คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 แรกสบตา
แรกสบตา
เฮ้อออ.....
และแล้วในที่สุดฉันก็ตอบตกลงรับงานบ้าๆ นั่นไปจนได้
นี่ฉันกำลังขุดหลุมฝังศพตัวเองอยู่ใช่ไหมเนี่ย T_T รู้ทั้งรู้ว่าพวก Royal Knight เป็นพวกยังไง ฉันก็ยังจะรับงานนั่นเข้าไปอีก ไม่ตายก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงแล้วล่ะ ถึง Royal Knight จะไม่ได้ป่าเถื่อนก็เถอะ แต่อันที่จริงมันก็ไม่เชิงเพราะพวกนั้นเป็นแก๊งที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโรงเรียน ไม่มีใครกล้าไปหยามหน้าพวกนั้นถ้ายังไม่อยากเจ็บตัวแล้วกลายเป็นเด็กมีปัญหาไม่มีที่จะเรียนหนังสือ และนอกจากพวกนั้นจะมีอิทธิพลในโรงเรียนแล้ว นอกโรงเรียนพวกนั้นก็ยังจะมีอีกด้วย เรียกว่ามีอิทธิในรอบด้านเลยล่ะ ใครทำอะไรไม่เข้าหน้าพวกนั้น ก็มีแต่ตายกับตายสถานเดียว -_-^
“ทำไมทำให้กลุ้มใจอย่างนั้นเหรอจ๊ะลูกจ๋า ^^”
พ่อสุดประเสริฐ (?) ทักฉันก่อนจะชะโงกหน้าเข้ามาหอมแก้มด้านขวาของฉัน อยากจะบอกพ่อไปตามตรงจริงๆ เลยว่า ที่หนูกลุ้มใจก็เพราะพ่อนั่นแหละ พ่อนะพ่อ ไม่น่าไปตกลงรับปากยัยปาขี้เรื่องงานนั่นเล้ย -_-^
“ก็เรื่องที่พ่อไปรับปากยัยปาขี้อะไรนั่นไง รู้ไหม มันจะทำให้หนูตายก่อนวัยอันควรนะ -_-^^”
“โถๆๆ ลูกริบบิ้นจ๋า หนูลองคิดดูสิจ๊ะ ถ้าหนูทำงานนั่นสำเร็จล่ะก็...เราจะได้เงินกันเท่าไหร่ โอ้ พ่อไม่อยากจะนับเงินให้คนอ่านเขาอิจฉาเลย ฿_฿”
สัญลักษณ์เงินพุ่งพรวดขึ้นมาบนหน้าพ่อทันที แหม...พอพูดเรื่องเงินเข้าหน่อยเดียว พ่อก็ยอมทำได้กันทุกเรื่อง อีกหน่อยดีไม่ดี พอถึงคราวไม่มีจะกินพ่อก็จะขายลูกแลกกับขนมมากินเล่นใช่ม่ะ ใช่ม่ะ -_-^^^
“พ่อไม่ได้เดือดร้อนด้วยสักหน่อย ก็พูดได้นะสิ...แล้วหนูล่ะพ่อ จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้เลย -_-^”
“เอา...เถียงกันเข้าไป พ่อลูกคู่นี้...วันนี้วันเปิดเทอมวันแรกนะริบบิ้น เดี๋ยวก็ไปสายกันพอดีหรอก แล้วอย่าหาว่าแม่ไม่เตือนล่ะ” แม่ที่นั่งจิบกาแฟอยู่เอ่ยเตือนฉันก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ และนั่นก็พอจะเตือนสติของฉันได้
“เออจริงสิ ลืมไปเลยว่าต้องรีบไป...มัวแต่ทะเลาะกับพ่อจนลืมว่าจะต้องไปโรงเรียน หนูไปโรงเรียนก่อนนะคะ~”
