ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ทางที่พี่เลือกเดิน และการเลือกทางเดินของน้อง
บทแรกก็ต้องแนะนำ เวินเว่อร์ และบ้าบอกันก่อนตามธรรมเนียม สำหรับจุดเริ่มต้นของความฝันพี่ มันเริ่มตอนที่...
ครั้งแรกที่พี่ได้ยินชื่อร.ร.เตรียมอุดม คือตอนที่เพื่อนพี่มันบอกว่าจะไปสอบ คือตอนนั้นอิฮั้นยังไม่รู้เลยนะคะ ว่าร.ร.นี้มันเป็นอะไรยังไง อยู่แห่งหนตำบลใดก็ยังมิทราบ แต่พอเพื่อนบอกว่าจะไปสอบสายศิลป์ภาษาญี่ปุ่น พี่เองก็เป็นคนชอบอะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่นอยู่แล้วด้วย ก็เลยรู้สึกสนใจ แต่คือตอนนั้น เหมือนพี่จะยังไม่ค้นพบตัวเอง
ตอนอยู่ร.ร.เก่าพี่ได้เกรดประมาณ3.75 สามปีแม่งก็อยู่เท่านี้ละ ขึ้นนิดนึง ตกนิดหน่อย แต่ค่าเฉลี่ยประมาณนี้ และด้วยที่พี่ได้เกรดเท่านี้ ตัวพี่เองก็ไม่ได้คิดว่ามันมากมาย แต่พี่ก็คิดว่า เกรดเท่านี้ เรียนสายวิทย์ที่ร.ร.เก่าก็น่าจะไปรอดนะ แถมครูที่ร.ร.พี่เขาก็พูดย้ำๆตลอดอะ ว่าถ้าเรียนสายวิทย์มันจะเข้าคณะไหนก็ได้ และด้วยที่ตัวพี่เองก็ยังไม่รู้ว่าชีวิตตัวเองจะไปทางไหน พี่เลยเกาะสายวิทย์ไปก่อน ซึ่งพี่ขอบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเลย ช่วงม.3เกือบทั้งหมดของพี่ พี่คิดว่าพี่ควรจะเรียนสายวิทย์ เพราะพี่มัวแต่ไปเอาความคิดคนอื่นมาใส่ตัว ครูก็บอกว่าควรเรียน แต่ตัวพี่เองนะ ไม่ชอบคณิตเลย วิทย์ก็ไม่ชอบ พี่เกลียดมาก แต่เพราะคะแนนพี่ออกมาแบบนั้น ทุกคนเลยบอกให้พี่เรียนสายนี้ แต่ชีวิตเป็นของน้อง น้องต้องเลือกเองว่าน้องชอบทางไหน
แต่น้องก็อาจจะประสบปัญหาว่าหนูไม่รู้หนูเด่นอะไร หนูชอบอันไหน พี่เองก็เคยเป็นเหมือนน้องคะ พี่เป็นคนที่พอจะทำได้ทุกวิชา คะแนนแต่ละวิชาจะค่อนข้างใกล้เคียงกัน(ยกเว้นอีวิทย์-คณิตที่พาพี่พุ่งหลาวลงใต้ดินนะ 555) ด้วยเหตุที่เหมือนจะทำได้ รับได้กับทุกวิชาด้วย เลยหาตัวเองไม่พบเพราะความรู้ืสึกที่มีต่อแต่ละวิชามันคลุมเครือ แต่น้องลองแยกไปที่ละประเด็นดูสิ ลองแยกดูว่า วิชาไหนน้องทำได้ดี อันนี้น้องอาจจะเปิดสมุดพก ปพ.ดูก็ได้ แล้วน้องก็เขียนไล่ๆลงมาตามคะแนน แต่เขียนแค่วิชาหลักๆก็พอ เช่นพวกวิทย์ คณิต อังกฤษ สังคม ไทย (อีพละ การงาน ไม่ต้องก็ได้) แล้วน้องก็ลำดับวิชาที่น้องชอบ คำว่าชอบน้องต้องเข้าใจนิยามมันนิดนึงนะ วิชาที่ชอบก็คือวิชาที่เรียนแล้วน้องมีความสุข ไม่รู้สึกเบื่อตั้งแต่ครูยังไม่เข้าห้อง ครูเข้าห้องแล้วก็นับเวลาถอยหลัง พอครูออกจากห้องก็เฮลั่น (มาเป็นลำดับเลย แต่นี่ไม่ใช่เรื่องโอเวอร์นะ พี่เป็นแบบนี้กับวิชาคณิตจริงๆอะ คือออกตัวเกลียดมาแต่ไกล 555)
