ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สู้ไม่ถอย แรงใจและไฟเกินร้อย
สำหรับบทที่แล้วพี่พูดถึงการเลือกสายใช่ป่ะคะ ขอโทษด้วยถ้าพี่อาจจะแรงไปนิดนึง เพราะฟีลมันไปกับอารมณ์ 555 คือพี่โดนเรื่องนั้นมาด้วยตัวเองไง แล้วก็เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นกับรุ่นน้องพี่และคนอื่นอีกหลายคนที่พี่รู้จักด้วย เวลาเลือกสาย พี่เลยอยากให้น้องเลือกทางที่ชอบจริงๆ แต่ก็นะ คนเราก็นานาจิตตัง ความคิดพี่ก็ไม่ใช่ว่าจะถูกซะทีเดียว น้องทั้งหลายไม่จำเป็นต้องเชื่อพี่ทั้งหมดก็ได้ แค่ลองเอาไปปรับใช้ คิดว่าเป็นคำแนะนำจากรุ่นพี่คนนึงแล้วกัน
สำหรับตอนนี้พี่ก็ขอพูดถึงแรงบันดาลใจละกัน เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญอย่างนึงที่ทำให้น้องมุ่งไปสู่ฝันได้สำหรับ แต่นอกเหนือจากแรงบันดาลใจ อีกสิ่งนึงที่สำคัญก็คือ ความอึด ถึก ทน มุ่งมั่น(เอ๊ะ ชักเยอะ นี่จะไปสอบหรือไปรบเนี่ย 555)
แรงบันดาลใจของพี่ ไม่มีคะ ตอนที่พี่คิดจะสอบเตรียม พี่ไม่มีแรงบันดาล แต่พี่อยากจะเล่าให้ฟังว่าทำไมพี่ถึงทำได้
ชีวิตพี่สอบเตรียมอยู่สองหน อย่าสงสัยว่าอีพี่นี่มีสิทธิอะไรใยได้สอบสองหน ความจริงคือพี่เป็นเด็กซิ่วคะ การสอบสองหนของพี่ เจอทั้งน้ำตาและรอยยิ้ม ทัั้งความเสียใจและความยินดี จะเรียกว่าพี่มีประสบการณ์ครบก็ว่าได้ 555(ผ่านสนามมาโชกโชน 555)
การสอบครั้งแรกของพี่ ตอนที่พี่อยู่ม.3 อย่างที่พี่เล่าไปตอนบทแรก ช่วงนั้นพี่กำลังมีปัญหาเรื่องการตัดสินใจเรื่องสายการเรียนอยู่ พี่มีปัญหานั้นตลอดช่วงชีวิตม.3พี่ก็ว่าได้ จนถึงช่วงก่อนสอบปลายภาค พี่ไปทำงานบ้านเพื่อน(อีคนที่มันบอกจะไปสอบเตรียมนั่นแหละ) แล้วเพื่อนพี่มันก็พูดเรื่องสอบเตรียมขึ้นมา มันเปิดเว็บร.ร.เตรียมขึ้นมา แล้วก็เข้าหน้าสายศิลป์-ญี่ปุ่น พี่ได้อ่านข้อความแนะนำสายการเรียนนี้จากรุ่นพี่เตรียม พี่ก็รู้สึกสนใจขึ้นมา เพราะตัวพี่เองเป็นคนที่ชอบอะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่นเยอะมาก ชอบนักร้อง การ์ตูนอนิเมะ และบลาๆๆ(เริ่มเวินเว่อร์ละ 555) แต่พี่เองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสอบสายศิลป์ดีไหม เพราะมันจำกัดคณะที่จะเข้าด้วยใช่ไหมละ ระหว่างทางที่พี่นั่งรถกลับบ้านกับเพื่อนพี่อีกคนนึง คุยอะไรกันไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าข้อความไหนที่ทำให้พี่ตัดสินใจสอบเตรียม แต่พี่ก็ไปสอบอะนะ การสอบครั้งนั้นพี่มีเวลาอ่านหนังสือแค่เดือนเดียว ผลก็คือพี่ไม่ติด พี่ก็เสียใจนะ ถึงแม้จะมีเวลาอ่านแค่นั้น ไม่ได้เรียนพิเศษที่ไหนก็ตาม ถึงแม้จะคิดไว้อยู่แล้วว่ามันยาก แต่พี่ก็หวัง เหมือนที่เพื่อนคนอื่นๆก็หวัง ถึงพี่จะมีเวลาแค่ 1 เดือน แต่มันก็เป็น 1 เดือนที่พี่ตั้งใจมาก เพราะปกติพี่ไม่เคยอ่านหนังสือสอบ ไปอ่านเอาหน้าห้อง นี่เป็นครั้งแรกของชีวิตที่พี่อ่านหนังสือสอบ พอรู้ว่าตัวเองไม่ติด ตอนนั้นมันก็เอ๋อๆอะ ข้อความที่ขึ้นในเอสเอ็มเอสแปลว่าเราไม่ติดใช่ไหม เสียใจมากเลย มากจนกระทั่งตัวเองยังตกใจว่า คนอย่างฉันเสียใจขนาดนี้เลยหรอ ทั้งๆที่พยายามไม่มาก ไม่ได้เก่งอะไรมาก รู้อยู่แล้วว่าเปอร์เซ็นได้น้อย ยังจะเสียใจอีกหรอ พี่ร้องไห้จนแม่เป็นห่วงอะ
สำหรับผลการสอบครั้งแรก พี่ได้ที่ 126 ในระยะเวลาเตรียมตัว 1 เดือน พี่ก็คิดว่าได้เท่านี้ก็คุ้มแล้วละ ตั้งแต่วันที่รู้ลำดับ พี่ก็ตั้งเป้าหมายกับตัวเองไว้ว่าพี่จะซิ่ว พี่คิดว่า ความผิดของพี่คือการรู้ตัวช้า การเลือกสายช้า มันทำให้พี่เตรียมตัวช้า แล้วถ้าพี่มีเวลาเตรียมตัวมากกว่าพี่อาจจะทำได้ก็ได้ แต่การซิ่วก็ไม่ได้ทำได้ง่ายๆนะคะน้อง ไว้พี่จะมาเขียนเรื่องเด็กซิ่วให้น้องอ่าน
สิ่งนี้พี่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าแรงบันดาลใจได้หรือเปล่า แต่นั้นคือประกายไฟประกายแรกที่ทำให้พี่ลุกขึ้นสู้เพื่อเตรียมอีกครั้ง แต่แน่นอนว่าไฟที่จุดอยู่มันก็อาจโดนลมพัดดับไปเมื่อไหร่ก็ได้ ฉะนั้นแล้วน้องก็ควรจะจุดไฟให้ตัวเองอยู่เสมอ ถึงน้องจะรักษาไฟเก่าไม่ใฟ้มันหมอดไม่ได้ แต่น้องก็แค่จุดมันขึ้นมาใหม่ก็พอ แรงไฟแห่งการฮึดสู้ครั้งที่สองที่มันลุกโชนแรงกล้ามากๆ(ไฟจะไหม้บทความพี่แล้วละ 555) ของพี่ก็คือชีวิตเด็กม.4สายวิทย์ ขอบอกว่ามันไม่ง่ายเลยคะน้องขา พี่เรียนกับวิชาที่ไม่ชอบยังพอทน พี่ยังมีปัญหากับคุณครูอีกด้วยอะ พี่สาบานได้ว่าพี่ไม่ใช่เด็กเลว แต่ไม่ว่าพี่จะทำอะไร พี่ก็จะโดนอาจารย์ท่านด่าตลอดอะ ด่าจนพี่กลัวไม่กล้าถามอะไรที่พี่ไม่รู้กับอาจารย์เลยอะ ถ้ามีธุระกับอาจารย์ต้องลากเพื่อนไปด้วย เดินผ่านอาจารย์ก็ก้มหน้าบ้าน คือมันกลัวจนหลอนเลยมั้งช่วงนั้นอะ พี่กลับมาร้องไห้ให้แม่ฟังทุกวันอะ (เอิ่มอย่ามองว่าพี่อ่อนแอนะ พี่ไม่อยากจะบอกว่าครูเขาทำอะไรพี่บ้าง ไม่อยากว่าครูตัวเอง เพราะยังไงท่านก็เป็นครู) ชีวิตช่วงนั้นพี่โคตรทุกข์ทรมาณอะ ไม่ได้เรียนในสิ่งที่ชอบ ได้อยู่ห้องเดียวกับเพื่อนที่ชอบดูถูกเรา(แต่เพื่อนในห้องคนอื่นก็น่ารักดีนะ) โดนครูเกลียดขี้หน้า ตอนนั้นพี่คิดว่าตัวเองทำไมเหมือนเด็กเหลือขอเช่นนี้เนี่ย ถ้ายังมีชีวิตอยู่ในสายวิทย์ต่อไป พี่ต้องตายแน่ พี่คงทนไม่ได้ ไม่อยากจะคิดว่าชีวิตที่ต้องทนอีกต่อไปจะเป็นยังไง พี่เรียนสายวิทย์ไปก็ไม่ได้เอาไปใช้อะไร แต่ถึงชีวิตม.4พี่จะลุ่มๆดอนๆไปหน่อย แต่มันก็เป็นข้อดีที่มันเป็นแรงให้พี่ต้องเข้าเตรียมให้ได้ พี่เคยคิดว่าถ้าพี่เข้าเตรียมไม่ได้ ชีวิตพี่คงจบอะ เนี่ยแหละคือแรงไฟที่เราต้องพยายามเพื่ออนาคตของเรา สุดท้ายแล้วพี่ก็ผ่านม.4ที่ร.ร.เก่าพี่มาได้อะนะ พี่ได้เกรดประมาณ 3.5 (แต่ร.ร.เก่าพี่ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกนะ เรื่องดีๆก็มีเยอะเหมือนกัน เพื่อนที่น่ารักก็มี ครูที่น่ารักก็เยอะ แต่ใจพี่อะมันกดดันตัวเองว่าพี่ไม่ชอบ ไม่อยากอยู่แบบนี้ มันเลยดูแย่ไปหมดอะ 555)
น้องได้ฟังเรื่องชีวิตพี่แล้วเป็นไงบ้าง มันอาจจะไม่ได้หวือหวาอะไรเท่าไหร่ แต่ทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง สิ่งที่พี่อยากจะพูดกับน้องก็คือ หาแรงบันดาลใจให้ตัวเองดูสิ แรงบันดาลใจแรกที่ทำให้เราอยากเข้าเตรียม แค่คิดว่าร.ร.นี้มันน่าสนใจก็เพียงพอแล้ว ต่อจากนั้นน้องก็แค่หมั่นดูแลแรงใจของตัวเอง หัดเติมมันอยู่เรื่อยๆ จุดมันขึ้นมาใหม่เมื่อมันหมอดลง เพราะต่อจากนี้หนทางยังอีกยาวไกล แค่ความคิดไม่อาจเป็นจริงได้ น้องต้องลงมือทำ คนเราฝันเป็นร้อยเป็นแสนเป็นล้านเรื่อง แต่ถ้าเราไม่ลงมือทำมันก็ไม่สำเร็จสักเรื่อง และสิ่งที่จะคอยให้กำลังใจเราเวลาเราทำงานก็คือแรงใจพวกนี้แหละ แน่นอนว่าน้องต้องอ่านหนังสืออีกยาว คนเราเวลาทำอะไรนานๆมันก็เบื่อเป็น(พี่เองก็เป็น) แต่น้องต้องทำต่อไปเรื่อยๆ มุ่งมั่นกับความฝันน้องต่อไป ถ้าน้องมีความมุ่งมั่น แรงใจ และไฟที่กล้าแข็งพอ น้องจะพยายามได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ที่พูดพี่ไม่ได้บอกให้กดดันตัวเองนะ แต่น้องลองหาแรงใจมาเติมให้ตัวเองเยอะๆสิ อาจจะมาจากคำพูดของคนรอบตัว คำดูถูกของคนอื่น ความใฝ่ฝันของตัวเอง (เช่นพี่ฝันว่าจะเป็นนักร้องที่ญี่ปุ่น พี่ก็บอกตัวเองว่า เตรียมคือก้าวแรงของเป้าหมายสูงสุดของฉัน) น้องลองหาแรงใจที่ทำให้ตัวเองมีความสุขดูสิ พี่คนนี้เองก็จะคอยเป็นแรงใจให้น้องตลอดระยะเวลาเตรียมตัว 1 ปีนี้ ขอให้น้องพยายามเข้า น้องๆที่น่ารักของพี่
ลองเขียนแรงใจของน้องแปะไว้ที่โต๊ะอ่านหนังสือ พอน้องอ่านแล้วท้อ ก็แค่พัก พอพักเสร็จก็หันมามองข้อความนั้นเติมกำลังใจให้ตัวเอง แล้วอ่านต่อ ก่อนนอนน้องก็สวดมนต์แล้วพูดว่า เป้าหมายของหนูคือการเป็นนักเรียนเตรียมอุดม บอกกับตัวเองทุกวัน แล้วเป้าหมายของน้องจะไม่เลือนลาง เมื่อมีแรงบันดาลใจแล้ว มีเป้าหมายแล้ว ก็เดินเครื่องลุย อย่าได้กลัวที่จะทำความฝัน อย่ากลัวว่าตัวเองจะไม่ติด น้องไม่ต้องไปสนใจมัน กล้าๆเข้าไว้ กล้าที่จะอ่านหนังสือ กล้าที่จะไปสอบ แม่พี่บอกว่า แค่เรากล้าที่่จะมาสอบที่นี่ ทุกคนก็เป็นคนเก่งแล้ว ถ้ามัวแต่กลัวก็ไม่มีวันเดินหน้า ต่อให้เดินหน้าแล้วจะล้มบ้าง กลิ้งบ้าง แต่พี่ก็เชื่อว่ามันดีกว่าการกลัวแล้วอยู่เฉยๆ ซึ่งไม่มีประโยชน์เลย กล้าเข้าไว้ค่ะน้องๆที่รัก กล้าที่จะสู้ัเพื่อฝันของน้องเอง
สำหรับตอนนี้พี่ก็ขอพูดถึงแรงบันดาลใจละกัน เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญอย่างนึงที่ทำให้น้องมุ่งไปสู่ฝันได้สำหรับ แต่นอกเหนือจากแรงบันดาลใจ อีกสิ่งนึงที่สำคัญก็คือ ความอึด ถึก ทน มุ่งมั่น(เอ๊ะ ชักเยอะ นี่จะไปสอบหรือไปรบเนี่ย 555)
แรงบันดาลใจของพี่ ไม่มีคะ ตอนที่พี่คิดจะสอบเตรียม พี่ไม่มีแรงบันดาล แต่พี่อยากจะเล่าให้ฟังว่าทำไมพี่ถึงทำได้
ชีวิตพี่สอบเตรียมอยู่สองหน อย่าสงสัยว่าอีพี่นี่มีสิทธิอะไรใยได้สอบสองหน ความจริงคือพี่เป็นเด็กซิ่วคะ การสอบสองหนของพี่ เจอทั้งน้ำตาและรอยยิ้ม ทัั้งความเสียใจและความยินดี จะเรียกว่าพี่มีประสบการณ์ครบก็ว่าได้ 555(ผ่านสนามมาโชกโชน 555)