“จ้า ^^”
โรงเรียน
“เธอมาช้าไปหนึ่งนาทียี่สิบสามวินาทีนะ...รวีพร” อาจารย์สาวหน้าโหดว่าพลางแกว่งไม้ที่อยู่ในมือไปมา แถมยังแผ่รังสีอำมหิตออกมาอีก
มาสายจนได้ เมื่อเช้าไม่น่ามัวแต่เถียงกับพ่อเลย T^T
“ค่ะ (. .)” ฉันพยักหน้าตอบ พร้อมแสดงสีหน้าปนสำนึกผิด
หญิงสาวสุดน่ากลัวที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันในตอนนี้ก็คือ อาจารย์สุรีย์สุดโหดประจำฝ่ายปกครอง ที่ทำหน้าที่จับสายนักเรียนมาช้าหลังแปดโมงเช้าเป็นต้นไปที่หน้าประตูโรงเรียน โดยเฉพาะวันเปิดเทอมวันแรกแบบนี้ เจ๊ท่านก็จะคึกเป็นพิเศษ จนพวกเราได้ตั้งฉายาให้เจ๊เขาว่า ‘เจ้าแม่แห่งเวลาในยมโลกบนโลกมนุษย์’ ฟังดูเพราะดีมั้ยล่ะคะ =_=;
“รู้แล้วทำตามซะด้วยล่ะ คราวหน้าถ้าเธอมาสายอีกล่ะก็ ฉันจะตัดคะแนนความประพฤติของเธอซะ -_-^” เจ๊สุรีย์พูดเสียงเข้ม พร้อมกับตวัดไม้เรียวคู่ชื่นคู่ใจในมือให้แรงกว่าทุกครั้งหนึ่งที
“ค่ะ อาจารย์”
“อ้อ เดี๋ยวสิรวีพร หลังเลิกเรียนช่วยไปพบฉันที่ห้องปกครองด้วย...เอาล่ะ ขึ้นไปบนหอประชุมได้แล้วก่อนที่เข้ารับการปฐมนิเทศไม่ทัน”
“ค่ะ” ฉันรีบรับคำก่อนจะเดินตัวลีบออกมาจากหน้าประตูโรงเรียน แล้วรีบวิ่งไปที่หอประชุมทันทีทันใด ฉันไม่โง่พอจะอยู่ให้โดนอาจารย์สวดอีกรอบหรอกนะ
หอประชุม
ฉันเดินกรอกตาไปมาทั่วหอประชุมเพื่อมองหาเพื่อนสนิทของฉัน แต่มันก็ไม่ง่ายนัก เพราะวันนี้เป็นวันปฐมนิเทศ ก็เลยทำให้มีนักเรียนเดินกันพลุกพล่านลายตาไปหมด การตามหาคนๆ เดียวในหมู่กลุ่มนักเรียนแบบนี้มันก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ -*-
“ริบบิ้น ทางนี้ๆ ” เสียงตะโกนใสๆ พร้อมกับชื่อฉันดังขึ้นมาจากทางอีกฝั่งหนึ่งของหอประชุม
เมื่อฉันหันไปมองตามต้นเสียงก็พบว่าคนที่เรียกฉันและกำลังโบกไม้โบกมืออย่างกระดี๊กระด๊าก็คือ ยัยรุ้ง เพื่อนเพียงคนเดียวที่ฉันสนิทที่สุดในโรงเรียนนี้เองล่ะ =_=
ฉันยิ้มหน้าบานแล้ววิ่งแทรกฝูงชนพลุกพล่านไปรวมกลุ่มกับยัยนั่น
“แฮ่กๆ หวัดดีรุ้ง -O-;”
“เออหวัดดี ทำไมเธอมาช้าชะมัด...นี่โชคดีนะที่ยังไม่เริ่มการปฐมนิเทศ ไม่งั้นแกคงได้ได้โดนสวดชุดใหญ่แน่ๆ -^-”
