ตอนที่ 1 : Playing with Firefighters -1-
คิดจะเป็นอาสาสมัคร ต้องมีใจรักที่จะทำความดี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ยิ่งกับสายงานดับเพลิงด้วยแล้ว ต้องมีทั้งความรู้ ความอดทน ไหวพริบ และสติในการตัดสินใจ
ถ้าพลาดไปแม้แต่เสี้ยววินาที นั่นหมายถึงชีวิตและความสูญเสีย
“สวัสดีครับ สถานีดับเพลิง เขต A อาสาสมัครคังดงโฮพูดครับ”
“แจ้งเหตุไฟไหม้ครับ ตอนนี้กำลังลามเลย รีบมาด่วนๆ นะครับ”
เสียงจากปลายสายที่ฟังดูตื่นตระหนกและร้อนรน ดงโฮคว้ากระดาษและปากกาเพื่อจดที่อยู่สถานที่เกิดเหตุพร้อมกดเปิดสปีคเกอร์โทรศัพท์สำนักงานทันที ทำให้หนุ่มอาสามัครรุ่นน้องที่นอนเล่นมือถืออยู่สะดุ้งเด้งตัวลุกขึ้นหน้าตาตื่น แดเนียลวางมือจากเกมที่เล่นค้างไว้และพุ่งไปหยิบชุดดับเพลิงที่แขวนไว้หน้าล็อคเกอร์เหล็กมาสวมใส่อย่างเร่งรีบ พร้อมใช้เท้าสะกิดซังกยุนที่นอนหลับอยู่บนฝูกด้วยแรงที่ไม่เบานักมือที่ว่างอีกข้างก็คว้าชุดดับเพลิงอีกตัวโยนมาให้ดงโฮที่กำลังรับแจ้งเหตุอยู่
“ขอพิกัดสถานที่เกิดเหตุด้วยครับ”
“.......................”
แทนที่จะได้รับคำตอบปลายสายเงียบหายไปเสียดื้อๆ
“คุณครับ ขอพิกัดด้วยครับ” ดงโฮเร่งรัดคำตอบจากปลายสาย
“ผมไม่รู้ครับพี่ มันมืดไปหมดเลย” เสียงตื่นกลัวดังตอบกลับมาอีกครั้ง คราวนี้ดงโฮรู้สึกกังวงมากกว่าเดิม อาจเพราะสถานการณ์ที่ตกอยู่ในความเสี่ยงทำให้ปลายสายขาดสติจนพูดไม่รู้เรื่อง
“น้องใจเย็นๆ นะ แล้วตั้งสติบอกมาว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”
เสียงลมหายใจเข้าออกหนักๆ ดังตอบกลับมา ทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งสติอย่างที่เขาได้แนะนำไป “หายใจเข้าลึกๆ แล้วบอกพี่มาว่าอยู่ไหน”
“อยู่….”
จากน้ำเสียงตื่นกลัวตอนนี้ฟังดูสั่นเครือ แถมยังได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ยิ่งทำให้ดงโฮรู้สึกกังวลหนักกว่าเดิมหลายเท่า ตอนนี้ใจของเขาร้อนรนเหมือนกับโดนไฟเผาไหม้เสียเอง ในหัวนึกแค่ว่าต้องเค้นเอาพิกัดสถานที่เกิดเหตุจากปลายสายให้ได้ เพราะเขาไม่รู้อะไรเลยนอกจากมีเหตุเกิด ไม่รู้ว่าไหม้บ้าน ไหม้สำนักงาน หรือโรงเรียน และถ้าเขาพลาดไปแค่เสี้ยวนาทีทำให้ไฟลุกลามไปมากกว่านี้อาจหมายถึงความสุญเสียที่ไม่ได้กลับคืนมา
“อยู่ไหนครับ!” ดงโฮขึ้นเสียงใส่ปลายสาย
“อยู่………… ในปาร์ตี้ร้อนดังกับไฟเอ้อร์ เธอสวยเซะซี่ฮอตยังกะฟายเอ้อออออร์”
โครม!
ไอ้เด็กเวรเอ้ย….
แดเนียลและซังกยุนที่กำลังใส่รองเท้าล้มลงพร้อมกันทั้งคู่มองมาที่ดงโฮที่กำหมัดแน่น ใบหน้าหล่อแดงก่ำไปด้วยความโกรธ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้รับการแจ้งเหตุเท็จที่ถูกก่อกวนจากเด็กวัยรุ่นในระแหวกนั้น
“โถ่พี่ ไม่เห็นต้องขึ้นเสียงใส่กันเลย” เด็กหนุ่มปลายสายดัดเสียงงอแงให้ดูน่ารัก แต่ถ้าให้บอกความรู้สึกของดงโฮตอนนี้ เขาแทบอยากจะล้วงมือเข้าไปในโทรศัพท์แล้วคว้าคอไอ้เด็กบ้านี่มาต่อยให้หายแค้น
มีที่ไหนโทรมาก่อกวนแถมยังพูดเล่นต่อไม่รู้จักสำนึกแบบนี้ ถ้าเป็นน้องชายเขาคงได้ไล่เตะก้นกันรอบเมืองแน่ๆ
“นี่ ไอ้เด็กเวร รู้มั้ยว่าแจ้งเหตุเท็จมันผิดน่ะ” ดงโฮ พยายามข่มอารมณ์และน้ำเสียงไม่ให้ดูโมโหไปมากกว่านี้
อาสาสมัครที่เหลือก็ทยอยถอดชุดดับเพลิงที่พึ่งสวมเข้าไปด้วยสีหน้าเซ็งโลก ถ้านับในอาทิตย์นี้นี่คงเป็นครั้งที่ 3 ที่ได้รับโทรศัพท์ก่อกวน ถ้าฟังจากน้ำเสียงและลีลาการพูดก็คงเป็นเด็กคนเดิมที่พวกเขาเรียกว่าไอ้เด็กไฟไหม้
“รู้พี่ แต่ผมไม่ได้แจ้งเหตุเท็จนะ ไฟมันไหม้จริงๆ แต่มันไหม้ในใจของผมอะ หูยยย นี่ลุกพรึ่บๆ เลย เหง๊าเหงาไม่มีคนดูแลหัวใจจจ”
“เพ้อเจ้อละไอ้น้อง อย่าให้เจอนะ จะต่อยให้ปากแตกเลย” ดงโฮกล่าวคาดโทษ มองไปยังเพื่อนอาสาสมัครที่เดินเข้ามาสบทบอย่างซังกยุน
“พี่จะต่อยผมเหรอ หาตัวผมให้เจอก่อนเถอะ ฮ่าๆ”
เสียงหัวเราะเยอะจากไอ้เด็กไฟไหม้ทำให้หนุ่มอาสามัครเลือดขึ้นหน้า ซังกยุนเอามือตบบ่าเพื่อนหวังปราม
“นี่มันดึกมากแล้วไอ้หนู ไปปะแป้งนอนได้แล้ว” ซังกยุนพูดใส่โทรศัพท์
“เออ ไปนอนไป ไม่งั้นจะแช่งให้บ้านไฟไหม้จริงๆ นะเว้ย” แดเนียลเองก็อุตส่าห์ตะโกนข้ามฟากฝากความรักไปให้คนในสายอีกเสียง
“นี่ไอ้เด็กไฟไหม้ เลิกโทรมาก่อกวน-” พูดไม่ทันจบก็มีเสียงแทรกจากปลายสายดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ควานลิน ไปร้านสะดวกซื้อกัน หิว”
“นี่ซอนโฮ นายจะเรียกฉันทำไมวะ”
ตึ๊ด!
สายโทรศัพท์ถูกตัดไปพร้อมกับหลักฐานมัดตัวไอ้เด็กไฟไหม้ที่พวกเขาตามหามาร่วมอาทิตย์ ดงโฮและซังกยุนมองหน้ากันเหยียดยิ้มคว่ำพยักหน้าเบาๆ ก่อนดงโฮจะพูดขึ้น
“ได้เวลาตามจับตัวไอ้เด็กไฟไหม้แล้วว่ะ”
ไอ้เด็กนี่ชื่อควานลินสินะ…...
