ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เสียงเพรียกหา...ของหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #2 : ตามทำนาย....

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.พ. 56


    “ ยายหนูเล็ก ไปไหนมาลูกแม่เดินหาตั้งนาน  ” คุญหญิงกานดาเอ่ยขึ้นอย่างดีใจที่เห็นบุตรีคนเดียวเดินเข้ามาในงานหลังเดินตามหาจนทั่วก็ไม่เจอ

    “ เล็ก แค่ออกไปเดินเล่นด้านนอกค่ะ จะกลับยังคะ เล็กอยากกลับบ้านแล้ว ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเบื่อๆเซ็งๆ  จนผู้เป็นมารดาได้แต่อ่อนใจ

    “ เอ้า! กลับก็กลับจ้า งั้นรอไปบอกคุณพ่อก่อนก็แล้วกันจ๊ะว่าเราจะกลับกันก่อน ” มารดาหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างตามใจและพากันเดินเข้าไปหาผู้เป็นสามีเพื่อบอกก่อนจะพาบุตรีคนเดียวกลับบ้าน และเมื่อสลินยาเดินออกมาจากที่งานก็รู้สึกเหมือนกับว่าจะมีคนกำลังจ้องมองอยู่แต่เมื่อหันกลับไปมองก็ไม่พบใคร เอ.หรือว่าเราคิดมากไปเองนะโดยเฉพาะบุรุษนิรนามที่ชื่อ เชคก้า..ที่เผอิญรู้จักเมื่อตอนหัวค่ำคนนั้นนะ ทำไมเธอจึงสามารถจดจำรายละเอียดต่างๆของชายหนุ่มได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะดวงตาสีนิลคมเข้มดวงนั้นที่มองมาทำให้หัวใจเธอกระตุกแปลกๆ ทั้งๆที่เธอไม่เคยเป็นมาก่อน...ถ้าจะบ้าหนูเล็ก

                “ มีอะไรเหรอจ๊ะลูก มองหาอะไร ” คุณหญิงเห็นอาการแปลกๆของบุตรสาวก็อดที่จะถามขึ้นไม่ได้

                “ ปละ.เปล่าค่ะคุณแม่ ไม่มีอะไร เล็กแค่ง่วงนอนก็เท่านั้น ขึ้นรถเถอะค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธก่อนที่จะก้าวขึ้นรถคันหรู โดยที่ไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มที่เธอกำลังนึกถึงกำลังยืนมองตามรถที่แล่นออกไปจนลับหายไปจากสายตา...

                “ เชค หลานรักมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้จ๊ะยายเดินหาจนทั่วงานเลย ” เสียงทักด้านหลังทำให้ชายหนุ่มหันมาตามต้นเสียงก่อนที่จะเผยปากยิ้มออกมาเมื่อเห็นหน้าผู้ที่ยืนยิ้มอยู่

                “ เปล่าครับแอน” ชายหนุ่มเรียกชื่อแอนแทนคุณยาย เพราะไม่ถนัดที่จะเรียกคุณยายจึงขอเรียกชื่อแทนตามแบบคนฝรั่งที่มักเรียกกันดีกว่า

                “ ยายว่า เรากลับกันเถอะหลานคงไม่สนุกแล้ว ” คุณแอนเดรียหรืออรอนงค์ เดินเข้ามาบอกหลานชายคนเดียวก่อนที่จะหันไปร่ำราแขกคนอื่นๆเพื่อเดินทางกลับ

                “ แหมคุณอร จะกลับแล้วหรือคะ ทำไมรีบกลับจังเลยยังไม่ดึกเท่าไหร่นี่ ” เสียงคุณหญิงคุณนายในงานต่างพากันบ่นเนื่องจากยังไม่ทันรู้จักหลายชายสุดหล่อดีเลย แถมบรรดาลูกสาวตัวเองยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยรู้จักเลย คุณอรอนงค์ก็รีบพากลับแล้ว ที่สำคัญพ่อรูปหล่อไม่เปิดโอกาสให้รู้จักเลย เพราะในงานไม่รู้แอบหลบไปอยู่ที่ไหน ขนาดพากันเดินหากันให้ควัก ยังไม่พบ

                “ ก็เห็นว่าหลานชาย คงไม่สนุกที่ต้องมางาน สู้พากลับดีกว่าต้องขอตัวก่อนนะคะ งั้นดิฉันเห็นคงต้องลาละคะ ” คุณอรอนงค์รีบบอกลา และชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นไหว้ตามแบบอย่างคนไทยก่อนจะเดินล่วงหน้าไปก่อนผู้เป็นยาย เพราะขืนอยู่ตรงนั้นมีหวังไม่ได้กลับพอดี เพราะทำไมเขาจะไม่รู้ละว่าบรรดาคุณหญิงต่างๆในงานอยากให้บุตรสาวได้รู้จักเขาอย่างออกนอกหน้าจะตาย ทำให้เขาเกิดความรำคาญและน่าเบื่อ จนต้องหาทางหนีออกมาจากงานแบบนี้  ไม่ว่าเขาจะไม่อยากรู้จักสาวๆสวยๆ นะเพราะตอนที่เขาเรียนที่อังกฤษเขาก็มีเพื่อนต่างเพศที่สวยๆมากมายที่เขารู้จักและคุ้นเคยมากหน้าหลายตา เขาสามารถเลือกควงใครๆก็ได้ที่อยากควง เพราะไม่มีใครปฏิเสธเขาได้เลย มีแต่จะดีใจไม่ว่าที่เขาควงออกงานด้วย ไม่ใช่ว่าเขาเข้าข้างตัวเองนะ จนบางครั้งเขาเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายก็เท่านั้น...ไม่เหมือนหญิงสาวที่เขาพบในช่วงหัวค่ำ ทำไมเขากลับจดจำดวงหน้าสวยกระจ่าง ดวงตาคมโตแพขนตายาวช้อยเวลาที่เจ้าตัวเผลอกระพริบตาไปมา ผมยาวดำขลับที่รวบไปด้านหลัง ทำให้มองเห็นใบหน้ารูปไข่ได้ชัดเจน  สันจมูกโด่งรับกับริมฝีปากอิ่มบางที่เคลือบลิปสีชมพูระเรื่อทำให้น่ามองขนาดไหน โดยเฉพาะลักยิ้มบุ๋มสองข้างเวลาที่เจ้าตัวยิ้มทำให้คนมองแทบหยุดหายใจ...นี่เขาเป็นอะไรไปแค่รู้จักและเห็นหน้าพูดคุยกันไม่ถึงชั่วโมง เขาสามารถจดจำรายละเอียดของเธอได้แม่นยำขนาดนี้เลยเหรอ ...ลีญ่า..ผมต้องหาคุณให้เจอ