ฉันเงยหน้ามองยัยรุ้งอย่างเอือมๆ มาปุ๊บก็เทศน์ฉันปั๊บเลยเหรอเนี่ย ประเสริฐ (พอๆ กับพ่อฉัน) ไหมล่ะเพื่อนคนนี้
“เออๆ ฉันก็มาแล้วนี่ไง จะบ่นอะไรนักหนา ไปๆ หานั่งได้แล้ว ขืนยืนอยู่แบบนี้ เดี๋ยวก็โดนอาจารย์เดินมาสวดซะหรอก ” ฉันบ่นอุบอิบก่อนจะดึงยัยรุ้งให้นั่งลงที่เก้าแถวๆ นั้น
“เฮ้อ
” ฉันถอนหายใจให้กับตัวเองหนึ่งที วันนี้มันจะเป็นวันซวยอะไรของฉันนักหนา
“นี่เธอเป็นอะไรรึเปล่าริบบิ้น...ปกติเปิดเทอมทีไร แกจะดูคึกคักเป็นพิเศษ แต่ปีนี้ดูมืดมนแปลกๆ ไปนะ”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันสบายดีทุกประการ”
“แน่ใจ” ยัยรุ้งขมวดคิ้วเป็นปมแล้วขึ้นเสียงสูงราวกับมีเรดาห์รับรู้ว่าฉันพูดโกหกก็ไม่ปาน แต่ให้ตายฉันก็ไม่ยอมบอกเธอเรื่องงานบ้าๆ นั่นหรอกนะ
“อืมๆ ฉันสบายมาก ดูสิ” ฉันบอกไปปัดๆ พลางยกแขวนขวาแกว่งไปมาสื่อให้ยัยนั่นรู่ว่าฉันยังแข็งแรงเป็นปกติ เพราะไม่อยากให้ยัยนี่เซ้าซี้อะไรมากนัก
ยัยรุ้งคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมนั้นออก “ถ้าเธอสบายดีก็แล้วไป”
เวลาผ่านไปไม่นานนักผู้อำนวยการก็ขึ้นเวทีเริมการปฐมนิเทศ และในตอนนั้นเสียงนักเรียนคุยกันเจื้อยแจ้วก็เงียบลงไปแทบจะเรียกว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยก็ว่าได้
“สวัสดีและขอต้อนรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทุกคน ครูในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนมีความยินดีเป็นอย่างมากที่นักเรียนทุกคนสอบเลื่อนชั้นขึ้นมาได้...”
แล้วผู้อำนวยการก็พูดออกมาอีกยาวเหยียด ชนิดที่มาได้ฟังแล้วอยากจะหลับคาหอประชุมกันเลยทีเดียว -_-;
“เอาล่ะ ครูก็จะขอแนะนำประธานนักเรียนคนใหม่...ไม่ใช่สิ ต้องเป็นประธานฯ คนเก่าสำหรับนักเรียนเก่า แต่เป็นประธานฯ คนใหม่สำหรับนักเรียนใหม่”
ไอ้ฉันก็รู้อยู่หรอกนะ ว่าประธานฯ นักเรียนห้าปีซ้อนเนี่ย หน้าตามันเป็นยังไง ก็แค่เป็นเทพบุตรลงมาเกิดชัดๆ ตัวสูงขาวราวกับสาไฟฟ้า จมูกโด่งราวกับยัดซิลิโคลนเข้าไป ผมสีบรอนซ์เงินยาวระต้นคอ นัยน์ตาสีไพลิน ที่เหมือนดั่งเวทมนต์ สะกดตาสะกดใจผู้หญิงให้สยบลงแทบเท้าหมอนั่น แต่ที่ฉันไม่รู้ และไม่รู้มาก่อนคือ อีตาคิน ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา ฉันยอมรับนะว่าฉันไม่เคยเห็นหน้าหมอนั่นมาก่อน =_=
