ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฤา...เป็นเพราะฟ้าลิขิต

    ลำดับตอนที่ #1 : วัยเด็ก...

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 54




          

      

               เสียงเล็กๆ ตะโกนโหวกเหวกเป็นพี่เบิ้มของจ่าฝูงดังแว่วมาแต่ไกลๆอยู่ท้ายสวนหลังบ้านที่มีต้นมะม่วงต้นใหญ่กำลังออกลูกดกปลูกชิดติดรั้วบ้านที่มีขนาดพื้นที่กว้างขวางเหมาะแก่การพักผ่อน เพราะให้ความร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ต่างๆ ทั้งไม้ดอกและไม้ผล ซึ่งไม้ผลที่กำลังออกผลตอนนี้ก็เห็นจะมีมะม่วงเขียวเสวยลูกโตพวงใหญ่หลายต้น และต้นชมพู่  ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของเด็กๆ ในขญะนี้ โดยที่กิ่งก้านส่วนหนึ่งยื่นไปอีกด้านของรั้ว..และเป็นพวงใหญ่ลูกโตเสียด้วย   ข้างๆรั้วติดกันนั้นเป็นบ้านทรงไทยขนาดใหญ่ ปลูกบนพื้นที่ของสวนที่มีขนาดใหญ่ภายในระแวกนั้น ไม่มีใครในที่นี้จะไม่รู้จัก คุณยายสุรี ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีนีภายในบ้านสวนในจังหวัดก็ว่าได้ คุณยายเป็นคนจิตใจดี มีเมตตา ชอบทำบุญช่วยเหลือใครต่อใคร จึงเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป รวมทั้งใบปอด้วย ที่ชอบปีนรั้วข้ามไปฝั่งบ้านโน้นบ่อยๆ ยามที่คุณพ่อและคุณแม่ไม่อยู่หรือไม่เห็น แต่เสียอย่างเดียวที่ใบปอไม่ชอบคือหลานของคุณยายสุรี  คือ คุณต้น หรือพี่ต้น ต้นตะวัน  ที่เป็นคู่ปรับโจทย์เดิมที่พบกันทีไรต้องเขม่นกันทุกที...เพราะความที่ครั้งหนึ่งขณะที่ใบปอ กำลังเล่นอยู่ท้ายสวนกับลูกๆ ของพี่ลำไย คนทำความสะอาดบ้าน มองขึ้นไปบนต้นมะม่วงเห็นมะม่วงสุกหลายผล เห็นแล้วอยากกินยิ่งนัก ด้วยความซนจึงแอบปีนขึ้นไป ด้วยความไม่ชำนาญพลัดตกลงมาก้นกระแทกพื้นดิน เปื้อนโคลนเลอะไปหมด เพราะฝนเพิ่งหยุดตกไปหมาดๆ และตกลงมาไม่สูงนักทำให้ไม่ได้รับอันตรายหรือเกิดบาดแผลใดๆ อย่างมากก็เคล็ดขัดยอก แต่ด้วยความไม่ยอมแพ้จึงป่ายปีนขึ้นไปใหม่ รอบนี้ประสบความสำเร็จ สามารถเอื้อมมือไปเด็ดผลมะม่วงได้ โดยที่มีลูกสมุนยืนลุ้นอยู่ด้านล่างและดูต้นทางให้ แต่เพราะความนึกสนุกจึงจับกิ่งมะม่วงขย่มและเขย่าอย่างแรงทำให้มะม่วงหล่นมาหลายลูก และมีบางลูกกระเด็นไปตกลงอีกฝั่งของรั้วข้างบ้าน แถมหล่นไม่ลงพื้นเสียด้วย เพราะมันดันหล่นไปกระทบศีรษะของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เสียงดัง