                “ เชคก้า หลานเป็นอะไรไปเห็นเงียบมาตั้งแต่ออกจากงาน ” คุณอรอนงค์ถามขึ้นขณะนั่งรถมาด้วยกัน จนผู้ที่ถูกถามตื่นจากภวังค์

                “ แอนว่าอะไรนะ ผมไม่ทันฟัง ” ชายหนุ่มหันมาถามอีกครั้ง

                “ นี่เราไม่ฟังยายเลยเหรอ ยายถามว่าเป็นอะไรไป ไม่สนุกเหรอ คิดอะไรอยู่”

                “ เปล่าครับ ก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็เท่านั้น ” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงเรียบ

                “ ยายคิดว่าหลานคงเบื่อ แต่ยายว่าหลานมาอยู่เมืองไทยสักพักหลานต้องชอบแน่ๆ ” ผู้เป็นยายเอ่ยขึ้น

                “ ทำไม แอนจึงคิดว่าผมต้องชอบครับ ” ชายหนุ่มถามด้วยความข้องใจ

                “ ก็เพราะว่าเสน่ห์เมืองไทยนะซิที่ดึงดูดหลานไว้ จนไม่คิดที่อยากกลับไปนะซิ ” ผู้เป็นยายเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มๆอย่างที่คิดไว้ว่าสักวันหนึ่ง หลานชายคนโปรดจะต้องเข้าใจในคำพูดซักวัน....

                “ ผมไม่เข้าใจ และคิดว่าไม่มีทางที่จะเป็นเช่นนั้นแน่ครับ ” เชคก้าปฏิเสธในความคิดของผู้เป็นยาย

                “ หลานพูดประโยคเดียวกันกับพ่อของหลานเปี๊ยบเลย” ผู้เป็นยายหัวเราะขึ้น

                “ ทำไมครับ ” ชายหนุ่มงงในคำพูดผู้เป็นยาย

                “ ก็เพราะไอ้ประโยคนี้นี่ละที่มัดใจพ่อเราให้อยู่เมืองไทย จนมาได้แม่หลานและก็มีหลานขึ้นมาจนเดี๋ยวนี่นะซิพ่อเชค” คุณอรอนงค์เฉลยขึ้นจนชายหนุ่มถึงบางอ้อ เพราะเคยได้ยินคุณพ่อกับคุณแม่เล่าถึงความหลังที่พบรักกันที่เมืองไทยเหมือนกัน  เมื่อคุณพ่อเขาเดินทางมาเที่ยวที่เมืองไทย จนได้ตกหลุมรักสาวไทยซึ่งในตอนนั้นคุณพ่อเขาไม่คิดว่าจะต้องมารักกับสาวไทยเลยเพราะก่อนหน้านี้คุณพ่อมีคนรักอยู่ที่อียิปต์อยู่ก่อนแล้วเมื่อเรียนจบคิดว่าจะกลับไปแต่งงานกันหลังจากมาเที่ยวพักผ่อนหลังจากที่เรียนจบแล้ว ไม่คิดว่าคุณพ่อเขาจะมาตกหลุมรักสาวไทยก็คือคุณแม่ของเขานั่นเองและกว่าที่ท่านทั้งสองจะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมาได้เป็นที่ยอมรับของทางฝั่งคุณปู่คุณย่าเขาก็นานเอาการ เขาต้องถือกำเนิดที่อังกฤษจนอายุได้ห้าขวบนั่นละจึงเป็นที่ยอมรับก็คงเพราะว่าเขาเป็นหลานชายคนเดียวที่สามารถสืบทอดวงศ์ตระกูลคนเดียวก็ว่าได้ทำให้ในตอนนี้เขากลายเป็นหลานคนโปรดของตระกูล...โดนามิค..

    ...........................................................................................................................................................

                “ เล็ก วันนี้กลับเลยหรือเปล่าจ๊ะ ” นุ่มเพื่อนสาวร่วมห้องเอ่ยขึ้นหลังจากเลิกเรียนพิเศษเรียบร้อยแล้ว

                “ เปล่าจ๊ะหนูนุ่ม เล็กจะไปรับอลิสก่อนเดี๋ยวค่อยว่าจะกลับจ๊ะ ” หญิงสาวหันมายิ้มให้ก่อนที่จะเก็บตำราเอกสารต่างๆ รวบไว้ในอ้อมแขน

                “ให้นุ่มไปเป็นเพื่อนรับคุณอลิสดีไหมจ๊ะ กว่าพี่นัทจะมารับก็อีกนาน ” นุ่มหันมาถามขึ้น

                “ แต่จะดีเหรอจ๊ะ เพราะหนูนุ่มไม่ค่อยถูกกันกับคุณอลิสนะ” หญิงสาวหันมาทำท่าล้อเพื่อนเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่คุณอลิสตะกายขึ้นไปบนตัวหนูนุ่มจนล้มลงไปก่อนที่จะเลียใบหน้าอันงดงามของเธอเพื่อแสดงความยินดีที่ได้รู้จัก แต่ตรงข้ามกับหนูนุ่มที่กลับเกลียดและกลัวคุณอลิสตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถ้าหากเลี่ยงได้จะไม่เข้าไปใกล้เด็ดขาด แม้มันจะเป็นสุนัขแสนรู้และน่ารักก็ตาม..(น่ารักตายละ)...

