ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Vegabond เจ้ายุทธภพพเนจร

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 การเริ่มต้นและการกลับมา

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ค. 51


    นานมาแล้วในอดีตกาล  โลกถูกสร้างขึ้นโดยองค์อัครมหาจักรพรรดิเทพอันเป็นผู้ปกครองสรวงสวรรค์นเป็นผู้ปกครอง้างถึงู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตที่หลากหลาย เพื่อเป็นพื้นที่ทดลองการดำเนินชีวิตและการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตที่หลากหลาย  พระองค์ใช้เวลาสร้างถึงแปดปี ในแต่ละปีระกว่างการสร้างสรรค์โลกขึ้นมา องค์อัครมเหสีก็ได้ประสูติบุตรธิดาขึ้นปีละองค์จนครบแปดพระองค์ เมื่อโลกเสร็จสมบูรณ์ องค์มหาจักรพรรดิเทพก็ประทานอำนาจเหนือธรรมชาติทั้งแปดให้และมีรับสั่งให้บุตรธิดาทั้งแปดลงไปสร้างความสงบสุขและสร้างชีวิตขึ้น ทั้งแปดมีผลงานยอดเยี่ยมเป็นที่ประจักษ์แก่สวรรค์จนเป็นที่เลื่องลือในหมู่สิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นมาใหม่เช่นกัน  ทั้งแปดปฏิบัติตามรับสั่งอย่างดี แผ่นดินที่ถูกเรียกว่าทวีปเกิดขึ้นอย่างเหมาะเจาะ จนมาถึงทวีปสุดท้ายที่ทั้งแปดตั้งใจจะสร้างถวายพระบิดา แต่ด้วยความเหนื่อยอ่อนจึงสร้างออกมาไม่สมบูรณ์จนเรื่องถึงหูขององค์อัครมหาจักรพรรดิเทพ และถูกลงทัณฑ์ให้ไปปกปักษ์รักษาทวีปสุดท้ายนั้นโดยทั้งหมดถูกสาปให้เป็นขุนเขากระจายอยู่ทั่วทวีป จนทำให้ชาวบ้านเรียกขานสมญานามว่า ปาซาน ทวีปแห่งขุนเขาทั้งแปด

     

    ปาซานเป็นหนึ่งในแปดทวีปซึ่งไม่มีประชากรทั้งๆ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด แต่เนื่องจากภูมิประเทศที่ซับซ้อนและภูมิอากาศที่แปรปรวน และที่ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่มีผู้กล้าจากทั่วหล้าเดินทางเพื่อเข้ามาพิสูจน์ความเป็นวีรชนคนแล้วคนเล่า แต่ก็ไม่เคยมีใครได้กลับออกไป จึงทำให้ชื่อเสียงยิ่งสะพัดหนักไปในทางลบ ประชาชนต่างก็หลวาดกลัวและพยายามลืมทวีปที่แปดนี้ แม้แต่ในแผนที่ก็ถูกลบออกไปด้วย จึงเป็นเหตุทำให้คนรุ่นหลังแทบจะไม่ทราบถึงเรื่องราวของตำนานเทพแปดองค์และทวีปปาซานเลย แต่ทวีปที่เหลือทั้งเจ็ดต่างก็เนืองแน่นด้วยประชากรเพราะถูกสร้างมาให้มีความเพียบพร้อมในทุกๆ ด้าน ทำให้มนุษย์แทบไม่ต้องพบเจอกับความลำบากเท่าใดนัก ชีวิตสุขสบายมากจนเกิดเรื่องถกเถียงบนสวรรค์นับครั้งไม่ถ้วน พอเรื่องหนาหูเข้า องค์อัครมหาจักรพรรดิเทพจึงบันดาลให้มนุษย์มีความรู้สึกนึกคิดที่หลากหลาย บันดาลสรรพวิชาแขนงต่างๆ ให้เกิดขึ้น รวมถึงขอความช่วยเหลือไปยังองค์ยมราชปิตุรงค์ ให้ช่วยเนรมิตความยากเข็นทุกข์ร้อนให้เกิดความสมดุลแห่งธรรมชาติ มนุษย์จึงเริ่มมีการศึกษาวิชา เกิดความรู้สึกนึกคิด เกิดความริเริ่มแปลกใหม่จนทำให้สามารถควบคุมอำนาจเหนือธรรมชาติได้ในที่สุด