การสอบครั้งแรกของพี่ ตอนที่พี่อยู่ม.3 อย่างที่พี่เล่าไปตอนบทแรก ช่วงนั้นพี่กำลังมีปัญหาเรื่องการตัดสินใจเรื่องสายการเรียนอยู่ พี่มีปัญหานั้นตลอดช่วงชีวิตม.3พี่ก็ว่าได้ จนถึงช่วงก่อนสอบปลายภาค พี่ไปทำงานบ้านเพื่อน(อีคนที่มันบอกจะไปสอบเตรียมนั่นแหละ) แล้วเพื่อนพี่มันก็พูดเรื่องสอบเตรียมขึ้นมา มันเปิดเว็บร.ร.เตรียมขึ้นมา แล้วก็เข้าหน้าสายศิลป์-ญี่ปุ่น พี่ได้อ่านข้อความแนะนำสายการเรียนนี้จากรุ่นพี่เตรียม พี่ก็รู้สึกสนใจขึ้นมา เพราะตัวพี่เองเป็นคนที่ชอบอะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่นเยอะมาก ชอบนักร้อง การ์ตูนอนิเมะ และบลาๆๆ(เริ่มเวินเว่อร์ละ 555) แต่พี่เองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสอบสายศิลป์ดีไหม เพราะมันจำกัดคณะที่จะเข้าด้วยใช่ไหมละ ระหว่างทางที่พี่นั่งรถกลับบ้านกับเพื่อนพี่อีกคนนึง คุยอะไรกันไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าข้อความไหนที่ทำให้พี่ตัดสินใจสอบเตรียม แต่พี่ก็ไปสอบอะนะ การสอบครั้งนั้นพี่มีเวลาอ่านหนังสือแค่เดือนเดียว ผลก็คือพี่ไม่ติด พี่ก็เสียใจนะ ถึงแม้จะมีเวลาอ่านแค่นั้น ไม่ได้เรียนพิเศษที่ไหนก็ตาม ถึงแม้จะคิดไว้อยู่แล้วว่ามันยาก แต่พี่ก็หวัง เหมือนที่เพื่อนคนอื่นๆก็หวัง ถึงพี่จะมีเวลาแค่ 1 เดือน แต่มันก็เป็น 1 เดือนที่พี่ตั้งใจมาก เพราะปกติพี่ไม่เคยอ่านหนังสือสอบ ไปอ่านเอาหน้าห้อง นี่เป็นครั้งแรกของชีวิตที่พี่อ่านหนังสือสอบ พอรู้ว่าตัวเองไม่ติด ตอนนั้นมันก็เอ๋อๆอะ ข้อความที่ขึ้นในเอสเอ็มเอสแปลว่าเราไม่ติดใช่ไหม เสียใจมากเลย มากจนกระทั่งตัวเองยังตกใจว่า คนอย่างฉันเสียใจขนาดนี้เลยหรอ ทั้งๆที่พยายามไม่มาก ไม่ได้เก่งอะไรมาก รู้อยู่แล้วว่าเปอร์เซ็นได้น้อย ยังจะเสียใจอีกหรอ พี่ร้องไห้จนแม่เป็นห่วงอะ
สำหรับผลการสอบครั้งแรก พี่ได้ที่ 126 ในระยะเวลาเตรียมตัว 1 เดือน พี่ก็คิดว่าได้เท่านี้ก็คุ้มแล้วละ ตั้งแต่วันที่รู้ลำดับ พี่ก็ตั้งเป้าหมายกับตัวเองไว้ว่าพี่จะซิ่ว พี่คิดว่า ความผิดของพี่คือการรู้ตัวช้า การเลือกสายช้า มันทำให้พี่เตรียมตัวช้า แล้วถ้าพี่มีเวลาเตรียมตัวมากกว่าพี่อาจจะทำได้ก็ได้ แต่การซิ่วก็ไม่ได้ทำได้ง่ายๆนะคะน้อง ไว้พี่จะมาเขียนเรื่องเด็กซิ่วให้น้องอ่าน
