ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไทฟอน (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 9

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 64


    ป่าแห่งนี้มีอีกชื่อเรียกว่าป่าดูดวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นปีศาจหรืออสูรเข้ามาในนี้ถ้าไม่มีพลังหรือจิตที่แข็งมากพอก็จะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ แล้วตอนนี้มนุษย์ที่เคนวิลล์ พาตัวมาจากโลกมนุษย์ก็ได้หลงเข้าไปในป่าแห่งนี้เสียแล้ว เคนวิลล์กระโดดออกจากหน้าต่างมุ่งตรงไปยังป่าที่บาร์เธอร์วิ่งหายเข้าไป ยอสที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ตามไปทันที เขาไม่รู้หรอกว่ามนุษย์นั่นมีความสำคัญกับ เคนวิลล์มากน้อยแค่ไหน แต่ก็ปล่อยให้เคนวิลล์ไปคนเดียวไม่ได้แน่

    "เจ้าจะเข้าไปในนั้นจริงหรือ" ทั้งคู่มาหยุดอยู่ตรงทางเข้าป่า ยอสจึงหันหน้าไปถามผู้เป็นเพื่อนในวัยเด็ก "ข้าว่าเจ้าอย่าเข้าไปเลย ป่านนี้เจ้ามนุษย์นั่นคงตายไปแล้ว"

    สิ้นสุดเสียงห้ามของยอส เคนวิลล์ก็เดินเข้าไปในป่าโดยที่ไม่สนใจคำเตือนของเพื่อนเก่า ยอสที่ยืนเซ็งจึงเดินตามเขาเข้าไป แต่เคนวิลล์ก็หยุดเดินแล้วหันไปบอกว่า "เจ้า...กลับไปเถอะ"

    ยอสยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อได้สติเคนวิลล์ก็หายไปแล้ว "เจ้าถึงขั้นเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อมนุษย์นั่นเลยหรือ”

     

     

     

    ป่าต้องห้าม ป่าดูดวิญญาณ

    สถานที่ที่สวยงามได้หายไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่หมอกหนาปกคลุมไปทั่วทั้งผืนป่า ท้องฟ้าเริ่มมืดขึ้นทุกที จากตอนแรกที่ตื่นเต้นที่ได้เห็นสิ่งสวยงาม บาร์เธอร์ก็เปลี่ยนใจ เขาอยากกลับคฤหาสน์แล้ว ไม่น่าออกมาเลย เขาตั้งใจว่าจะเดินดูข้างนอกแค่แป๊บเดียวเท่านั้นแต่ไม่คิดว่าตัวเองจะหลงทาง แล้วทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ

    "น่ากลัวชะมัดเลย..." เสียงกรี๊ดของสัตว์ชนิดหนึ่งดังขึ้นไปทั่วทั้งป่า ทำให้มนุษย์ที่หลงเข้ามารู้สึกกลัว ไม่คิดเลยว่าบาร์เธอร์ผู้บ้าระห่ำตอนนี้จะกลายเป็นคนขี้ขลาดตาขาวไปเสียได้ "เอาวะ... สู้กับนักเลงตั้งห้าสิบกว่าคนในเวลาเดียวกันยังทำมาแล้ว แค่เดินป่านี่ จิ๊บๆ "

    บาร์เธอร์ยืนหายใจเข้าออกเพื่อสงบสติก่อนจะเริ่มก้าวขาเดินอีกครั้ง แต่ยิ่งเดินก็เหมือนจะยิ่งเข้าไปลึกกว่าเดิม มองไปทางไหนก็เหมือนกันไปหมด

                ฟ้าเริ่มมืดบวกกับหมอกหนาเริ่มปกคลุมทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ตรงหน้าไม่ชัดเจน เป็นเพราะใส่เสื้อเชิดสีขาวธรรมดา เมื่อกระทบกับหมอกทำให้เสื้อเปียกชื้นจนเผยให้เห็นผิวสีเนื้อข้างใน คนตัวเล็กเริ่มตัวสั่นระริกเพราะความหนาวเย็น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าป่าในตอนกลางคืนจะหนาวขนาดนี้ บาร์เธอร์เริ่มหมดแรงเขาจึงเดินเท้าเปล่าไปนั่งลงใต้ต้นไม้ เนื่องจากรีบปีนรั้วออกมาเลยไม่ใส่รองเท้า นี่จึงทำให้เท้าของบาร์เธอร์เต็มไปด้วยแผลจากการโดนหญ้าและพวกกิ่งไม้บาดจนเป็นรอยช้ำไปหมด

    "ไม่น่าออกมาเลย เคน นายอยู่ที่ไหน" เขากลั้นน้ำตาเอาไว้พลางนึกถึงเพื่อนใหม่ที่สั่งห้ามไม่ให้เขาออกจากคฤหาสน์ บาร์เธอร์รู้สึกผิดที่ไม่ฟังเขา ใครจะคิดล่ะว่าข้างนอกกำแพงจะน่ากลัวขนาดนี้ 

    แกร๊ก... 