เวลาน้องอ่านหนังสือวิชานี้ น้องสามารถอ่านมาได้เรื่อยๆ ไม่รู้สึกว่ามันยากหรือเบื่อ น้องอาจจะไม่ถึงขั้นกระหายอยากอ่านตลอด อยากอ่านมาก น้องไม่ต้องรักมันขนาดนั้นก็ได้ พี่แค่บอกว่าชอบ แค่น้องไม่ได้เกลียดมัน ก็แปลว่าน้องชอบมันนิดนึงแล้ว วิชาไหนที่เรียนแล้วน้องรู้สึกทรมาณ แปลว่าน้องเริ่มไม่ชอบมันแล้ว การลำดับเรื่องความชอบ น้องต้องใช้ความรู้สึกในใจน้องเป็นคนบอก อย่าใช้สมองคิด อย่าใช้เหตุผลตอบ อย่าให้คำตอบว่าเราควรจะทำอะไร
พอน้องลำดับได้แล้วน้องก็ดูสิว่า วิชาไหนที่มันทั้งได้คะแนนดีด้วย ชอบด้วย แสดงว่าน้องชอบทางสายไหน อย่างพี่ชอบไทย อังกฤษ แต่สังคมห่วย ก็ช่างมัน บางทีเราอาจไม่ชอบทุกวิชาที่เราจะเรียนในสายนั้น แต่อย่างน้อยน้องต้องชอบวิชาในสายหลัก
ครูแนะแนวที่ร.ร.พี่บอกว่า การที่จะเรียนให้ได้ผลดี ต้องมีทั้งความถนัด(ทำคะแนนได้ดี)และความชอบ สำหรับคนที่เก่งไปทุกๆด้าน ก็แปลว่ามีความถนัดทุกด้าน เลยรู้สึกไขว่เขว้ว่าตัวเองจะไปทางไหน บางคนคิดว่ามันเป็นปัญหาของคนเรียนเก่งด้วยซ้ำ แต่พี่ว่าถ้าน้องเอามันมาเป็นข้อดี น้องก็จะเห็นว่า ตัวน้องเองโชคดีที่เรียนสายไหนก็ได้ที่น้องชอบ จำคำพี่ไว้ว่า คนเก่งไม่จำเป็นต้องเรียนสายวิทย์เสมอไป เพราะฉะนั้น ต่อให้น้องเก่งมากๆๆๆๆๆ แต่น้องไม่ชอบวิทย์-คณิตเลย เพียงแค่คนอื่นบอกว่า เสียดายความรู้ที่น้องมี ทำไมไม่เรียนสายวิทย์ น้องก็เลือกสายวิทย์ไปแล้ว พี่ว่ามันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่นะ ก็อนาคตของน้องนี่ น้องควรจะได้อยู่กับสิ่งที่น้องชอบ ถ้าน้องแคร์สายตาคนอื่น น้องก็จะต้องฝืนทนเรียนวิชาที่น้องไม่ชอบ ก็อยู่ที่น้องแล้วละ ว่าจะเลือกสายไหน
แต่สำหรับน้องๆที่เรียนก็เก่ง แถมยังชอบวิทย์-คณิตอีก พี่นับถือน้องมาก น้องเกิดมาเพื่อเรียนสายนี้โดยแท้ 555 คือพี่ทำไม่ได้อะ
ส่วนคนที่เรียนไม่เก่ง ไม่ได้แปลว่าน้องจะัแพ้นะ น้องทำให้ตัวเองดีขึ้นได้ ขยันขึ้นได้ เก่งขึ้นได้ น้องทำได้ แต่อยู่ที่น้องว่าจะทำหรือเปล่า เพราะเส้นทางนี้มันต้องอดทน วิธีที่น้องใช้เลือกสาย น้องก็ใช้วิธีเดียวกับข้างบนแหละจ้า หาที่เราถนัดและชอบ แต่ถ้าสองอย่างมันไม่ตรงกัน มันก็อยู่ที่น้องแล้วละว่าจะเลือกที่ถนัดหรือที่ชอบ ส่วนตัวพี่เลือกอันที่พี่ชอบ เพราะพี่คิดว่า มันสามารถต่อยอดให้เราเก่งขึ้น ที่เราได้คะแนนไม่ดี อาจเพราะเรายังเรียนน้อย ไม่ส่งงาน แต่เราก็ชอบของเราอะ