แต่เฮ้! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่บ้าผู้ชายขนาดนั้นนะ -O-; ฉันเป็นผู้หญิงที่ได้รับฉายาว่าเชยและเฉิ่มที่สุดในโรงเรียนเชียวน่ะ (น่าภาคภูมิใจจริงๆ ให้ตายสิ -_-^) มันก็ไม่มีอะไรมากนักหรอกน่ะ ฉันก็แค่ใส่แว่นหนาเตอะมาโรงเรียนก็เท่านั่นเอง -O-; ทั้งๆ ที่สายตาฉันก็ไม่ได้สั้นหรือยาวอะไร แต่ที่ใส่มาเพียงแค่ไม่อยากเป็นจุดเด่นให้ใครเขาตบเอาต่างหากล่ะ -*-
“ไคท์เนี่ยเก่งจริงๆ นะ ได้เป็นประธานฯ ตั้งห้าปีซ้อนแน่ะ”ยัยรุ้งหันมากระซิบข้างๆ หูฉัน ในขณะที่อีตาประธานนักเรียนไคท์กำลังอ่านกฎและการลงโทษของโรงเรียนให้ทุกคนฟัง ซึ่งฉันเชื่อเหลือเกินว่าไม่มีใครอยากฟังกฎของโรงเรียนนักหรอก
“แกอย่าลืมสิ ว่าหมอนั่นเป็นใคร...หัวหน้าแก๊ง Royal Knight เชียวนะ มีเหรอที่ใครหน้าไหนจะกล้าต่อกรกับพวกนั้นน่ะ”
จู่ๆ ยัยนั่นก็ทำหน้าถึงบางอ้อ “เออ นั่นสิฉันลืมไปซะสนิทเลย”
ฉันส่ายหน้าไปมา ให้กับสมองปลาทองของยัยรุ้งอย่างหน่ายๆ ยัยนี่ความจำสั้นชะมัดเลย -_-;;
หอพักหญิง
“เอาล่ะทุกคน ผู้ที่ได้ไปอยู่หอเหนือหอเดียวกับประธานนักเรียนคือ เอมิกา นะจ๊ะ หวังว่าทุกคนคงจะไม่มีการขัดข้องอะไรนะ...แยกย้ายกันขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเองได้แล้วจ๊ะ”
หลังจากที่อาจารย์ประจำหอเรียกพวกเราทุกคนมาจับฉลากหาผู้โชคดีที่จะได้ไปอยู่หอเหนืออันเป็นที่สิงสถิตของประธานนักเรียนทุกรุ่น เจ๊ท่านก็สั่งแยกย้ายกลับห้อง ถ้าจะถามว่าทำไมต้องจับฉลากหาผู้โชคดีด้วยไปอยู่หอเหนือด้วย ก็เพราะว่า หอหญิงของพวกเรามันเต็มน่ะสิ ปีนี้มีนักเรียนหญิงเพิ่มขึ้นเยอะมาก (ต้องขอบคุณพวก Royal Knight เขาน่ะที่ทำให้ประชากรนักเรียนหญิงในโรงเรียนเราเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว -_-) หอหญิงก็เลยเต็มไม่พอแค่หนึ่งคน แค่หนึ่งคนเท่านั้นน่ะ! อาจารย์ก็เลยต้องเรียกพวกเราเหล่านักเรียนหญิงมาจับฉลากกัน ฉันล่ะสงสารคนที่ได้จริงๆ -O-;;
“แกว่าไหมริบบิ้น ผู้หญิงคนนั้นที่ได้ไปอยู่หอเดียวกับประธานฯ นี่โชคดีจัง” หลังขึ้นมาบนห้อง ยัยรุ้งก็ปริปากบ่นเสียดายขึ้นมาทันที
“ฉันว่าซวยมากกว่า -_-^”
“ทำไมแกคิดว่างั้นล่ะ -O-”
“ถ้าไปอยู่กับคนอื่นฉันว่าอาจจะโชคดี แต่นี่เป็นอีตาไคท์ ประธานนักเรียนแล้วก็ที่สำคัญหมอนั่นยังเป็นหัวหน้า Royal Knight อีกต่างหาก แกก็น่าจะรู้กิตติมศักดิ์ของพวกนั้นดีน่ะ ขึ้นแบล็คลิทส์อันดับหนึ่งแบบนั้น คงไม่มีนิสัยเรียบร้อยหรอก”
“คนล่ะเรื่องกันเลยย่ะ -_-^ ที่ฉันบอกว่าโชคดีน่ะ หมายถึงยัยนั่นได้อยู่ใกล้คนหล่อๆ แบบประธานฯต่างหาก ในบรรดา Royal Knight คนที่หล่อที่สุด แล้วก็เพอร์เฟ็กต์ทุกอย่าง คงจะหนีไม่พ้นประธานฯ รองลงมาก็คงจะเป็นเดฟ ไนต์สุดหล่อ >_< “
“แล้วคินไม่อยู่ในสเปกแกรึไง”
ฉันว่า ถ้าถามยัยรุ้งเรื่องของคิน คงได้ข้อมูลเยอะพอดู ก็ยัยนั่นเล่นคลั่งRoyal Knight ทั้งแก๊ง
“นั่นล่ะสเปกฉันเลย แต่ติดตรงที่ว่า คินจะอยู่เงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร พูดก็พูดน้อย แถมยังเย็นชากับชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจอีกต่างหาก T_T“
“คินชอบอ่านหนังสือด้วยเหรอ?” ฉันถามยัยรุ้งอย่างงงๆ แกมไม่อยากจะเชื่อ คนอย่างคินนี่น่ะชอบอ่านหนังสือ? พวกป่าเถื่อนอย่างนายนั่นอ่านหนังสือเป็นด้วยเหรอ?
“ต๊าย!! ยัยริบบิ้น แกไปมุดหัวอยู่ไหนมาฮะ...ฉันไม่แปลกใจเลยนะว่าทำไมแกถึงได้ฉายาว่ายัยริบบิ้นสุดเฉิ่ม เพราะแกน่ะเฉิ่มจริงๆ แถมเชยอีกต่างหาก -_-^”
อุ๊บส์ แอบจุก - -*
“ก็ฉันไม่ได้บ้าผู้ชายเหมือนอย่างแกสักหน่อย -_-; ว่าแต่หมอนั่นชอบอ่านหนังสือจริงๆเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ คินน่ะชอบอ่านหนังสือมาก เรียกว่าคลั่งตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยล่ะ...ไม่ว่าจะไปไหนมาไหน เขาก็จะถือหนังสือไปอ่าน”
ฉันเชื่อ...เชื่อว่ายัยรุ้งบ้าจนเข้าขั้นสาหัส -_-^
“เหรอ...แล้วหมอนั่นหน้าตาเป็นยังไงเหรอ” ฉันถามยัยรุ้งด้วยสายตาไร้เดียงสาสุดๆ คือฉันยังไม่อยากให้ยัยนั่นรู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังจะไปปู้ยี้ปู้ยำคินของยัยนั่นอ่ะนะ
“ก็ เอ๊ะ...ว่าแต่เธอสนใจผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่นยัยบิ้น -O-”
ริบบิ้นเฟ้ย เรียกให้มันเต็มๆ หน่อยดิยัยรุ้ง เรียกแบบนั้นมันฟังดูน่าเกลียดตายชัก -_-;