    เสียงอะไรบางอย่างขยับอยู่บนหัว เพราะความสงสัยบาร์เธอร์จึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมอง ก็พบกับกิ่งไม้ขนาดใหญ่ ...เสียงมาจากไหนกันนะ... ยังไม่ทันได้ละสายตากิ่งไม้ที่ไร้ใบก็เริ่มขยับพร้อมกับเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด คนที่นั่งนิ่งเบิกตาโพลงโตด้วยความตกใจ ก่อนจะดีดตัวเองลุกขึ้นไปมองต้นไม้ให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ตาฝาด ไม่นานหมอกหนาก็หายไป ทำให้บาร์เธอร์มองเห็นสิ่งต่างๆ ตรงหน้าชัดขึ้น

    เขายืนชะงักค้างอยู่กับที่ทำตาโตอึ้งมองต้นไม้ที่ตายแล้วตั้งอยู่เรียงกันเป็นร้อยต้น แต่ละต้นไม่มีใบไม้เลยสักใบ ที่นี่มันแห้งแล้งขนาดนี้เลยหรือ ไม่สิ... นั้นมัน "อ๊ากกกกก ไม่อยู่แล้วโว๊ยยยย ผี ผีต้นไม้ ผีหลอกกกกกก ...พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย เคน เคนวิลล์ ช่วยด้วยยยยยย!!! "

    เสียงตกใจกลัวร้องตะโกนไม่เป็นศัพท์ดังกล้องกังวานไปทั่วผืนป่า เมื่อต้นไม้ที่เหมือนตายแล้วกลายเป็นสิ่งมีชีวิต กิ่งไม้ขยับไปมาเพื่อที่จะจับตัวมนุษย์ที่กำลังวิ่งหนี แต่เป็นเพราะความกลัวและมีร่างกายที่แข็งแรง บาร์เธอร์จึงวิ่งหนีสิ่งเหล่านั้นมาได้ เขาหลับหูหลับตาวิ่งจนในที่สุดก็ออกมาจากดงต้นไม้มีชีวิตนั้นได้สำเร็จ ร่างกายที่บอบช้ำหันซ้ายแลขวามองไปรอบๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ...รอดแล้วสินะ... ในขณะที่กำลังยืนพักหายใจหอบอยู่นั้น บาร์เธอร์ก็รู้สึกเหมือนเท้ากำลังจมลงไปในของเหลวบางอย่าง เมื่อก้มลงไปมองเขาก็แทบหยุดหายใจ

    รู้ตัวอีกทีโคลนก็ดูดร่างกายที่บอบช้ำลงไปครึ่งตัวแล้ว บาร์เธอร์ไม่ทันได้ตั้งสติก็รีบตะเกียกตะกายพยายามเอื้อมแขนไปเกาะฝั่งให้ได้แต่มันก็ไม่เป็นผล เพราะยิ่งดิ้นมากเท่าไหร่ โคลนก็ยิ่งดูดเขาลงไปมากเท่านั้น เมื่อระดับโคลนอยู่สูงขึ้นมาถึงกลางอก ในตอนนั้นเองภาพในอดีตก็ลอยเข้ามาในหัว บาร์เธอร์เกิดมาเป็นเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุ 1 เดือน ชีวิตในสถานสงเคราะห์ก็ไม่ได้ลำบากอะไรนักเพียงแต่ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไปแค่นั้นเอง ทันทีที่อายุครบ 18 ปี บาร์เธอร์ก็ต้องออกจากบ้านเด็กกำพร้ามาใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว เขาเริ่มจากการหางาน ที่นอนของเขาในตอนนั้นคือป้ายรถเมล์หรือไม่ก็ใต้สะพานลอย หลายครั้งที่มีอุปสรรคมากมายเข้ามาในชีวิต บาร์เธอร์ก็ต่อสู้แล้วผ่านมันมาได้ ตอนนี้ก็เช่นกัน ฉันไม่ยอมแพ้หรอก ฉันบาร์เธอร์นะเว้ย นักเลงที่เก่งที่สุดชายที่ไม่เคยแพ้ใคร ฉันจะมาตายแบบนี้ไม่ได้ สภาพของบาร์เธอร์ในตอนนี้เหลือเพียงส่วนหัวเท่านั้นที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน ดวงตารียาวขยับปิดลงช้าๆพร้อมกับสูบลมหายใจเข้าไปเต็มปอด เมื่อพ่นลมหายใจออกบาร์เธอร์ก็ตะโกนออกมาจนสุดเสียงด้วยความหวัง ว่าต้องมีใครสักคนได้ยินเสียงตะโกนของเขา และคนๆนั้นอาจเป็นเคนวิลล์ "ช่วยด้วยยยยยยย... ช่วยด้วยยยยยยย!! ." 

