คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : B L U R : 1
1
นั่งเฉยๆอาจไม่ใช่การรับแขกที่ดีเท่าไหร่ แต่จงออบไม่ได้ขอร้องหรือว่าต้องการให้ใครมาหาเขาในตอนนี้ เขาไม่ได้อยากเจอจุนฮง ความเงียบจึงเข้าครอบคลุมห้องนั่งเล่นโดยมีจงออบเป็นตัวขับเคลื่อนและจุนฮง... ที่ไม่กล้าขัดขืนจุนฮงรู้ดีว่าการผิดนัดคนรักของตัวเองเพื่อคนอื่นมันแย่ แต่เขาทำแบบนี้จนเป็นเรื่องปกติและคิดไปเองว่าจงออบจะชิน แต่คิดดูดีๆแล้วไม่มีใครชินกับเรื่องแบบนี้...
ความผิดที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดแก้ต่างให้กับตัวเอง ไม่ใช่แค่การกดดันด้วยความเงียบจากจงออบ แต่จุนฮงเองก็กำลังกดดันตัวเองอยู่ จงออบเป็นพี่ชายใจดีที่ไม่เคยกล่าวโทษเขา มากที่สุดก็แค่ยิ้มทั้งที่สายตากำลังตัดพ้ออยู่ แต่ครั้งนี้ จุนฮงดูไม่ออกว่าคนใจดีคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ สายตาคู่เดิมที่มองมาอย่างอ่อนโยนเสมอด้านชาขึ้นจนเขาสังเกตุได้
มันเกิดอะไรขึ้น ?
“ไปข้างนอกกันมั้ย” ไม่ทันที่จุนฮงจะตอบรับ จงออบก็ลุกออกจากที่นั่ง หยิบกุญแจรถแล้วเดินออกไปโดยไม่รอคำตอบ ซึ่งคนที่ยังตั้งตัวไม่ทันอย่างจุนฮงก็ทำได้เพียงรีบตามไปให้ทันเท่านั้น
เครื่องปรับอากาศในรถทำงานดีเสียจนร่างกายของคนที่เพิ่งตากแดดมาร่วมสองชั่วโมงปรับสภาพแทบไม่ทัน ถึงอย่างนั้นสิ่งที่จุนฮงสนใจกลับไม่ใช่อาการเกือบวูบที่เพิ่งขึ้นกับตัวเองเมื่อครู่ แต่เป็นคนข้างๆที่เริ่มติดเครื่องรถและมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายที่จุนฮงไม่รู้แต่ก็ไม่คิดจะสนใจ สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คืออธิบาย แต่จะอธิบายทั้งๆที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโกรธอะไรมันก็จนปัญญา
“ฮยองฮะ...” จุนฮงกลั้นใจถามออกไปแต่ไม่มีการตอบรับจากอีกฝ่าย เขาจึงต้องพูดต่อ
“ผมถามอะไรได้มั้ย ?” ความเงียบยังเป็นสิ่งที่จงออบใช้ตอบคำถามของจุนฮงจนคนอายุน้อยกว่ารู้สึกหน่วงเบาๆ
“ฮยองโกรธอะไรผมเหรอ ?” แต่ดูเหมือนคำถามนี้จะทำให้อารมณ์ที่ไม่คงที่อยู่แล้วของจงออบแปรปรวนมากกว่าเดิม ความเร็วรถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆผิดวิสัยปกติ และจงออบก็ไม่มีท่าทางว่าจะตอบซักคำถามที่ถามไปเลยทำให้จุนฮงเลือกที่จะนั่งเงียบๆรอเวลาที่จงออบจะเย็นลง แต่เปล่าเลย ความเร็วรถซึ่คงที่ในตอนนี้เกินลิมิตที่กฎหมายกำหนดไว้มากจนจุนฮงตกใจ
“ผมว่าฮยองขับช้าลงกว่านี้ดีกว่านะครับ”
“......”
“นายติดธุระอะไรทำไมถึงมาไม่ได้”
“ครับ ?” คำถามที่ถูกส่งมาท่างกลางความเงียบที่น่าอึดอัดทำให้จุนฮงต้องทวนคำถามในหัวตัวเองใหม่อีกรอบแล้วคิดคำตอบ
“คือ... แดฮยอนฮยองเขามีปัญหานิดหน่อย ผมก็เลย....”