    โป๊ก!   และบังเกิดเสียงร้องตามมา

    “ โอ๊ย! เจ็บ ใครปาหัวฉันนะ ” เสียงห้าวๆของเด็กผู้ชายอุทานขึ้นด้วยความเจ็บ ขณะยกมือขึ้นลูบศีรษะที่ปูดบวมโนขึ้นทันตาเท่าลูกมะนาว ขณะเหลียวซ้ายมองขวาไม่เจอใคร แต่พอเหลือบเงยขึ้นบนต้นมะม่วงข้างรั้วก็พบว่าเด็กผู้หญิงถักผมเปีย หน้าตามอมแมม  เปอะเปื้อนไปด้วยโคลนตม และที่สำคัญรูปร่างผอมแคระแกร็น ยืนจับกิ่งมะม่วงส่งยิ้มแป้นให้

    “ พี่ต้น สวัสดีค้า ทำอะไรอยู่เหรอคะ ” ส่งเสียงใสทักทายขึ้น แต่ทว่าคนถูกทักหน้าตาไม่น่าทักเลย เพราะมันบูดบึ้ง

    “ ยัยปอเน่า เธอขว้างลูกมะม่วงใส่ศีรษะฉันเหรอ ” เด็กชายที่ใบปอทักขึ้น ทำน้ำเสียงขุ่นพร้อมเสียงตวาดดังลั่นอย่างไม่พอใจ

    “ เปล่านะคะพี่ต้น ใบปอไม่ได้ขว้าง แต่มันกระเด็นไปถูกเอง ” กล่าวปฏิเสธพร้อมทำสีหน้าสำนึกผิดกลายๆ

    “ เห็นอยู่ทนโท่ ยังมาปฏิเสธอีก ยี้! ยัยตัวเหม็น หน้าตาดูไม่ได้เลย เป็นลูกคนไม่ดีหรือไงไหงอยากเป็นลูกลิง” พูดสบประมาท พร้อมเปรียบเป็นลูกลิงอีก ทำให้ใบปอเกิดอาการไม่พอใจขึ้นมาทันที อุตส่าห์อยากเป็นเพื่อนด้วย เพราะเห็นว่าเป็นหลายยายสุรี แต่ไหงมาพูดจาสุนัขไม่รับประทาน หนอย! มาว่าเขาเป็นลิง

    “ ไอ้พี่ต้น ไอ้เด็กโข่ง  ไอ้คนเกเร เขาเกลียดพี่แล้ว  ต่อไปจะไม่พูดดีด้วยแล้ว ” สะบัดหน้าหันไปทางอื่นก่อนที่จะรีบไต่ลงจากต้นมะม่วงทันที

    “ อ้าวยัยเด็กลิง รีบหนีไปไหนละ ไม่พูดด้วยก็ดีนะซิ หน้าตาแบบนี้ใครเขาจะเอาไปเป็นแฟนด้วย ยี้! ยัยตัวเหม็น อย่าหนีซิ” เสียงตะโกนยังไล่มาตามหลัง จนใบปอลงมาจนถึงพื้นแล้วก่อนที่จะรีบชวนลูกสมุนสองคนที่ยืนรอด้านล่างกลับเข้าบ้าน “ อ้าวลูกพี่ ลูกมะม่วงละ ไม่เก็บเหรอ เสียดายออก ” เสียงโหน่งลูกสมุนพูดขึ้นอย่างเสียดาย

    “ แกเสียดายนักก็กลับไปเก็บมาซิ ” ใบปอหันมาทำน้ำเสียงไม่พอใจลูกสมุน ทั้งๆที่ในใจก็นึกเสียดายอยู่เหมือนกันที่อุตส่าห์ปีนขึ้นไปเก็บลงมา แต่คนมันกำลังโมโหนี่หว่า   คิดถึงคำพูดขึ้นมาทีไรก็อดโมโหไม่ได้ทุกที

    “ ตายแล้ว !  หลานใบปอ ขึ้นไปทำอะไรลูก ลงมาเดี๋ยวก็ตกลงมาได้แข้งขาหักกันพอดี ” เสียงยายสุรี บ้านใก้เรือนเคียงอุทานมาจากด้านล่าง ปลุกให้ใบปอตื่นจากภวังค์ หลังกำลังนึกถึงเหตุการณ์เก่าๆอยู่เมื่อหลายเดือนที่แล้ว

