ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GILL จิตสังหารพันก้าว

    ลำดับตอนที่ #3 : ความเป็นมา

    • อัปเดตล่าสุด 21 ส.ค. 49





                          " เรียกกิลมาพบฉัน " เสียงที่นุ่มนวลแฝงด้วยพลังบางอย่างของหญิงสาวผมสีทองผมยาวสลวยถึงกลางหลังใส่ชุดสูทสีดำสนิทพูดผ่านจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนโต๊ะทำงานสีไม้โอ๊คในห้องทำงาน ในห้องที่ไม่มีฟอร์นิเจอร์แม้สักชิ้นเดียวมีเพียงเก้าอี้สีดำโต๊ะทำงานเเละคอมพิวเตอร์เท่านั้น

                           " มีงานอะไรอีกหละ " ชายหนุ่มผมสีดำยาวปะบ่า ดวงตากลมโต นัยย์ตาดำสนิทเหมือนกับมีโลกที่ลึกลับอยู่ข้างใน สวมชุดคลายกับชุดเคนโด้สีดำ มีดาบเล่มใหญ่พาดอยู่กลางหลัง  เดินผ่านเข้าประตูมาพร้อมกับใบหน้าที่ไม่ค่อยจะสบอารมย์ที่ถูกรบกวนเวลาพักผ่อน

                           " มีวิญญาณนักโทษหลุดไปจากการจับกุม " หญิงสาวพูดพลางหันหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปทางกิล

                           " ไฮบิวลี่ " กิลเอ่ยขึ้นเบา ๆ เมื่อเห็นชื่อเมืองที่ได้รับมอบหมายงานให้ไปทำ

                           " มันสวยไหมกิล " คำถามนี้ทำให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธที่ถูกรบกวนเวลาพักนั้น กลายเป็นสีหน้าของความเห็นอกเห็นใจในทันที

                           " โลกมนุษย์ย่อมสวยที่สุดในบรรดา 4 โลก เป็นโลกที่มีทั้งอารมณ์ที่แปรปวน กิเลส ตัณหา ไม่รู้จบ "

                           " โลกที่มีแต่กิเลสมันจะสวยได้อย่างไงละกิล "

                           " สิ่งที่ทำให้โลกสวยงามนั้น มันเป็นสิ่งที่อีกสามโลกเฝ้าใฝ่หาเลยละ " แล้วสีหน้าของกิลก็เปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อพูดถึงโลกมนุษย์ ดวงตาที่เลือนลอยมันไม่สามารถสื่อให้รู้ได้เลยว่าในดวงใจของผู้เป็นเจ้าของดวงตานั้นกำลังถวิลหาสิ่งใดอยู่ 

        
                       " แล้วมันคืออะไรละกิล " คำถามที่มาจากความสงสัยภายในจิตใจส่งผ่านออกไปทางริมฝีปากที่อวบอิ่ม 
     
                       " ครอบครัว ครอบครัวที่ฉันจากมา ครอบครัวที่แสนจะอบอุ่นไงละ อมีเรีย สิ่งที่เป็นพลังในการดำรงอยู่ของหลายชีวิตบนโลก " ในที่สุดดวงตาก็ไม่สามารถปิดบังความต้องการของดวงใจได้ น้ำใส ๆ ถูกฉาบที่นัยย์ตาสีดำสนิท แต่มันก็คงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเสียงของอมีเรียดังขึ้น

                       " นายต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับฉันนะกิล " วลีที่เต็มไปด้วยความหวังและเรียกร้องในสิ่งที่กิลเคยสัญญาออกไป

                       " ได้ สักวันฉันจะพาเธอไปเที่ยวบนโลกมนุษย์ แต่ตอนนี้ฉันขอตัวไปรับเพื่อนเก่าที่ไฮบิวลี่ก่อนนะ " พลางสายตาจ้องไปที่ชื่อวิญญาณนักโทษ " มิโลสลาฟ โบน่าโก้ "


                                        ' 10 ปีแล้วนะโบนาโก้ ในที่สุดนายก็มาหาฉัน ' อารมย์ภายในใจของกิลตื่นเต้นยิ่งนักเมื่อรู้ว่าคนที่รอคอยมานานจะได้พบกันเร็วกว่าที่คิด
                              


                             .................................................................................................  
     