ถนนเส้นหลักที่ปกติจะมีผู้คนเดินกันให้ควั่กแต่ในเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ ตอนนี้กลับว่างเปล่าไร้ผู้คนแม้แต่หมาซักตัวยังไม่มี ก็แน่ล่ะสิ ใครมันจะมาเดินให้ผีข้างทางเซย์ฮัลโหลเล่นกันล่ะวะ นอกจากเขากับไอ้เจี๊ยบจอมแดกหน้าเด๋อเนี่ย
“ซอนโฮ นายจะลากฉันออกมาทำไมวะเนี่ย ไม่เห็นเหรอว่ากำลังคุยกับพี่ดับเพลิงอยู่” ผมพูดกับเพื่อนอย่างหัวเสีย ไอ้เจี๊ยบมันแค่ทำหน้าเด๋อใส่ก่อนจะยิ้มแหยๆ กลับมาให้เท่านั้น แล้วอีกอย่างตอนที่ซอนโฮเรียกชื่อผมมันต้องดังเข้าไปในสายให้พวกนั้นรู้แน่ๆ เลย แล้วถ้ามันตามตัวผมเจอนี่ก็โดนต่อยจริงๆ สิวะ
“ก็ฉันหิวนี่หว่า นี่ถ้านายไม่พาฉันมานะ ฉันต้องปวดท้องนั่งร้องไห้อยู่ห้องแน่เลย”
“ปกติเขาให้กินวันละสามมื้อนะ นายเล่นกินวันละหกเจ็ดมื้อแบบนี้ ระวังไว้เถอะซักวันระบบย่อนมันจะเสียแล้วขี้จะมากองรวมกับที่แก้ม”
ซอนโฮเบะปากเหมือนจะร้องไห้ ตาโตๆ ของมันหลุบต่ำลง ดูๆ ไปก็เหมือนหมาหูตกเหมือนกันนะ แต่ในฐานะที่เป็นเพื่อนกันมานานผมรู้ว่านี่คือละครฉากหนึ่งของยูซอนโอไม่ผิดแน่ครับ
“เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว นี่ไม่ใช่พวกผู้หญิงที่โรงเรียนนนะถึงจะได้หลงกลน่ะ”
ซอนโฮจิ๊ปากเบาๆ ก่อนจะพึ่งเดินพึ่งวิ่งนำผมไป จนทำให้ผมต้องวิ่งตาม จะไม่ให้วิ่งตามได้ไงล่ะก็ซอยนี้มันมืดจะตาย ยิ่งพึ่งดูหนังฆาตรกรโรคจิตมาเมื่อวานบวกกับจินตนาการอันล้ำเลิศของผมแล้วด้วย วิ่งสิครับ
ไม่นานเราก็เดินมาถึงร้านสะดวกซื้อ เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของซอนโฮในค่ำคืนนี้ ไอ้เจี๊ยบมันฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีเดินนำเข้าไปในร้านก่อนแล้ว ผมที่กำลังจะเดินตามเข้าไปกลับสะดุดตากับผู้ชายที่นั่งอยู่หน้าร้านเสียก่อน
เขาเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างหน้าตาดีเลยนะ ไม่ดิ หน้าตาดีเลยแหละ ทรงผมอันเดอร์คัทถูกเสยไปข้างหลังอย่างลวกๆ ใบหน้าที่มีองค์ประกอบทุกอย่างลงตัวเหมือนถูกจับวางออกมาแล้วสั่งว่า นี่คือใบหน้าของผู้ชายหล่อๆ ที่จะเกิดมาเพื่อกระชากใจสาวๆ ในเมืองนี้นะ และที่ผมชอบที่สุดก็คือดวงตาดุๆ ของเขา
และตอนนี้…. ดวงตาคู่นั้นมันกำลังจับจ้องมาที่ผม
ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย สบตาผู้ชายคนนั้นคืนอย่างไม่เกรงกลัวถ้าเป็นไอ้ซอนโฮนะป่านนี้หลบตาแล้วเดินหนีไปแล้ว แต่นี่ใคร ไลควานลินนะครับ จ้องมาจ้องกลับไม่โกง
ผู้ชายคนนั้นหรี่ตามองผมเหมือนกำลังจับสังเกตอะไรซักอย่าง ดูๆ ไปเขาก็เหมือนโจรจับเด็กไปเรียกค่าไถ่อยู่นะ แล้วผมที่พึ่งอายุ 16 นี่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายของเขาหรือเปล่านะ ?
