ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GILL จิตสังหารพันก้าว

    ลำดับตอนที่ #5 : ความเป็นมา 2

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 49









                             " เจ้ามีปัญญาสั่งข้าหรอ เวนย์ " ขอทานพูดพลางหันหน้ากลับมามองแล้วชักเอากระบอง 3 ท่อนออกมาจากภายในเสื้อตรงกลางหน้าอก




                             ผมรู้สึกประหลาดใจเมื่อสังเกตุว่าทั้งสองคนนั้นตะโกนโต้ตอบกันด้วยเสียงที่ดังแต่ทำไมคนรอบข้างถึงไม่ได้ยินเลย แต่ก็ต้องทิ้งความประหลาดใจไปเมื่อขอทานคนนั้นกระโดดจากริมฟุตบาทขึ้มมายืนอยู่บนหลังคารถของผม 


                             
                             ตาผมฝาดจากอาการช็อคสุดขีดหรือเปล่า ไม่ ไม่ฝาดแน่นอน   แต่จะอธิบายยังไงกับการกระโดดที่สูงกว่า 3 เมตร ไกลกว่า 4 เมตร โดยที่ไม่ได้วิ่งเสริมแรงมาเลยถึงจะวิ่งมาด้วยความเร็วเต็มที่แล้วกระโดดมันก็ไม่น่าจะสูงเกิน 2 เมตร   และไม่น่าจะไกลได้ถึงขนาดนี้ แล้วก็อยากจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ แบบจัง ๆ ให้ตื่น   เนื่องจากถ้ามันเป็นความฝันละก้อพอตื่นมาก็จะได้พบกับพ่อ  


                            
                              เสียดายที่มันไม่ใความฝัน แล้วมันก็เกิดขึ้นกับผมอีกครั้ง   ขอทานกระโดดจากหลังคารถผมข้ามเกาะกลางถนนไปยังฝั่งตรงข้าม ให้ตายเถอะ ! มันเป็นถนน 8 เลนแบ่งเป็นฝั่งละ 4 เลน แต่ละเลนมีความกว้างประมาณ 3 เมตรมีเกาะกลางกั้นประมาณ 1 เมตรรถผมอยู่เลนริมสุด ถ้านับบนเลนที่รถผมจอดนิ่งอยู่ไปถึงฝั่งตรงข้ามก็ 22 เมตร ผมลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ไปสนิทเพราะกำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เห็นตอนนี้   


                             

                               ผมหันกลับมามองที่ผู้ชายในชุดเคนโดสีดำที่ตอนนี้กำลังวิ่งเข้ามาใก้ลรถผมด้วยฝีเท้าที่รวดเร็วแล้ว กระโดด ------ ! ! ! พระเจ้าครั้งเดียวข้ามไปถึงฝั่งตรงข้ามนี่มันอะไรกันผมกำลังเจอกับอะไร
     

                              แต่สิ่งต่อมาที่ผมนึกขึ้นได้คือลูกแก้วสีแดงในมือขอทานนั้นมันเอาวิญญาณพ่อผมไปผมรีบลงจากรถ เริ่มวิ่งอย่างรวดเร็วแล้ว กระโดด - - - - - - - - - !!!!!!!!!   กระโดดขึ้นสะพานลอยแล้ววิ่งข้ามไปฝั่งตรงข้ามตามขอทานคนนั้นอย่างสุดกำลัง  


                             วิ่งมาพักใหญ่ผมก็ไม่เห็นพวกเขาสองคนอีก เมื่อความเร็วผมลดลงผมก็สังเกตุได้ว่าขาคู่เดียวของผมมันได้พาผมมาหยุดอยู่หน้าโกดังร้างขนาดใหญ่ติดกับท่าเรือส่งของซึ่งมันไกลจากรถผมประมาณ 1 กิโลเมตร


                             เริ่มแล้วอาการเหนื่อยอย่างสุดจะบรรยายบอกได้เพียงว่าถ้าก่อนหน้านี้ผมกินข้าวมาละก็ ปากผมคงจะขย้อนมันออกมาหมดแล้ว แล้วประสาทหูผมก็เริ่มรับรู้ถึงเสียงที่อยู่ในโกดังผมค่อย ๆ เดินก้มหลังอย่างช้า ๆ จะเรียกว่าย่องเบาก็คงไม่ผิด ผมแอบอยู่ตรงด้านข้างของโกดังซึ่งมีช่องประตูแง้มเปิดอยู่พอที่ผมจะเห็นเหตุการที่เกิดขึ้นข้างใน
      