แต่บางคนเลือกวิชาที่ถนัด เพราะคิดว่ามันจะเรียนได้ง่ายกว่า ก็แล้วแต่คนละกัน พี่มันเด็กศิลป์ คิดอะไรแบบติสท์ๆอะ ขอโทษด้วย 555
ครั้งแรกที่พี่ได้ยินชื่อร.ร.เตรียมอุดม คือตอนที่เพื่อนพี่มันบอกว่าจะไปสอบ คือตอนนั้นอิฮั้นยังไม่รู้เลยนะคะ ว่าร.ร.นี้มันเป็นอะไรยังไง อยู่แห่งหนตำบลใดก็ยังมิทราบ แต่พอเพื่อนบอกว่าจะไปสอบสายศิลป์ภาษาญี่ปุ่น พี่เองก็เป็นคนชอบอะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่นอยู่แล้วด้วย ก็เลยรู้สึกสนใจ แต่คือตอนนั้น เหมือนพี่จะยังไม่ค้นพบตัวเอง
ตอนอยู่ร.ร.เก่าพี่ได้เกรดประมาณ3.75 สามปีแม่งก็อยู่เท่านี้ละ ขึ้นนิดนึง ตกนิดหน่อย แต่ค่าเฉลี่ยประมาณนี้ และด้วยที่พี่ได้เกรดเท่านี้ ตัวพี่เองก็ไม่ได้คิดว่ามันมากมาย แต่พี่ก็คิดว่า เกรดเท่านี้ เรียนสายวิทย์ที่ร.ร.เก่าก็น่าจะไปรอดนะ แถมครูที่ร.ร.พี่เขาก็พูดย้ำๆตลอดอะ ว่าถ้าเรียนสายวิทย์มันจะเข้าคณะไหนก็ได้ และด้วยที่ตัวพี่เองก็ยังไม่รู้ว่าชีวิตตัวเองจะไปทางไหน พี่เลยเกาะสายวิทย์ไปก่อน ซึ่งพี่ขอบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเลย ช่วงม.3เกือบทั้งหมดของพี่ พี่คิดว่าพี่ควรจะเรียนสายวิทย์ เพราะพี่มัวแต่ไปเอาความคิดคนอื่นมาใส่ตัว ครูก็บอกว่าควรเรียน แต่ตัวพี่เองนะ ไม่ชอบคณิตเลย วิทย์ก็ไม่ชอบ พี่เกลียดมาก แต่เพราะคะแนนพี่ออกมาแบบนั้น ทุกคนเลยบอกให้พี่เรียนสายนี้ แต่ชีวิตเป็นของน้อง น้องต้องเลือกเองว่าน้องชอบทางไหน
แต่น้องก็อาจจะประสบปัญหาว่าหนูไม่รู้หนูเด่นอะไร หนูชอบอันไหน พี่เองก็เคยเป็นเหมือนน้องคะ พี่เป็นคนที่พอจะทำได้ทุกวิชา คะแนนแต่ละวิชาจะค่อนข้างใกล้เคียงกัน(ยกเว้นอีวิทย์-คณิตที่พาพี่พุ่งหลาวลงใต้ดินนะ 555) ด้วยเหตุที่เหมือนจะทำได้ รับได้กับทุกวิชาด้วย เลยหาตัวเองไม่พบเพราะความรู้ืสึกที่มีต่อแต่ละวิชามันคลุมเครือ แต่น้องลองแยกไปที่ละประเด็นดูสิ ลองแยกดูว่า วิชาไหนน้องทำได้ดี อันนี้น้องอาจจะเปิดสมุดพก ปพ.ดูก็ได้ แล้วน้องก็เขียนไล่ๆลงมาตามคะแนน แต่เขียนแค่วิชาหลักๆก็พอ เช่นพวกวิทย์ คณิต อังกฤษ สังคม ไทย (อีพละ การงาน ไม่ต้องก็ได้) แล้วน้องก็ลำดับวิชาที่น้องชอบ คำว่าชอบน้องต้องเข้าใจนิยามมันนิดนึงนะ วิชาที่ชอบก็คือวิชาที่เรียนแล้วน้องมีความสุข ไม่รู้สึกเบื่อตั้งแต่ครูยังไม่เข้าห้อง ครูเข้าห้องแล้วก็นับเวลาถอยหลัง พอครูออกจากห้องก็เฮลั่น (มาเป็นลำดับเลย แต่นี่ไม่ใช่เรื่องโอเวอร์นะ พี่เป็นแบบนี้กับวิชาคณิตจริงๆอะ คือออกตัวเกลียดมาแต่ไกล 555)
