ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฤา...เป็นเพราะฟ้าลิขิต

    ลำดับตอนที่ #2 : โจทก์เก่า

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 54


     

    “ อ้าวคุณหนูใบปอ มาทำอะไรตรงนี้ครับ ” ลุงคนสวนบ้านคุณยายสุรีโผล่หน้ามาจากไหนไม่รู้อยู่ตรงริมรั้วตรงที่เด็กสาวยืนเกาะรั้วอยู่ จนทำให้ใบปอตกใจเพราะจู่ๆ แกเล่นโผล่หน้าขึ้นมา

                    “ คุณลุง! เล่นเอาหนูตกใจหมดเลย โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง  ” หัวใจแทบวาย ดีที่ไม่ใช่คนขวัญอ่อน ใบปอคิดก่อนจะยื่นใบหน้าเนียนใสไปให้ชิดรั้วอีกครั้ง

                    “ คุณลุง ที่บ้านคุณยายมีงานเลี้ยงอะไรกันเหรอคะ รถจอดเยอะแยะเลย ” ใบปอทำสีหน้าฉงนพลางขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

                    “ อ๋อ! คุณต้นมาครับคุณหนูใบปอ  เห็นคุณสุรีบอกว่าเพิ่งจบกลับมาจากนอกเสียด้วย เลยพาเพื่อนๆ แวะมาเที่ยวบ้านสวนกัน โอ้โห! มีแต่สวยๆ หล่อๆ กันทั้งนั้น โดยเฉพาะคุณต้น หล่อขึ้นเป็นกอง ” ลุงคนสวนเอ่ยชมหลานเจ้านายด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ ไม่ทันสังเกตุใบหน้าเด็กสาวที่ทำปากเบ้อย่างไม่เห็นด้วย ไอ้เด็กโข่งนั่นนะเหรอหล่อขึ้นจม ขี้เต๊ะละไม่ว่า นึกก่นด่าชายหนุ่มในใจ

    “ ว่าแต่คุณใบปอ ข้ามไปทักทายคุณต้นไหมละครับ เห็นคุณยายบ่นว่าหมู่นี้ไม่เห็นหน้าเลย ” คุณลุงชวนคุย ขณะก้มลงปลุกต้นไม้ต่อข้างรั้ว

                    “ ไม่ดีกว่า หนูไม่ว่าง ว่าแต่ลงต้นไม้อะไรคะ หอมจัง ” เด็กสาวสงสัยเมื่อเห็นดอกอะไรไม่รู้ส่งกลิ่นหอม

                    “ อ้อ! ดอกแก้วครับคุณหนู คุณต้นซื้อมาฝากคุณท่าน เห็นว่าชอบ  ผมก็เลยรีบเอาต้นมาลงดินให้ ” คุณลุงบอกใบปอขณะมือยังสาละวนกลบดินลงหลุมให้เรียบร้อยก่อนยกขันตักน้ำจากถังรดลงไปที่ต้นไม้ที่ปลูกเสร็จ

                    “ งั้นหนูไปละจ๊ะลุง ” ใบปอบอกขึ้นขณะหันลงกลับออกเดินกลับไปยังตัวบ้านทันที โดยที่ไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่ตำแหน่งที่ใบปอยืนคุยกับคุณลุงเมื่อกี้

                    “ ลุงชม เมื่อกี้ยืนคุยกับใครเหรอ ” ต้นตะวันถามขณะเดินออกมารับอากาศยามบ่ายๆ รอบๆ บ้านสวน ซึ่งทำให้รู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่ได้กลับมาที่บ้านสวนของคุณย่า  โดอยให้เพื่อนๆ ได้พูดคุยกับคุณย่าข้างใน

                      อ๋อ ! คุณหนูใบปอครับ คุณต้นจำเธอได้ไหม ลูสาวคนเล็กของคุณปลัดจันทร์เกษม ” ลุมชมบอกขึ้น

