คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : B L U R : 3
3
จุนฮงรักจงออบ... เขาคิดอย่างนั้นมาตลอด แต่ตอนนี้ เด็กหนุ่มได้แต่สงสัยตัวเอง
หรือบางทีมันอาจไม่ใช่...
เขาย้ายบ้านใหม่ตอนม.ต้น จุนฮงไม่ใช่เด็กเก็บตัวแต่เริ่มต้นพูดกับใครก่อนไม่เป็น ฮิมชานเป็นคนแรกที่เดินเข้ามาทักเขาก่อน หลังจากนั้นก็แนะนำเขาให้ยงกุก แดฮยอน ยองแจ และจงออบรู้จัก จงออบเป็นคนที่พูดน้อยที่สุด แต่ก็ยิ้มบ่อยที่สุดเหมือนกัน จุนฮงรู้สึกดีกับรอยยิ้มนั่นและคิดว่าจงออบน่าจะคุยด้วยง่ายถึงอีกฝ่ายจะไม่ค่อยคุยก็ตาม จุนฮงเจอจงออบอีกที่โรงเรียนโรงเรียนใหม่ได้รู้ว่าจงออบโดดเด่นแค่ไหนในชมรมเต้น และรู้ว่าคนที่รู้สึกดีกับรอยยิ้มของจงออบไม่ได้มีแค่เขา...
ความรู้สึกอยากครอบครองคงเริ่มจากตรงนั้น... ต้องยอมรับว่าเขาอยากให้รอยยิ้มที่จงออบมีให้เขาพิเศษกว่าคนอื่น พวกเขาจูบกันครั้งแรกในห้องน้ำสาธารณะระหว่างทางเดินกลับบ้านหลังจากไปซ้อมเต้นด้วยกัน จุนฮงเพิ่งรู้สึกว่าไหล่ที่เขาเห็นทุกวันกว้างว่าที่คิดไว้มาก แขนแกร่งแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อกักเขาไว้ชิดกับผนัง ริมฝีปากที่อิ่มและได้รูปกว่าของเขาบดเบียดเข้ามาจนรู้สึกแสบความชื้นจากปากอีกคนทำให้เด็กหนุ่มขนลุกแต่ก็ชอบมัน จุนฮงบีบไหล่จงออบแน่นเมื่อลิ้นร้อนถูกส่งเข้ามา ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าควรส่งลิ้นตอบกลับไปแต่ก็พยายามตอบรับจังหวะที่จงออบส่งมาให้เท่าที่จะทำได้ หลังจากหยุดแลกลิ้นกันจงออบยังคงพิงหน้าตัวเองกับหน้าจุนฮง ริมฝีปากชื้นยังคงอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากเล็ก ในห้องน้ำมีเพียงเสียงหอบหายใจของคนทั้งคู่ หลังจากผละใบหน้าออกไปแล้วจงออบก็เอาแต่พร่ำขอโทษเขาด้วยท่าทางรู้สึกผิดจริงจังจนจุนฮงหัวเราะออกมา เขาเอื้อมไปไปแตะแก้มจงออบเบาๆและวางทิ้งไว้อย่างนั้น จงออบจับมือข้างนั้นของเขาและถามว่าเป็นแฟนกันมั้ย...
จุนฮงตอบตกลง พวกเขาคบกันตอนนั้น และจูบกันอีกครั้งโดยจุนฮงให้สัญญากับตัวเองในใจว่าจะส่งลิ้นกลับไปเมื่อถึงเวลา....
จงออบนั่งดูรายการเพลงในทีวี เด็กหนุ่มฝั่งตะวันตกสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนทับเสื้อกล้ามสีขาวกำลังเดินอยู่บนหาดทรายทางขวามือของเด็กหนุ่มในทีวีเป็นทะเลสีน้ำเงินหม่นส่วนซ้ายมือเป็นตึกสูงติดกัน ลมทะเลพัดเส้นผมสีน้ำตาลไปตามแรง ชายเสื้อเชิ้ตตัวหลวมสะบัดเล็กน้อย จงออบหลับตาฟังแค่เพียงเสียงเพลง นึกถึงตอนที่ตัวเองไปทะเลครั้งล่าสุด ทำขวดครีมกันแดดหลุดมือพอก้มลงจะคว้าก็โดนคลื่นพัดไปพ้นมือจนคลื่นลูกใหม่ซัดเทียบชายฝั่งจึงถอดใจ แต่เมื่อคลื่นลูกใหม่นั้นถอยกลับสู่ท้องทะเล สิ่งที่เหลืออยู่คือขวดครีมกันแดดที่จงออบรีบคว้าไว้จนทัน เขาลองปล่อยมันลงสู่พื้นเบื้องล่างอีกครั้งและทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม... แต่มันจะต่างออกไปถ้าหากเขาไม่เก็บมันขึ้นมาและรอให้คลื่นที่แรงกว่ามาพัดมันไปให้พ้นจากฝั่ง
จงออบไม่ได้อยากสร้างความต่างด้วยการทิ้งขยะลงบนสถานที่ท่องเที่ยว...