“ทำไม ฉันจะอยากรู้ไปประดับบารมีในสมองบ้างไม่ได้รึไง -_-;”
“ไอ้ได้มันก็ได้อยู่หรอกนะ แต่แกอย่าแย่งของฉันน้า”
เหอๆ ฉันไม่แย่งของๆ เธอหรอก แต่ฉันจะทำให้หมอนั่นไปรักยัยปาขี้นั่นต่างหาก (ได้ข่าวว่ายัยนั่นชื่อบาร์บี้ไม่ใช่เรอะ)
“-_-;”
“เออหน่า..ฉันล้อแกเล่นหรอก...คินน่ะมีผมสีทอง ฉันไม่รู้นะว่านัยน์ตาเขาสีอะไร แทบจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยล่ะ ไม่นับพวกเพื่อนในแก๊งน่ะ ถ้าแกเจอคินล่ะก็ แกสังเกตได้ง่ายๆ เลยว่า รอบๆตั วหมอนั่นจะแผ่รังสีอำมหิตออกมา พูดถึงก็ขนลุก ปรื๋อ ~_~”
ยัยรุ้งพูดจบก็ยกมือขึ้นมาลูบแขนตัวเอง หมอนั่นน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
“เออ ขอบคุณสำหรับข้อมูล” ถึงมันจะไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาก็เถอะ
...ประโยคสุดท้ายฉันไม่ได้พูดออกไป ได้แต่พูดมันเอาไว้ในใจ
“ถ้าแกจะจีบคิน ก็บอกฉันบ้างล่ะกัน ฉันจะหาทางช่วยแก เพราะฉันเองก็อยากจะเอาตัวกับหัวใจไปใกล้ชิดเดฟ >_<” ยัยรุ้งพูดพลางทำท่าทางดี้ด๊าสุดฤทธิ์
เพื่อนฉันคนนี้ มันชักจะ ไปกันใหญ่แล้ว!
หลังจากที่เสวนาพาทีกับยัยรุ้งอยู่สักพักฉันก็เพิ่งนึกออกว่าฉันต้องที่ห้องฝ่ายปกครองตามที่อาจารย์ สุรีย์บอกว่าให้มาพบ
“มาแล้วเหรอ รวีพร”
พอฉันย่างเท้าเข้ามาในห้องฝ่ายปกครองเท่านั้น เสียง ’เจ้าแม่แห่งเวลาในยมโลกบนโลกมนุษย์’ ก็ดังขึ้นทักทายโสตประสาทฉันทันที
“ค่ะ”
“ที่ฉันเรียกเธอมาไม่ใช่จะตำหนิอะไรเธอหรอกน่ะ แต่ที่ฉันเรียกเธอมา ก็เพราะฉันอยากจะให้เธอช่วยอะไรสักอย่าง...ได้ไหม?”
ฉันว่ามันชักจะมีกลิ่นไม่ดีลอยมาอีกแล้วแล้วล่ะ -_-;;
“เอ่อ...ถ้าหนูช่วยได้ก็จะช่วยค่ะ ว่าแต่อาจารย์มีเรื่องอะไรให้หนูช่วยเหรอค่ะ”
“เธอช่วยได้แน่ คือฉันอยากจะให้เธอช่วยทำหน้าที่จับสายนักเรียนให้ฉันหน่อยน่ะ”
ทันทีที่รู้ว่ามีงานเข้า ฉันก็รีบถามอาจารย์สุรีย์อย่างรวดเร็ว “แล้วอาจารย์ล่ะคะ! จะให้หนูทำงานนี้เมื่อไหร่กับใครเหรอคะ! ”
“ใจเย็นๆ สิ ที่ฉันให้เธอทำหน้าที่แทน เพราะว่าฉันอยากจะพักสักหน่อย ฉันจะให้เธอเริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ แต่เธอไม่ต้องกลัวว่าฉันจะให้ทำคนเดียวหรอกนะ เพราะฉันจะให้นายภาคินมาช่วยเธออีกแรง”
“ภาคิน?”
