแล้ว
      “ ไม่รู้สิ ร้านเดิมก็ได้มั่ง ”
      “ ร้านไหนวะ กูรู้สึกว่าเราจะไม่ได้กินข้าวเช้ามาตั้งนานแล้วนะ ”
      “ อาวนี้มึงไม่ได้กินข้าวเช้าซักวันเลยหรอ ก็ตื่นสายยังงัยแล้วจะได้กินที่ไหนละมึงอะ วันก็หัดตื่นเช้าๆ ก็แล้วกัน ” B พูดเหมือนกันว่าตัวเองนั้นได้กินข้าวเช้าทุกวันอย่างนั้นแหละ
      “ แหม่พูดมาได้เนาะ กูกับมึงก็อยู่ด้วยกัน ตื่นก็ตื่นพร้อมกัน ยังกะมึงเคยได้กินงันแหละ ”
      “ แฮะ... ”
      “ งันเจอร้านไหนก็แวะกินก็แล้วกัน ” A บอกไปแล้วก็บิดเวสปาออกไปกัน
      “ เราอะไรดีครับ ” เจ้าของร้านข้าวราดแกง หน้าโรงเรียน ถามทั้ง 2 ที่กำลังเลือกดูกับข้าวอยู่
      “ งันเอาอันนี้แล้วก็อันนี้ครับ ขอเป็นพิเศษนะครับ อยากกินมานานแล้ว.. ” A รีบสั่งโดยไม่รอรีส่วน B ยังเลือกไม่ได้ซักที
      “ นี้ B เลือกอะไรอยู่ละ เลือกไม่ถูกหรอ ” เสียงนี้ดูคุ้นๆ
      “ อ่าวตองเองหรอ ”
      “ ร้านนี้นะอร่อยทุกอย่างนั้นแหละ งันนี้หนูเอาพะโล้กับผัดผักละกันคะ ” ตองพูดกับ B แล้วก็หันไม่สั่งอาหารทันที
      “ งันผมเอาเหมือนกันครับ เธอไปนั่งรอเลยก็ได้นะเดียวเราถือไปให้ ”
      “ ขอบใจจ๊ะ ” แล้วตองก็เดินไปตักน้ำมา 2 แก้ว และถือตาม B ไปนั่งที่โต๊ะที่ A กำลังนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย
      “ แหม่ กินเหมือนกันเลยนะ มีตักน้ำมาให้กันด้วย แล้วของเราไม่เห็นตักมาให้มั่งเลย ไปตักเองก็ได้ ” A แซวเล่นๆ ทั้งที่ยังมีข้าวอยู่เต็มปาก แต่ก็ไม่มีใครเถียงอะไรได้แต่ยิ้มกันนิดหน่อย เพราะรู้อยู่ว่าแซวกันเล่นๆ และเมื่อทุกคนกินข้าวเสร็จ
      “ ตองเราไปส่งไหม ” A ชวนด้วยความมีน้ำใจ
      “ ไม่เป็นไรหลอกแค่นี้เอง อีกอย่างเธอก็มากับ B อยู่แล้วนะ ”
      “ ไม่เป็นไรหลอก พอดีเราจะไปซื้อการ์ตูนอ่านซะหน่อยนะ เธอไปกับ A ก่อนเลย ” B พูดเสร็จแล้วก็เดินไปยังร้านขายหนังสือ
      “ มาเถอะนะ ”A ชวนอีกครั้งพร้อมกับหยิบหมวกกันน็อกให้ตอง เธอไม่อาจจะปฏิเสธได้แล้ว และเมื่อทั้งคู่ผ่านเข้าประตูโรงเรียนไป สาวๆกลุ่มหนึ่งก็หันมามองด้วยความสงสัย และเดินเข้ามายังที่จอดรถ
      ( อะไรเนี่ย ) A คิดในใจ
      “ พี่ A มีแฟนแล้วหรอ ไม่เห็นบอกกันเลย ” สาวๆส่วนหนึ่งถามขึ้นอย่างสงสัย
      “ เปล่าๆ เพื่อนนะ พอดีว่าเจอกันระหว่างทางนะ ” A ดูหน้าซีดไปทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรผิด
      “ แล้วไป ” แล้วก็มีหลายคนที่พยายามจะดึงมือ A ออกไป และเมื่อ A หันมาที่รถอีกที่ก็ไม่พบตองแล้วเหลือไว้แต่หมวกกันน็อกที่วางไว้บนเบาะรถ
                      ส่วนกิจกรรมหน้าเสาธงก็มีเช่นเคยไม่มีอะไรพิเศษ
      “ กรี๊งๆ ๆ ๆ ได้เวลาเข้าเรียนในคาบแรกแล้วคะ ”
      และเมื่อ A เจอตองอีกครั้งก็รีบเดินเข้าไปหาทันที พร้อมกับถามว่า
      “ เมื่อกี้นี้เธอไปไหนมานะเป็นอะไรหรือปล่าว ”
      “ ก็มาที่ห้องนะสิ ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้บอกนะ เห็นว่าเธอกำลังยุ่งอยู่ ”
      “ มีอะไรกันหรอ ” B เดินเข้ามากลางคัน
      “ เปล่าๆ ก็ฉันจอดรถเสร็จอยู่ดีๆ ตองก็หายไปนึกว่าเป็นอะไรซะอีก ”
      “ ขอบใจนะที่เป็นห่วงฉันไม่เป็นอะไรหลอก ” แล้วทุกคนก็กลับไปนั่งที่
      “ นักเรียน ทำความเคารพ ” คาบนี้เป็นคาบเรียนวิชาศิลปะ
      “ สวัสดีครับ/ค่ะ ”