                “ แฮ่ะๆๆ คือว่า ก็คงอย่างนั้นละ ” หนูนุ่มยิ้มให้หน้าปูเลี่ยนที่โดนจับได้

                “ งั้นฉันไปนะจ๊ะ เจอกันที่โรงเรียนวันสอบก็แล้วกัน บายจ๊ะ” หญิงสาวหันมาโบกมือให้ก่อนจะเดินออกมาจากสถานที่ติวสอบและเดินลัดเลาะมาตามทางเดินที่เชื่อมไปยังตัวห้างดังและมุ่งตรงไปยังที่ๆหมายไว้ โดนที่ไม่ได้มองว่ามีรถคันหรูขับมาก่อนที่จะเบรคดังเอี๊ยด! เสียงดังจนหญิงสาวแทบสะดุ้งตกใจเอกสารในอ้อมแขนหล่นกระจายลงพื้นเพราะความตกใจ

                “ เอ่อ! ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ” หญิงสาวรีบยกมือไหว้ขอโทษบุคคลที่อยู่ในรถคันนั้นโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นใครก่อนจะรีบก้มลงเก็บเอกสารขึ้นมาและหลบออกข้างทางให้ทันที และหันมายกมือไหว้อีกครั้งก่อนจะหมุนตัวรีบเดินเข้าไปยังห้างสรรพสินค้าดังกล่าวทันที  โดยที่ไม่ได้เหลียวมาดูว่ารถคันดังกล่าวยังไม่เขยื้อนไปไหน

                “ เธอนะเอง  ลีญ่า  ” ชายหนุ่มพึมพำขึ้นมาเบาๆในใจและรีบขับรถตามไปทันที เพื่อมิให้คลาดสายตา โลกมันกลมจริงๆ...ไม่คิดว่าจะได้เจอเธออีก...

                “ อ้าวหนูเล็ก มาพอดี คุณอลิสรอแล้วรออีกนะคะ ” คุณไก่เจ้าของคลินิกเอ่ยทักทายด้วยอย่างคุ้นเคย

                “ ขอบคุณมากค่ะที่ดูแลคุณอลิสจนดูหล่อขึ้นแบบนี่  หือว่าไงคุณอลิส หนูเล็กมารับแล้วนะเป็นเด็กดีไหมวันนี้ ” หญิงสาวหันมาหยอกล้อกับคุณอลิสอย่างรักใคร่

                “ ว่าแต่ทางบ้านมารับกี่โมงละคะ ”

                “ ก็เดี๋ยวคงมาค่ะ รบกวนด้วยนะคะ” หญิงสาวหันมายิ้มให้

                “ แหมตามสบายค่ะ หนูเล็กไม่ต้องเกรงใจอะไรพี่แบบนี้อีกนะคะ แต่ว่าฝากคุณอลิสไว้ที่ร้านก่อนไหมคะแล้วคุณหนูเล็กไปเดินเที่ยวดูอะไรก่อนดีไหมคะ ถ้าที่บ้านมารับแล้วเดี๋ยวพี่จะโทรบอกเอง ” พี่ไก่เสนอขึ้นเพราะกลัวหญิงสาวจะเบื่อ

                “ ไม่ดีกว่าค่ะ หนูเล็กไม่รู้จะเดินดูอะไร ขออยู่เล่นกับคุณอลิสดีกว่า พี่ไก่มีอะไรทำก็ตามสบายเถอะค่ะ ” หญิงสาวหันมาบอกขึ้นก่อนจะหันไปใส่ใจคุณอลิสต่อโดยที่ไม่ทันได้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่มายืนสงบนิ่งมองกิริยาอันน่ารักระหว่างหญิงสาวสวยกับสุนัขแสนรู้ที่หยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งเป็นภาพที่น่ามองยิ่งนักในสายตาของเขา

                “ เอ่อ ขะ..ขอโทษครับ ” เสียงทักทายขึ้นด้านหลังหญิงสาวทำให้ต้องหยุดเล่นกับคุณอลิสและหันไปตามต้นเสียงด้านหลังและก็ต้องตกใจและแปลกใจอีกครั้งที่พบว่า

                “ คุณ  เอ่อ  ” หญิงสาวพยายามนึกชื่อขึ้น

                “ ผม เชคก้าไงครับคุณลีญ่า จำผมได้ไหม ” ชายหนุ่มยิ้มให้จนตาหยี

                “ คะ ค่ะคุณเชคก้า บังเอิญจังนะคะ ”  คนอะไรยิ้มสวยจัง...หญิงสาวนึกในใจ

                “ ผมขอนั่งด้วยคนนะครับ ” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยอนุญาตชายหนุ่มก็ทรุดตัวนั่งลงตรงข้ามหญิงสาวทันที

                “ สุนัขคุณเหรอ น่ารักจัง ชื่ออะไรนะ ” ว่าพลางใช้ฝ่ามือลูบลงบนหัวคุณอลิสและน่าแปลกที่คุณอลิสไม่เห่าหรือทำท่าทางหวงเจ้าของเมื่อเจอคนแปลกหน้าแบบนี้กลับทำท่าทางชอบใจเมื่อโดนลูบหัวแถมทำท่าทางอยากเล่นด้วย โดยมันใช้ลิ้นเลียมือชายหนุ่มอย่างแสดงความเป็นมิตรเสียอีก...มันน่านักนะ

                “ ชื่ออลิสค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้ชายหนุ่มก่อนจะหันมาลูบหัวมันเบาๆ

                “ ชื่ออลิส เพราะดีนะ ไงอลิสหวัดดี ” ชายหนุ่มพูดทักทายคุณอลิส จนทำให้หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างขำๆชายหนุ่ม

                “อ้าว! คุณหัวเราะอะไร แค่ผมพูดกับสุนัขด้วย มันน่าขำนักเหรอไง  ” ชายหนุ่มทำหน้าเหรอที่พอหันมาเห็นหญิงสาวหัวเราะจนตาหยีน้ำตาแทบเล็ดอวดลักยิ้มบุ๋มสองข้าง ดูแล้วน่ารักนักในสายตาเขาเล่นเอาเขาแทบตะลึงจนถอนสายตาไปไหนไม่ได้

                “ ก็เปล่าค่ะ ขอโทษที แหมก็ไม่เคยเห็นใครแบบนี้นี่คะ ” ก็เล่นมาทักทายสวัสดีกับสุนัขแบบนี้ใครเห็นก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้นะซิ แอบค่อยขอดชายหนุ่มในใจ

                “ ว่าแต่คุณ มาทำอะไรที่นี่ละคะ ” หญิงสาววกกลับมาเรื่องชายหนุ่มอีกครั้ง

                “ อ๋อเกือบลืม ผมมารับแอนครับ ” ชายหนุ่มตอบขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ที่เขามาทำธุระที่นี่

                “ คือ แอนเป็นคุณยายผมนะครับ  ” ชายหนุ่มไขข้อข้องใจในสีหน้าของหญิงสาวทันทีเมื่อนึกขึ้นได้เพราะเขาเรียกจนชินปากแล้ว