“อ้อ พวกเธอคงไม่รู้จักเขาในนามของชื่อจริง แต่เธอคงรู้จักในนามที่พวกนักเรียนเรียกเขากันว่า คิน Royal Knight “
ฮะ...หา ว่าไงนะ!! คิน Royal Knight อย่างนั้นเหรอ ให้ตายเถอะอะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้น่ะ
“จะให้หนูทำงานกับเขาเหรอคะ”
“ใช่ เธอไม่ต้องกลัวเขาหรอกหน่า นายคินเขาไม่กินเธอหรอก” อาจารย์สุรีย์พูดออกมาอย่างขำๆ แต่ฉันเนี่ยสิ ขำไม่ออกค่ะ =_=
“คนอื่นไม่ได้เหรอคะ”
“เธอจะเอานายไคท์ไปอยู่เป็นเพื่อนเธอแทนนายคินรึไง -_-“
เหอะ รายนั้นน่ะยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่เลยล่ะ
“นายคินก็นายคินค่ะ T_T” ฉันตอบอาจารย์สุรีย์กลับไปอย่างเศร้าๆ เมื่อก่อนคิดว่าอีกนานกว่าความตายจะมาหา แต่ไหงตอนนี้ความตายกลับมาหาเร็วจังเลยฟะ Y_Y
“ดีมาก ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอแค่นี้ล่ะจ๊ะ ^^”
แหม อาจารย์พอได้สิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วเนี่ยหน้าบานเชียวนะ -_-^
“งั้นหนูไปก่อนนะคะอาจารย์” ฉันยกมือไหว้บอกลาไปตามมารยาท ก่อนจะค่อยๆ เดินออกมาจากห้องฝ่ายปกครองอย่างเศร้าใจ
จะไม่ให้เศร้าใจก็ยังไงอยู่เนอะ -_-;;
พลั่ก!
“โอ๊ย!” ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามากระแทกฉันจนถลา แต่ดีนะที่ฉันยังพอทรงตัวไว้ได้ทัน
“อ๊ะ! นายคือ O_O”
“...”
ฉะ...ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม มะ...หมอนั่นที่ฉันเดินชนคือ อีตาคิน Royal Knight! โอ้! พระเจ้า...หมอนั่นดูดีกว่าที่คิดเลยแฮะ -.,-
“ขอโทษค่ะ”
“อ้าว! ภาคินมาพอดีเลย^^” จู่ๆ เจ๊สุรีย์ก็เดินออกมาจากห้อง
“ครับ”
“เออนี่ภาคิน นี่รวีพร ผู้ช่วยเธอที่จะจับสายนักเรียนพรุ่งนี้”
“ครับ” หมอนั่นหันมามองฉันด้วยหางตา ก่อนจะตอบรับอาจารย์สุรีย์กลับไป ชิ! ผู้ชายอะไรทำตัวไม่น่ารักเอาซะเลย
“รวีพร เธอชื่อเล่นว่าอะไรเหรอ ภาคินเขาจะได้เรียกถูก” อาจารย์สุรีย์หันมาถามฉันพร้อมตีหน้าโหด แหมๆ อาจารย์ทีกับนายคินนั่นยิ้มหวานซะหยาดเยิ้ม พอกับฉันล่ะก็โหดเชียว ช่างให้ความยุติธรรมกันจริงๆ -_-^
“ยังไงเขารู้จักหนูอยู่ดี ไม่จำเป็นต้องบอกวันนี้หรอกค่ะ” ฉันกระแทกเสียงตอบอาจารย์สุรีย์กลับไป
“รวีพร”
“เขาไม่เห็นอยากรู้จักหนูสักหน่อยนี่คะอาจารย์ -_-^”
“รวีพร” อาจารย์สุรีย์เน้นเสียงเรียกชื่อฉันให้หนักขึ้นกว่าเดิม แต่ฉันก็ทำเป็นเมินเฉยไม่สนใจ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วหนูก็ขอตัวนะคะ” ฉันพูดอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินผ่านหน้าอาจารย์สุรีย์ไปยังนายคิน
พลั่ก!