                    “ ยัยใบปอที่ตัวแคระแกร็น ลิงทะโมนที่วันๆ ชอบป่ายปีนต้นไม้นะเหรอ ” ชายหนุ่มนึกทวนความจำเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อว่าเด็กหญิงที่เขาเคยค่อนขอดสมัยก่อน จะโตขึ้นเปลี่ยนไป ทั้งๆที่เห็นหน้าไม่ชัดนักเพราะระยะทางที่ชายหนุ่มมองจากหน้าบ้านไปที่รั้วบ้านห่างไกลไป  แต่ก็พอมองออกว่าเด้กสาวที่เห็นดูเค้าโครงเปลี่ยนไปมากดูรูปร่างสูงบางขึ้นจากเดิม  ทั้งๆที่ยังโตไม่เต็มที่ หากโตกว่านี้จะเป็นอย่างไร บ้าน่าทำไมเขาจึงได้จินตนาการไปไกลขนาดนี้นะ

                    “ ว่าต้นคุณต้นครับ คราวนี้จะมาอยู่นานกี่วันละครับ  ” ลุงชมถามขึ้นด้วยใบหน้าปลาบปลื้มในความไม่ถือด้วยของชายหนุ่ม

                    “ ก็กะว่าอาทิตย์หนึ่งนะลุงชม เพราะเพื่อนๆอยากมาเที่ยวบ้านสวนก่อนที่จะกลับไปเริ่มลุยงานกันสักที ” เขาพูดคุยอย่างสนิทสนม  เพราะลุงชมเป็นคนเก่าแก่ของบ้านคุณย่า ที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ

    “ คุณท่านทั้งสองสบายดีหรือเปล่าครับ ลุงคิดถึงไม่เห็นแวะมาเยี่ยมนานพอๆกับคุณต้น ” ถามถึงบิดามารดาเขาหลังที่ไม่เจอนานแล้ว

                    “ ท่านสบายดีครับ พอดีช่วงนี้ท่านงานยุ่ง ไม่ค่อยว่างๆ ก็คงรอผมกลับไปรับช่วงต่อมั๊ง ช่วงนี้จึงขอเที่ยวให้สนุกก่อนที่จะกลับไปทำงานไงครับ ” ชายหนุ่มกล่าวติดตลกอย่างไม่จริงจังนักเมื่อนึกถึงมารดาเขาที่ตั้งตารอให้เขาเรียนจบเพื่อไปรับตำแหน่งต่อจากบิดาเขาเสียที จะได้ปลดระวางและยกตำแหน่งให้บุตรชายรับช่วงต่อเสียที แต่เขาก็ประวิงเวลามาเรื่อยๆ จนเรียนจบปริญญาโทจากอังกฤษ คงไม่สามารถปฏิเสธได้อีกแล้ว เมื่อกลับไปกรุงเทพฯ

    “ พี่ต้นอยู่นี่เอง  พิมหาจนทั่ว ” เสียงพิมดาว ทักด้านหลังขระที่เขากำลังเดินเล่นอยู่สวนหลังบ้าน หลังผละมาจากลุงชมได้สักครู่ใหญ่

    “ อ้าวน้องพิม  แล้วคนอื่นๆ ละครับ  ” เขาทักทายขึ้นเมื่อเห็นพิมดาวเดินรี่มาหาเขาก่อนที่จะส่งสายตาอย่างอ่อนหวานให้

                    “ อยู่ข้างในบ้านกับคุณย่าค่ะ เห็นพี่ต้นแอบออกมาตั้งนาน พิมเลยอาสามาตาม ” หญิงสาวกล่าวอย่างมีจริต ก่อนที่จะส่งสายตาอันมีความหมายให้ โดยที่ร่างสูงก็พอนึกรู้ว่า พิมดาว  น้องสาวของพิเศก  เพื่อนรักเขาแอบหลงรักเขาตั้งแต่อยู่ที่เมืองนอกโน้น เพราะช่วงที่เขาไปเรียนโทที่ Cambridge University  เผอิญรู้จักกับพิเศก ที่ไปเรียนที่โน้นเหมือนกัน  และได้อยู่ห้องพักคู่กันจึงสนิทกันเร็ว เพราะเห็นเป็นคนไทยในต่างแดนด้วย ตอนที่เขาตามเพื่อนไปเยี่ยมน้องสาวที่อยู่อีกมุมหนึ่งของลอนดอนได้รู้จักพิมดาวที่ไปเรียนปริญญาตรีที่โน้นเช่นกัน หลังจากนั้นเธอก็มักจะหาโอกาสแวะมาเยี่ยมเยียนพี่ชายบ่อยๆ แต่จุดประสงค์ที่มาก็เพราะอยากหาโอกาสมาใกล้ชิดชายหนุ่มนั่นเอง แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธว่าพิมดาวนั้นเป็นคนสวย หน้าตาดีคนหนึ่ง ไม่ด้อยไปกว่าหญิงสาวทั่วๆไป โดยเฉพาะถ้าเทียบกับหญิงสาวชาวอังกฤษที่โน้น ทำให้เขามักจะยอมไปไหนมาไหนด้วยในช่วงที่หยุด Summer  โดยครอบครัวของพิเศกและพิมดาว คุณพ่อคือนายพิศาล เป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงทางภาคเหนือ มีกิจการโรงงานมากมายโดยเฉพาะกิจการสิ่งทอผ้าไหมที่มีชื่อติดอันดับ ส่งออกทั้งในประเทศและนอกประเทศทั่วโลกด้วย


