ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่อีกทีกลายเป็นผู้หญิงเฉยเลยครับ

    ลำดับตอนที่ #5 : Ep5 อาวุธประจำกาย

    • อัปเดตล่าสุด 25 ส.ค. 64


    เช้าวันใหม่ ผมก็ออกมาล้างจานทำหน้าที่ที่เจ้าของร่างเดิมเคยทำเป็นกิจวัตรประจำวัน หลังจากล้างชามเสร็จก็จะออกเดินทางไปโรงเรียนเพียงลำพัง 

    ร่างบางของเด็กสาวในชุดเครื่องแบบนักเรียนเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ เพราะผมได้จัดการซักเสื้อผ้าที่มีอยู่แค่ชุดเดียวจนสะอาดหมดจด 

    ตอนนี้ผมรู้สึกสดชื่นกว่าเมื่อวานหลายเท่านัก ขณะที่กำลังก้าวขาชมบรรยากาศรอบข้างรถหรูคันเดิมก็ขับผ่านร่างของผมไป และแน่นอนว่าไอหัวเงินนั่นก็นั่งอยู่ในรถท่าเดิม

    เมื่อรถคันนั่นแล่นหายไปแล้ว ผมก็นึกถึงรายชื่อมากมายที่มินอาจดเอาไว้ ถึงแม้ยัยนี่จะดูเหมือนคนไม่สนใจอะไร แต่เธอก็เขียนชื่อเพื่อนร่วมห้องพร้อมทั้งบรรยายไว้เสียหมด 

    ขณะที่กำลังก้าวขาเดินมาจนถึงลำธาร ก็พบนักเรียนจำนวนมากกำลังเดินไปเรียนอย่างสบายใจ พอพวกเธอเห็นผม ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

    "เมื่อวานยัยนั่นอยากลองใช้พลังเวทด้วยล่ะ แต่กับทำระเบิดใส่ตัวเองเฉยเลย" ฮ่าๆ 

    "จริงหรอ ตลกชะมัด" หญิงสาวกลุ่มนั้นทำเสียงคิกคัก ผมจึงมองพวกเธอพร้อมกับคลี่ยิ้ม

    "พวกเธอเป็นมนุษย์ป้าหรือไงฮะ"

    "เอ๋" พวกนั้นทำหน้าตกใจ ไม่คิดว่าผมจะเดินเข้ามาทัก

    "ถ้าไร้พลังจริงๆ ฉันจะเสกระเบิดได้ยังไง ทำไมถึงไม่ใช้หัวคิด"

    "เธอจะบอกว่าเธอมีพลังอย่างนั้นหรอ" เด็กสาวอีกคนถาม

    "จะให้ฉันระเบิดหัวพวกเธอเป็นการพิสูจน์เลยดีไหม" ยัยพวกขี้เผือกเอ๊ย

    "......." พวกเด็กสาวปากเก่งตอนนี้มองผมด้วยสีหน้าหวาดกลัว ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ผมกำลังทำหน้าอะไรอยู่

    "ถ้าจะเผือกก็เผือกให้มันเบาๆ หน่อยเส้ เดี๋ยวปั๊ดจับกินแม่ง"

    "กรี๊ดดดดดดด" สิ้นเสียงกรี๊ดเด็กสาวทั้งสามคนก็วิ่งหนีไป ปล่อยให้ผมยืนหัวเราะสะใจอยู่เพียงลำพัง 

    "เก่งแต่ปากกันจริงๆ" อาจเพราะมินอาตัวจริงเอาแต่เดินก้มหน้า ฟังเสียงนินทาและด่าทอ เลยทำให้เจ้าพวกนั้นได้ใจเพราะคิดว่ายัยนี่ไม่มีวันต่อสู้หรือต่อต้านสินะ

     

    ปี๊นๆ...

     

    "วันนี้เธอสวยขึ้นนะ" อะไรอีกละฟะ ผมหันไปมองรถบิ๊กไบค์ที่มาจอดอยู่ข้างตัว ก็พบว่าเป็นไอ้หัวชมพูนั่น ผมจำได้ว่าหมอนี่ชื่อราฟเพราะได้ยินยัยหัวบอร์นเอ่ยชื่อเขาเมื่อวาน

    "มีอะไร"

    "เธอยังไม่รู้สึกหวั่นไหวอีกหรอ"

    "......." 