ฉันเดินชนไหล่หมอนั่นออกมาอย่างไม่ใส่ใจ เดิมทีคิดว่าจะได้ยินเสียงเจ้าแม่ตวาดมา แต่คิดผิดถนัด ไม่มีแม้แต่เสียงของใครดังตามมา สงสัยจะอึ้งกับการกระทำของฉันมั้ง ส่วนนายคินนี่ก็ดูท่าทางจะไร้มารยาทกว่าที่ฉันคิดไว้ในตอนแรกตั้งเยอะ ผู้ชายอะไรอยู่น่าเตะชะมัด นี่ถ้าไม่ติดว่า จะต้องทำภารกิจบ้าบออะไรนั่นนะ จ้างให้สักร้อยล้าน ฉันก็จะทำ (อ้าว) เจอกันครั้งแรกก็ไม่ถูกชะตากันซะแล้ว อย่างนี้มันจะไปรอดไหมนะ
หอพักหญิง
“แกไปไหนมาน่ะริบบิ้น ฉันตามหาเธอให้ควั่กเลย”
“ห้องฝ่ายปกครอง” ฉันตอบยัยรุ้งไปอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงแข็งๆ
“ไปทำไม?”
“อาจารย์สุรีย์เรียกไปพบน่ะ เพื่อให้ฉันไปทำหน้าที่จับสายนักเรียนวันพรุ่งนี้”
“จับสายนักเรียน O_O!”
“เออ” ฉันตอบเสียงเรียบก่อนจะพลิกตัวไปอีกด้าน
“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งหลับเซ่ มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ริบบิ้น! ” ยัยรุ้งเขย่าร่างฉัน ก่อนจะจับตัวฉันให้หมุนเข้าหา
“อะไรของแกอีกเนี่ย -_-^” ฉันบ่นกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์
“ทำไมอาจารย์สุรีย์ถึงเลือกแกไปจับสายนักเรียน แล้วจะไปทำหน้าที่นี้ยังไง กับใคร เมื่อไหร่ O_O”
“ฉันขอตอบแกทีละคำถามนะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอาจารย์ถึงเลือกฉัน ท่านบอกแต่ว่าอยาก จะพัก เลยให้ฉันไปทำหน้าที่จับสายนักเรียนในวันพรุ่งนี้ ส่วนจะไปกับใครน่ะเหรอ...”
“ใครเหรอยัยบิ้น O_O ” ยัยรุ้งทำหน้าลุ้นระทึกขึ้นมาทันที
“นายคิน Royal Knight”
“พระเจ้า! นี่แกได้ทำงานร่วมกับคินเหรอเนี่ย แกนี่โชคดีจริงๆ ”
“เออ จะอะไรก็ชั่งเหอะ ฉันขอไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกัน -_-^”
“เออๆ ฉันอยากเป็นแบบแกบ้างจัง ฉันจะได้เอาตัวและหัวใจไปไว้ที่เดฟสุดหล่อของฉัน >_<”
“=_=^” ท่านผู้อ่านทุกท่านเคยเห็นคนบ้ารึเปล่าคะ ถ้าไม่เคยเห็นก็ดูคนที่อยู่ตรงหน้าฉันนี่ล่ะค่ะ สดๆ ร้อนๆ จากศรีธัญญาเลยล่ะ -_-^^
“ถ้ามันโชคดีอย่างที่แกพูดมันก็ดีน่ะสิ” ฉันบ่นกับตัวเองเบาๆ ไม่อยากจะไปขัดจังหวะความสุขเล็กๆ ของยัยรุ้งที่กำลังบ้าเดฟอยู่
“เดฟ
เดฟจ๋า รอหน่อยน่ะจ๊ะ เดี๋ยวรุ้งคนนี้จะพลีกายถวายหัวใจให้ >_< ”
เฮ้อออ...... ฉันถอนหายใจยาวยืดให้กับยัยรุ้งหนึ่งที
=_____=;;; ประสาทกลับแล้วเพื่อนฉัน
ความคิดเห็น