    “ อ้าวคุณยายขา สวัสดีค่ะ ” เด็กสาวส่งยิ้มแป้นให้ทันที จนคนด้านล่างยิ้มอย่างเอ็นดูเพราะแกมีแค่หลายชายคนเดียวในตระกูล ไม่มีหลานสาวทำให้นิยมชมชอบใบปอที่ดูจะมีแววฉลาดยิ่งนัก แถมชอบประจบเอาโน้นนี่จนแก่นึกเอ็นดูทุกครั้งที่ได้พบเห็น แกจึงมักชวนแวะมาเล่นด้วยยามช่วงวันหยุด

    “ ทำไมขึ้นไปปีนป่ายอย่างนั้นละลูก ลงมา เดี๋ยวไปตกลงมาแข้งขาหักกันพอดี  ” แกรีบตำหนิพลางสั่งให้รีบลงมาทันที เด็กหญิงใบปอจึงต้องไต่ลงมาและกระโดดลงมายังฝั่งที่คุณยายสุรียืนอยู่

    “ เป็นเด็กผู้หญิงขึ้นปีนป่ายต้นไม้ มันไม่งามนะลูก ใครๆ เห็นเขาจะว่าเราได้ ว่าไม่มีความเป็นกุลสตรี ” คุณยายสั่งสอนด้วยน้ำเสียงเอ็นดู จนเด็กสาวได้แต่หัวเราะ ไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก

    “ คุณยายสุรี มาทำอะไรตรงข้างรั้วค่ะ ” คนตัวเล็กถามพลางมองซ้ายมองขวา เผื่อจะเห็นอะไรแปลกๆ ที่จุดคุณยายสุรียืนอยู่ เมื่อไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ก้หันมาจ้องหน้าตาแป๋ว จนคุณยายอดหัวเราะในความน่ารักไม่ได้

    “ ยายไม่ได้ทำอะไรหรอกจ๊ะ ก็ออกมาเดินเล่น มองขึ้นมาเห็นลิงทะโมน ตัวหนึ่งปีนต้นไม้อยู่ก็เลยเดินมาทัก ไงเราวันนี้แอบคุณพ่อคุณแม่มาปีนต้นไม้อีกแล้วเหรอ ” คุณยายพูดยิ้มๆและรู้กิตติศัพท์ในความแก่นเซี้ยวของเด็กสาว

    “ คุณพ่อกับคุณแม่พาพี่ป่านไปมอบตัวเข้าเรียนที่โรงเรียนประจำโน้น กรุงเทพฯ เย็นถึงจะกลับมา ” เด็กน้อยกล่าวฉะฉาน เมื่อพูดถึงพี่สาว ศศิธร ที่เรียนมัธยมต้นจบที่จังหวัดแล้วพ่อกับแม่เลยย้ายไปเข้าเรียนประจำที่กรุงเทพฯเพื่อเตรียมทักษะความรู้ให้พร้อมก่อนเอ็นทรานซ์

    “ ว่าแต่เราเถอะปีนี้อยู่ชั้นไหนแล้วจ๊ะ ตัวยังเล็กไม่โตสักที ” คุณยายพูดกระเซ้าแหย่ พลางใช้ฝ่ามืออันย่นลูบลงบนศีรษะอย่างเอ็นดู

    “ ปีนี้ใบปอ ขึ้น ม. ต้นแล้วค่ะ ” ยิ้มอวดฟันซี่เล็กๆ และฟันเขึ้ยวแหลมดูเก๋ไปอีกแบบพร้อมลักยิ้มบุ๋มทั้งสองข้าง

    “ ดูไม่น่าจะใช่นะเรา น่าจะยังอยู่ประถมมากกว่า ” คุณยายลอบสังเกตคนตัวเล็ก

    “ คอยดูใบปอจะตัวโตให้ดู จะได้ไม่มีใครมาว่ายัยแคระแกร็น ” ทำท่าฮึดฮัดขึ้นมา

    “ ถ้าอยากตัวโต หนูต้องทานอาหารเยอะๆ และดื่มนมมากๆ  ซิจะได้ตัวโตอย่างพ่อต้นเขา ” คุณยายพูดถึงหลานชายคนโปรดที่นานๆ จะกลับมาเยี่ยมเยียนสักครั้ง อย่างน้อยเดือนละครั้ง