     

                     เช้าวันหนึ่งบนทวีปอันเป็นที่กล่าวขานถึงความเป็นนักรบเซียวหย่งผู้คนออกมาเดินจับจ่ายซื้อของจากตลาดตามปกติ แต่สิ่งที่ผิดไปคือ ทุกคนพร้อมใจกันใส่เสื้อผ้าสีสดทำให้ทั้งเมือง* ดูมีสีสันและสดใสขึ้นเยอะ ที่จริงการใส่เสื้อผ้าแบบนี้ในวันงานเฉลิมฉลองต่างๆ ถือเป็นประเพณีแต่โบราณ ฉะนั้นวันนี้ก็เป็นวันงานเช่นกัน เป็นวันที่ทุกคนเฝ้ารอในทุกๆ ปี วันงานประลองยุทธ*’ ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเที่ยงไปตลอดจนเที่ยงวันของวันถัดไป แต่ละบ้านที่มีลูกหลานมีความสามารถและตรงตามคุณสมบัติก็มักจะส่งเข้าแข่งขันเพื่อชิงเงินรางวัลและยศถาบรรดาศักดิ์ แต่การได้มานั้นไม่ได้ง่ายนัก เพราะทุกปีจะมีผู้เข้าประลองจากต่างเมืองเช่นกัน

    พอสายเข้า ชาวเมืองก็จะไปจุกตัวกันที่โรงเตี๊ยมที่มีอยู่ทั่วทั้งเมือง แต่ที่ไหนก็เห็นจะสู้โรงเตี๊ยมของเฒ่าแก่ซุนไม่ได้ เพราะแก่เปิดมานานและรสชาติล้ำลึกไม่เปลี่ยนแปลง

    เป็นไงอาชิง พร้อมจะลงแข่งแล้วเรอะ  เจ้าของโรงเตี้ยมทักทายชายหนุ่มที่คงเป็นผู้ร่วมประลองยุทธอย่างเป็นมิตร

    ข้ารอวันนี้มานานแล้วเฒ่าแก่ วันที่จะได้สะสางอะไรบางอย่าง…” ชายผมดำหน้าคมจากหมู่บ้านสุดขอบทวีปตอบพร้อมชูกำปั้นขึ้นแสดงความมุ่งมั่น

    อืม ผลผลิตจากหมู่บ้านอิงเสวียงนี่ไม่เคยทำให้คนดูผิดหวังสักครั้งเลยนี่นะ

    เฒ่าแก่ชมกันเกินไปแล้ว ข้ายังอ่อนวิชานักชายหนุ่มยิ้มเขินๆ

    เอาเถอะๆ หาอะไรดื่มก่อนแล้วกัน เอ้า! อาหมวย เอาชากับหมั่นโถวมาโต๊ะนี้ซิ

    อ่าว พี่ชิง ไม่เจอกันนานเลยนะ นี่ก็จะเข้าประลองด้วยหรอจ๊ะ อาหมวย ลูกสาวเฒ่าแก่ซุนเอ่ยถามพลางวางจานหมั่นโถวแล้วถ้วยชาอูหลงหอมละไม

    อ่าวเปาเปาเองหรอ ดีใจที่ได้เจอกันอีกอาชิงยิ้มทักทายเปาเปา ที่จริงพี่ก็ไม่อยากลงสมัครเลยจริงๆ แต่เพราะมันจำเป็นน่ะ

    เป็นงั้นไป งั้นชั้นไม่รบกวนละ เชิญพี่ตามสบายนะจ๊ะ เปาเปายิ้มแทนบอกลาก่อนจะเดินกลับไปยังโรงครัว

    เฮ้อ ครั้งแรกของเรา จะเป็นยังไงน้า…..” ชิงอวี้ถอนหายใจ กระดกชาที่เหลือติดก้นถ้วยรวดเดียวก่อนจะลุกไปลาเฒ่าแก่

     