เวลาน้องอ่านหนังสือวิชานี้ น้องสามารถอ่านมาได้เรื่อยๆ ไม่รู้สึกว่ามันยากหรือเบื่อ น้องอาจจะไม่ถึงขั้นกระหายอยากอ่านตลอด อยากอ่านมาก น้องไม่ต้องรักมันขนาดนั้นก็ได้ พี่แค่บอกว่าชอบ แค่น้องไม่ได้เกลียดมัน ก็แปลว่าน้องชอบมันนิดนึงแล้ว วิชาไหนที่เรียนแล้วน้องรู้สึกทรมาณ แปลว่าน้องเริ่มไม่ชอบมันแล้ว การลำดับเรื่องความชอบ น้องต้องใช้ความรู้สึกในใจน้องเป็นคนบอก อย่าใช้สมองคิด อย่าใช้เหตุผลตอบ อย่าให้คำตอบว่าเราควรจะทำอะไร
พอน้องลำดับได้แล้วน้องก็ดูสิว่า วิชาไหนที่มันทั้งได้คะแนนดีด้วย ชอบด้วย แสดงว่าน้องชอบทางสายไหน อย่างพี่ชอบไทย อังกฤษ แต่สังคมห่วย ก็ช่างมัน บางทีเราอาจไม่ชอบทุกวิชาที่เราจะเรียนในสายนั้น แต่อย่างน้อยน้องต้องชอบวิชาในสายหลัก
ครูแนะแนวที่ร.ร.พี่บอกว่า การที่จะเรียนให้ได้ผลดี ต้องมีทั้งความถนัด(ทำคะแนนได้ดี)และความชอบ สำหรับคนที่เก่งไปทุกๆด้าน ก็แปลว่ามีความถนัดทุกด้าน เลยรู้สึกไขว่เขว้ว่าตัวเองจะไปทางไหน บางคนคิดว่ามันเป็นปัญหาของคนเรียนเก่งด้วยซ้ำ แต่พี่ว่าถ้าน้องเอามันมาเป็นข้อดี น้องก็จะเห็นว่า ตัวน้องเองโชคดีที่เรียนสายไหนก็ได้ที่น้องชอบ จำคำพี่ไว้ว่า คนเก่งไม่จำเป็นต้องเรียนสายวิทย์เสมอไป เพราะฉะนั้น ต่อให้น้องเก่งมากๆๆๆๆๆ แต่น้องไม่ชอบวิทย์-คณิตเลย เพียงแค่คนอื่นบอกว่า เสียดายความรู้ที่น้องมี ทำไมไม่เรียนสายวิทย์ น้องก็เลือกสายวิทย์ไปแล้ว พี่ว่ามันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่นะ ก็อนาคตของน้องนี่ น้องควรจะได้อยู่กับสิ่งที่น้องชอบ ถ้าน้องแคร์สายตาคนอื่น น้องก็จะต้องฝืนทนเรียนวิชาที่น้องไม่ชอบ ก็อยู่ที่น้องแล้วละ ว่าจะเลือกสายไหน
แต่สำหรับน้องๆที่เรียนก็เก่ง แถมยังชอบวิทย์-คณิตอีก พี่นับถือน้องมาก น้องเกิดมาเพื่อเรียนสายนี้โดยแท้ 555 คือพี่ทำไม่ได้อะ
ส่วนคนที่เรียนไม่เก่ง ไม่ได้แปลว่าน้องจะัแพ้นะ น้องทำให้ตัวเองดีขึ้นได้ ขยันขึ้นได้ เก่งขึ้นได้ น้องทำได้ แต่อยู่ที่น้องว่าจะทำหรือเปล่า เพราะเส้นทางนี้มันต้องอดทน วิธีที่น้องใช้เลือกสาย น้องก็ใช้วิธีเดียวกับข้างบนแหละจ้า หาที่เราถนัดและชอบ แต่ถ้าสองอย่างมันไม่ตรงกัน มันก็อยู่ที่น้องแล้วละว่าจะเลือกที่ถนัดหรือที่ชอบ ส่วนตัวพี่เลือกอันที่พี่ชอบ เพราะพี่คิดว่า มันสามารถต่อยอดให้เราเก่งขึ้น ที่เราได้คะแนนไม่ดี อาจเพราะเรายังเรียนน้อย ไม่ส่งงาน แต่เราก็ชอบของเราอะ
แต่บางคนเลือกวิชาที่ถนัด เพราะคิดว่ามันจะเรียนได้ง่ายกว่า ก็แล้วแต่คนละกัน พี่มันเด็กศิลป์ คิดอะไรแบบติสท์ๆอะ ขอโทษด้วย 555
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น