                “ ค่ะ แล้วทำไมเรียกคุณยายว่าแอนละคะ ” หญิงสาวอดที่จะถามไม่ได้

                “ อ๋อ คงเพราะผมชินที่จะเรียกชื่อแบบนั้นกระมังครับ ” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเมื่อนึกได้ว่าใครๆพากันแปลกใจทุกครั้งที่เขาเรียกคุณยายแบบนี้

                “ ว่าแต่ลีญ่ามาทำอะไรคนเดียวละครับ ” เขาหันมาถามเรื่องหญิงสาวอย่างชวนคุยมากกว่า

                “ อ๋อ ฉันมาติวสอบเตรียมเอ็นฯนะ เพราะอาทิตย์หน้าก็จะสอบแล้ว ”

                “ ผมคิดว่าเก่งๆ อย่างลีญ่าต้องสมหวังอยู่แล้ว สู้ๆนะ ผมเอาใจช่วย ” ชายหนุ่มให้กำลังใจ

                “ รู้ได้ไงว่าฉันเก่ง ฉันอาจสู้ใครๆไม่ได้อย่างที่หวังไว้ก็ได้นะ ” หนูเล็กพูดขึ้นอย่างที่หวาดหวั่นไว้กลัวที่จะไม่ได้ตามที่ตั้งใจ ถึงแม้คะแนนสะสมจะดีก็ตาม

                “ ผมรู้ก็แล้วกันนะ เผลอๆ ลีญ่าอาจไม่ต้องสอบก็เข้าได้เลย เพราะคะแนนสะสมได้ตามเกณฑ์ที่เขากำหนดไว้ก็ได้ แต่ลีญ่าอยากลองทดสอบละมัง จริงมั๊ย ” ชายหนุ่มเดา

                “ คุณนี่ น่าจะไปเป็นหมอดูนะ เพราะเดาได้เก่งจังเลย ” หนูเล็กรู้สึกทึ่งชายหนุ่ม

                “ ก็ผมเป็นพ่อมดไง สามารถหยั่งรู้ได้ โดยเฉพาะเรื่องที่อยากรู้ ” ชายหนุ่มยักคิ้วให้อย่างล้อเลียน

                “ ถ้าอย่างนั้น คุณก็ต้องรู้แล้วนะซิว่า คนขับรถฉันมาแล้ว ฉันต้องไปแล้วละ ไปอลิส ลาละนะคะคุณเชค ” หนูเล็กลุกขึ้นก่อนจะจูงคุณอลิสเดินออกจากร้าน

                “ เดี๋ยวซิลีญ่า  แล้วเราจะได้พบกันอีกไหม ” ชายหนุ่มเรียกตามหลัง

                “ ไหนคุณบอกว่าเป็นผู้หยั่งรู้ไง ” หนูเล็กหันมาพูด ก่อนจะโบกมือลาให้และเดินตามคนขับรถไปทันที

                “ นั่นนะซิ เราต้องได้พบกันอีกแน่นอน ผมรู้  ลีญ่า ” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเบาๆก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังจุดหมายที่ต้องการทันที

    …………………………………………………………………………………………………………….

                “ ทำไมหลานมาช้าละวันนี้ ” คุณอรอนงค์เอ่ยทักทายหลานชายคนโปรดที่วันนี้มารับช้าผิดปกติ เพราะเขาจะเป็นคนที่รักษาเวลามากเสมอ

                “ เอ่อ! ขอโทษนะครับแอน พอดีพบคนรู้จักเลยแวะทักทายกันนิดหน่อย ” ชายหนุ่มกล่าวขอโทษขึ้น

                “ ยายไม่ได้ว่าอะไรหลานซักหน่อย แค่แปลกใจ แล้วที่ว่าคนรู้จัก ใครกันละ เพราะเท่าที่รู้จักหลานมา หลานมีเพื่อนที่ไหนกันละที่เมืองไทย ”

                “ เอ่อ! คือก็รู้จักตอนงานเลี้ยงครั้งก่อนนะครับ ก็ไม่เชิงว่าสนิทอะไรหรอกแค่คุยกันแล้ว OK ” ชายหนุ่มดูเขินๆเมื่อพูดถึงบุคคลที่กำลังกล่างถึงอยู่จนคุณอรอนงค์จับอาการได้

                “ ยายว่า คนนี้คงพิเศษอยู่ใช่ไหม ดูหลานตื่นเต้นเมื่อพูดถึง ชักอยากรู้จักแล้วซินะ คงจะสวยนะ” พูดพร้อมกับใบหน้ายิ้มละไมขึ้น

                “ แล้วแอนรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นผู้หญิง ” ชายหนุ่มแปลกใจ

                “ จะยากอะไรละ ดูจากแววตาหลานนะซิมันฟ้องว่าหลานตื่นเต้นแค่ไหนเมื่อพูดถึงเขา ” คุรอรอนงค์หัวเราะขึ้นมาขณะออกเดินจากร้านมายังที่ลานจอดรถ

                “ แค่แววตาก็บอกได้เหรอครับว่าผมนึกหรือคิดอะไรอยู่ ” ชายหนุ่มยังไม่ลืมเรื่องที่คุยค้างไว้และสิ่งที่ค้างคาใจ

                “ หลานก็ลองสังเกตดูซิจ๊ะว่า แววตาคนเรามันสามารถบ่งบอกหรือสื่อความหมายได้แค่ไหนกัน เอาละออกรถได้แล้วยายอยากกลับบ้านเต็มทีแล้ว ”  ดังนั้นชายหนุ่มจึงหยุดเรื่องที่ยังไม่เข้าใจไว้ก่อนที่จะสตาร์ทรถออกจากที่นั่นทันที โดยที่ในหัวใจเขาก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าไอ้แววตามันสามารถบ่งบอกความหมายในเรื่องต่างๆได้ทั้งหมดนั้นจริงหรือเปล่า แต่ที่สำคัญเขาก็รู้สึกและรับรู้ได้ว่าลีญ่าที่เขาได้พบในวันนี้ ไม่ได้รังเกียจเขาอย่างที่เขานึกกลัวตั้งแต่แรก

                “ ไงเรายัยเล็ก เป็นอย่างไรบ้างไปสอบวันนี้ ทำได้หรือเปล่า ” ผู้เป็นมารดาถามขึ้นเมื่อเห็นร่างบางเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างๆก่อนจะหอมแก้มผู้เป็นมารดาฟอดใหญ่อย่างประจบ