“พี่มีไรกับผมป่าว?” ผมถามด้วยความสงสัย พร้อมชี้นิ้วใส่หน้าหล่อๆ ของตัวเอง
เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่ดูจะเตี้ยกว่าผมไม่กี่เซ็น พร้อมกับค่อยๆ เดินเข้ามาหาผม อ่า… ด้วยความที่พี่เขาใส่เสื้อกล้ามคว้านแขนลึกทำให้ผมเห็นสัดส่วนร่างกายของเขานิดหน่อย มันดีนะครับคุณ เขาดูเหมือนผู้ชายที่เล่นกีฬาและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แขนนี่รัดคอผมตายได้เลย ดูรวมๆ ก็เหมือนหมีนะแต่ว่าดูดีมาก
“ชื่อไรอะน้อง ?” เสียงนุ่มๆ ของพี่เขาเอ่ยถามออกมา หูย นี่ไม่คิดว่าผู้ชายหน้าตาเหมือนโจรเวลาพูดออกมาเสียงจะอ่อนโยนขนาดนี้ เสียงพี่เขานุ่มมากๆ เลย
เอาจริงๆ ผมเริ่มจะอยากฝากตัวเป็นแฟนคลับพี่เขาแล้วล่ะ คนอะไรดูดีจริงๆ
“ผมเหรอ พี่ถามทำไมอะ นั่นแหน่... ชอบผมล่ะสิ” ผมยิงมุกใส่เขาไปหนึ่งที พอผมพูดจบพี่หมีแกก็เอาคิ้วเข้มๆ นั่นขมวดปมกันปั้บ ทำให้ผมหลุดขำออกมาเพราะหน้าหมีงงของเขา
“เพ้อเจ้อละไอ้น้อง พี่แค่ถามดู” พี่หมีพูดพร้อมยกมือขึ้นเกาหัว
เดี๋ยวนะ… เหมือนเคยได้ยินรูปประโยคแบบนี้ที่ไหน เสียงดูคุ้นๆ เหมือนเคยคุยด้วย
ผมกัดปากตัวเองเบาๆ เวลาที่ใช้ความคิดไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กแบบมดลูกของลูกมดจนถึงเรื่องใหญ่แบบจังกรวาลชุปแป้งทอดโรยเกล็ดขนมปังผมก็จะชอบเผลอกัดปากตัวเองตลอด
เชี่ย ทำไมเสียงเหมือนพี่ดับเพลิงจังเลยวะ ไหนจะคำพูดที่คล้ายๆ กันอีก
ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมผมเลยรู้สึกเหงานิดหน่อย ถ้าไม่นับเวลาไปเรียนพิเศษหรือเล่นบ้านซอนโฮ นอกนั้นก็เหมือนผมใช้ชีวิตหายใจทิ้งเพื่อรอวันเปิดเทอมเท่านั้นแหละ เลยมีไอเดียสนุกๆ ผุดขึ้นมาตลอด เช่นการโทรไปเซย์ฮัลโหลกับพี่นักดับเพลิง ถ้านับจากวันแรกที่ลองโทรแล้วแกล้งโวยวาย วันนี้ก็จะเป็นครั้งที่ 3 แล้ว และคนที่รับแจ้งเหตุก็จะเป็นพี่คนที่ชื่อคังดงโฮประจำ อาจเป็นเพราะผมเลือกโทรช่วงเที่ยงคืนตลอดด้วยแหละมั้ง คนที่รับโทรศัพท์ก็เลยเป็นคนเดิมๆ
“ไม่บอกหรอกครับ รู้ไปก็เอาไปแทงหวยไม่ได้”
หว่า หน้าหล่อๆ ของเขาเริ่มแดงแล้วล่ะ เขาเขินผมหรือเปล่านะ นี่ผมทำให้คนหล่อขนาดนี้เขินหน้าแดงได้ด้วยเหรอ ?
ผมต้องรีบชิ่งแล้วล่ะ ก่อนที่พี่เขาจะตกหลุมรักผมจริงๆ
“ถ้าพี่ไม่มีธุระอะไร ผมขอตัวก่อนนะคร้าบบบ”
ความจริงแล้วผมกลัวว่าเขาจะเป็นพี่นักดับเพลิงคนนั้นน่ะสิ ถ้าใช่ขึ้นมาแล้วถ้าเขารู้ว่าผมคือไอ้เด็กไฟไหม้ที่เขาเรียกนี่ งานเข้าเลยนะ ไม่โดนต่อยก็เตะก้นล่ะวะ
ผมโค้งตัวให้อีกฝ่ายพร้อมส่งยิ้มแฉ่งให้อย่างเป็นมิตร ก่อนจะหมุนตัวกลับเพื่อเข้าไปในร้านสะดวกซื้อหาซอนโฮ แต่ไม่ทันที่จะก้าวเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่ผมไม่อยากให้มันเกิดที่สุดก็เกิดขึ้น
“เป็นนายใช่มั้ย ไอ้เด็กไฟไหม้ควานลิน!”
!!!!!!!!!