      “ วันนี้ครูว่าครูจะไม่สอนอะไรมากนะ จะให้เวลานักเรียนปรึกษาเรื่องการแสดงนะ แล้วตกลงห้องนี้จะแสดงเรื่องอะไรกันหรอ ”
      “ พวกเราเลือก ขุนช้างขุนแผนค่ะ ” แก้วตอบแทนทุกคน
      “ กันก็ดีแล้วเดียวส่งบทด้วยนะ ครูไปและ ”
      “ นักเรียนเคารพ ”
      “ ขอบคุณครับ/ค่ะ ” การเรียนคาบแรกวันนี้ชั่งรวดเร็วเหลือเกิน
      “ ทุกคน ฟังทางนี้นะ..... ” แก้วชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับบทแสดงทุกอย่าง และสรุปสุดท้ายว่า
      “ เราจะเริ่มซ้อมกันเย็นนี้เลยนะ ” ทุกคนเงียบไป ซึ้งก็มีหลายคนไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่กล้าแย้ง
      “ กรี๊งๆ ๆ ๆ ” และแล้วคาบสุดท้ายของวันนี้ก็จบลง แต่ทุกคน ( 6/2 ) ก็ยังอยู่และเริ่มจัดโต๊ะเพื่อให้มีพื้นที่ว่างสำหรับซ้อมการแสดง ทุกอย่างยังติดๆขัดๆอยู่บ้าง และฝ่ายที่คิดบทนำโดย โจและหญิง คู่รักแห่งปีซึ่งได้ คะแนนภาษาไทยอยู่ในระดับแนวหน้า ก็ช่วยกันเขียนบทจนเสร็จ พร้อมที่จะให้อาจารย์ดูในวันพรุ่งนี้ ส่วนนักแสดงที่เลือกไว้ก็ลองซ้อมกันเล็กๆน้อย ส่วนคนที่เหลือก็ลองคิดฉาก และเมื่อถึงเวลาประมาณ 17.30 ก็เลิกซ้อมกันและทุกคนก็แยกย้ายกันไป
       
      และแล้วก็ถึงวันแสดง…วี้ดวิ้วๆตื่นเต้นจัง ^^ B คิดในใจขณะกำลังแต่งตัวอยู่ในห้องแต่งตัวของคนที่เล่นละครด้วยกัน (แยกหญิงชายน้าเวลาแต่งตัวอ่า - -) ตาลก็กำลังแต่งตัวอยู่เช่นเดียวกับ B เธอแอบคิดในใจว่าไม่ชอบเลยเพราะเวลาแสดงเธอต้องแต่งหน้า เธอคิดว่าการแต่งหน้าคือการเอาอะไรสักอย่างมาทำให้หน้าหนาขึ้น มันรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย ในขณะที่กำลังแต่งหน้าอยู่นั้นตองก็เข้ามาเห็นตาลขณะที่เธอพึ่งแต่งหน้าเสร็จพอดี ตองเดินเข้ามาหา และพูดขึ้นว่า
      “โอ้โหนี่หรอเพื่อนฉันแต่งหน้าออกมาแล้วจำแทบไม่ได้เลยสวยเหมือนภาพวาดแนะ” 
      “อ๊ะ ชมกันแบบนี้แอบไม่มั่นใจนะเนี่ยพูดจริงหรือพูดเล่นเนี่ย” (ตาลหน้าแดงแจ๋เลย ^^)
      “พูดจริงซิ แหม่” แล้วตาลกับตองก็เดินออกจากห้องแต่งตัวไปด้วยกันในขณะกำลังเดินอยู่นั้น ก็ไปเจอกับนัดที่พึ่งแต่งตัวเสร็จพอดี นัดเห็นตาลครั้งแรกก็คิดในใจ(โหสวยจังเลยโอ้ว จะละลายแล้ว >.<) ตาลเมื่อเจอกับนัดเธอก็เกิดอาการเขินขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอรีบทักนัดก่อนทันที “นี่นายแต่งตัวเสร็จช้าจังเลยนะ” นัดซึ่งกำลังตลึงอยู่ก็ยืนเงียบไม่ได้ตอบอะไร ยิ่งทำให้ตาลเขินมากขึ้น ตองจึงตัดบทขึ้นมา “นี่ๆ เพื่อนฉันไม่ได้มีไว้ดูเล่นนะจ๊ะ เค้าถามอะไรรู้บ้างรึป่าว” นัดตกใจรีบตอบกลับไป “อืมขอโทดที พอดีเสื้อผ้าเราแต่งหลายชั้นน่ะ” ตาลก็ยิ้มขึ้นมาและพูดว่า “อื้มเสื้อผ้าเราน้อยชิ้นจัง คิกคิก” นัดตกใจเล็กน้อยที่ตาลดูเป็นกันเองกับนัดมากขึ้น และแล้ว A ก็เดินมาขัดจังหวะพอดี “เฮ้ย!!! แหม่ๆกุไม่อยู่หน่อยเดียวจีบสาวหน่อยเลยนะเมิง จะแสดงอยู่แล้วรีบไปเตรียมตัวเร็ว” การแสดงก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วในบทพูดมีตอนที่ขุนแผนต้องบอกรักนางพิมพด้วย นัดพูดขึ้นว่า “ฉันรักเธอ” ตาลถึงกับสะดุด แต่เธอก็พยายามเก็บอาการสุดฤทธิ์>.< และเล่นตามบทต่อไป เมื่อละครจบนัดที่กำลังจะลงจากเวทีก็มีน้องๆ สาวๆ เดินมาให้ดอกไม้กันเต็มไปหมด ตาลเมื่อเห็นดังนั้นเลยเดินลงไปอีกฝั่งหนึ่ง 

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×