                “ แหม ฝีมือขนาดนี้ทำได้อยู่แล้วค้า ” หญิงสาวอวดขึ้น

                “ จ้า แม่เชื่อจ๊ะ ว่าลูกสาวแม่ทำได้ แต่ทำไมสละสิทธิ์โควต้าที่ได้ก็ไม่รู้นะ  ไม่ต้องมาเหนื่อยแย่งสอบอีก ให้ไปเรียนเอกชนก็ไม่เอา ไปเรียนต่อนอกก็ไม่เอาอีก ลูกคนนี้ ” มารดายังบ่นเสียดายที่บุตรีได้รับโควต้าโดยที่ไม่ต้องสอบ

                “ ก็เล็กอยากใช้ความสามารถในการเข้าเรียนนี่คะ แล้วอีกอย่างเล็กอยากให้เพื่อนที่ขาดแคลนทุนในการเรียนได้เรียน อย่างน้อยเขาจะได้ไม่ต้องลำบากในเรื่องค่าเรียนไงคะแม่ ” หญิงสาวให้เหตุผลที่สละสิทธิ์

                “ จ้า แม่เข้าใจและก็เห็นด้วยนะ แต่แม่ไม่อยากให้ลูกสาวแม่ต้องมาแย่งแข่งขันในการสอบเข้านี่หนา ” ผู้เป็นมารดาเอ่ยขึ้นเพราะความรักและตามใจบุตรีคนเดียวกลัวว่าจะต้องลำบาก

                “ โธ่! ลำบากอะไรคะแม่ หนูกลับมองว่าเป็นเรื่องดีกับเล็กเสียอีกที่อย่างน้อยได้ความภูมิใจที่สอบเข้าได้ด้วยความสามารถของตัวเอง และที่สำคัญเล็กได้ใช้ความรู้ที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์อีกค่ะ ”

                “ เล็กขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ เหนียวตัวเต็มที   ”

                “ จ๊ะ อย่าลืมลงมาทานอาหารเย็นนะลูก ”

                “ ค่ะแม่ ”

                หลังจากได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที  หญิงสาวจึงเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่หน้าคอมพิวเตอร์ตัวโปรดก่อนจะเหลือบตาไปเห็นเบอร์โทรที่จดไว้แปะติดไว้ข้างๆ จอคอมพิวเตอร์

                “ จริงซินะ นี่มันเบอร์โทรอีตาคนนั้นนี่ ลืมสนิทไปเลย ” หญิงสาวยิ้มให้เมื่อนึกถึงหน้าชายหนุ่มขึ้นมา ที่จริงเขาก็ดูหล่อเท่ห์มีเสน่ห์มากในหมู่สาวๆที่เห็น แต่อาจเป็นเพราะเขาดูเป็นคนต่างชาติหรือลุกครึ่งก็ได้ทำให้หญิงสาวยังไม่ค่อยไว้วางใจในตัวเขานัก ทั้งๆที่พบกันก็สองครั้งมาแล้ว เขาก็ดูวางตัวได้ดีไม่มีทีท่าจะทำตัวไม่ดีอย่างที่คิดไว้ หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ลองกดหมายเลขที่ชายหนุ่มเคยให้ไว้ไม่รู้เป็นเพราะอะไรจึงคิดอยากกดหมายเลขไปหาเขา ทั้งๆที่มันถูกทิ้งไว้มาตั้งนาน

                เสียงสัญญาณปลายทางว่าง แสดงว่าหมายเลขที่ให้ถูกต้อง รอสายไม่นานก็มีเสียงปลายทางพูดขึ้น

                “ Hi  ” เสียงทักทายขึ้นสำเนียงฝรั่งเต็มที่ ทำให้หญิงสาวลังเลว่าจะพูดทักทายตอบหรือเปล่า

                “ Hello!  What ? ” เสียงปลายสายยังตอบรับ

                “ เอ่อ! นี่เบอร์คุณเชคก้าหรือเปล่าคะ ” หญิงสาวกรอกเสียงไปด้วยอาการตะกุกตะกัก หัวใจเต้นระทึกขึ้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่โทรหาผู้ชาย นอกเหนือจากเพื่อนๆที่โรงเรียน

                “ ครับ ผมกำลังพูด นั่นใคร ได้เบอร์ผมมาได้ไง ” ชายปลายสายแสดงความแปลกใจตามมา

                “ ก็ คุณให้ฉันมาเอง จำไม่ได้เหรอ ” หญิงสาวชักฉุนขึ้น อีตาบ้า! ให้มาเองยังมาย้อนอีก นี่คงแจกเบอร์คนอื่นๆจนจำไม่ได้เลยนะซินะ แต่เอ๊ะ! แล้วนี่เราไม่พอใจเขาทำไมกันละ

                “ ขอโทษครับ คือผมจำไม่ได้จริงๆ เพราะผมไม่มีเพื่อนที่เป็นคนไทยเท่าไหร่ ต้องขอโทษที คือ ผมจำไม่ได้จริงๆ คุณ... ” ชายหนุ่มขอโทษมาตามสาย

                “ ฉัน สลินยา คุณให้เบอร์ฉันไว้ แต่ถ้ารบกวนก็ต้องขอโทษด้วย สวัสดีค่ะ ” หญิงสาวพูดขึ้นก่อนจะวางสายลง แต่!

                “ ดะ  เดี๋ยวครับ ผมจำได้แล้ว ลีญ่า ! อย่าพึ่งวาง ผมขอโทษที  ผมจำได้แล้ว ” ชายหนุ่มรีบบอกก่อนที่หญิงสาวจะวางสายไปก่อน

                “ ผม เอ่อ! โอ๊ย! โทษที ผมดีใจครับ ที่ลีญ่าโทรมา พระเจ้า ผมกำลังคิดถึงคุณอยู่ว่าเมื่อไหร่คุณจะโทรมา นี่คงเป็นเพราะคำอธิฐานของผมแน่ๆเลย ” เสียงเขาพร่ำมาตามสาย ทำให้หญิงสาวยิ้มออกมาได้ ที่ได้ยินเขาดูตื่นเต้นที่เธอโทรหา อะไรจะปานนั้นนะ

                “ คือว่า โทษที มัวแต่ดีใจไปหน่อย ว่าแต่ผมดีใจนะที่ลีญ่ายังจำผมได้ ว่าแต่ทำอะไรอยู่เหรอ ”