    “ ยี้ ! ไม่เอาหรอก นายเด็กโข่งคนนั้นนะเหรอ คอยดูนะใบปอจะลบคำสบประมาทของคนที่ดูถูกใบปอ ” สายตาท่าทางอาฆาต จนคุณยายตกใจในคำพูดเด็กๆ

    “ อย่าเรียกพี่เขาอย่างนั้นซิจ๊ะ  อย่างน้อยพี่เขาก็อายุมากกว่าหนูเกือบหกปีเชียวละ ปีนี่เขาก็เตรียมสอบเอ็นทรานซ์แล้ว คงไม่แวะมาเยี่ยมยายกระมัง ” สีหน้าเศร้าสลดลงเพราะคิดถึงหลาน จนคนตัวเล็กใช้มือเล็กๆ เอื้อมมากุมมือย่นไว้ในอุ้มมือ

    “ ไม่มีก็ไม่เห็นต้องเศร้าเลย ใบปอยังอยู่ค่ะ เดี๋ยวใบปอจะเป็นเพื่อนเล่นเอง ” พูดขึ้นด้วยความไร้เดียงสา จนคุณสุรีอดหัวเราะขึ้นไม่ได้

    “ งั้นไปกัน วันนี้ยายทำขนมไว้หลายอย่าง ” คุณยายเอ่ยชวนขึ้น ก่อนจะจูงมือเล็กๆพาเดินเข้าไปข้างในบ้าน

    “ เดี๋ยวค่ะคุณยาย ใบปอเรียกโหน่งกับปิงมาทานด้วยได้ไหมค่ะ ” ใบปอกล่าวถึงลูกสมุนสองคนที่รออยู่อีกฟากของรั้ว

    “ ได้ซิจ๊ะ ดีเสียอีกจะได้มีเพื่อนหลายคน ”

    “ งั้นหนึ่งไปเรียกเพื่อนก่อนนะคะ ” พูดจบคนตัวเล็กก็รีบวิ่งไปที่รั้วพลางตะโกนเรียกสมุนสองคน ก่อนที่คุณยายสุรีจะเห็นสมุนสองคนปีนรั้วข้ามมาทันที พลางอดคิดไม่ได้ว่า เด็กสาวคนนี้หากโตขึ้นจะเป็นทอมบอยหรือเปล่านะ หนักใจแทนคนเป็นพ่อแม่จังเลย เพราะนิสัยลูกสองคนของตะกูลจันทร์มณี  ต่างกันราวกับไม่ใช่ลูกแม่ท้องเดียวกัน เพราะศศิธร พี่สาวที่วัยห่างกันสามปี ดูเรียบร้อย อ่อนหวาน น่ารัก ไม่ค่อยพูดจา วันๆ เห็นแต่อ่านแต่ตำรับตำรา ส่วนใบปอ หรือรัตติกร น้องสาวแก่นเซี้ยว ทะโมน  วันๆไม่เห็นอ่านหนังสือเอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ แต่ถ้าได้สนิท คุ้นเคย  ดูดีๆจะเห็นความน่ารัก มีเสน่ห์เหมือนที่คุณยายสุรีมองเห็น เพราะแทนที่คุณสุรีจะนิยมชมชอบสายป่าน แต่กลับชอบใบปอเสียมากกว่า  ลางสังหรณ์คุณยายบอกว่าในวันครั้งหน้าเด็กคนนี้ต้องมีอะไรดีๆ และต้องมาข้องเกี่ยวกับแกอย่างแน่นอน....
    .............................................................................................................................................................................................................