สุดท้ายเขาก็ถูกดงโฮลากคอมาที่สถานีดับเพลิงที่ตั้งอยู่ซอยถัดไปจากร้านสะดวกซื้อไม่ไกลนัก ระหว่างทางดงโอจากดึงเสื้อทั้งลากเหมือนกับโกรธแค้นกันมาเป็นชาติ ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพคงเป็นนายหัวหฤษณ์กับโศรยาตอนฉุดกระชากกันใหม่ๆ
ไม่รู้ป่านนี้ซอนโฮจะวิ่งหาเขาให้วุ่นแค่ไหน เครื่องมือสื่อสารอะไรก็ไม่มีซักอย่าง เหลือแต่จะกัดเลือดเขียนจดหมายฝากเจ้าตูบหน้าปากซอยวิ่งเอาไปให้แล้ว
ไม่นานดงโฮก็พาเด็กเจ้าปัญหามาถึงสถานีดับเพลิง เขต A ควานลินเงยหน้ามองตัวอาคารสามชั้นที่ทาสีเขียวสลับแดงที่มองดูแล้วก็อยากด่าคนออกแบสีมากๆ แถมมันยังทำให้ชวนหิวพิซซ่าจนอยากจะควักมือถือออกมากดโทรสั่งซะเดี๋ยวนี้ ข้างๆ ก็จะเป็นโรงจอดรถดับเพลิงที่มีอยู่ประมาณ 4 คัน แต่ละคันก็ต่างกันออกไปแต่เขาไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไรบ้าง ดวงตากลมกวาดสำรวจไปรอบบริเวณและมาหยุดอยู่ที่ผู้ชายหน้าโหดที่ยังกำคอเสื้อเขาไม่ปล่อยซักที
“พี่จะทำไรผมอะ ปล่อยดิวะ” ควานลินแสดงสีหน้าไม่พอใจ เด็กหนุ่มสะบัดตัวพร้อมพยายามแกะมือหมีของอีกฝ่ายออก แต่ก็ไม่เป็นคนดงโฮแรงเยอะกว่าเขาหลายเท่า ดูจากกล้ามแขนนั่นสิ รัดคอทีนึงคงตายไปสองชาติแน่ๆ
“จะดิ้นทำไมน้อง พี่ไม่พามาข่มขืนหรอก”
“แล้วพี่จะพาผมมาที่นี่ทำไมล่ะวะ”
“พามาให้แดเนียบต่อยปากมั้ง”
คำตอบที่ได้รับทำให้ตาที่โตอยู่แล้วเบิกกว้างหนักกว่าเดิม มือแกร่งพยายามลากตัวเด็กหนุ่มอีกครั้ง ควานลินขืนตัวไวสุดแรง จากที่ตั้งใจจะลากเฉยๆ เปลี่ยนเป็นกระชากตัวแทน ทั้งคู่ฉุดยื้อกันอยู่อย่างนั้นซักพัก ก่อนคนอายุมากกว่าจะตัดสินใจผ่อนแรงกระชากลงและใช้วงแขนแกร่งโอบอุ้มควานลินพาดบ่าโดยไม่ทันให้เด็กหนุ่มตั้งตัว
ภาพที่เห็นมันไม่ใช่พระเอกสุดคูลที่อุ้มนางเอกด้วยความรักก่อนจะหอบหิ้วกันขึ้นสวรรค์อย่างที่ใครหลายคนคาดหวัง เด็กหนุ่มที่พกส่วนสูง 180 กับผู้ชายหุ่นหมีที่กำลังแบกเขาอยู่ มันออกจะคล้ายการอุ้มเผายางมากกว่าฉากหวานแหววพวกนั้น
ควานลินดิ้นสุดแรงถึงแม้ว่าเขาจะสูงมากแต่ด้วยรูปร่างที่เพรียวบางกว่าอีกฝ่ายมากโขทำให้ดงโฮไม่ค่อยเดือดร้อนกับการขัดขืนของอีกฝ่ายเท่าไหร่ ไม่เดือดร้อนแต่ไม่ใช่ว่าไม่หนัก ที่บอกว่าไม่หนักมันก็ไม่ได้แปลว่าไอ้เด็กนี่เบา
“เฮ้ยพี่ ผมลูกมีพ่อมีแม่นะเว้ย” ควานลินร้องท้วงดังลั่น