                “ คือ ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จพอดี เอ่อ! คือเห็นเบอร์โทรที่คุณให้ฉันไว้ก็เลยลองโทรมาดู ” หญิงสาวพูดเหตุผลที่โทรมา

                “ คุณคิดว่าเบอร์ที่ผมให้ไว้ ไม่จริงใช่ไหมลีญ่า ” ชายหนุ่มพูดเมื่อได้ฟังเหตุผลจากหญิงสาว

                “ ผมไม่เคยให้เบอร์ใครมั่วๆ หรือมักมาก ถ้าไม่อยากรู้จัก ” เสียงเขาดูน้อยใจมาตามสาย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะอันสดใสจากหญิงสาว

                “ ลีญ่า คุณหัวเราะอะไร ผมพูดอะไรผิดเหรอ คุณถึงหัวเราะผม ” น้ำเสียงงอนๆ คนอะไรดูถูกแล้วยังมาหัวเราะกันอีก

                “ ปะเปล่า ฉันไม่ได้หัวเราะคุณ ฉันโทษที ก็ภาษาไทยคุณมั่วไปหมดนี่ มักง่าย ไม่ใช่มักมาก ” น้ำเสียงติดหัวเราะทำให้ชายหนุ่มนึกได้ที่เขาพูดไปก่อนจะหัวเราะตาม

                “ จริงซินะ ฮ่ะๆๆ  Sorry ผมนี่แย่จัง คงต้องให้แอนสอนภาษาไทยให้มากกว่านี่ ” เขาพูดถึงยายเขาออกมา

                “ ว่าแต่คุณทำอะไรอยู่ ว่างหรือเปล่า ” เขาวกกลับมาเรื่องหญิงสาว เพื่อชวนคุย

                “ ช่วงนี่ฉันว่าง รอผลสอบอยู่  ถ้าสอบติดก็เดือนหน้าก็ต้องเรียนแล้ว ” หญิงสาวให้เหตุผล

                “ งั้น อาทิตย์อาทิตย์หน้าว่างไหมครับ ผมอยากมีเพื่อนพาไปที่แห่งหนึ่ง  ลีญ่าว่างไหม ” น้ำเสียงเว้าวอนมาตามสาย

           

    “ ทำไมละคะ คุณจะไปไหนเหรอ แล้วทำไมต้องให้ฉันพาไปละ  ” หญิงสาวแปลกใจที่จู่ๆ เขาก็ชวนเธอขึ้นมาทั้งๆที่เพิ่งจะรู้จักกัน

    “ คือ ผมไม่ค่อยมีเพื่อนนักในเมืองไทย จะมีก็แอนและคนในบ้านแอนเท่านั้น  ผมอยากให้ลีญ่าไปเป็นเพื่อน นะครับ ” เขาอ้อนวอนมาตามสาย

    “ หรือ เอ่อ! ลีญ่ากลัวผม ถ้าอย่างนั้นคุณก็ชวนเพื่อนไปเป็นเพื่อนได้ ผมยินดี ” เขาให้เหตุผลเพราะคิดว่าเธออาจจะกลัวเขาเพราะเพิ่งจะรู้จักกันเอง ใครจะมาไว้ใจกันง่ายๆแบบนี้ เขาคิดเองเสร็จสรรพให้

    “ เอ่อ คือ ก็ได้ค่ะ ฉันจะช่วยไปเป็นเพื่อน แต่ฉันขอเอาเพื่อนไปด้วยนะ ” หนูเล็กตัดสินใจ เพราะใจอ่อนกับน้ำเสียงที่ออดอ้อนมาตามสายด้วยความสงสาร และอีกอย่างเขาดูจะไม่ใช่คนที่น่ากลัวอะไรจากที่ได้สัมผัสพูดคุยกันมาก่อนหน้านี้..และที่สำคัญเธอยังมีเพื่อนไปด้วย หากเขาคิดไม่ดีไม่ร้ายขึ้นมา เธอยังมีเพื่อนอีกคนที่ช่วยกันได้

    “ ขอบคุณมาก ลีญ่า ขอบคุณที่ยอมไปกับผม งั้นอาทิตย์เจอกันนะครับ ผมไม่กวนคุณแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์ครับ หลับฝันดีนะครับ  ” หลังจากที่นัดแนะสถานที่กันเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็วางสายลง และใบหน้ายังเปื้อนยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว จนผู้เป็นยายเดินเข้ามาพบอาการของหลานชาย

    “ ยิ้มคนเดียวก็เป็นนะพ่อเชค มีอะไรดีๆเหรอ บอกยายหน่อยซิ” คุณอรอนงค์ถามก่อนจะทรุดนั่งตรงข้ามหลานชาย

    “ ก็ไม่มีอะไรครับแอน เพียงแต่ผมกำลังนึกถึงคำพูดของแอนที่เคยพูดกับผมก่อนหน้านี้ ” เขาตอบ

    “ เรื่องอะไรละ ยายพูดตั้งหลายเรื่อง ”

    “ ก็เรื่องที่แอนเคยบอกผมว่า เมืองไทยมีมนต์ขลัง ดึงดูดบางสิ่งให้เรามาพบกันไงครับ ” ชายหนุ่มหันมายิ้มให้

    “ และผมกำลังค้นพบว่า ผมอาจหลงเสน่ห์เมืองไทย จนอาจจะถอนตัวไม่ขึ้นแล้วกระมังครับแอน ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆขึ้นมา

    “ ยายว่า ไม่ใช่หลงเสน่ห์เมืองไทยหรอกมั๊ง แต่คงเป็นอาจจะไปหลงเสน่ห์หญิงไทยแล้วกระมัง จริงไหมพ่อเชค ” คุณอรอนงค์เหล่มองอาการหลายชายที่เห็น ท่าทางจะกำลังตกหลุมรักใครอยู่ โดยที่เขาไม่เคยรู้ก็เป็นได้ แต่ต้องคอยดูกันอีกที

    “ ฮ่ะๆๆ  ผมไปนอนดีกว่าครับ แอน  good  night  ” ชายหนุ่มหันมาจูบราตรีสวัสดิ์ผู้เป็นยายก่อนจะขอตัวไปนอน ปล่อยให้ผู้เป็นยายได้แต่เก็บอาการสงสัยและมองตามร่างสูงที่เดินหายขึ้นบันไดไปจนลับตา เฮ่อ! สิ่งที่เธอสงสัยหรือสังหรณ์ใจ คงไม่เกิดซ้ำรอยนะ...