“แล้วนายช่วยอะไรฮยองเขาได้บ้างล่ะ” จงออบถามแทรกถึงรุ่นพี่ที่รู้จักทั้งที่จุนฮงยังพูดไม่จบ แต่คำถามนั้นทำเอาคนที่ตั้งท่าอธิบายยืดยาวนิ่งเงียบเอาเสียดื้อๆ
“นายเป็นอะไรรึเปล่า ?” ประโยคคำถามแปรความได้ว่าเป็นห่วง แต่น้ำเสียงนั่น....
ทำไมจุนฮงจะไม่รู้ว่าฮยองที่แสนใจดีคนนี้จริงๆแล้วน่ากลัวแค่ไหน แต่จงออบก็ไม่เคยทำให้จุนฮงต้องกลัวเลยซักครั้งจนถึงตอนนี้....
“ไม่ตอบคำถามฉันล่ะ ?”
ฉัน....
คำแทนตัวที่เปลี่ยนไปยิ่งเพิ่มความกลัวในใจจุนฮงมากขึ้นเรื่อยๆแต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร เขาไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไงกับความอึดอัดที่อีกฝ่ายจงใจสร้างขึ้นแบบนี้
ความเร็วรถที่ยังคงสม่ำเสมอทำให้ตัวรถเริ่มออกนอกเมืองในเวลาไม่นาน ท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนโล่งเลี่ยนไม่มีเมฆกับถนนสายยาวที่ประดับด้วยต้นไม้ใหญ่ไม่ได้ทำให้บรรยากาศในรถดีขึ้นเลย ความเร็วรถลดลงเล็กน้อยเมื่อจงออบล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมากดเบอร์ใครบางคนก่อนที่ปลายสายจะรับ
“ครับ ผมกำลังจะไปถึง”
[......]
“รอผมตรงนั้นแหละ อย่าไปไหนล่ะ” สายถูกตัดไปพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากของจงออบ รอยยิ้มแบบนั้นไม่ได้ชวนให้เจ็บปวด แต่กลับเพิ่มความกังวลมากกว่าเดิม
“ให้ฉันบอกมั้ยว่านายช่วยอะไรแดฮยอนฮยองได้บ้าง ?” คำถามของจงออบทำให้จุนฮงกลืนน้ำลายรสเฝื่อนลงคอก่อนเอ่ยถาม
“ช่วย... ยังไงเหรอฮะ...”
“นายอยากช่วยเขาแบบไหนล่ะ ? แบบที่เคยช่วยมาตลอด... หรือแบบที่ฉันกำลังจะให้ทำ ?”
“.......”
“ไม่เอาน่า เงียบอย่างนี้โอกาสตัดสินใจก็จะน้อยลงนะ :)” เพราะอย่างนี้จุนฮงถึงบอกว่าจงออบน่ากลัว จงออบรู้บางอย่างและกำลังรอให้เขาเป็นคนยืนยัน...
แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิดขึ้นมาล่ะ.... แบบนั้นมันฆ่าตัวตายชัดๆ
“เงียบอย่างนี้จะใช้วิธีของฉันสินะ.....”
“อา... นายน่าจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นนะจุนฮงอา....”
“.......” ไม่มีคำพูดอะไรต่อจากนั้นนอกจากเสียงของลมที่ต้านกับรถภายนอก เบื้องหน้าคนทั้งคู่คือถนนโล่งที่แทบไม่มีรถคันอื่นสัญจรมา
“ฉันกำลังจะไปรับแดฮยอนฮยองน่ะ” จงออบพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นความเร็วรถก็เพิ่มจนสุด ประโยคสุดท้ายทำให้คิ้วของจุนฮงขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิมจนจงออบต้องหันมามองหน้าแล้วยิ้มให้ รอยยิ้มแบบเมื่อครู่...
“ไม่เอาน่าเด็กน้อย... นายกำลังทำให้ฉันไม่คิดจะหยุดตัวเองนะ!”
ความเงียบที่เหมือนกับแมกมารอวันปะทุออกมาทำให้บรรยากาศภายในรถเป็นเหมือนห้องแช่เย็นความกลัวไว้ไม่ให้ไปไหน จุนฮงมองเห็นแดฮยอนแล้ว...
ทั้งที่แดฮยอนยืนอยู่อีกไม่ไกล แต่ความเร็วลดยังไม่ลดลงทำให้จุนฮงเริ่มกังวลในบางอย่าง
“ฮยองกำลังคิดจะทำอะไรครับ” จงออบไม่หันมามองหน้าแต่ยิ้มมุมปาก
“คิดเหมือนที่นายคิดน่ะแหละ นายรู้ใจฉันดีนี่นา...”