สิ่งนี้พี่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าแรงบันดาลใจได้หรือเปล่า แต่นั้นคือประกายไฟประกายแรกที่ทำให้พี่ลุกขึ้นสู้เพื่อเตรียมอีกครั้ง แต่แน่นอนว่าไฟที่จุดอยู่มันก็อาจโดนลมพัดดับไปเมื่อไหร่ก็ได้ ฉะนั้นแล้วน้องก็ควรจะจุดไฟให้ตัวเองอยู่เสมอ ถึงน้องจะรักษาไฟเก่าไม่ใฟ้มันหมอดไม่ได้ แต่น้องก็แค่จุดมันขึ้นมาใหม่ก็พอ แรงไฟแห่งการฮึดสู้ครั้งที่สองที่มันลุกโชนแรงกล้ามากๆ(ไฟจะไหม้บทความพี่แล้วละ 555) ของพี่ก็คือชีวิตเด็กม.4สายวิทย์ ขอบอกว่ามันไม่ง่ายเลยคะน้องขา พี่เรียนกับวิชาที่ไม่ชอบยังพอทน พี่ยังมีปัญหากับคุณครูอีกด้วยอะ พี่สาบานได้ว่าพี่ไม่ใช่เด็กเลว แต่ไม่ว่าพี่จะทำอะไร พี่ก็จะโดนอาจารย์ท่านด่าตลอดอะ ด่าจนพี่กลัวไม่กล้าถามอะไรที่พี่ไม่รู้กับอาจารย์เลยอะ ถ้ามีธุระกับอาจารย์ต้องลากเพื่อนไปด้วย เดินผ่านอาจารย์ก็ก้มหน้าบ้าน คือมันกลัวจนหลอนเลยมั้งช่วงนั้นอะ พี่กลับมาร้องไห้ให้แม่ฟังทุกวันอะ (เอิ่มอย่ามองว่าพี่อ่อนแอนะ พี่ไม่อยากจะบอกว่าครูเขาทำอะไรพี่บ้าง ไม่อยากว่าครูตัวเอง เพราะยังไงท่านก็เป็นครู) ชีวิตช่วงนั้นพี่โคตรทุกข์ทรมาณอะ ไม่ได้เรียนในสิ่งที่ชอบ ได้อยู่ห้องเดียวกับเพื่อนที่ชอบดูถูกเรา(แต่เพื่อนในห้องคนอื่นก็น่ารักดีนะ) โดนครูเกลียดขี้หน้า ตอนนั้นพี่คิดว่าตัวเองทำไมเหมือนเด็กเหลือขอเช่นนี้เนี่ย ถ้ายังมีชีวิตอยู่ในสายวิทย์ต่อไป พี่ต้องตายแน่ พี่คงทนไม่ได้ ไม่อยากจะคิดว่าชีวิตที่ต้องทนอีกต่อไปจะเป็นยังไง พี่เรียนสายวิทย์ไปก็ไม่ได้เอาไปใช้อะไร แต่ถึงชีวิตม.4พี่จะลุ่มๆดอนๆไปหน่อย แต่มันก็เป็นข้อดีที่มันเป็นแรงให้พี่ต้องเข้าเตรียมให้ได้ พี่เคยคิดว่าถ้าพี่เข้าเตรียมไม่ได้ ชีวิตพี่คงจบอะ เนี่ยแหละคือแรงไฟที่เราต้องพยายามเพื่ออนาคตของเรา สุดท้ายแล้วพี่ก็ผ่านม.4ที่ร.ร.เก่าพี่มาได้อะนะ พี่ได้เกรดประมาณ 3.5 (แต่ร.ร.เก่าพี่ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกนะ เรื่องดีๆก็มีเยอะเหมือนกัน เพื่อนที่น่ารักก็มี ครูที่น่ารักก็เยอะ แต่ใจพี่อะมันกดดันตัวเองว่าพี่ไม่ชอบ ไม่อยากอยู่แบบนี้ มันเลยดูแย่ไปหมดอะ 555)