    …………………………………………………………………………………….

    เช้าวันนี้คุณอรอนงค์ต้องแปลกใจที่เห็นหลานชายคนโปรดตื่นแต่เช้า แต่งตัวซะหล่อเฟี้ยว ลงมาทานอาหารแต่เช้า เพราะปกติทุกวันถ้าไม่สิบโมงเช้าจะไม่ตื่นออกจากห้องนอนเป็นเด็ดขาด ตามธรรมดาของเด็กที่โตมาจากเมืองนอกที่เวลามันแตกต่างกัน แต่วันนี้ เล่นเอาเธอต้องแปลกใจเป็นอย่างมาก

    “ มีอะไรบอกยายหรือเปล่าจ๊ะพ่อเชค ” คุณอรอนงค์เดินมาทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามโต๊ะทานอาหารเช้าที่มีชายหนุ่มนั่งดื่มกาแฟอยู่ก่อนแล้ว

    “ มีอะไรครับแอน ทำไมมองผมแปลกๆแบบนั้นละครับ ” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาเห็นสีหน้ายิ้มๆอย่างล้อเลียนชายหนุ่ม

    “ ก็หลานมีอะไรละวันนี้ บอกยายได้ไหมจ๊ะ ” ผู้เป็นยายถามอย่างอารมณ์ดี เพราะคิดว่าวันนี้หลายชายคนโปรดต้องมีเรื่องดีๆทำแน่ๆ

    “ ฮ่ะๆๆ แหมแอนก็ รู้ดีจริงนะครับ แต่ว่าผมไม่บอกหรอกนะ ” ชายหนุ่มหันมายิ้มให้ก่อนที่จะหอมแก้มผู้เป็นยายเสียฟอดใหญ่ และลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที...

    “ ผมอิ่มแล้วครับ วันนี้ต้องขอตัว อ้อ! แล้วก็ไม่ต้องถามผมนะครับว่าไปไหน  ความลับไม่บอก  ไปนะครับแอน ” ชายหนุ่มหันมายิ้มให้ผู้เป็นยายที่เตรียมจะเอ่ยปากถามอย่างอยากรู้ ก่อนจะเดินลิ่วไปหน้าบ้านก่อนที่ผู้เป็นยายจะได้ยินเสียงขับรถออกจากบ้านไปทันที

    “ คุณท่านคะ วันนี้คุณเชคดูแปลกๆนะคะ ปิ่นว่า ถ้าจะไปหาสาวแน่เลย ” แม่บ้านพูดขึ้นขณะกำลังยกถ้วยกาแฟเพื่อไปล้าง

    “ นั่นนะซิ ฉันก็ว่ามันแปลก แต่ก็ช่างเถอะหลานฉันโตแล้ว รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร ดีซิหากฉันจะได้หลานสะใภ้เป็นคนไทย ” คุณอรอนงค์เดาสุ่มไปต่างๆนาๆตามที่เข้าใจ และที่สำคัญ หากรู้ล่วงหน้าว่าสิ่งที่เธอเดาไว้วันนี้วันข้างหน้ามันจะเป็นจริงตามที่เธอคาดเดาไว้จริงๆ เธอจะดีใจหรือไม่นะ...อยากรู้จัง

    ชายหนุ่มมารอหญิงสาวก่อนนัดเกือบชั่วโมง  เขาดูตื่นเต้นในการนัดในครั้งนี้เล่นเอาเขาก็แปลกใจเหมือนกันไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยนัดสาวเดตเลยที่เมืองนอกเขาควงสาวเป็นว่าเล่น เพราะใครๆก็ต้องการให้เขาควงทั้งนั้น แต่ว่าวันนี้กลับกันตรงที่มันไม่ใช่การนัดเดตแต่ทำไมเขาจึงดูตื่นเต้นเป็นพิเศษแบบนี้คิดแล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้

    “ จะบ้าเหรอเรา ทำเป็นไม่เคยไปได้ ” เขาสบถกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะนั่งมองผู้คนที่เดินผ่านเขาไปมาในขณะที่เขานั่งนิ่งอยู่ตรงเก้าอี้ในสวนสาธารณะคนเดียว และไม่มีใครเลยสักคนที่จะไม่เหลียวหลังกลับมามองเขาเมื่อเดินผ่านชายหนุ่ม  เนื่องจากความหล่อเหลาของเขานี่เอง  จนต้องตกเป็นจุดสนใจของสาวๆที่เดินผ่านเขาไป  บ้างก็หันกลับมาส่งสายตาให้อย่างเปิดเผยและแสดงออกว่าอยากรู้จักและอยากเข้ามาทักทายด้วย  แต่แปลกที่ชายหนุ่มไม่เล่นด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่เมืองนอกนะเขาต้องบริหารเสน่ห์ความเป็นชายเขาแน่นอน แต่นี่ความรู้สึกแบบนี่มันหายไปไหนหมดนะ แปลกใจตัวเองจริงๆ แต่ก่อนที่จะค้นหาคำตอบในเรื่องที่สงสัย พลันสายตาก็หันไปสะดุดกับร่างบางที่เดินตรงมาทางที่เขานั่งอยู่ เขาแทบจะลุกขึ้นทันทีจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เล่นเอาแทบหัวคะมำ ดีที่ยังทรงตัวได้อยู่  ไม่งั้นเขาต้องขายหน้ามากๆ

    “ สวัสดีค่ะคุณเชค รอนานไหมคะ ” หนูเล็กเดินมาถึงที่ชายหนุ่มยืนรออยู่ก่อนจะทักทายขึ้น

    “ เอ่อ ไม่นานครับ ” เขายิ้มให้ก่อนจะมองดูหญิงสาวที่วันนี้แต่งตัวสวยงาม แม้จะอยู่ในชุดกางเกงเข้ารูปเหมาะกับตัวก็ตาม แต่ในสายตาก็ดูน่ารักไปหมด

    “ เอ่อ คือนี่เพื่อนฉันเอง ยัยนุ่ม นุ่มจ๊ะนี่คือคุณเชคหรือคุณเชก้า คนที่ฉันเล่าให้ฟังไง ”