     

    “ เป็นไงบ้างครับน้องพิมบ้านสวน พออยู่ได้ไหม ” ชายหนุ่มออกเดินขณะตรงเข้าบ้านเพื่อไปสมทบกับเพื่อนๆ ภายในบ้าน

                    “ บ้านสวนพี่ต้นน่าอยู่มากเลยค่ะ เงียบสงบ บรรยากาศก็ดีมากเลย และเมื่อกี้พิมเห็นเรือพายที่ท่าน้ำด้วย ” หญิงสาวมองออกไปที่ท่าน้ำ อีกด้านของพื้นที่บ้านสวน

                    “ อ๋อ ตอนเด็กพี่แอบไปกระโดดเล่นน้ำกับเด็กๆแถวนี้ประจำครับ เดี๋ยวเอาไว้พรุ่งนี้บ่ายๆ พี่จะชวนทุกคนไปพายเรือเล่นกัน ” ชายหนุ่มเอ่ยชวน ก่อนที่จะถึงประตูบ้านพอดี และมองเห็นทุกคน พิเศก  ดนัย  มารุต และ ขวัญชนก นั่งคุยกับคุณย่าขออยู่ที่ห้องรับแขกอย่างออกรส

                    “ อ้าวต้น ฉันนึกว่าน้องดาวไปตามนายถึงกรุงเทพฯโน้นวะ เพราะหายเงียบไปเป็นนานทั้งคนตามและคนถูกตาม ” ดนัยเพื่อนเขาอีกคนกล่าวหยอกล้อขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มๆอย่างมีเลสนัย เพราะทุกคนรู้ๆว่าพิมดาวแอบรักเขาแต่ติดตรงที่ว่าเพื่อนเขาจะรักหญิงสาวหรือไม่เท่านั้น เพราะท่าทีเขาไม่แสดงออกให้เพื่อนๆเขาแน่ใจเลย เพราะตั้งแต่ต้นจนบัดนี้เขาก็ยังท่าทีเหมือนเดิม จะมีแต่พิมดาวเท่านั้นที่แสดงท่าทีให้รู้จนออกนอกหน้าเสมอ

                    “ เอ่อ เผอิญพาน้องพิมเดินดูอะไรเรื่อยเปื่อยไปหน่อย ว่าแต่พรุ่งนี้มีโปรแกรมเที่ยวหรือยัง ว่าอยากไหนไหนกัน ” ชายหนุ่มถามขณะทรุดนั่งข้างๆ คุณย่าเขา

                    “ พอดีคุณย่า ชวนไปทำบุญตักบาตรตอนเช้า ” ขวัญชนกบอกแผนการพรุ่งนี้

                    “ ก็ดีนะ เพราะพวกเราจะได้ไปไหว้พระขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล ก่อนที่จะได้เริ่มทำงานกัน ” ชายหนุ่มเห็นดีด้วยก่อนหันไปยิ้มอย่างประจบคุณย่าข้างๆ

                    “ ว่าแต่คุณย่าครับ พรุ่งนี้คุณย่าจะไปกับพวกเราไหม ” ชายหนุ่มถามคุณสุรี

                    “ อย่าเลยลูก..ย่าแก่แล้ว หนุ่มๆสาวๆ ไปเที่ยวกันเถอะ พ่อต้นก็พาเพื่อนๆ ไปเที่ยวที่สวนซิจ๊ะหรือไม่ก็ไปดูตลาดน้ำตอนเย็นกันก็ได้  ” คุณย่าออกความเห็น