“ผมว่าฮยองควรเลิกคิด” ประโยคที่เป็นเหมือนคำสั่งนั่นสร้างความไม่ชอบใจให้กับคนที่จับพวงมาลัยอยู่เป็นอย่างมาก โทนเสียงกวนประสาทเปลี่ยนเป็นคุกคามทันที
“ทำไมฉันต้องเลิกคิดล่ะ มีอะไรมาแลกเปลี่ยนงั้นเหรอ?”
“ผมไม่มีอะไรจะแลก แต่ผมจะไม่ยอมให้ฮยองทำอย่างนั้น”
ไม่ยอม... หึ
“นายทำอะไรไม่ได้หรอกจุนฮง เพราะนายทำมามากพอแล้ว” ตัวรถวิ่งเข้าใกล้แดฮยอนกว่าเดิมขณะที่ความเร็วยังคงคงที่ จุนฮงตัดสินใจดึงพวงมาลัยไปอีกทางจนตัวรถแกว่งแต่แรงที่มากกว่าของจงออบก็ดึงให้รถสะบัดมาทางเดิม ทำให้คนที่ยืนมองภาพจากด้านนอกรถอย่างแดฮยอนถอยออกห่างอย่างไม่เข้าใจเหตุการณ์ภายในรถ มือหนากดเบอร์โทรของน้องชายร่วมเอกผู้เป็นเจ้าของรถ อยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีคนบนรถอาจไม่ใช่จงออบ...
“นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหานะครับ” จุนฮงตะโกนฝ่าเสียงเครื่องยนต์ที่ดังเข้ามาในรถขณะที่มือก็พยายามดึงพวงมาลัยเข้าหาตัวเอง
“มันไม่ใช่การแก้ปัญหา นี่มันวิธีการจบปัญหา... แบบของฉัน” พวงมาลัยถูกดึงไปอีกทางทันทีที่จงออบพูดจบ อีกเพียงนิดเดียวตัวรถจะพุ่งเข้าใส่แดฮยอน จุนฮงจึงใช้แรงทั้งหมดดึงพวงมาลัยเข้าหาตัวเองอีกครั้งจนรถสะบัดแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาและมันกำลังจะเสียหลัก !
ในรูปแบบที่รถเอียงอย่างนี้คนที่ตกอยู่ในอันตรายที่สุดคือจุนฮง จงออบมองใบหน้าที่ทั้งแสนรักและเกลียดชังแวบนึงก่อนตัดสินใจ รถถูกดึงกลับไปอีกทางพร้อมกับแรงกระแทกเข้าที่ด้านของจงออบ ก่อนที่ทุกอย่างจะดำมืดขัดกับช่วงเวลาแห่งแสงแดด...
.
.
.
ไฟหน้าห้องฉุกเฉินยังคงสว่างชัด ทำให้คนที่เฝ้าดูอยู่ด้านนอกใจสั่นกว่าเดิม มีเรื่องที่เขาไม่รู้เกิดขึ้น จะพังประตูห้องฉุกเฉินเข้าไปถามคนที่นอนอยู่ข้างในก็กระไรอยู่ นอกจะโดนหาว่าบ้าแล้วยังต้องมีเรื่องกับโรงพยาบาลอีก ที่สำคัญ ไอ้คนที่นอนอยู่ข้างในก็คงตอบอะไรเขาไม่ได้ เพราะแค่ลืมตาขึ้นมามองโลกต่อคนรออย่างเขายังต้องมาลุ้นให้ใจเสียอยู่ตรงนี้เลย ส่วนอีกคนที่นั่งไปด้วย ถึงแม้อาการไม่หนักถึงขั้นเข้าห้องฉุกเฉินแต่พอลืมตามาก็ปิดปากเงียบไม่พูดอะไร
ใช่... แดฮยอนเป็นคนโทรเรียกรถพยาบาลหลังจากที่จงออบไม่รับสายและรถก็ปัดไปมาจนพลิกข้าง จุนฮงที่ไม่ได้อยู่ในด้านที่พลิกคว่ำมีเลือดอาบรอบศรีษะ ส่วนจงออบที่รับแรงกระแทกไปเต็มๆนั้นโดนเลือดกลบจนมองไม่เห็นใบหน้า เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับคู่รักตัวอย่างที่ติดแหง็กอยู่ในรถและสัญญากับตัวเองว่าถ้าสองคนนี้ปลอดภัยเมื่อไหร่เขาจะคั้นคำตอบมาให้ได้ แต่จงออบกลับเป็นมากกว่าที่คิด ส่วนจุนฮง... ถึงร่างกายไม่บาดเจ็บ แต่สภาพจิตใจ... ทำให้แดฮยอนไม่กล้าเอ่ยปากถามอะไร