เสียงประตูเปิดดึงเขาออกจากความคิด หันไปมองทางประตูเห็นผู้มาใหม่ถือตะกร้าผลไม้ส่งยิ้มให้
“ยองแจฮยอง สวัสดีครับ” เอ่ยทักคนอายุมากกว่าตามมารยาท ยองแจเพียงยิ้มจนแก้มกลมยกขึ้นเหมือนทุกคราวแล้ววางตะกร้าผลไม้ลงบนโต๊ะรับแขก ก่อนลากเก้าอี้มาวางชิดขอบเตียงแล้วนั่งลง หยิบส้มจากตะกร้าที่ตัวเองซื้อมาแกะเปลือก
“นึกว่าจะลืมฉันไปอีกคน” คำทักทายแรกเรียกยิ้มฝืดจากใบหน้าจงออบ หวนนึกถึงใบหน้าแรกที่ลืมตาขึ้นมาพบเจอ หากแต่ไม่ทันได้พูดอะไรออกไปบานประตูก็เปิดขึ้นพร้อมแขกที่มาใหม่อีกคน
“ยงกุกฮยอง สวัสดีครับ” จงออบทักทายก่อนด้วยไดอะล็อกเดิม ยงกุกเดินเข้ามาพร้อมถุงกระดาษสีน้ำตาลในมือ ส่งยิ้มอบอุ่นแบบพี่ใหญ่ให้น้องชายที่กำลังป่วยแล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างยองแจ
“อ่ะ ของเยี่ยม” ยื่นถุงกระดาษในมือให้จงออบ แย่งส้มที่แกะเปลือกเสร็จแล้วในมือยองแจมากินจนยองแจใช้เท้าเตะยงกุกเบาๆแล้วหันไปหยิบส้มลูกใหม่ จงออบเปิดถุงที่รับมาจากยงกุก ข้างในมีหนังสือการ์ตูนหลายเล่ม เอ่ยขอบคุณแล้ววางถุงไว้ข้างหัวเตียง
“เป็นไงบ้าง” ยงกุกถามน้องทั้งที่ปากยังเคี้ยวส้มที่แย่งมาจากยองแจอยู่ จงออบส่ายหน้าปฏิเสธส้มที่ยองแจยื่นให้ก่อนตอบคำถามยงกุก
“ถ้าภายนอกก็ไม่มีอะไรมากครับ อยู่ดูอาการไม่กี่วันก็น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ แต่คงต้องมาตามนัดบ่อยหน่อย” ยงกุกพยักหน้ารับรู้ แล้วทั้งห้องก็เหลือแค่เสียงเพลงจากทีวี... คนป่วยไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ส่วนยองแจก็รอว่าจงออบจะเริ่มพูดตอนไหน และยงกุก... ไม่รู้อะไรเลย
“ฮิมชานฮยองไม่ได้มาด้วยเหรอครับ” จงออบทำลายสภาวะที่เหมือนสุญอากาศในตอนนี้ด้วยคำถามที่จริงๆแล้วเขาไม่ได้สนใจเท่าไหร่
“ทำไมมันต้องมา -0-” ยงกุกเบ้หน้าเพราะรสเปรี้ยวกว่าปกติของส้มลูกใหม่ที่ยองแจเพิ่งแกะ
“ก็ยงกุกฮยองมา ฮิมชานฮยองก็น่าจะมาด้วย” เป็นการตอบคำถามตามตรงที่เรียบง่ายแต่คนฟังคำตอบถึงกับลืมรสเปรี้ยวของส้มไปชั่วขณะ ส่วนคนแกะส้มก็เพียงแค่อมยิ้มน้อยๆแต่ไม่พูดอะไร
“ถ้าเห็นฉันแล้วต้องเห็นมันขนาดนั้นไม่บอกให้มันเลิกกับแฟนมันแล้วมาคบกับฉันเลยล่ะ”
“แล้วมันต่างกันเหรอครับ” อีกครั้งที่คำตอบตามตรงของจงออบทำให้ประสาทต่างๆของยงกุกหยุดการทำงาน ส่วนยองแจนั้นแทบจะหัวเราะออกมา
จะแบบไหนก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นี่นะ...