                                 " ท่านบาซินาส คืนลูกแก้วนำทางมาให้ผมเถอะครับ แล้วผมจะรายงานต่อสภาโลกวิญญาณว่าท่านยินยอมรับความผิดโดยไม่ขัดขืน " ชายในชุดเคนโดตั้งท่าพร้อมจะต่อสู้ขากางออกเล็กน้อยในมือกำดาบอย่างมั่นคง แล้วชี้ดาบไปข้างหน้า


                                 ตอนนี้ผมสังเกตุเห็นได้ถึงใบหน้าของทั้งคู่เนื่องจาก หลังโกดังนั้นมีกระจกดโปร่งใส่ติดอยู่เหนือประตูหลังสูงจากพื้นประมาณ 3 เมตร รอคอยให้แสงของพระอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในเวลาที่อรุณรุ่งได้เดินทางมาจนเกือบจะสุดทางย่างเข้ายามสนธยา



                                 ใบหน้าของชายในชุดเคนโดนั้นเกลี้ยงเกลาเพียงแต่มีรอยแผลเป็นลากแทยงจากต้นคิ้วด้านขวาลงมาถึงติ่งหูด้านซ้ายผมสั้นสีน้ำตาลเข้มชี้โด่ชี้เด่เหนอใบหน้าที่มีร่อยรอยของการต่อสู้ สูงประมาณ 175 ถ้าไม่มีรอยแผลเป็น ชายหนุ่มคนนี้ต้องเป็นพระเอกได้อย่างสบาย


                                  ส่วนขอทานโสโครกนั้นใบหน้าเหมือนกับผิวของดาวอังคารที่เป็นหลุมเป็นบ่อเต็มไปหมด ผมเผ้ารุงรังหนวดเคลายิ่งไม่ต้องพูดถึง เคลานั้นยาวเกือบถึงหัวเข่า รูปร่างเตี้ยอ้วน อีกเช่นกันถ้าหมอนี่เป็นตัวโกงก็ไม่น่าแปลกใจเลย 



                                " เวนย์ เจ้าทำงานให้โลกวิญญาณมากี่ปี " 


                                " 7 ไม่สิ 80 ปี " 

                              
                                " แล้วเจ้าเคยได้สิ่งใดตอบแทนไหมนอกจากความทุกข์ทรมานจาก การไล่ล่าวิญญาณที่ยังไม่อยากตาย "



                                  ดูเหมือนว่าคำถามที่ขอทานพูดนั้นจะแทงทะลุใจดำของชายที่ชื่อ เวนย์ แต่เดี๋ยวสิ 80 ปียังงั้นหรอจะบ้าหรออายุการทำงานตั้งแปดสิบจะกระโดดเหมือนกับจิ้งโจ้ได้ นี่ยังไม่รวมอายุจริงนะเนี่ย แล้วยังวิญญาณที่ยังไม่อยากตายอีกมันอะไรกันเนี่ยถ้าฝันอยู่ก็รีบตื่นเถอะ ผมอ้อนวอนกับตัวเองอยู่พักใหญ่

     

     

                                " ท่านครับถึงมันจะเป็นงานที่ไม่น่าโสภาเท่าไหร่แต่การที่ได้นำทางวิญญาณที่หลงออกจากบ่วงกรรมนั้นมันก็เป็นการบำเพ็ญตนเพื่อหลุดพ้นไม่ใช่หรอครับ " 


                                " เหรอ ? แล้วเมื่อไหร่ละ เวนย์ เจ้าแค่ 80 แต่ข้า 300 เวนย์ 300 ปีที่ข้าเป็น SOUL HUNTER มาข้าไม่เห็นว่าข้าจะหลุดพ้นจากหน้าที่บ้า ๆ นี่ซักที  "  เสียงตะโกนดังลั่นที่ออกมาจากก้นบึ้งของอารมณ์โกรธแค้น  สื่อผ่านออกมาจากดวงตาที่ขมึงตึง              



                                " เอาหละ ในเมื่อท่านยืนกลานที่จะขัดขืน ผมก็จำเป็นต้องใช้กำลัง อภัยให้กระผมด้วยครับท่าน ' อาจารย์ ' "




                                 ' อาจารย์ยังงั้นหรออะไรกันอีกละเนี่ย ' ในใจที่สับสนวุ่นวายของผมก็เริ่มก็เริ่มสงบนิ่งมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น 



                              ............................................................................................................
                                