“แดฮยอนฮยอง...” เสียงเรียกแผ่วเบาจากคนข้างตัวทำให้แดฮยอนสะดุ้งและละสายตาจากป้ายห้องฉุกเฉินหันมามองใบหน้าของจุนฮง
“นายอยากได้อะไรรึเปล่า ?” จุนฮงส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะฝืนพูดออกมาเสียงแผ่ว
“มันเป็นเพราะผมใช่มั้ยฮะ... เพราะผม...” แววตาที่ทั้งเย็นชาและเศร้าสร้อยในคราวเดียวทำให้คนที่มองอยู่อย่างแดฮยอนเดาได้ทันทีว่าเด็กตรงหน้ากำลังโทษตัวเองอยู่
“ไม่รู้สิ พี่รู้ตัวอีกทีรถที่พวกนายนั่งก็สภาพนั้นแล้ว รอจงออบตื่นแล้วค่อยถามละกันว่าเป็นเพราะนายรึเปล่า” คำตอบของพี่ชายไม่ได้เป็นการปลอบใจจุนฮงเลยซักนิด เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจงออบจะตื่นขึ้นมารึเปล่า...
“ถ้าเขาตื่นขึ้นมาผมอยากให้เขาตอบคำถามผมไม่ได้...” ประโยคที่จุนฮงพูดตอบทำให้แดฮยอนจ้องเด็กน้อยตัวสูงเขม็ง
“ทำไมล่ะ”
“ผมอยากให้เขาลืมทั้งหมด... ถ้าเขาลืม... มันคงดีกับเขา... และก็กับผมด้วย” สิ่งที่เด็กน้อยตอบไม่ได้ทำให้ความเข้าใจของแดฮยอนกระจ่างขึ้นซักนิด
“นายหมายความว่าไง”
“ไม่รู้สิครับ บางทีฮยองเองก็ไม่ควรรู้เหมือนกัน”
“นายกำลังทำฉันหงุดหงิดนะจุนฮง นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้ใจเย็นเหมือนจงออบของนาย” จุนฮงแค่นยิ้มกับคำพูดของแดฮยอน นั่นสินะ... จงออบฮยองที่ใจเย็นมากถึงกับทำเรื่องขาดสติแบบนี้...
ความผิดของเขาเต็มๆเลย...
“อย่าใจร้อนนักเลยฮะ เดี๋ยวก็เป็นเหมือนแฟนผมที่นอนอยู่ในนั้นหรอก” ประโยคทีเล่นทีจริงของจุนฮงทำให้แดฮยอนอยากขยี้หัวที่มีผ้าพันแผลเปื้อนเลือดพันอยู่รอบๆนี้แรง ถ้าไม่ติดว่าเด็กมันจะเลือดทะลักตายซะก่อน จองแดฮยอนยังอยากเป็นคนหน้าตาดีที่มีอนาคตสวยงาม -_____-
ไฟหน้าห้องฉุกเฉินดับลง ดึงความสนใจของคนทั้งสองจากบทสนทนาเมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น นายแพทย์วัยกลางคนในชุดกาวน์สีขาวเดินออกมาพร้อมแจ้งข่าว
“คนไข้ปลอดภัยครับ แต่ยังเข้าเยี่ยมไม่ได้ แล้วก็เชิญญาติตามหมอมาด้วยครับ” ประโยครัวเร็วของนายแพทย์ที่เดินจากไปแล้วทำให้จุนฮงรีบลุกจนหน้ามืด แดฮยอนจึงเข้ามาประคองน้องชายแล้วพาเดินตามหมอไปด้วยกัน
.
.
.