“ทำไมทำตัวน่าโบก -_______-” ยงกุกพึมพำกับตัวเองแต่ได้ยินกันทั้งหมด ยองแจจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเข้าสู่เรื่องสำคัญ
“จุนฮงบอกว่านายความจำเสื่อม... แต่จากที่ฉันดูๆแล้วนายน่าจะลืมแค่จุนฮงคนเดียว” ยงกุกที่เพิ่งรู้มองหน้ารุ่นน้องสองคนสลับกันแต่ไม่ได้พูดอะไร ส่วนจงออบยิ้มรับบางๆ
“ผมไม่ทันได้ถามอะไรเขาก็หายไปซะก่อน” ซึ่งจริงๆจงออบก็ไม่ได้ตั้งใจจะถาม
“นายแค่ต้องอยู่กับจุนฮงให้มากหน่อย” ยงกุกพูดขึ้นมา
“จำเป็นเหรอครับ” ในหัวของจงออบมีแต่คำถาม... จุนฮงสำคัญสำหรับเขาขนาดนั้นเชียวหรือ
“จำเป็นสิ เด็กนั่นเป็นแฟนนายนะ” ยองแจตอบพร้อมคลี่ยิ้ม ตากลมพยายามจับอารมณ์จากใบหน้าของรุ่นน้องให้มากที่สุด จง
ออบขมวดคิ้วเข้าหากันหลังจากยองแจพูดจบ
“แฟน... ผู้ชาย... เนี่ยนะ ?”
“ทำไมล่ะ... ฮิมชานฮยองเองก็ยังมีแฟนเป็นผู้ชายเลย นายถือเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“เปล่าครับ ผมแค่แปลกใจ..” จงออบไม่พูดอะไรต่อ ส่วนยงกุกนั้นเพิ่งเรียบเรียงเรื่องราวในหัวได้ สรุปกับตัวเองว่าจงออบทำ
ความทรงจำเกี่ยวกับจุนฮงหายไป และกำลังแปลกใจกับความจริงที่ว่าตัวเองมีแฟนเป็นผู้ชาย...
“แล้วทำไมถึงต้องลืมแค่จุนฮงวะ” คำถามของยงกุกเรียกรอยยิ้มแบบที่เป็นเครื่องหมายประจำใบหน้าของยองแจออกมา... ยิ้ม
ที่มีหลายอารมณ์จนไม่อยากจะแยกแต่ละความรู้สึกที่แฝงอยู่ในรอยยิ้มนั้นเป็นหน่วยย่อย...
“ไว้เขาเคลียร์กันเองเถอะ ผมว่าฮยองกับผมน่าจะกลับได้แล้วนะ จงออบน่าจะอยากพักผ่อน” ยองแจตัดบทแล้วดึงยงกุกให้ลุกขึ้นตาม ถึงจะไม่เข้าใจอะไรตั้งหลายอย่าง แต่ก็รู้ดีว่าไม่ควรอยู่รบกวนเวลาของคนป่วยมากไปกว่านี้ แต่แล้วยองแจก็หันหลังกลับมาเมื่อยงกุกเดินพ้นประตูไปแล้ว
“โชคดีนะ... แต่ไม่เห็นถามถึงแดฮยอนบ้างเลย” พูดจบก็ปิดประตูทิ้งคำพูดของตัวเองไว้เบื้องหลังบานประตูกับคนป่วยที่ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆผ่านใบหน้า จงออบปิดตาลงอีกครั้ง ความคิดวิ่งวนแต่ไม่ซึมเข้าสมอง เมื่อลืมตาอีกครั้งสิ่งแรกที่อยู่ในจอสายตาของเขาคือกุญแจสีเงินดอกหนึ่ง...