น้องได้ฟังเรื่องชีวิตพี่แล้วเป็นไงบ้าง มันอาจจะไม่ได้หวือหวาอะไรเท่าไหร่ แต่ทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง สิ่งที่พี่อยากจะพูดกับน้องก็คือ หาแรงบันดาลใจให้ตัวเองดูสิ แรงบันดาลใจแรกที่ทำให้เราอยากเข้าเตรียม แค่คิดว่าร.ร.นี้มันน่าสนใจก็เพียงพอแล้ว ต่อจากนั้นน้องก็แค่หมั่นดูแลแรงใจของตัวเอง หัดเติมมันอยู่เรื่อยๆ จุดมันขึ้นมาใหม่เมื่อมันหมอดลง เพราะต่อจากนี้หนทางยังอีกยาวไกล แค่ความคิดไม่อาจเป็นจริงได้ น้องต้องลงมือทำ คนเราฝันเป็นร้อยเป็นแสนเป็นล้านเรื่อง แต่ถ้าเราไม่ลงมือทำมันก็ไม่สำเร็จสักเรื่อง และสิ่งที่จะคอยให้กำลังใจเราเวลาเราทำงานก็คือแรงใจพวกนี้แหละ แน่นอนว่าน้องต้องอ่านหนังสืออีกยาว คนเราเวลาทำอะไรนานๆมันก็เบื่อเป็น(พี่เองก็เป็น) แต่น้องต้องทำต่อไปเรื่อยๆ มุ่งมั่นกับความฝันน้องต่อไป ถ้าน้องมีความมุ่งมั่น แรงใจ และไฟที่กล้าแข็งพอ น้องจะพยายามได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ที่พูดพี่ไม่ได้บอกให้กดดันตัวเองนะ แต่น้องลองหาแรงใจมาเติมให้ตัวเองเยอะๆสิ อาจจะมาจากคำพูดของคนรอบตัว คำดูถูกของคนอื่น ความใฝ่ฝันของตัวเอง (เช่นพี่ฝันว่าจะเป็นนักร้องที่ญี่ปุ่น พี่ก็บอกตัวเองว่า เตรียมคือก้าวแรงของเป้าหมายสูงสุดของฉัน) น้องลองหาแรงใจที่ทำให้ตัวเองมีความสุขดูสิ พี่คนนี้เองก็จะคอยเป็นแรงใจให้น้องตลอดระยะเวลาเตรียมตัว 1 ปีนี้ ขอให้น้องพยายามเข้า น้องๆที่น่ารักของพี่
ลองเขียนแรงใจของน้องแปะไว้ที่โต๊ะอ่านหนังสือ พอน้องอ่านแล้วท้อ ก็แค่พัก พอพักเสร็จก็หันมามองข้อความนั้นเติมกำลังใจให้ตัวเอง แล้วอ่านต่อ ก่อนนอนน้องก็สวดมนต์แล้วพูดว่า เป้าหมายของหนูคือการเป็นนักเรียนเตรียมอุดม บอกกับตัวเองทุกวัน แล้วเป้าหมายของน้องจะไม่เลือนลาง เมื่อมีแรงบันดาลใจแล้ว มีเป้าหมายแล้ว ก็เดินเครื่องลุย อย่าได้กลัวที่จะทำความฝัน อย่ากลัวว่าตัวเองจะไม่ติด น้องไม่ต้องไปสนใจมัน กล้าๆเข้าไว้ กล้าที่จะอ่านหนังสือ กล้าที่จะไปสอบ แม่พี่บอกว่า แค่เรากล้าที่่จะมาสอบที่นี่ ทุกคนก็เป็นคนเก่งแล้ว ถ้ามัวแต่กลัวก็ไม่มีวันเดินหน้า ต่อให้เดินหน้าแล้วจะล้มบ้าง กลิ้งบ้าง แต่พี่ก็เชื่อว่ามันดีกว่าการกลัวแล้วอยู่เฉยๆ ซึ่งไม่มีประโยชน์เลย กล้าเข้าไว้ค่ะน้องๆที่รัก กล้าที่จะสู้ัเพื่อฝันของน้องเอง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น