    ผมไม่หยุดคุยต่อจึงก้าวขาเดินหนีไปข้างหน้า จากนั้นเจ้าบ้านั่นก็ยังขับรถตามผมมาอย่างเชื่องช้า

    "นี่ ไปด้วยกันไหม"

    "ไม่ล่ะ" ทางที่ดีอย่าไปยุ่งกับเจ้าพวกนี้ดีกว่า

    "รถคันนี้ยังไม่เคยมีสาวไหนเคยได้นั่งมาก่อนเลยนะ เธอไม่สนใจมาเป็นคนแรกของฉันจริงๆ หรอ"

    "นี่..." ผมหยุดเดินจากนั้นก็หันไปมองร่างสูงที่อยู่ข้างตัว "นายชอบฉันหรอ"

    "......." ใบหน้าที่กำลังยิ้มกว้างหยุดชะงัก คงไม่คิดว่าผมจะถามคำถามนี้ออกมา

    "ฮ่าๆๆๆ เธอนี่ตลกชะมัด คิดว่าคนอย่างฉันจะมาสนใจผู้หญิงอย่างเธอหรือไง" จะบอกว่าผมหลงตัวเองสินะ

    ไม่รอให้ผมเดินหนีร่างสูงก็บิดรถแซงผมไปด้วยความเร่งรีบ ผมจึงมองตามรถคันนั้นด้วยสีหน้าแปลกใจ ถ้าไม่ชอบแล้วจะมาวุ่นวายทำไม... ถ้าอยู่ที่โลกเดิมแบบนี้เรียกว่าจีบสาวชัดๆ

     

     

    ราฟ

    ผมเอาเรื่องเมื่อเช้าไปเล่าให้เลียมฟัง พอเลียมได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างซะใจ 

    "ฮ่าๆ นี่นายโดนสาวปฏิเสธเป็นครั้งแรกสินะ" 

    "........" ผมมองเพื่อนด้วยสายตาไม่พอใจ

    "ยัยนั่นใจกล้าจริงๆ ฉันล่ะอยากนับถือเธอเลย"

    "เหอะ"

    "ไม่ดีใจหรือไงที่ในที่สุดก็มีคนต่อต้านพลังของนายได้น่ะ" 

    ผมนิ่งเงียบไม่ตอบ ได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจ จากนั้นก็ลุกเดินไปหาเด็กสาวที่นั่งอยู่ใกล้ที่สุด เมื่อเดินไปหยุดตรงหน้าเธอก็เงยหน้าสบตาผม จากนั้นแก้มสีขาวก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ

    "เธอจะยอมเป็นทาสรักของฉันไหม" ผมพูดกับเด็กสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะได้รับการพยักหน้ากลับมา และเมื่อผมเดินกลับมานั่งที่เดิม เด็กสาวคนนั้นก็มองผมด้วยสายตาหยาดเยิ้ม 

    เสียงหัวใจของเธอกำลังเต้นแรงตอนที่ได้เห็นผม จนในที่สุดก็ทนไม่ไหว ที่จะเดินมานั่งข้างผมด้วยสีหน้าเขินอาย เห็นแบบนั้นผมก็คายมนต์สะกดออกจากเธอทันที

    พอได้สติ เธอก็มีสีหน้ามึนงง มองผมด้วยสายตาไม่เข้าใจก่อนจะถามว่า "ฉันมานั่งตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่"

    "......." พวกผมจึงนั่งเงียบมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า ตีเนียนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

    เมื่อเธอเดินกลับไปแล้ว เลียมก็กล่าวว่า "พลังของนายมันอันตรายจริงๆ"

    "แต่ใช้กับยัยนั่นไม่ได้น่ะสิ"

     

     

    มินอา

    บรรยากาศในโรงเรียนยังคงดูวุ่นวายเหมือนกับเมื่อวาน และวันนี้วิชาที่จะมาเรียนเป็นการเรียนฝึกเทคนิคการต่อสู้สำหรับนักรบ ซึ่งผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเราถึงต้องเรียนเทคนิคการต่อสู้ด้วย ดังนั้นจึงเดินไปถามเด็กสาวและชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า

    ในสนามกลางแจ้งด้านนอกปราสาทของโรงเรียน หญิงสาวสองคนและชายหนุ่มอีกสามคนมองผมด้วยสีหน้าตกใจปนสับสน นัยน์ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ขณะที่เด็กสาวอีกสองคนจะเดินหนี ชายหนุ่มผมทองก็เอ่ยขึ้น

    "เธอไม่รู้หรือไง ว่าพวกเราเรียนเพื่อไปเป็นนักรบ"

    "......" ท่ามกลางความแปลกใจ เด็กนักเรียนคนอื่นก็มองหน้าผู้ชายคนนั้นด้วยสีหน้าแปลกใจเช่นกัน

    "จะไปคุยกับเธอทำไม เธอเป็นพวกนอกรีตนะ"

    "ก็แค่ตอบคำถามน่ะ พวกเธอจะซีเรียสกันทำไม" เขาสวนกลับเพื่อนสาวอีกคน

    "แต่...."