                    “ ก็ดีครับ งั้นเดี๋ยววันนี้ทุกคนตามสบายนะ อยากได้อะไรเพิ่มก็บอกเด็กๆในบ้านก็แล้วกัน ไม่ต้องเกรงใจ ” เขาบอกเพื่อนๆ ก่อนที่หันมาพูดคุยกับคุณย่าสุรีในเรื่องราวต่างๆ ทั้งสมัยเด็กและเรื่องราวที่ไปใช้ชีวิตยังต่างแดนให้ฟัง

    รุ่งเช้าทุกคนก็ได้มาทำบุญตักบาตรกันที่วัดละแวกใกล้บ้านสวนที่ทุกคนต่างมาสักการะบูชาและมาอธิฐานขอพรเพราะเห็นว่าเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ใครขอพรแล้วมักจะประสบความสำเร็จตามที่ขอเสมอ จึงมีผู้คนแห่แหนมาทำบุญมากมายทั้งที่อยู่ใกล้และไกล

    “ เช้าๆอย่างนี้คนยังไม่มาก พ่อต้นกับเพื่อนๆจะได้ไม่ต้องเบียดเสียดกันมาทำบุญ ” คุณย่าสุรีบอกขณะเดินมาถึงบริเวณลานวัดที่ในช่วงเช้าคนยังไม่มาก อากาศยามเช้ากำลังดี ทำให้ต้นตะวันรู้สึกสดชื่นแจ่มใส เพราะนานมากแล้วที่เขาไม่เคยเข้าวัดทำบุญเลย จำได้เคยตามคุณย่ามาทำบุญสมัยเด็กๆ นั่นก็นานมากแล้วและเป็นครั้งสุดท้ายก็ว่าได้ที่เขาเข้าวัด ซึ่งอาจจะดูเป็นเรื่องแปลกหรือเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่คนสมัยใหม่ไม่รู้จักเข้าวัดทำบุญ ยิ่งคนในกรุงเทพฯยิ่งแล้วใหญ่แทบจะไม่ต้องพูดถึงเพราะต่างก็เร่งรีบไปทำงาน หาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องกันเรื่องเข้าวัดจึงดูห่างไกลนักในสังคมยุคเศรษฐกิจที่นับถือเงินเป็นพระเจ้าใครรวยมากยิ่งดีมีคนนับหน้าถือตา ไม่เหมือนสังคมชนบทหรือสังคมต่างจังหวัดที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ด้วยไมตรีจิต บางครั้งต้นตะวันก็รู้สึกเบื่อหน่ายวุ่นวายเหมือนกัน แต่ด้วยหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบทำให้เขาต้องทำตัวให้กลมกลืนกับสังคมเหล่านั้น แต่เมื่อมีเวลาว่างเขาจะถือโอกาสแวะมาที่บ้านสวนประจำ

    “ อ้าวคุณยายสุรี สวัสดีค่ะ ” เสียงทักทายจากด้านหลังทำให้ทั้งคุณสุรและต้นตะวันหันกลับไปมองตามต้นเสียงก็พบว่ามีสตรีวัยกลางคนหน้าตาดี ยิ้มแย้มแจ่มใสดูเค้าว่าสมัยสาวๆ คงจะสวยน่าดูเพราะนี่ขนาดว่าอายุน่าจะประมาณสี่สิบต้นๆกระมังยังดูดีอย่างนี่ ชายหนุ่มรู้สึกคุ้นๆหน้าจัง และถัดไปด้านหลังก็พบเด็กสาวคนหนึ่งรูปร่างสูงบางตาคมโต มองมาอย่างเอาเรื่องแปลกจังทำไมเขาคุ้นๆหน้าอีกแล้ว และยังอีกเด็กหนุ่มสองคนที่ถือปิ่นโตอยู่ข้างๆ ดูแล้วคล้ายบอดี้การ์ดอย่างนั้นละ

    “ อ้าวคุณเดือน สวัสดีจ๊ะบังเอิญจังมาทำบุญด้วยเหรอจ๊ะ ” คุณสุรีรับไหว้สองแม่ลูกที่เดินเข้ามาทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ทั้งสอง ก่อนที่จะทักทายด้วยอย่างคนคุ้นเคย

    “ ว่าไงเราหนูใบปอ ไม่ได้มาหายายนานเลยนะหมู่นี่ ” คุณสุรีเหลือบมาทางเด็กสาวที่วันนี้แต่งตัวอย่างเรียบร้อย กระเป๋าสีขาวยาวเลยเข่ากับเสื้อสีชมพูแขนตุ๊กตาดูน่ารักและอ่อนหวานไปอีกแบบ แต่คนใส่ดูจะไม่ค่อยพอใจในการแต่งตัวสักเท่าไหร่ ทำให้คุณสุรีอดหัวเราะขึ้นไม่ได้