“แล้วทำไมพ่อแม่น้องไม่ควบคุมพฤติกรรมเลยวะ ปล่อยให้โทรก่อกวนคนอื่นอยู่ได้” พูดจบก็เม้มปากแน่นรวบรวมพลังทั้งหมดที่มีแบกเด็กหนุ่มต่อไป ดงโอเดินมาถึงหน้าทางเข้าก่อนจะใช้เท้าถีบประตูออกอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ทำให้เพื่อนร่วมงานที่นั่งเฝ้าเวรอยู่ถึงกับสะดุ้งก่อนทั้งคู่จะหันมามองผู้มาใหม่ด้วยความงุนงง
“พี่พาใครมาวะ” เป็นแดเนียล หมีอีกตัวที่ประจำการที่สถานีในค่ำคืนนี้เอ่ยทักหมีรุ่นพี่ที่กำลังแบกเจ้าก้อนตัวแสบเข้ามาในถ้ำ
“ลักพาตัวเด็กโดนจับนะเว้ย” ซังกยุนพูดด้วยหน้าตาสะลืมสะลือ ตาเฉี่ยวๆ กระพริบถี่ไล่ความง่วงและพยายามเพ่งมองเด็กหนุ่มที่ถูกดงโฮแบกเข้ามา
เด็กนี่หน้าตายังดูไม่หย่านมแม่เลย แต่ทำไมมันตัวโตนักล่ะ สงสัยแดกเห็ดพิษเข้าไปแน่ๆ
ดงโฮยอมปล่อยควานลินให้เป็นอิสระ และเมื่อขาถึงพื้นไอ้เด็กแสบก็เตรียมวิ่งหนีทันทีแต่ช้ากว่ามือหนาที่คว้าเอวเขาเอาไว้ได้เสียก่อน ควานลินเบิกตากว้างด้วยความตกใจพร้อมกับปัดมืออีกฝ่ายออกอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่โตมาขนาดนี้เขายังไม่เคยถูกใครโอบเอวขนาดนี้ นอกจากครอบครัวและซอนโฮ
การที่ถูกพามาที่นี่ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกกลัวนะ ควานลินเองก็เป็นแค่เด็กธรรมดาถึงแม้จะมีความแสบเฟี้ยวเปรี้ยวตีนเยอะกว่าเด็กธรรมดาอยู่บ้าง แต่ที่นี่มีผู้ชายหน้าหมีตั้งสองคน ส่วนอีกคนก็หน้าเหมือนโจรลักพาตัวเด็กแม้ในยามสะลืมสะลือ แถมเขายังสร้างเรื่องไว้อีกต่างหาก ถ้าเป็นในสายโทรศัพท์เขาคงปากเก่งและกวนโอ้ยคนพวกนี้ได้แบบไม่มีลิมิตเพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครและไม่มีทางตามตัวเจอแน่นอน
แต่นี่คือการพบหน้ากับแบบมีคดีติดตัวนะ ต้องโทษซอนโฮที่อยู่ๆ ก็พรวดพราดเข้ามาตอนที่เขากำลังโทรแกล้งจนทำให้ดงโฮรู้ชื่อและพิกัดจนถูกลักพาตัวมาที่นี่
“จับได้แล้วไอ้เด็กไฟไหม้ที่ก่อกวนเราบ่อยๆไง” ดงโฮแนะนำ
“ผมไม่ได้ชื่อไอ้เด็กไหม้ซักหน่อย ผมชื่อควานลิน” ควานลินประท้วง ปากเล็กๆ บูดบึ้ง สายตาก็เหลือบมองไปทางประตูเพื่อหาทางหนี เหมือนจากจุดที่ยืนอยู่นี่จะไกลจากประตูประมาณ 4 เมตร มันเป็นเรื่องง่ายมากที่เขาจะทางทีเผลอแอบวิ่งออกไป ถ้าไม่ติดว่ามีหมตัวใหญ่ยืนขว้างทางอยู่อย่างนี้ ควานลินมองดงโฮที่ยืนจังก้าเท้าสะเอวมองหน้าเขาอยู่เหมือนกัน
“อ๋ออออออออออ นายนี่เอง ไหนๆ ขอดูหน้าชัดๆ หน่อยสิ”
แดเนียลเดินอ้อมโต๊ะมา ใช้แขนล่ำๆ นั่นรัดเข้าที่คอของควานลิน มืออีกข้างก็บีบเข้าที่แก้วก่อนจะพลิกใบหน้าของเด็กหนุ่มไปมา ตาเล็กที่เล็กอยู่แล้วหรี่ลงให้เล็กกว่าเดิมคล้ายกับกำลังสำรวจและจดจำใบหน้าของเขาซะอย่างนั้น