     

    เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือก้องกังวานไปทั่วผืนป่า ทำให้เคนวิลล์ที่เดินอยู่ชะงัก เขาหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่อแน่ใจแล้วว่าเสียงร้องตะโกนมากจากทิศทางไหน ร่างสูงก็พุ่งตัวหายเข้าไปในป่าด้านหนึ่ง

    เมื่อมาถึงดวงตาคมก็หรี่ตามองลงไปในโคลนที่เหมือนพึ่งดูดบางอย่างลงไป ...ข้ามาช้าไปหรือ... ในขณะที่เคนวิลล์กำลังสับสนอยู่นั้น เสียงที่คุ้นเคยก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือขึ้นมาอีกครั้ง เคนวิลล์ไม่รอช้าพุ่งตัวตรงไปที่ต้นเสียงทันที่

    "ช่วยด้วยยยยยยย!" 

    ร่างของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยโคลนตะโกนขอความช่วยเหลือ โดยที่ขาทั้งสองข้างถูกลากไปกับพื้น "ฮ่ะๆ เจอของดีซะแล้วสิ" ปีศาจที่มีหัวเป็นวัวมีตัวเป็นคน เดินลากขามนุษย์ที่เขาพึ่งเจออยู่ในโคลนดูดไปตามทางโดยที่ไม่สนใจเลยว่าแผ่นหลังและลำตัวของมนุษย์จะโดนหินและกิ่งไม้ใบหญ้าขูดจนเป็นแผลลึก บาร์เธอร์ที่คิดว่าตัวเองรอดตายแล้วพอได้เห็นใบหน้าของปีศาจมิโนทอร์ ก็แหกปากร้องลั่นอีกครั้ง พร้อมกับดิ้นไปมาหวังให้ตัวเองหลุดออกจากโซ่ที่ล่ามอยู่บนคอ

    "เอาอะไรมาใส่ให้ฉันฟะ ฉันไม่ใช่หมานะโว้ย... " ใครก็ได้ปลุกผมที ผมฝันอยู่ใช่ไหม ตอนนี้ผมกำลังโดนมนุษย์หัววัวลากไปไหนก็ไม่รู้ พระเจ้า ช่วยลูกด้วย...

    ปีศาจมิโนทอร์คำรามเสียงในลำคอด้วยความหงุดหงิดก่อนจะพูดว่า "อยู่นิ่งๆ" มันรู้สึกรำคาญมนุษย์ที่ร้องโวยวายและดิ้นไม่ยอมหยุด บาร์เธอร์เห็นแบบนั้นจึงแหกปากโวยวายมากขึ้นไปอีก มิโนทอร์จึงวางเท้าทั้งสองข้างของมนุษย์ลงด้วยความเหลืออด ก่อนที่จะหันไปจัดการมนุษย์ที่นอนดิ้นอยู่ที่พื้นร่างยักษ์ก็หยุดชะงักมองบุคคลที่มาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้า

    เคนวิลล์ในตอนนี้เหมือนดังอสูรที่ถูกปั้นขึ้นมาจากขุมนรก ร่างสูงย่างกายเข้ามาหยุดยืนประจันหน้ากับอสูรมิโนทอร์ด้วยใบหน้านิ่งสงบ นัยน์ตาแสนเย็นชาลุ่มลึกเต็มไปด้วยเพลิงโทสะของความโกรธ 

    "เคน.." เสียงแหบพร่าเปล่งออกมาด้วยความยากลำบาก เนื่องจากบาร์เธอร์ใช้เสียงมากเกินไปจึงทำให้เขามีปัญหาในลำคอ “น่ะ...หนีไป” 

    เคนวิลล์มองปลอกคอหนาบนคอขาวด้วยสายตาเย็นชา ยิ่งเห็นเชิ้ตขาวในตอนนี้กลายเป็นสีโคลนขาดหลุดรุ้ยเผยให้เห็นรอยแผลที่ถูกลากมากับพื้น มันก็ทำให้อสูรไทฟอนรู้สึกเจ็บปวดขึ้นไปอีกขั้น

    "มนุษย์นี่เป็นของข้า" อสูรมิโนทอร์พูดพร้อมกับทำหน้าเย้ยหยัน

    “ปล่อยเขา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” เมื่อเคนวิลล์พูดจบ มิโนทอร์ที่มีหัวเป็นหมูก็หัวเราะชอบใจออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่