    “ โดนใครบังคับให้แต่งตัวละซิ ” คุณยายแซวขึ้นเพราะนึกรู้ว่าเด็กสาวไม่ค่อยชอบใส่กระโปรงแบบนี้ก่อนจะหันมาพูดกับชายหนุ่มข้างๆและเพื่อนๆเขา

    “อ้อ! ย่าลืมไป พ่อต้นจำคุณเดือนได้ไหม ที่อยู่ข้างบ้านเรานะ บ้านคุณปลัดจันทร์เกษมไงละ ส่วนนี่หนูใบปอตอนเด็กๆคงจำได้ที่ชอบปีนรั้วมาหาย่าประจำ ส่วนโน้นโหน่งกับปิงสมุนสองคน แหมยังตามกันเหมือนเดิมนะ    ” คุณยายพูดกระเซ้าสองคนที่ยังคงจงรักภักดีตลอดเหมือนเป็นเงาตามตัวตลอด จนเด็กหนุ่มทั้งสองมีท่าทางอายๆ ขณะฟังคุณสุรีพูดเปรียบเปรยทั้งสอง

    “ สวัสดีครับ ผมจำคุณอาได้ครับ คุณอาไม่เปลี่ยนเลยครับ  ” ต้นตะวันยกมือไหว้ เมื่อพอจะนึกออกบ้างแล้วที่ตอนเขามาที่บ้านสวนสมัยก่อน คุณเดือนและสามีเคยมาไหว้คุณย่าเขาเมื่อช่วงปีใหม่และเอาของขวัญมาให้ด้วย แต่เขาก็ไม่ค่อยจะคุ้นเคยมากนัก และเมื่อหันมาทางเด็กสาวที่ยืนตรงหน้าข้างๆคุณเดือน เขาก็ต้องสะดุจสายตาตรึงความรู้สึกให้จ้องมองดั่งต้องมนต์กับดวงตาคมโตใสกระจ่างที่จ้องมองมา...ยอมรับว่าเด็กสาวตรงหน้ามีดวงตาที่สวยงามมาก มันดูกระจ่างใส ดั่งลูกแก้วแวววาวสว่างไสวและมีความหวานในดวงตาทั้งสองคู่  อีกทั้งใบหน้ารูปไข่หน้าผากมนเนียนใสไร้สิวฝ้า  คิ้วเรียวโค้งรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางอิ่มสีชมพูระเรื่อ ชวนหลงใหลและน่าสัมผัสไล้เล่น โดยเฉพาะเรือนผมยาวดำขลับที่ปล่อยสยายเคลียไหล่ทั้งสองข้างดูนุ่มหนาชวนสัมผัสความนุ่มลื่นนั้น  ยิ่งดูใกล้ๆ อย่างนี้ยิ่งสวยและน่ารักอย่างกับคนละคนกันในวัยเด็กเลย  ไม่น่าเชื่อว่าเด้กสาวแคระแกร็น ในวัยเด็กจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้...เขาได้แต่คิดเปรียบเทียบในใจขณะจ้องมองแต่กลับเห็นเด็กสาวจ้องตอบพร้อมถลึงตาให้อย่างไม่เป็นมิตร จนทำให้ชายหนุ่มอดที่จะรู้สึกขำไม่ได้

    “ เอ่อ! นี่เพื่อนๆ ผมครับ มาจากกรุงเทพฯอยากมาเที่ยวที่บ้านสวน ” เขาหันมาแนะนำเพื่อนๆ ให้รู้จักคุณเดือน

    “ สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมีหนุ่มๆสาวๆอยากมาบ้านสวนกันสักเท่าไหร่หรอกค่ะเพราะไม่มีอะไรน่าดู เพราะมีแต่สวน ท้องร่อง และก็วัดเป็นส่วนใหญ่ ” คุณเดือนกล่าวอย่างแปลกใจที่กลุ่มหนุ่มสาวกลุ่มนี้อยากมากัน