“หน้าตาก็ดีนะเราน่ะ ไม่น่ากวนตีนเลย”
“ผมไม่ได้กวนตีนขนาดนั้นซะหน่อย” ควานลินเถียงกลับ ปัดมือของแดเนียลออก
“ไม่ได้กวนตีนแล้วโทนมาก่อกวนพวกพี่ทำไมวะ พี่ก็นึกว่าเกิดเหตุจริงๆ นี่ดีนะวันนี้หัวหน้าไม่อยู่ ไม่งั้นคงได้เอารถออกแล้ว” ซังกยุนพูดเสริมขึ้นมา ดีที่ครั้งนี้พวกเขาอยู่กันแค่สามคน เลยไม่มีใครเตรียมวิ่งเอารถออกเหมือนครั้งแรกที่ไอ้เด็กแสบนี่โทรมา ไม่งั้นคงวุ่นวายกันมากกว่านี้แน่
“กะ ก็ สีสันไงพี่ ผมก็คิดว่าพวกพี่เฝ้าเวรคงเหงาๆ เลยโทรมาเล่นด้วย ฉะ เฉยๆ” ควานลินให้เหตุผลลที่ฟังไม่ขึ้นเอาซะเลย ร่างเพรียวเริ่มอยู่ไม่สุขมีเหงื่อซึมออกมาจากใบหน้าเล็กน้อยทั้งๆ ที่อากาศในห้องก็ออกจะเย็นสบาย
ดงโฮส่ายหัวกับคำตอบของอีกฝ่าย พลางเดินไปลากเก้าอี้เลื่อนมา 2 ตัว ตัวหนึ่งเขาเอามานั่งเอง และอีกตัวก็เลื่อนเข้าไปหาเด็กหนุ่มแล้วใช้สายตาสื่อบอกแกมบังคับให้ควานลินนั่งลง
แดเนียลที่เห็นก็ทำตามรุ่นพี่อย่างรู้งาน เลิกล็อคคอเด็กหนุ่มก่อนจะกดไหล่อีกฝ่ายบังคับให้นั่งลงกับเก้าอี้ ด้วยแรงที่ไม่น้อยทำให้ควานลินรู้สึกเจ็บไหล่เล็กน้อยจนทำให้แสดงออกมาทางสีหน้าและพาลทำให้เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว
“นี่ น้องควานลินครับ….” ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าใสของเด็กหนุ่ม เป็นเหมือนการชักชวนเข้าบทสนทนาที่ไม่ต้องขึ้นเสียงหรือสะกิดเรียกสติ ควานลินมองดวงตาของอีกคนกลับทันที ไม่ใช่ว่าไม่กลัวเวลาดงโฮทำหน้าตาจริงจังแต่เขากลับชอบที่จะมองตาของคนๆ นี้ และแน่นอนว่าความชอบมันชนะความกลัว
“พี่ไม่รู้นะว่าเรานึกสนุกอะไรและกำลังคิดจะเล่นอะไรอยู่ แต่สิ่งที่น้องทำมันสร้างความวุ่นวายให้กับสถานี พวกพี่ที่เฝ้าเวรกันอยู่ต้องระแวงและใจหายทุกครั้งที่มีโทรศัพท์แจ้งเหตุเข้ามา เราจริงจังกับเรื่องนี้มากเลยนะเว้ย”
คำพูดประกอบกับสีหน้าจริงจังของดงโฮทำให้ควานลินรู้สึกใจหล่นวาบ ริมฝีปากสีสวยเม้มเข้าหากันแน่น จากตอนแรกที่กะจะทำเพราะความคึกคะนองไม่ได้คิดอะไร แค่อยากเล่นสนุกๆ ไม่ได้ตั้งใจทำให้สถานีต้องวุ่นวาย
“พี่ไม่รู้ว่าสายที่โทรเข้ามาแต่ละครั้งมันเป็นการแจ้งเหตุจริงหรือว่ามีคนแกล้งแบบที่น้องกำลังทำ แต่ใจพวกพี่ที่ทำหน้าที่อยู่ตรงนี้….. ก็ต้องอยากเร่งที่จะเข้าไปช่วยเหลือให้ทัน เพราะไม่อยากให้เกิดความเสียหายหรือต้องมีใครมาสูญเสียอะไรเพราะความล่าช้าของหน่วยงาน แต่พอเรารู้ว่าน้องโทรมาเพื่อแกล้งหลอกเล่น”
“...............................”