“ตกลงแกรู้รึเปล่าว่าจงออบเป็นอะไร” ฮิมชานเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่สาวเท้าเข้าโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบราวกับว่ายิ่งเขาไปถึงเร็วเท่าไหร่ จงออบก็จะยิ่งฟื้นขึ้นเร็วเท่านั้น
“อย่าถามโง่ๆ นั่งอยู่ด้วยกัน - -“ คำตอบของยงกุกทำเอาคนหน้าสวยชักสีหน้าใส่ แต่ก็ยังเร่งเท้าตามอีกคนให้ทัน
“แดฮยอนบอกผมแค่จงออบรถคว่ำ อยู่ห้องฉุกเฉินส่วนจุนฮงปลอดภัยแล้วแค่นั้น พวกฮยองรู้อะไรเพิ่มรึเปล่าครับ” ยองแจเอ่ยถามอย่างไม่สนใจการทะเลาะกันเล็กๆของสองพี่ใหญ่ในกลุ่ม
กลุ่มงั้นเหรอ... จะเรียกว่ากลุ่มก็ไม่ถูกหรอก ก็แค่เวลาไปไหนก็ไปด้วยกัน มีอะไรก็ทำด้วยกันก็เท่านั้น นอกจากนี้แล้วแทบไม่มีใครรู้เรื่องของกันและกันเลย รวมทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ว่ามีสาเหตุมาจากอะไรก็เหมือนกัน พวกเขาเป็นเพื่อน หรือพี่น้องกันรูปแบบไหนนะ...
“ก็รู้เท่านายน่ะแหละ ถามไอ้เหงือกนี่ก็ไม่เห็นได้อะไรเพิ่ม”ฮิมชานตอบยองแจแต่ไม่วายแขวะอีกคน
“อ้าว ไหนแดฮยอนบอกว่าชั้นนี้ แล้วมันหายไปไหนเนี่ย” เสียงของยยงกุกทำให้ฮิมชานและยองแจที่กำลังคุยกันมองไปรอบบริเวณหน้าห้องฉุกเฉินแต่ก็ไม่พบใครอย่างที่ยงกุกว่าจริงๆ
“ฉันว่าเรามาถูกชั้นแล้วนะ - -” ฮิมชานพูดขณะพยายามมองลอดใต้เข้าอี้ด้วยความคิดปัญญาอ่อนว่าบางทีแดอยอนอาจนึกสนุก แต่คงไม่... เด็กคนนั้นมีสมองมากกว่าจะมาทำอะไรแบบนี้ -_____- คิดเองก็เจ็บเอง
“ไม่น่าจะผิดนะครับ ผมว่าเรารอก่อนดีกว่า บางทีสองคนนั้นอาจไปหาซื้ออะไร หรือไม่ หมอก็คงออกมาและเรียกสองคนนั้นไปคุยเรื่องอาการของจงออบแล้วล่ะครับ” ยองแจชี้ให้พี่ทั้งสองคนมองไฟหน้าห้องฉุกเฉินที่ดับไปแล้ว ทำให้ยงกุกและฮิมชานพ่นล่มออกมาจากปากอย่างโล่งใจ แต่จู่ๆยงกุกก็ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยข้อสันนิษฐานของตัวเองออกมา
“หรือไม่แน่จงออบก็ไม่รอด แล้วสองคนนั้นก็ไปคุยกับโรงพยาบาลเรื่องจัดการศพอยู่”
“อย่าเพ้อ” ฮิมชานมองยงกุกด้วยหางตา แล้วกวาดตามองรอบตัวเผื่อว่าจะมีใครเดินผ่านมาทางนี้บ้าง
“แกยังก้มหาสองคนนั้นใต้เก้าอี้เลย มีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันเพ้อ - -” ฮิมชานหน้าเจื่อนเมื่อยงกุกเอาการกระทำที่เขาคิดว่าไม่มีใครเห็นมาพูด กำลังอ้าปากจะเถียงกลับก็มีอีกเสียงเรียกพวกเขาไว้ซะก่อน
“อ้าว พวกฮยองมากันเร็วดีนะฮะ” จุนฮงเป็นคนดึงทั้งหมดให้หันมาทางทิศที่เขากับแดฮยอนยืนอยู่ ยงกุก ฮิมชาน และยองแจ มองจุนฮงที่หัวมีผ้าพันแผล ส่วนแขนก็มีเฝือกอ่อนสวมอยู่ ท่าทางจะเดินลำบากมากเพราะแดฮยอนยังต้องประคองไม่ให้จุนฮงล้มลงไปอีกรอบ
“นี่มันเรื่องอะไร แล้วจงออบเป็นไงบ้าง” ยงกุกเอ่ยถามเป็นคนแรก
“อุบัติเหตุน่ะครับ รถที่พวกเรานั่งมันคว่ำ ส่วนจงออบฮยองปลอดภัยแล้วแต่ยังเข้าเยี่ยมไม่ได้...”