    “ พวกผมดีใจเสียอีกครับที่ได้มาเที่ยวแบบนี้ เพราะดูเงียบสงบน่าอยู่ เหมือนที่เชียงใหม่ เอ่อผมเป็นคนเชียงใหม่ครับและนี่พิมดาวน้องสาวผม ” พิเศกกล่าวขึ้นก่อนแนะนำพิมดาวน้องสาวเขาให้รู้จักอีกครั้ง และหันมาส่งยิ้มให้ใบปอที่ยืนด้านข้างคุณเดือนเพราะรู้สึกถูกชะตาในความน่ารักของเธอ

    “ ย่าว่าเข้าไปด้านในกันเถอะจ๊ะ ไปเด็กๆ จะได้ทำบุญกัน เดี๋ยวสายแดดร้อน ” คุณสุรีพูดขึ้นก่อนที่ทุกคนจะทยอยเดินเข้าไปด้านในศาลา  เพราะเริ่มมีผู้คนมาทำบุญกันเรื่อยๆ บ้างแล้ว

    “ วัดที่นี่สวยงามนะครับ ดูร่มรื่นและเงียบสงบดี ”  พิเศกเอ่ยขึ้นหลังเดินมาหยุดยืนที่ด้านหลังใบปอขณะที่เธอออกมาด้านนอก หลังทำบุญเสร็จแล้ว

    “ สวัสดีครับ ผมพิเศก เพื่อนต้นตะวันครับ  ” ชายหนุ่มตรงหน้าแนะนำเด็กสาวขึ้นอย่างเป็นมิตร หลังเดินมาพบเด็กสาวนั่งเล่นรอผู้เป็นมารดาโดยที่สมุนสองคนกำลังช่วยพระเก็บข้าวของต่างๆที่คนอื่นๆมาทำบุญเข้าไปเก็บไว้ ซึ่งก็เป็นปกติที่โหน่งกับปิงจะคุ้นเคย เนื่องจากคุณเดือนจะพามาที่วัดบ่อยๆ ทำให้เพื่อนสองคนของใบปอชอบทำบุญและตามมาวัดบ่อยๆ ผิดกับใบปอถ้าไม่บังคับให้ตื่นแต่เช้าคงไม่มาหรอก แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ชอบทำบุญนะ แต่เป็นคนที่ขี้เกียจตื่นเช้าๆแบบนี้

    “ สวัสดีค่ะ ” ใบปอยกมือไหว้อีกครั้ง หลังพอจะจำหน้าได้ แต่จำชื่อไม่ได้นั่นเอง เพราะมีหลายคนในกลุ่ม

    “ เอ่อ! ไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับ  ผมขอแทนว่าพี่ได้ไหมครับเพราะน้อง..เอ่อคงอายุห่างกันหลายปี ..ขอเรียกน้องใบปอได้ไหมครับ ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเป็นมิตร จนใบปอรู้สึกดีด้วย  จะว่าไปแล้วชายหนุ่มตรงหน้าก็ดูดี หน้าตาขาวสูง ตาไม่ตี๋อย่างคนเหนือ กลับคมเข้มออกไปทางฝั่งยุโรปเสียอีก หญิงสาวยิ้มตอบให้

    “ ยินดีค่ะ  ว่าแต่พวกพี่ๆ มากี่วันคะ ” ใบปอชวนคุยเพราะเห็นว่าคงอีกนานที่มารดาจะกลับ เพราะมีเพื่อนคุยที่ถูกใจอย่างคุณยายสุรียิ่งอีกนานเลยละ เธอจึงขอตัวเลี่ยงออกมาก่อน อยากเดินดูอะไรเพลินๆ สักหน่อย นี่กะจะไปเสี่ยงเซียมซีเสียหน่อยแต่รอให้คนน้อยลงก่อน

    “ ว่าแต่พี่ทำไมจึงออกมาด้านนอกละคะ เพื่อนๆ ละไปไหนกันหมด ” ใบปอถามด้วยความแปลกใจที่เห็นเขาเดินออกมาคนเดียว

    “ อ๋อ! พอดีเพื่อนๆ ตามนายต้นไปสักการะขอพรด้านโน้นครับ พี่ขี้เกียจตามไป คนเยอะเลยขอตัวเดินดูอะไรคนเดียวหน่อย ไม่นึกว่าจะได้เจอน้องใบปอที่นี่ ” ชายหนุ่มตอบด้วยใบหน้ายิ้มๆ