    “ สวัสดีค่ะ ยินดีที่รู้จัก แหมคุณหล่อกว่าที่หนูเล็กบรรยายไว้เลยค่ะ ” นุ่มพูดขึ้นอย่างปลื้มๆ ที่วันนี้ได้ควงชายหนุ่มหล่อเที่ยวอีกแถมเป็นลูกครึ่งเสียด้วย  คนอะไรหล่อบาดใจมากๆๆ

    “ ยินดีที่รู้จักเช่นกันครับคุณนุ่ม ” ชายหนุ่มยื่นมือมาจับมือตามธรรมเนียมฝรั่ง เล่นเอานุ่มอวยม้วนไปเลย

    “ ด้วยความยินดีค่ะ ” หนูนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยอาการเอียงอาย

    “ แล้ววันนี้จะพาพวกเราไปไหนคะ ” หนูเล็กถามจุดประสงค์ของชายหนุ่มที่ชวนพวกเธอมาวันนี้

    “ ผมอยากชวนลีญ่า ไปวัดพระแก้ว  ผมเคยอ่านเจอในหนังสือว่าเป็นสถานที่โบราณสถานที่สวยงามและศักดิ์สิทธิ์มากๆ ครับ ” ชายหนุ่มพูดขึ้น

    “ คุณยังไม่เคยไปเหรอคะ ” หนูนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยเพราะจากที่คุยกับหนูเล็กเห็นว่าชายหนุ่มมาอยู่เมืองไทยก็เกือบเดือนแล้วไม่น่าจะไม่เคยแวะเข้าไปกราบนมัสการสักที

    “ ผมเคยไปครั้งหนึ่งกับแอนนะครับ ติดใจอยากไปอีกครั้งหนึ่ง ” ชายหนุ่มเฉลยให้ฟังก่อนจะหันมายิ้มละลายใจเล่นกับหนูนุ่มอายม้วนไปเลย คนอะไรยิ้มสวยแถมหล่อบาดใจอีกด้วย นี่ถ้าได้เป็นแฟนเดินควงแขนด้วยทุกๆคนคงอิจฉาแน่ๆ...แต่ว่าอย่างน้อยวันนี้ได้เดินเที่ยวเป็นเพื่อนก็นับว่าเป็นบุญของหนูนุ่มแล้วฮิๆๆๆ...ยิ้มอย่างดีใจคนเดียว

    “ นี่! นุ่มเป็นไรยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว มีเรื่องอะไรดีเหรอ ” หนูเล็กหันมากระซิบเบาๆกับเพื่อนข้างขณะที่ชายหนุ่มออกเดินนำไปที่รถเก่งคันหรูที่จอดชิดอยู่ริมไหล่ทาง

    “ ปละ เปล่าเสียหน่อยฉันก็แค่ เอ่อ อดปลื้มไม่ได้ที่มีหนุ่มหล่อชวนเที่ยวนะซิจ๊ะหนูเล็ก คนนี้ฉันขอจองได้ปละ ” หนูนุ่มหันมากระซิบกับหญิงสาวเบาๆ

    “ นี่! แล้วทำไมต้องมาขอฉันละ ฉะ..ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขาซักหน่อย ” หนูเล็กเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าจริงจังขึ้น

    “ ฮ่าๆๆ แน่นะอย่ามาทวงคืนละ  ฉันไม่ยอมด้วยละจะเพื่อน ” หนูนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มๆให้ก่อนจะรีบเดินไปหาชายหนุ่มทันที ปล่อยให้หญิงสาวได้แต่ยืนอึ้งเล็กน้อย ด้วยความสับสนในใจตัวเอง ทำไมมันรู้สึกเจ็บแปล๊บเวลาที่ได้ยินว่าเพื่อนเธอจะขอชายหนุ่มเป็นแฟน ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน...

    “ เร็วครับ ลีญ่า แดดเริ่มร้อนแล้วรีบมาขึ้นรถเถอะครับ ” ชายหนุ่มตะโกนขึ้นด้วยความเป็นห่วง

    “ นุ่มขอนั่งด้านหน้านะคะคุณเชค เพราะนั่งด้านหลังแล้วจะเมารถ ” หนูนุ่มรีบชิงขอนั่งด้านหน้าขึ้นก่อนที่จะเห็นชายหนุ่มเปิดประตูให้เพื่อนเธอเข้ามานั่งคู่ ทำให้ทั้งชายหนุ่มและหนูเล็กชะงักทันที ก่อนจะหันมามองกันเก้อๆ

    “ ให้นุ่มนั่งด้านหน้าเถอะค่ะ ฉันนั่งด้านหลังเอง เพราะดีเสียอีกนุ่มรู้เส้นทางดีกว่าฉัน จะได้บอกเส้นทางให้ได้  ” หญิงสาวพูดขึ้นก่อนจะเปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่งด้านหลังแทน ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังแอบถอนใจเบาๆอย่างเสียดายไม่ได้ ที่ดูจะผิดตามที่คาดไว้...แต่ก็เอาเถอะวะอย่างน้อยเธอยอมมาเที่ยวด้วยก้ดีแล้ว โอกาสหน้ายังมี เขาได้แต่ปลอบใจตัวเองเบาๆ ก่อนจะก้าวขึ้นมาประจำที่คนขับและเคลื่อนรถยนต์คันหรูออกจากที่นั่นทันทีเพื่อมุ่งไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้

    และตลอดเส้นทางนั้นนุ่มจะเป็นฝ่ายชวนชายหนุ่มคุยตลอดเส้นทาง โดยที่เขาเป็นฝ่ายฟังที่ดี  ส่วนหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังจะเป็นฝ่ายเงียบ  สายตามองออกไปด้านนอกตัวรถ เขาลอบมองหญิงสาวทางกระจกส่องด้านหลังหวังเพียงให้เธอหันมาสบตาสักครั้ง แต่ก็ไม่มีผล...เฮ่อ! นี่เธอไม่สนใจเราเลยหรือไงนะ..แต่ก็ดีอะไรที่มันได้มายากมันยิ่งเป็นความท้าทายสำหรับเขา เพราะเขาไม่เคยมีใครๆที่ปฏิเสธในความหล่อเหลาและความร่ำรวยของเขา แต่นี่หญิงสาวด้านหลังเป็นคนแรกที่ไม่ตื่นเต้นไปกับความหล่อและความร่ำรวยของเขา

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×