“แล้วนั่งยังไงถึงได้คว่ำ - -” คำถามที่ถูกส่งมาจากฮิมชานทำให้จุนฮงเงียบไปอึดใจหนึ่ง แดฮยอนกำลังคิดจะพูดแทน แต่ก็ไม่ทันน้องเล็กที่ตอบออกมาเสียก่อน
“ทะเลาะกันนิดหน่อยน่ะครับ” ฮิมชานพยักหน้ารับรู้... นิดหน่อยถึงชีวิตเชียวนะเด็กพวกนี้ แต่เมื่อน้องชายไม่ต้องการจะเล่า คนเป็นพี่อย่างพวกเขาก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง บางทีจุนฮงอาจมีวิธีจัดการปัญหาที่ดีอยู่แล้ว
“ผมว่าวันนี้พวกเรากลับกันก่อนดีกว่า อย่างน้อยจงออบก็ปลอดภัยแล้ว จุนฮง เดี๋ยวพี่ไปส่งนายที่ห้อง นายจะมาเฝ้าจงออบใช่มั้ย” แดฮยอนเป็นคนจบการสนทนา เมื่อจุนฮงพยักหน้าตอบทั้งหมดจึงเดินออกจากพื้นที่หน้าห้องฉุกเฉิน มีเพียงยองแจที่มองด้านหลังแดฮยอนและจุนฮงนิ่ง ก็จะแค่นยิ้มออกมาอย่างปลงตกในเรื่องที่เกิดขึ้น เขาว่าเขาพอเดาปัญหาได้... แต่ก็นั่นแหละ มันไม่ใช่เรื่องของเขา และเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนกับเรื่องนี้ ดังนั้น...
ยองแจก็ไม่จำเป็นต้องยุ่งกับเรื่องนี้...
.
.
.
เปลือกตาเรียวหรี่เข้าหากันก่อนจะเปิดขึ้นพบกับความมืดมิด ร่างกายที่ปวดระบมกับลำคอที่แห้งผากทำให้จงออบไล่มือควานหาน้ำดื่มรอบตัว แต่เพราะความมืดทำให้ปัดไม่พบอะไร
เสียงดังกุกกักกับการขยับลางๆในเงามืดทำให้จุนฮงเดาเอาว่าจงออบน่าจะตื่นแล้ว เขาแทบไม่หลับตาเลย แม้ว่าร่างกายจะอ่อนล้าแค่ไหน ตลอดเวลาที่อยู่ในห้องนี้กับจงออบแค่สองคน เขาเฝ้ามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนรักจากเตียงผู้เฝ้าไข้ เมื่อมีการเคลื่อนไหวจุนฮงจึงรีบลุกไปเปิดไฟ และมองเห็นจงออบที่กำลังควานหาอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งเขาเดาว่าคงเป็นน้ำ จุนฮงหยิบเหยือกน้ำข้างหัวเตียงผู้ป่วยมารินใส่แก้วแล้วแล้วประคองให้คนที่เพิ่งตื่นมาดื่ม จงออบรับน้ำในมือจุนฮงอย่างง่ายดาย แต่การฝืนกลืนน้ำลงคอนั้นไม่ง่ายเหมือนที่คิด ทำให้จงออบเสียเวลากับการดื่มน้ำไปนานกว่าที่ควร
เมื่อดื่มน้ำเสร็จแล้วคนป่วยก็นึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในห้องนี้เพียงลำพัง เขาสรุปเองได้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ในห้องพักของโรงพยาบาล แต่เพราะอะไร... คำถามนี้ช่างเป็นเหมือนหลุมดำที่ยิ่งพยายามค้นหาคำตอบก็ยิ่งพบกับความมืด
ดวงตาเรียวมองใบหน้าของจุนฮงนิ่ง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างหนักจนต้องหลับตาแล้วลืมตาขึ้นมาเพื่อรับรายละเอียดใบหน้าของจุนฮงอีกครั้ง สุดท้ายจงออบก็ยอมแพ้และถอนหายใจ ก่อนจะพูดประโยคแรกด้วยเสียงที่แหบพร่าออกมา
“นายเป็นใคร ?...”
ความคิดเห็น