    “ ว่าแต่น้องใบปอมาทำบุญทุกวันหรือครับ ” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัยและแปลกใจที่เด็กสาวชอบมาทำบุญมากกว่าไปเที่ยวเล่นตามห้างดังอย่างคนกรุงเทพฯที่ส่วนใหญ่เป็นกัน

    “ เปล่าค่ะ ปกติใบปอไม่ชอบตื่นเช้าเท่าไหร่ และนานๆจะมาทำบุญบ้าง แต่ที่มาวันนี้เพราะคุณแม่อยากให้มาทำบุญก่อนจะไปเรียนนะค่ะ ” ใบปอกล่าวถึงเหตุผลที่มาทำบุญวันนี้ให้ชายหนุ่มฟัง

    “ อ้าว! หรอกเหรอครับแล้วน้องใบปอเรียนที่ไหนครับ ” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัยเพราะดูท่าทางไม่น่าจะเรียนระดับปริญญาแล้วเพราะใบหน้าเด็กสาวดูเด็กกว่าอายุจนคิดว่ายังเรียนระดับมัธยมเสียมากกว่า และเมื่อเด็กสาวบอกมหาวิทยาลัยที่สอบได้ก็ยิ่งทึ่งที่สามารถสอบเข้าได้ เพราะถ้าไม่แน่จริงพอตัวจึงจะสามารถสอบเข้าได้

    “ แสดงว่าน้องใบปอต้องเก่งพอตัวนะครับ จึงสามารถสอบเข้าได้ อย่างน้องสาวพี่นะสอบเข้าไม่ได้เลยทั้งๆที่ทางบ้านมุ่งหวังอยากให้เรียนที่นั่นอย่างมากเมื่อพลาดโอกาสไป  คุณพ่อพี่จึงต้องส่งไปเรียนที่เมืองนอกแทน ” เขาเอ่ยถึงพิมดาวที่เป็นคนเรียนไม่เก่งอะไรเลย ดีแต่ฐานะทางบ้านดีคุณพ่อจึงยอมเสียเงินให้ไปเรียนต่อที่เมืองนอกแทนจะได้มีปริญญากับเขาบ้างอย่างน้อยดีกรีนอกคงดูดีกว่าหน่อยจบออกมาจะได้ช่วยพัฒนากิจการโรงแรมบ้าง

    “ แหม ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ใบปอไม่เก่งเหมือนพี่ป่านหรอก อ้อพี่สาวของใบปอค่ะ รายนั้นนะเก่งตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เรียนที่ไหนก็ได้ทุนเรียนฟรีตลอด สวยก็สวย เก่งก็เก่ง  ใบปอยังอิจฉาเลย ” พูดถึงพี่สาวด้วยความชื่นชม

    “ พูดแบบนี้ทำให้พี่อยากเห็นหน้าเสียแล้วซิครับ ” ชายหนุ่มพูดติดตลกเพราะเห็นเด็กสาวพูดถึงด้วยความชื่นชมอย่างจริงใจ อดที่จะอยากรู้จักขึ้นมาว่าจะสวยขนาดไหน นี่น้องสาวยังสวยขนาดนี้พี่สาวละจะสวยขนาดไหน แต่ที่แน่ๆ เขารู้สึกชอบเด็กสาวตรงหน้าเสียแล้วเพราะได้พูดคุยด้วยแล้วรู้สึกมีความสุขและอยากอยู่ใกล้แบบนี้ เขารู้สึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันเพราะทำไมมารู้สึกชอบในเด็กสาวที่วัยห่างกันอย่างมากแบบนี้ หากใครๆรู้คงหัวเราะเขาตายเลยว่าโคแก่อยากกินหญ้าอ่อน แต่อายุก็ไม่ได้ดูห่างกันมากนี่หว่าแค่ประมาณหกปีเอง เขานึกแย้งในใจ

    “ พี่ไปเสี่ยงเซียมซีกัน เข้าไปไหมคะ ” เสียงเด็กสาวเอ่ยชวน จนทำให้เขาสะดุ้งตื่นจากภวังค์เพราะมัวคิดอะไรเพลิน ก่อนจะหันมาพยักหน้าก่อนเดินตามเด็กสาวเข้าไปด้านใน และนั่งลงข้างๆเมื่อเห็นเด็กสาวส่งเซียมซีให้เขาชุดหนึ่งก่อนที่จะหลับตาลงอธิฐานเขย่าเสี่ยงทายทันที