    “ ลูกใบปอ เมื่อไหร่ลูกจะเลิกนิสัยปีนป่ายต้นไม้เป็นลิงค่าง สักทีนะ แม่ละระอากับลูกจริงๆ ” คุณนายเดือนบ่นแกมอบรมบุตรสาวคนเล็กขณะนั่งรับประทานอาหารเย็นร่วมโต๊ะกันพร้อมหน้าพร้อมตา เพราะวันนี้ปิดเทอมของสายป่านหลังส่งไปเรียนที่โรงเรียนประจำที่กรุงเทพฯ

    “ คุณแม่ก็ไม่ต้องบ่นซิค้า...จะได้ไม่เหนื่อยไง ” คนตัวเล็กแย้งอย่างเห็นเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ จนคนเป็นบิดา หัวเราะขึ้นที่เห็นผู้เป็นภรรยาได้แต่ทำหน้าเหวอเพราะไม่นึกว่าจะได้ยินคำยอกย้อนจากบุตรสาวคนเล็ก

    “ ยัยใบปอ แม่สอนหัดรับฟังหน่อยซิ แม่ดุเรานะ ไม่ใช่ให้มาสอนแม่ ตายละไปหัดเอานิสัยแบบนี้มาจากใคร ก็เพราะพ่อละที่ให้ท้ายลูกจนเสียคนแล้วเห็นมั๊ย ” พอด่าลูกไม่ได้ดั่งใจก็หันมาดุผู้เป็นสามีที่นั่งอยู่มุมโต๊ะแทน

    “ อ้าวไหงเป็นอย่างนั้นละ มาพาลคนอื่นได้ แม่ก็ ” คุณจันทร์เกษม  บ่นเบาๆไม่จริงจังนักขณะที่บุตรทั้งสองกลับเห็นเป็นเรื่องปกติเพราะพ่อกับแม่มักจะบ่นเรื่องนี้ประจำเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นมารดาเธอห้ามบุตรสาวคนเล็กได้ทุกครั้ง  เพราะบิดาให้ท้ายเสมอ  โดยคุณเกษมจันทร์  รับราชการเป็นปลัดอำเภอประจำที่บ้านสวนนี้ ส่วนคุณนายเดือน แต่ก่อนรับราชการครูแต่ได้ลาออกมาดูบุตรสาวทั้งสองคนและเนื่องจากได้รับมรดกตกทอดมาจากคุณยายมีที่ทางเยอะจึงแบ่งขาย นำเงินมาฝากออมไว้  ส่วนที่อีกส่วนก็ให้คนอื่นเช่าทำสวนได้ดอกเบี้ยกำไรงามทุกปี เพราะส่วนใหญ่ที่เช่าที่ไปก็ลงทุนทำสวนผลไม้กัน เช่น ส้มโอ มะม่วง ลำไย พุทรา เป็นต้น 

    “ ลูกป่าน เป็นไงลูกเรียนหนักหรือเปล่า ” เมื่อเห็นว่าเถียงสู้ใครไม่ได้จึงหันมาคุยกับบุตรสาวคนโต

    “ เปล่าค่ะคุณแม่  ที่เรียนใหม่ดีมากๆ อาจารย์สอนเข้าใจเร็วกว่าที่เดิมเยอะ ” สายป่านพูดขึ้น

    “ ดีแล้วลูก ถ้าดีแม่จะได้ส่งน้องไปเรียนที่นั้นด้วย ” มารดาพูดขึ้น ดีเสียอีกจะได้ส่งไปดัดนิสัยซะเลย

    “ ใบปอเรียนที่นี่ก็ดีแล้วจ๊ะแม่ ใบปอไม่ไปนะ ” บุตรสาวคนเล็กต่อรอง เมื่อได้ยินมารดาจะส่งไปเรียนโรงเรียนประจำด้วย

    “ ใบปอไม่อยากไปเรียนที่กรุงเทพฯ เบื่อรถติด เบื่อคนกรุง หนูจะเรียนที่นี่จะตั้งใจเรียนคอยดูดิ ” พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