จุนฮงไม่ได้กลับไปเยี่ยมจงออบอีก.. ไม่อีกเลยนับจากวันที่จงออบฟื้น เขาหลบหน้าทุกคนรวมทั้งแดฮยอน โชคดีที่คนอื่นในกลุ่มเรียนมหาลัยกันหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นนรกทั้งเป็นคงมาเยือนเขา จริงๆการหลบหน้าคนในกลุ่มก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรในเมื่อแดฮยอนและยองแจต่างย้ายออกจากบ้านไปแชร์คอนโดอยู่ด้วยกัน ส่วนฮิมชานย้ายไปอยู่กับแฟน และยงกุกนั้นถึงยังอยู่ที่บ้านก็กลับดึกจนโอกาสที่จะเจอกันโดยบังเอิญในซักที่ของหมู่บ้านเป็นไปได้น้อยมาก แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการหลบหน้าครั้งนี้คืออาการของจงออบ ถ้าจงออบหายเมื่อไหร่จุนฮงคงต้องเปลี่ยนวิธีคิด เพราะที่โรงเรียนจงออบเป็นรุ่นพี่ปีสุดท้ายของเขา ส่วนในหมู่บ้าน... พวกเขาใช้กำแพงรั้วร่วมกัน...
จุนฮงได้แต่ด่าตัวเองว่านี่เป็นความคิดที่โง่มากกับการหลบหน้า ในเมื่อพ่อแม่ของพวกเขารู้จักกัน และแม่ของจุนฮงเองก็ถามถึงจงออบแทบจะทุกวันซึ่งเขาทำได้เพียงตอบว่ากิจกรรมที่โรงเรียนเยอะจนไม่มีเวลาไปเยี่ยมไว้จะถามพี่ๆคนอื่นให้... แต่ก็นั่นล่ะ เขาตอบแม่แบบนั้นอีกครั้งในวันถัดมาหรือทุกๆวันที่แม่ถามจนแม่เขาแทบจะลากเขาไปเยี่ยมจงออบด้วยตัวเอง โชคดีที่แม่ย้ายมาอยู่กับเขาในโซลเพียงสองคน ดังนั้นภาระหน้าที่หลายๆอย่างจึงขโมยเวลาแม่ไปเกือบหมดจนลืมเรื่องจงออบไปบ้าง และโชคดีอีกเรื่องคือพ่อแม่ของจงออบที่ใช้เวลาช่วงพักร้อนไปเยี่ยมญาติที่อเมริกายังไม่กลับมา ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องขยายฟาร์มแกะที่เขาเลี้ยงไว้เพื่อโกหกคนอื่นอีกเป็นเท่าตัวและสุดท้ายก็จะต้องปล่อยให้หมาป่ามากินแกะโดยที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย จุนฮงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กเลี้ยงแกะที่ไม่มีใครมาซื้อไม้ขีดไฟและต้องทนหนาวตายท่ามกลางหิมะ...
นี่เขาคิดบ้าอะไรอยู่...
จุนฮงลากเส้นปากกาไปทั่วหน้าสมุดการบ้านอย่างหงุดหงิด เพราะไม่ว่าจะขยับไปทางไหนก็เหมือนโดนรั้วหนามกั้นไว้ทุกทิศ ราวกับมันต้องการกักเขาไว้กับที่ให้ความผิดที่เขาวิ่งหนีไล่ตามจนเจออย่างนั้นแหละ นี่ไม่ใช่การเปรียบเทียบที่เกินไปเลยเพราะแม้ว่าช่วงเวลาที่โรงเรียนจะเป็นช่วงที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้ แต่เขาไม่มีเพื่อนสนิท...
ทุกคนก็คุยกับเขาปกติดี แต่มันเป็นเพียงการคุยทั่วไป ไม่มีการไปเที่ยวด้วยกันหลังเลิกเรียน ไม่ใช่ว่าเพื่อนในห้องรังเกียจเขา แต่ทุกครั้งที่มีเวลาว่างจุนฮงมักจะหายไปจากห้องเรียน เลิกเรียนก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า เขามักใช้เวลาไปกับการซ้อมเต้น ถึงตอนนี้เด็กหนุ่มก็ได้แต่สบถด่าตัวเองที่ผูกติดชีวิตกับจงออบมากไป ช่วงนี้เขาไม่เข้าชมรมจนพี่ที่ชมรมต้องมาตาม แล้วจึงโกหกว่าไม่สบาย เขากลัวว่าใครจะถามถึงจงออบ
ไม่มีทางหนีเลย...