                                        ' ไฮบิวลี่ เหรอ ฮึ ฮึ ไม่ได้ไปซะนานจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนนะ ' ภายในจิตใต้สำนึกที่ยังเป็นของมนุษย์ซึ่งขัดกับสถานะของนักล่าวิญญาณในขณะนี้ ได้สร้างภาพในอดีตที่ยังฝังแน่นให้ผุดขึ้นมาในหัวสมองของกิล

                                   ...........................................................................

                             

                             รถลีมูซีนสีขาวแล่นมาด้วยความเร็วต่ำเนื่องจากการจราจรในเมืองใหญ่อย่าง " ไฮบิวลี่ " นั้นติดขัดอย่างมากโดยเฉพาะกับถนนสายหลักของเมืองอย่าง " เวงเกอร์โรด " แล้วนั้นยิ่งไปกันใหญ่ แล้วถ้ารวมกับวันนี้เป็นวันจันทร์ซแล้วละก็ยิ่งทำให้รถติดเป็น 2 เท่าของวันปกติเลยละ


                             ผู้คนสองข้างทางขวักไขว่ไปมามากมาย  มีทั้งนักธุรกิจ ช่างซ่อม ไปยันขอทานที่ไว้นวดเครารุงรังแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น แต่ที่แปลกไปจากทุกที่ก็คือ ผมรู้สึกว่าขอทานคนนั้นจ้องมาทางผมซึ่งตอนนั้นนั่งอยู่ในรถลีมูซีนสีขาวที่ภายในมีผู้โดยสารอยู่ 5 คน


                            ประกอบด้วย พ่อที่นั่งอยู่ข้างผม และที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผมคือชายหนุ่มอาฟริกันอเมริกันผิวดำตัวใหญ่ซึ่งเป็นคนในครอบครัวของผมเค้าเป็นมือขวาของพ่อตั้งแต่ผมยังไม่เกิด เค้าชื่อ " มิโลสลาฟ โบนาโก้ " ส่วนอีกสองคนนั้นนั่งอยู่ในห้องคนขับข้างหน้า  แต่ผมในตอนนั้นยังเด็กเกินกว่าจะสังเกตุอะไรไปมากกว่าตัวของขอทานนั้นสกปรกกว่าหมาที่บ้านของผมอีก

                             " พ่อครับ แม่ไปไหนครับ " คำถามที่ส่งผ่านมาจากก้นบึ้งของจิตใจ ภายใต้ความไร้เดียงสาของร่างกายที่ยังคงเคลื่อนไหวซึ่งภายในนั้นมี วิญญาณบริสุทธิ์ สิงสธิตอยู่ แต่ด้วยอายุของวิญญาณที่มีเพียง 8 ปี นั้นยังไม่มีการพัฒนาในระดับความคิดที่ซับซ้อนจึงไม่สามารถรับรู้หรือคาดเดากับสิ่งที่เกิดขึ้นได้มากนัก                 

                              สายตาของเด็กน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังในคำถามที่ส่งผ่านออกไปจากริมฝีปากที่บางและกำลังสั่นครือ ส่งไปยังชายหนุ่มอายุราว 35ปี ผมสีดำสนิทนัยย์ตายิ่งดำกว่าสีผมเป็นร้อยเท่า ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันในความสัมพันธ์ของสายเลือดที่เข็มข้น

                              " สักวันหนึ่ง สักวันหนึ่งนะ กิล ลูกจะได้รู้ทุกอย่าง " ฝ่ามือที่เนียนนุ่ม ละเอียดละออไปด้วยเส้นเลือดที่สูบฉีดภายใต้ผิวหนังที่คงความอบอุ่นของอุณภูมิในกระแสเลือด ได้ลูบไล้จากหน้าผากของเด็กน้อยไล่ลงไปยังท้ายทอย พร้อมกับใช้มืออีกข้างโอบกอดแสดงถึงความรักที่มีให้กับเด็กน้อย ที่อยู่ในอ้อมกอด