    “ แม่ไม่เชื่อใบปอ...แต่หากลูกรับปากแม่ว่าจะตั้งใจเรียนและไม่เอาแต่วันๆ ปีนต้นไม้กับไอ้พวกสมุนตัวดีละก็แม่จะไม่ส่งลูกไปที่นั้น ว่าไง ” ผู้เป็นมารดาได้ทีเมื่อสบโอกาสจึงรีบต่อรองบุตรสาวขึ้น

    “ ใบปอตกลง ถ้าคุณแม่ไม่ส่งใบปอไปเรียนที่กรุงเทพฯ ” ยิ้มแป้นอย่างดีใจที่เห็นโอกาสที่จะเลี่ยงไม่ไปเรียนที่โน้นได้

    “ ทำไมละลูกพ่อว่าไปเรียนกับพี่ป่านก็ดีนะ อย่างน้อยลูกจะได้เปิดหูเปิดตาพบเพื่อนใหม่ๆบ้าง ” ผู้เป็นบิดาออกความเห็น

    “ ไม่เอาหรอกค่ะคุณพ่อใบปอไม่ชอบ เรียนที่ไหนก็ไม่ต่างกันหรอก ก็ให้ความรู้เหมือนกันนั้นละ ” บุตรสาวแย้ง จนคนเป็นพ่อนึกในใจว่าบุตรสาวคนเล็ก ความคิดความอ่านมีหลักการดี แม้จะยังเด็กแต่สามารถมีความคิดได้แบบนี้ สมแล้วที่เกิดเป็นลูกพ่อ

    “ เออ ลูกคนนี้ คิดได้ไง ดีๆ ลูกใบปอ เรียนที่ไหนๆ ก็สอนให้เรามีความรู้เหมือนกัน ใช้ได้เลย ฮ่ะๆๆๆ” หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

    หลังจากที่รับปากผู้เป็นมารดาแล้วใบปอก็ตั้งใจเรียนมากกว่าเดิม เหตุผลเพราะกลัวมารดาจะส่งไปเรียนโรงเรียนประจำที่กรุงเทพน และเหตุผลอีกส่วนหนึ่งต้องการลบคำสบประมาทของใครบางคนที่เห็นเธอไม่เป็นโล้เป็นพายวันๆเอาแต่ป่ายปีนต้นไม้เล่นเป็นลิงทะโมน

    “ นี่ไอ้โหน่งไอ้ปิง พอแล้วละมะม่วงนะ ใบปอทานไม่หมดหรอกนะ ” ใบปอตะโกนบอกสมุนสองคนที่ปีนขึ้นเก็บมะม่วงต้นเดิมที่เคยปีนเมื่อสามปีที่แล้ว เพราะตั้งแต่ผู้เป็นมารดาออกกฎห้ามใบปอปีนต้นไม้ครั้งที่แล้ว เด็กสาวก็ไม่เคยปีนอีกแล้ว แต่ไม่ปีนต้นไม้ก็มีสมุนสองคนที่จงรักภักดียอมทำให้ทุกอย่างอยู่แล้ว

    “ ลูกพี่ พอแล้วเหรอ กำลังมันมืออยู่เชียว ” เสียงไอ้ปิงตะโกนลงมาด้านล่าง ก่อนที่จะชวนไอ้โหน่งปีนกลับลงมาด้านล่าง

    “ พอแล้วจ๊ะแค่นี้ฉันก็ทานไม่หมดแล้ว ” เด็กสาวเอ่ยห้าม ก่อนที่จะมองลอดรั้วออกไปยังอีกฝั่งบริเวณสวนหลังบ้านของคุณยายสุรี ก่อนที่จะทะลุไปถึงบริเวณลานหน้าบ้าน ก็พบว่าหน้าบ้านคุณยายมีรถยนต์จอดหน้าบ้านหลายคัน แปลกจังวันนี้ที่บ้านตรงข้ามเขามีงานอะไร ไม่เห็นคุณแม่บอกเลย ใบปอได้แต่สงสัยก่อนที่จะเดินมาเกาะรั้วชะเง้อคอเพื่ออยากรู้เรื่องทางฝั่งบ้านโน้น......................



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×