ตาใสจ้องไปยังห้องนอนของใครอีกคนที่มืดสนิท เพราะบ้านติดกัน ห้องนอนยังหันเข้าหากันเหมือนนิยายรักหวานแหวว เคยคิดว่าทุกมันช่างลงตัว จงออบมักจะนั่งอยู่ริมระเบียงห้องตัวเองส่วนเขาก็ก็นั่งอยู่ที่ระเบียงห้องของเขา จงออบจะสอนการเต้นส่วนที่จุนฮงยังทำไม่ได้จากตรงนั้น หลายทีที่สอนยังไงก็ทำไม่ได้จงออบก็จะข้ามจากมาที่ฝั่งของจุนฮงผ่านต้นไม้ต้นใหญ่ที่ปลูกไว้ทางฝั่งบ้านของจงออบ บางครั้งก็นอนค้างกับเขาแล้วปีนกลับไปตอนเช้า...
ความคิดบางอย่างสั่งให้จุนฮงลุกขึ้นเดินไปยังระเบียง กะระยะห่างแล้วส่งตัวเองข้ามราวระเบียงก่อนวางเท้าลงบนหลังคา ค่อยๆเดินอย่างกังวลในทุกย่างก้าว เขาไม่ค่อยได้ข้ามไปห้องจงออบบ่อยนัก กิ่งใหญ่ของต้นไม้จะอำนวยความสะดวกให้คนที่อยู่ทางโน้นมากกว่า ถึงอย่างนั้นจุนฮงก็ใช้มันเป็นทางผ่านมายังห้องของจงออบได้สำเร็จ ประตูไม่ได้ล็อคเพราะเหตุผลที่ว่าพวกเขามักข้ามไปมาอยู่เสมอ แสงจากภายนอกทำให้จุนฮงมองเห็นสภาพภายในห้องที่ไม่ได้เปิดไฟลางๆ อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน อาจเพราะความคุ้นชินด้วยส่วนหนึ่ง เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียงหนาของคนที่อาจจะเป็นอดีตคนรักแล้วหลับตา...
แดฮยอนเมสเสจมาบอกเขาว่าจงออบกำลังจะออกจากโรงพยาบาลเร็วๆนี้แต่ไม่ได้ระบุวัน ไอ้พี่ชายตัวดีที่ร่วมทำชั่วกับเขาไม่เห็นจะกังวลอะไรซักนิด แต่นั่นก็เป็นนิสัยของแดฮยอนอยู่แล้ว เขาทำเรื่องพวกนี้เป็นปกติ แต่สิ่งที่จุนฮงเกลียดคือมันปกติเกินไป เหมือนมีแค่เขาคนเดียวที่กังวลกับเรื่องพวกนี้มันทำให้เขาคิดอยากจะปล่อยให้มันกลายเป็นเรื่องปกติ ก็แค่จงออบจำเขาไม่ได้ และเขาเสียใจจนไม่อยากเห็นหน้าจงออบ หลบหนีความจริงว่าคนที่ตัวเองรักไม่ได้มีเขาอยู่ในเสี้ยวความทรงจำ ไม่เคยมีเรื่องร้ายๆที่ทำให้จงออบเกือบจะฆ่าแดฮยอน และอุบัติเหตุนั่นก็เป็นแค่เรื่องไม่คาดฝันที่มีสาเหตุมาจากความบังเอิญ...
จุนฮงไม่รู้ว่าจะหลอกตัวเองอย่างนั้นได้ไหม... แต่ถ้าเขาคิดจะลองดู...
มันจะเป็นไรไป...
แสงแดดจากบานประตูที่ไม่ได้ปิดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนสาดกระทบผิวขาวของเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงจนเหมือนจะเรืองแสงได้ จุนฮงหรี่ตาหลบแสงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆลืมตาช้าๆแล้วมองไปรอบห้องที่สว่างจากแสงด้านนอกก่อนจะหยุดอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือตรงมุมห้อง
“สวัสดี”
ความคิดเห็น