                                   แล้วภาพการต่อสู้ที่ไม่อาจจะจินตนาการได้ ก็เริ่มขึ้น  การ์ตูนหรอ หนังแอ็คชั่นหรอ ลืมไปได้เลยเพราะนี่เป็นการต่อสู้ของ " SOUL HUNTER "








                                " ศิษย์ล้างครู คำนี่ไม่เฉยเลยจริง ๆ " บาซินาสบ่นพรึมพรำอยู่คนเดียวแล้วอยู่ดี ๆ ร่างของมันก็ค่อย ๆ เลือนลางราวกับจะหลุดออกจากกัน เมื่อมองชัด ๆ อีกทีมันไม่ได้หลุดออกจากกันแต่มันกลับแบ่งออกเป็น 5 ร่าง



                                " วิชาแบ่งวิญญาณ " เวนย์ มองดูด้วยความตกใจ 


                           
                                ผมฟังแล้วตีความว่ามันคงเหมือนหนังการ์ตูนที่เคยดูซึ่งภายใน 5 ร่างต้องมีร่างร่างจริงอยู่ร่างเดียว ไอ้ร่างจริงเนี่ยมันแตะต้องได้แต่ไอ้ร่างแยกเนี่ยมันเป็นเหมือนภาพลวงตาที่คอยทำให้คู่ต่อสู้สับสน



                                " มารีบจบ ๆ มันกันดีกว่า "
     
               
                                สิ้นประโยคร่างทั้ง 5 ของบาซินาสก็หายไปต่อหน้าต่อตา มาเห็นอีกทีก็โผล่มาล้อมเวนย์แล้ว  5 ร่างนั้นพุ่งเข้าหาเวนย์จาก 5 ทิศ ด้วยความเร็วที่ผมต้องบอกว่าเห็นแต่แสงสะท้อนของลูกแก้วซึ่งตอนนี้มันถูกผูกไว้กับเส้นอะไรบางอย่างที่ถักอย่างสวยงามคล้องอยู่ที่คอของบาซินาส              


                               เวนย์กระโดดเป็นแนวดิ่งขึ้นจากพื้นประมาณ 10 เมตร แต่ไม่วายบาซินาสมที่พุ่งมาด้วยความเร็ว ออกแรงที่ปลายเท้าแล้วใช้กำลังขาเอาชนะแรงดึงดูดของโลกด้วยการกระโดดพุ่งเข้าหาเวนย์พร้อมกับทั้ง 5 ร่างแล้วตวัดกระบอง 3 ท่อนฟาดไปที่เวนย์  ซึ่งกำลังเตรียมพร้อมรับการโจมตีในครั้งนี้


                           
                               เสียงแหวกอากาศของกระบอง 3 ท่อนดังเหมือนเสียงตอนเอามือที่เปียกไปถูกับขอบชามที่มีน้ำอยู่ข้างใน แต่นี้มันมากกว่าตรงที่เสียงของกระบองนั้นมันประเสียงกันถึง 5 เสียง เหมือนจะเตือนว่ามันมีตัวตนทั้ง 5 เสียง

     

                               แล้วคำเตือนก็เป็นจริงเมื่อ เวนย์ วาดดาบออกไปในแนวขวางแบบเสี้ยวของพระจันทร์   ดาบกระทบโดนกระบองที่ส่งคำเตือนมา  แต่ในความคิดของผมเนี่ยมันน่าจะสัมผัสได้เพียงกระบองเดียวแล้วขอสังสัยก็กระจ่าง 


                               เมื่อดาบกระทบโดนกระบองแค่ 3 ท่อนเท่านั้น เพราะอีกสองนั้นกระทบลงที่ หัว และ หลังของ เวนย์iร่างที่ถูกกระแทกจากแรงของกระบอง 3 ท่อนนั้นร่วงมาปะทะกับตู้คอนเทนเนอร์ตามแรงส่งของกระบองอย่างจังแต่ก็ไม่ทำให้เวนย์เสียหลักได้