    “ ได้เลขอะไรครับพี่ขอดูหน่อยซิ ” พิเศกขอดูใบเสี่ยงทายหลังเห็นเด็กสาวทำสีหน้ากระอักกระอ่วนใจหลังอ่านจบ

    “ อย่าเลยคะ ใบปอว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ว่าแต่ของพี่ละคะดีหรือเปล่า  ” เด็กสาวปฏิเสธก่อนจะถามชายหนุ่มแทน

    “ ของพี่ได้เลขดีหรือเปล่าละคะ ถ้าไม่ดีเขาแนะนำให้นำไปวางไว้ที่ฐานพระพุทธรูปแทนเป็นการแก้เคล็ดสิ่งที่ไม่ดีจะได้ออกไป ” เด็กสาวแนะนำ

    “ ของพี่ดีเชียวละ นี่เป็นครั้งแรกนะที่พี่เสี่ยงเซียมซีปกติจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ไม่ใช่ไม่เชื่อแต่อาจเห็นว่าคนเราต้องเชื่อมั่นในตนเองมากกว่าเชื่อเรื่องดวงแบบนี่ ” เขาให้เหตุผล

    “ พี่เศก คิดแบบใบปอเลย เพราะปกติใบปอก็ไม่ค่อยเสี่ยงทายเท่าไหร่ ” เอ่ยยิ้มๆให้อย่างเห็นด้วยในความคิด

    “ แปลกนะที่น้องใบปอคิดเหมือนพี่เลย ” ชายหนุ่มยิ้มตอบให้

    “ นายเศกมาหลบอยู่นี่เอง เดินหาเสียทั่ว ที่แท้ก็แอบมาจีบน้องนี่เอง ” ขวัญชนกส่งเสียงทักมาแต่ไกลหลังพากันเดินหาเพื่อนเสียทั่ววัด เพราะจะกลับกันแล้ว  ทำไมพิเศกและใบปอหันกลับไปตามเสียงเรียกทันที

    “ เปล่าหลบเสียหน่อย พอดีเจอน้องเขาเลยคุยอะไรเพลินไปหน่อย นี่จะกลับกันแล้วเหรอ” พิเศกรีบปฏิเสธพลันวันเมื่อโดนเพื่อนแซวขึ้น

    “ แหมดูร้อนตัวเชียวนะ กำลังจะกลับพอดีจ๊ะ ฉันเลยอาสามาตาม น้องใบปอใช่ไหมจ๊ะเห็นคุณแม่ตามหาอยู่ด้านโน้นจ๊ะ ” ขวัญชนกบอกหลังหันมายิ้มให้กับเด็กสาว

    “ งั้นใบปอขอตัวนะคะ สวัสดีค่ะ ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ ” ใบปอรีบเอ่ยขอตัวทันทีก่อนจะเดินไปตามหามารดาที่รออยู่ด้านนอกวัด

    “ นี่เศก ไม่ต้องทำตาละห้อยขนาดนั้น น้องเขายังเด็กอยู่นะ ” ขวัญชนกมองตามสายตาเพื่อนที่มองตามหลังเด็กสาวตาละห้อยอย่างอาลัยอาวรณ์ จนรู้สึกหมั่นไส้

    “ น้อยๆหน่อยๆ ขวัญ ไม่ใช่ซักหน่อย ” พิเศกรู้สึกอายจึงทำเป็นเสียงดุใส่เพื่อนเพื่อกลบเกลื่อนอาการ

    “ ชิ! อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วเพื่อน แต่น้องเขาน่ารักนะ  ขนาดไม่แต่งหน้าทาปาก ” ขวัญชนกให้เหตุผล เพราะดูๆแล้วเด็กสาวตรงหน้าก็หน้าตาดี น่ารักสดใสสมวัย  ขนาดไม่ได้แต่งหน้าอะไรเลยยังดูดีขนาดนี่ถ้าแต่งตัวและแต่งหน้าจะดูสวยงามขนาดไหน

    “ แต่แบบนี้ละ สวยแล้ว ” พิเศกพูดขึ้นลอยๆ ก่อนออกเดินไปสมทบเพื่อนที่รออยู่ด้านนอก

    “ อาการหนักนะนี่ เพื่อนเรา แบบนี้จะเที่ยวสนุกไหมวะ วันนี้ ” ขวัญชนกบ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนเดินตามออกมาทันที

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×