                             

                               " แต่ยังไม่ใช่วันนี้ เมื่อถึงเวลาเราจะได้อยู่ด้วยกันอีกนะลูกรักของพ่อ " ถ้อยคำที่เป็นเหมือนคำสัญญาและคำตอบของคำถามที่ยากจะเอยออกไป ก็จบลง

                              
                              ความเร็วของรถเริ่มช้าลงจากเดิมนั้นเป็นเพราะสัญญาณบางอย่าง
    ที่ทำให้ชีวิตของผมนั้นต้องเปลี่ยนไปอย่างสุดที่จะจินตนาการเอาไว้ ไฟแดง ใช่แล้วไฟแดงที่ช่วงชิงเอาชีวิตวัยเด็กของผมไปอย่างที่ไม่มีวันที่จะได้มันกลับมาอีก

                             
                             ปัง ปัง ปัง -------------------------------!!!!!!

                              เสียงจากสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า ปืน ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่ามนุษย์ดังขึ้นติดต่อกัน 3 นัดถ้ามันมีแต่เสียงก็คงจะไม่ทำให้พ่อของผมนั้นมีเลือดไหล สิ่งที่วิ่งมาจากปากของกระบอกปืนนั้นคือมัจจุราช ที่พรากหนึ่งชีวิตของคนในครอบครัวของผมไปตลอดการ

                          " พ่อ !!!!!!!!!!!!!!! ~ " ร่างของพ่อผมนั้นเต็มไปด้วยของเหลวสีแดงที่เรียกว่าเลือดกลิ่นคาวฟุ้งกระจายอย่างรวดเร็ว ผู้คนภายนอกต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และต่างก็วิ่งไปมาวุ่นวายเพื่อที่จะหลบให้พ้นจากวิถีกระสุน

                          " ก . . ก . .กิล " สายตาที่พล่าเลือน สติสัมปัญชันญะที่ลดน้อยลงได้ส่งผ่านความคิดสุดท้ายไปยังไขกระดูกสันหลังให้ควบคุมร่างกายที่บอบช้ำอย่างแสนสาหัส ร่างกายที่ใหญ่โตได้โผเข้ามาบดบังร่างกายของผมให้อยู่ภายใต้ร่มเงาแห่งการปกป้องลูกน้อยให้พ้นภัย



                           แล้วประโยคสุดท้ายจากริมฝีปากที่เริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ จากการเสียเลือดมากนั้นก็เปล่งเสียงที่เเผ่วเบาจนเกือบจะไม่ได้ยินเนื่องจากเสียงของความวุ่นวายจากนอกตัวรถนั้นดังมากจนแทบจะกลบเสียงของพ่อผม แต่ในช่วงเวลานั้นหูของผมกลับได้ยินเสียงสุดท้ายของพ่อได้อย่างชัดเจนเหมือนกับพ่อตะโกนอยู่ข้างหูผม


                          
                          " จงตามหาแสงของหิ่งห้อยเพลิง แล้วลูกจะได้พบกับสิ่งที่ลูกต้องการ พ่อรักลูกนะกิลแล้วเราจะได้เจอกัน "

     

                          " คุ้มกันคุณหนู " เสียงจาก นาโก้ ดังขึ้นเป็นคำสั่งให้ชายที่นั่งในห้องคนขับลงจากรถพร้อมกับชักปืนออกมาจากเอว แล้วสำรวจแหล่งที่มาของมัจจุราชแต่แล้วมันก็เกิดขึ้นอีกเสียงที่ดังก้องนั้น เสียงแห่งความตายที่มัจจุราชหยิบยื่นให้โดยที่ผู้ถูกเชิญไปยังประตูแห่งยมโลกนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธได้เลย



                           ปัง ปัง  เสียงมัจจุราชดังขึ้นอีก 2 ครั้ง แลกกับร่างกายที่ทรุดลงไปกองกับพื้นของทั้งสอง