    ฉ่าง ฉ่าง ฉ่าง ประกาศจากคณะกรรมการงานประลองยุทธ ขอให้ผู้ร่วมประลองมาลงนามที่จุดรับสมัครด้วย เราจะเริ่มงานในอีกหนึ่งยาม*

     

    สิ้นเสียงประกาศที่กึกก้องไปทั่วบริเวณจากโฆษกของลานประลองยุทธ ชายหญิงผู้กล้าก็ทยอยกันเดินเข้ามายังลานประลอง รวมไปถึงชาวบ้านที่สนใจเช่นกัน ทำให้ลานที่โล่งมาตั้งแต่ปีแน่นขนัดไปโดยปริยาย

    ขอชื่อ อายุ อาวุธ และค่าดำเนินการ 30 ตำลึง

    ข้าแซ่ชิง ชิงอวี้ อายุ 22 จะใช้ทวน แต่ข้าไม่ได้พกเงินติดตัวมาชิงอวี้ทำสีหน้าตกใจที่งานประลองเรียกเก็บค่าดำเนินการ เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน

    คนต่อไป!”

    แต่ข้าไม่รู้มาก่อนว่ามีการเรียกเก็บค่าดำเนินการนี่ท่าน เขาเถียงสุดตัว

    คนต่อไป! คนต่อไป!”

    แต่…….”

    อ่ะ นี่ ข้าให้ท่าน เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังของชิงอวี้ ชายร่างสูงผมยาวเป็นมันยื่นเงิน 30 ตำลึงแก่เขา

    เหย้าเฟิง!” ชิงอวี้ตาเบิกโพลง

    ข้าให้นี่ก็เพราะเราจะได้ชำระหนี้ต่อกัน ไม่ใช่ให้ถือเป็นบุญคุณ รู้ไหม ชายผมยาวจ้องหน้าชิงอวี้และการประลองครั้งนี้ ถ้าเข้าแพ้ ข้าจะ ปลิดชีวิต ตัวเอง แต่ถ้าเจ้าแพ้ เรื่องที่ข้าฆ่าพี่ชายเจ้าจะถือว่าเป็นโมฆะแล้วกันนะ หึๆๆๆ

    ข้าขอปฏิเสธคำท้า ในเมื่อพี่ชายข้าตายไปแล้ว จะไปเสียอีกชีวิตทำไม ชีวิตเจ้ามันไร้ค่ามากนักรึไง  ชิงอวี้ตะโกนอย่างโมโห เอางี้ ผู้แพ้จะต้องวางมือจากยุทธภพจะมอบอาวุธแก่อีกฝ่าย  ถือเป็นอันตกลงก็แล้วกัน หวังว่าท่านคงไม่คัดค้าน

    แน่นอน ข้าไม่ขอคัดค้าน

    ชิงอวี้เดินออกจากลานประลองเพื่อไปพักเอาแรงก่อนจึงการประลอง ในใจก็เต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีตตอนที่พี่ชายของเขายังมีชีวิตอยู่ก่อนที่จะเผลอหลับไป

    ตื่นๆ ใกล้จะถึงคู่ท่านแล้ว ชายในชุดขาวดูดีมีสกุลเอาคทาปลายระย้า* สะบัดใกล้ๆ หน้าของชิงอวี้

    ทะท่าน เป็นใครรึ ชิงอวี้ยังงัวเงียแต่ก็จ้องหน้าชายผู้นั้นอย่างพินิจพิเคราะห์ ขออภัย แต่ใบหน้าท่านคุ้นมาก เหมือนข้าเคยเจอท่าน

    โถ่ ไอ้เพื่อนเวร พูดดีหน่อยทำเป็นจำกันไม่ได้ ข้าก็เซินฝูเพื่อนเจ้าไง

    เฮ้ย! ข้านึกแล้วต้องเป็นเจ้า ว่าแต่ไม่ไปเรียนต่อที่ทวีปกู่หยางแล้วหรอ

    เรื่องนั้นน่ะ ไว้ข้าจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้น่ะ…..” ก่อนที่เซินฝูจะพูดจบประกาศก็ดังขึ้นแทรก

    ฉ่าง ฉ่าง ฉ่าง คู่ที่สิบสี่ มือทวนชิงอวี้ และ แส้เหล็กเหย้าเฟิง

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×