“.........มันไม่น่ารักเลยนะ” ดงโฮส่งสายตาต่อว่ามาที่เด็กหนุ่ม ควานลินก้มหน้าลงหลบสายตาด้วยความรู้สึกผิด มือขาวเริ่มยุกยิกไม่รู้ว่าจะเอาไปไว้ที่ไหน สุดท้ายก็จบลงที่การจับชายเสื้อเล่น
“พวกพี่ไม่โกรธหรอกนะ แต่ขอแค่อย่าทำอีกได้ไหม?” แดเนียลเสริมขึ้นมา วางมือบนไหล่บางพลางตบเบาๆ เพื่อปลอบ ท่าทางของควานลินตอนนี้ดูไม่โอเคเท่าไหร่ ดงโฮไม่ได้ดุด่าอย่างเจ็บแสบหรือรุนแรงเกินรับไหว เขาเลือกที่จะนั่งคุยกันให้เข้าใจเสียมากกว่า และมันยิ่งทำให้ควานลินรู้สึกผิดมากกว่าที่จะโดนด่าแบบแรงๆ ซะอีก
“ผม ขะ ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา เขารู้สึกผิดจริงๆ แบบไม่ตอแหล อาจจะเพราะสายตาของพี่เขาที่ทำให้เด็กหนุ่มเข้าถึงคำพูดและรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายแบบจริงๆ
“เป็นผู้ชายน่ะ พูดให้มันมั่นใจหน่อย” ซังกยุนเอ่ย
“ผมขอโทษครับพี่” ควานลินพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมา ดงโฮที่นั่งอยู่ตรงหน้าสังเกตเห็นว่าดวงตากลมโตนั้นมีน้ำตาคลออยู่ข้างใน แก้มขาวใสที่ตอนนี้เริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย เหมือนเด็กที่กำลังถูกคุณพ่อดุเพราะแอบเอาดินสอไปวาดพนังบ้าน มันน่าหยิกแก้มให้หายแค้นจริงๆเลย
“ดีแล้วที่รู้ตัวว่าผิดน่ะ สัญญานะว่าจะไม่โทรมาก่อกวนอีก” ดงโฮพูด
พี่พูดขนาดนั้นแล้วถ้าผมยังไม่รู้ตัวว่าผิดก็จะยังไงอยู่นะครับ
ควานลินเก็บคำพูดเอาไว้ในใจพยักหน้าหงึกหงักตอบรับมือขาวยกขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเองพร้อมกับแอบเช็ดน้ำตาที่หางตาอย่างเร็ว การกระทำเด็กๆ ของคนตรงหน้าทำให้ดงโฮเผลอยิ้มและหัวเราะออกมาเบาๆ
เด็กหนุ่มตาโตมองรอยยิ้มที่อีกฝ่ายแสดงออกมาพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นภายในอก รอยยิ้มและแววตาที่มองมาที่เขาด้วยความเอ็นดู มันทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่ตรงจังหวะที่ควรจะเป็น
อ่า… ทำไมรอยยิ้มของเขาถึงทำให้ผมรู้สึกใจแตกได้ขนาดนี้นะ
“ผมจะไม่โทรมาที่สถานีอีกแล้วครับ แต่ว่า….”
ดงโฮหุบยิ้มพลันเลิกคิ้วสูงด้วยความงุนงง
“ผมขอเบอร์ของพี่เอาไว้ได้มั้ย?”
to be continued...
ขอประเดิมอาชีพแรกด้วยนักดับเพลิงงง พ่ามมม!!
ยังเหลืออีกพาร์ท ฝากติดตามหน่อยนะงับอิอิ ชอบไม่ชอบยังไงคอมเม้นติชมบอกกันได้นะคะ
หรืออยากให้พี่ดงโฮเป็นอาชีพอะไรน้องหลินเป็นอาชีพอะไรแล้วไม่อยากแต่งเองงี้ บอกเราได้นะ
เราจะทำหน้าที่แต่งฟิคแก้ขัดให้ทุกคนอ่านเองง ช่วงนี้มหาวิทยาลัยก็ปิดเทอม มันเลยจะออกเหงาๆ หน่อย
แล้วตอนนี้ก็ใช้ชีวิตเหมือนรอวันศุกร์อย่างเดียวเลย ฮือออ ยังไงศุกร์นี้ก็ขอให้พิ่ดงโฮกับน้องหลินปลอดภัยนะคะ TT
ฝากเม้นเป็นกำลังใจหน่อยน้าา จะได้รู้ว่ายังมีคนรออ่านอยู่ แล้วก็มีแรงฮึบๆ ด้วย ร้ากกก
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แล้วหรอลูก