                              ถึงหลังจะติดกับคอนเทนเนอร์แต่เท้าทั้งสองที่ยังเป็นอิสระเริ่มส่งกำลังไปยังปลายเท้าแล้วดีดตัวเองออกมาอย่างเร็วเหมือนกับธนูที่หลุดออกจากคันพุ่งเข้าหาบาซินาสคนที่อยู่ตรงกลาง


                              แล้วฟันดาบในมือลงอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อบาซินาสเอี้ยวตัวหลบได้พร้อมกับอีก 4 ร่างพลัดกันพุ่งเข้ามาตะลุมบอน เวนย์ ชนิดที่ป้องกันร่างนี้ได้ก็มีอีกร่างเข้ามาใช้กระบอง 3 ท่อนฟาด แล้วยิ่งกระบอง 3 ท่อนนั้นเป็นอาวุธที่มีการเคลื่อนไหวที่คาดเดาได้ยากมาก จึงทำให้ เวนย์ ถูกซัดอยู่ฝ่ายเดียว



                              เวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที การต่อสู้ที่เหมือนการรุมรังแกคนที่ไม่มีทางสู้ก็มาถึงจุดสิ้นสุด



                              เฟี้ยว ---------- ฉึก ลูกดอกธนูเสียบเข้าที่กลางหลังของ บาซินาส ทันทีที่ลูกธนูปักโดนร่างของบาซินาสก็เกิดแสงส่องสว่างขึ้นที่ตรงรอยที่ลูกธนูพุ่งมาปัก แสงสว่างลามไปจนทั่วร่างของบาซินาส แล้วร่างนั้นก็แตกออกเป็นดวงไฟเล็กนับไม่ถ้วน เกลื่อนกระจายเต็มโกดัง



                               ผมหันไปดูแหล่งที่มาของลูกธนูแล้วก็เห็น หญิงสาวผมสีแดงมัดผมรวบเอาไว้บนหัว หน้าตาสะสวยใส่ชุดแบบเดียวกับ เวนย์ ยืนอยู่ข้างบนระเบียงเหล็กด้านทางออกภายในโกดัง



                               " ปัดโธ่เอ่ย  นึกว่าเป็นร่างจริงแล้วเชียว "  เสียงบ่นอย่างหัวเสียของหญิงสาวดังขึ้น พร้อมกับล้วงเอาลูกแก้วสีแดงคล้ายกับของบาซินาสออกมาจากภายในชุดเคนโด ที่บอกว่าคล้ายนั้นก็เพราะว่ามันมีขนาดเล็กกว่าของ บาสซินาส และมันยังไม่แววาวเหมือนกับลูกแก้วของ บาซินาส


                               " หยุดนะ นาย่า "  บาซินาสตะโกนขึ้นเมื่อเห็นดวงไฟที่ลอยอยู่เต็มโกดังกำลุ่งพุ่งเข้าหาลูกแก้วในมือของ นาย่า


     
                               บาซินาสที่ตอนนี้กลับมาเหลือเพียงร่างเดียวเลิกสนใจกับร่างที่สะบักสะบอมของ เวนย์ที่นอนจมกองเลือดอยู่ใกล้ ๆ


                          
                                " ท่านเป็นถึง มาสเตอร์ แต่กลับทำตัวชั่วช้าไม่สมควรที่จะหยิบยื่นโอกาสกลับตัวให้ สภาสูงโลกวิญญาณลงมติ  ถ้าจับกุมไมได้ก็ให้ใช่สิ่งนี้สลายวิญญาณท่านซะ "    นาย่าไม่พูดเปล่าลางควักวัตถุบางอย่างออกมาจากกระเป๋าผ้าสีดำที่คาดอยู่กับเอวของเธอ



                                 ผมสังเกตุเห็นว่าตอนนี้สีหน้าของ บาซินาส เปลี่ยนไปเมื่อเห็นสิ่งที่ นาย่า ควักออกมา  ไอ้ที่ผู้หญิงที่ชื่อ นาย่า ควักออกมานี่มันอะไรกันวะ  ทำไมคนที่แยกร่างได้ตั้ง 5 ร่างอย่างบาซินาสต้องทำหน้าเหมือนกำลังกลัวเมื่อได้เห็นมันด้วยละเนี่ย



    ...................................................................................................................................
                             
    ตอนที่ 6 : ความเป็นมา 4 / โดย pa-no-ra-ma / อัพเดท 20 ส.ค. 49






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×