                           " คุณ อัลเฟรด " นาโก้ร้องเรียกพ่อผมที่คว่ำหน้าใช้ร่างกายที่ใหญ่โตให้เป็นเหมือนชุดเกราะมนุษย์ทับร่างของผมอยู่ พร้อมกับนาโก้ใช้มือที่ทรงพลังเพียงข้างเดียวพลิกร่างของพ่อขึ้นมาแล้วสีหน้าของ นาโก้ ก็เปลี่ยนไปเมื่อเห็นรูบนท้องของพ่อผม 2 รู และตรงหน้าอกอีกหนึ่งรู มันเป็นรูที่เกิดจากบัตรเชิญไปยังยมโลกที่มัจจุราชหยิบยื่นให้พ่อผมเช่นเดียวกับชายทั้งสองคน และก็เหมือนกันตรงที่พ่อผมไม่อาจปฏิเสธมันได้เลย

                            
                            " คุณหนู " แววตาที่มองมาอย่างสงสารส่งมาจากสายตาที่เสียใจของ นาโก้ มายังผม " หมอบลงกับพื้นไว้ แล้วอย่าลงมาจากรถนะครับนะครับ ผมจะคุ้มกันคุณหนูเอง พูดนาโก้ก็เปิดประตูรถแล้วชักปืน 9 มม ออกมาจากเอว พร้อมกับก้าวขาลงจากรถ แต่ก็ต้องชะงักหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงของผม

                            


                             " พ่อ !!!!! " ผมตะโกนร้องเรียกพ่ออย่างบาคลั่ง แต่มันก็ไม่ทำให้พ่อส่งเสียงตอบผมเลยครอบครัวผมตอนนี้เหลือเพียงนาโก้เท่านั้นแต่ตอนนี้เขากำลังไปจากผม

                             " นาโก้ อย่าทิ้งผมไป " เสียงสะอื้นปนกับหยาดน้ำตาไหลฉาบหน้าเด็กน้อยที่พบกับการสูญเสียเป็นครั้งที่สองหลังจากเสียแม่ผู้ให้กำเนิดไปตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าพ่อได้จากผมไปตลอดการ ผมจึงต้องเหนี่ยวรั้งคนที่เป็นเหมือนพี่ชายคนเดียวของผมไม่ให้จากผมไป 


                              " คุณหนู นาโก้ คนนี้ไม่มีทางที่จะทิ้งคุณหนูไป รอผมอยู่ในนี้นะ " นั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้ยินเสียงและเห็นนาโก้ 

                              แล้วสิ่งไม่ที่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อมีแสงสีขาวส่องสว่างออกมาจากตาของพ่อผม แล้วแสงนั้นก็เริ่มก่อรูปร่างเป็นชายหนุ่มและที่น่าตกใจชายคนนั้นคือพ่อผม  พ่อผมยังมองมาที่ผมอย่างไม่ละสายตาแต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรออกไป แสงที่ก่อตัวเป็นพ่อของผมนั้นก็พุ่งออกไปนอกรถอย่างรวดเร็ว 



                              แล้วสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ แสงที่ตอนนั้นผมมั่นใจว่าเป็นวิญญาณของพ่อผมพุ่งตรงไปยังวัตถุที่ดูเหมือนลูกแก้วสีแดงคล้ายกับว่ามันมีแรงดึงดูดอย่างมหาศาลแล้วแสงนั้นก็หายเข้าไปในลูกแก้ว แต่นั้นก็ไม่น่าตกใจไปกว่าลูกแก้วนั้นอยู่ในมือของ " ขอทานคนนั้น " ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าที่ขอทานคนนั้นไม่ได้มองมาทางผม แต่มันมองพ่อผม


                              แล้วผมก็ยังเห็นผู้ชายในชุดเหมือนชุดเคนโดมีดาบอยู่ที่ข้างตัวซึ่งเขาชักดาบออกจากฝักทันทีที่เห็นวิญญาณของพ่อผมวิ่งเข้าไปที่ลูกแก้ว ชายในชุดเคนโดนั้นอยู่ห่งจากขอทานประมาณ 20 เมตร 


                            " หยุดนะ บาซินาส " ชายในชุดเคนโดตะโกนขึ้น





                       ...................................................................................................






                        

                      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×