    “ฮ่าๆๆๆ อย่างเจ้า จะทำอะไรข้าได้” มิโนทอร์มีหัวเป็นวัวมีตัวเป็นมนุษย์ ร่างกายกำยำของเขาทำให้เขามีความมั่นใจในตัวเองสูง “ถ้าเจ้าอยากได้ก็เข้ามาแย่งไปสิ”

    พูดจบมิโนทอร์ก็กำหมัดขนาดใหญ่กว่าใบหน้าของมนุษย์พุ่งใส่เคนวิลล์ที่ไม่ทันตั้งตัว ใครๆก็รู้ว่าพลังของมิโนทอร์นั้นมหาศาล เพราะมีร่างกายที่กำยำและมีพลังที่แข็งแกร่งหมัดของมิโนทอร์สามารถตัดต้นไม้ใหญ่ขาดเป็นสองท่อนได้ในหมัดเดียว ในสายตามิโนทอร์เคนวิลล์ก็เป็นแค่อสูรเย็นชาธรรมดา เพราะฉะนั้นแค่หมัดเดียวก็อาจตายได้แล้ว

    “น่ะ...นี่มัน อะไรกัน” มิโนทอร์ที่อวดเก่งอยู่เมื่อครู่มองภาพตรงหน้าอย่างไม่ยากจะเชื่อสายตาตัวเอง “เป็นไปไม่ได้”

    กำปั้นที่เคยต่อยต้นไม้ขาดเป็นสองท่อนภายในหมัดเดียวและเคยฆ่าอสูรตัวอื่นๆมามากมาย ตอนนี้ได้ถูกมือข้างหนึ่งของอสูรที่ตนเองคิดว่าเป็นเพียงอสูรธรรมดารับไว้ได้ด้วยมือข้างเดียว  

    "บังอาจ!! ..." ในขณะที่มิโนทอร์กำลังสับสนอยู่นั้น ยอสก็ลอยตัวลงมาจากบนท้องฟ้าด้วยความไม่พอใจ เสียงของยอสทำให้ มิโนทอร์รีบชักมือที่ชะงักค้างออกมาจากมือของเคนวิลล์ที่ยื่นมารับหมัดไว้ ก่อนจะหันไปมองผู้มาใหม่ ทันทีที่เห็นเคียวยมทูตจากหลังชายในชุดดำดวงตากลมโตของใบหน้าวัวก็เบิกตาโพลงโตด้วยความตกใจ ถึงแม้ว่าเขาจะมีร่างกายที่แข็งแรงและมีพลังที่แข็งแกร่ง แต่ถ้าโดนเคียวยมทูตเข้าไปล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นปีศาจที่แกร่งมาจากไหนก็คงไม่รอดแน่... เมื่อได้สติมิโนทอร์ก็ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นแล้ว

    "ข้าไม่คิดว่ามนุษย์นี่จะเป็นแขกของผู้เฝ้าประตูนรก เพราะได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ข้าจึงไปช่วยเขาขึ้นมาจากบ่อโคลน แต่พอเขาได้เห็นใบหน้าของข้า เขากับเอาแต่ร้องโวยวาย ข้าจึงไม่มีทางเลือก จึงต้องลากเขาไปด้วย"

    "หึ.. เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรือ ปลอกคอที่เจ้าใส่ให้มนุษย์นั่น เป็นปลอกคอศักดิ์สิทธิ์ของพวกพ่อค้าอสูร เจ้าจะเอามนุษย์นี่ไปขายสินะ" มิโนทอร์ตัวสั่นเพราะความกลัว เขารู้ดีว่าถ้าเผชิญหน้ากับเซอร์เบอรัสเขาต้องไม่ได้กลับบ้านแน่ และชายลึกลับนั่นอีก เขาสามารถรับพลังหมัดของมิโนทอร์เพลียงหมัดเดียวได้ยังไง มนุษย์นี่ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่...

    "ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย"

    ยอสยังไม่ทันได้อ้าปากพูดมิโนทอร์ก็ฉวยโอกาสวิ่งหนีหายเข้าไปในป่าทิ้งให้ยอสยืนกัดฟันกรอดแต่ก็ไม่ได้ตามเขาไป เคนวิลล์ที่เห็นว่าบาร์เธอร์นอนหมดสติอยู่ในสภาพที่บอบช้ำจึงไม่ได้สนใจมิโนทอร์ เขาย่างกายตรงไปยังร่างกายของมนุษย์หนุ่มก่อนจะโน้มตัวลงไปช้อนตัวบาร์เธอร์ขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะลอยตัวขึ้นไปบนฟ้าพาเจ้าของร่างกายที่บอบช้ำกลับไปที่คฤหาสน์อีกครั้งโดยที่ไม่สนใจยอสที่ยืนมองอยู่ด้านล่าง

     "......." ยอส 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×