    "ขอโทษนะที่ฉันทำให้พวกคุณอึดอัด แต่ว่าฉันน่ะ" ผมกำลังจะอ้าปากกล่าวต่อว่าตัวเองจะปรับตัวและจะไม่ทำตัวแปลกแยกอยู่นั้น เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

    "วันนี้พวกเราจะมาเลือกอาวุธ จงหาอาวุธประจำตัวที่จะเป็นของพวกเจ้าไปตลอดชีวิตเสีย" พูดจบเด็กนักเรียนทุกคนก็ทำตาโต เมื่อเห็นบนโต๊ะที่เคยว่างเปล่าเต็มไปด้วยอาวุธมากมาย มีทั้งดาบยาว และดาบสั้น มีกริด รวมไปถึงคันธนู หรือสิ่งต่างๆ มากมาย 

    เด็กหนุ่มหัวทองที่คุยกับผมเมื่อครู่เดินไปหยิบดาบที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเองหลายเท่าขึ้นมาถือไว้ในมือ จากนั้นก็ตามด้วยคนอื่นๆ ที่แย่งอาวุธกันด้วยความวุ่นวาย และในตอนนั้นเองเสียงของศาสตราจารย์ก็ดังขึ้น

    "ใครบอกกันว่าพวกเจ้าจะเป็นฝ่ายเลือกอาวุธ" ทุกคนหยุดชะงัก

    "ไม่ใช่พวกเราเลือกแล้วใครจะเลือกละคะ" แก๊งแม่สาวผมบอร์นกล่าว ในไดอารี่ของมินอาเขียนบรรยายถึงยัยนั่นไว้มากมาย เท่าที่ผมจำได้เธอชื่อเอมิลี่สินะ แล้วลูกสมุนของเธอก็คงจะเป็นคนที่เอ่ยถาม ยันนั่นมีผมสั้นรูปร่างค่อนข้างผอมคงจะชื่อลินดา ส่วนอีกคนที่ดูมั่นใจในตัวเองไม่ต่างจากเอมิลี่สักเท่าไหร่ก็น่าจะชื่อเอ็มม่า

    "อาวุธจะเลือกพวกเจ้าเอง เพราะงั้นวางมันกลับที่เดิมซะ" ทุกคนร้องออกมาอย่างเซ็งและเสียดายอาวุธในมือก่อนจะเดินเอาไปวางกลับไว้ที่เดิมอย่างว่าง่าย "อาวุธที่เลือกพวกเจ้า ก็เป็นเหมือนไฟ ถ้าหากใช้ถูกวิธีมันก็จะเกิดประโยชน์"

    ทุกคนมองชายตรงหน้าด้วยใบหน้านิ่งสงบ เขามีขนาดตัวค่อนข้างสูงและมีร่างกายที่กำยำ ชุดคลุมสีดำที่เขาสวมใส่ทำให้ดูน่ายำเกรง 

    "ถ้าหากใช้ผิดวิธีมันก็จะย้อนกลับมาเล่นงานเจ้า"

    เขาไม่พูดอะไรต่อก็ให้เด็กนักเรียนทุกคนมายืนเรียงแถวหน้ากระดาน จำนวนนักเรียนมีประมาณห้าสิบกว่าคน ขณะที่กำลังใจจดใจจ่อกับสิ่งตรงหน้า เด็กสาวที่ยืนข้างผมก็เอ่ยขึ้น

    "ตื่นเต้นชะมัด ในที่สุดก็จะได้อาวุธประจำกายแล้ว" 

    "มันน่าตื่นเต้นขนาดนั้นเลยหรอ" ผมถาม

    "ก็ใช่น่ะสิ เจ้าอาวุธพวกนี้น่ะมีแต่พวกรุ่นใหญ่ใกล้จะจบเท่านั้นถึงจะได้ ที่พวกเราเรียนกันมาก็เพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ" เธอตอบด้วยเสียงร่าเริงก่อนจะหยุดชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนที่เธอกำลังพูดด้วยอยู่นั้นคือผม

    "ยื่นมือขวาออกมาข้างหน้าแล้วตั้งจิตอธิษฐานอย่างแน่วแน่" พวกเราทำตามที่ครูสั่ง จากนั้นไม่นานเหล่าอาวุธมากมายบนโต๊ะก็คอยลอยเข้าหานัดเรียนทีละคน เจ้าหัวทองคนนั้นได้ดาบใหญ่ที่ตัวเองอยากได้จึงหัวเราะออกมาอย่างดีใจ ส่วนเอมิลี่ก็ได้กริดสองอันมาอยู่ที่มือ ตามด้วยลินดาได้คทาเวทมนตร์ และสุดท้ายเอ็มม่าก็ได้ปืนสั้นมาอยู่ในมือ

    ผมจึงเหลือบตาไปมองไอแซ็คก็พบว่าร่างสูงกับยืนนิ่งเงียบสงบ ไม่เห็นจะแบมือรออาวุธเหมือนกับคนอื่น ขณะที่กำลังแปลกใจอยู่นั้น ก็มีอะไรบางอย่างมาแตะที่นิ้วมือเรียวข้างขวา พอหันไปมองก็พบว่าเป็นคันธนูไม้ธรรมดา ผมจึงกำสิ่งที่อยู่ในมือเอาไว้แน่น 

    "ฮ่าๆ ดูยัยนั่นสิได้ธนูไม้กากๆ" เอมิลี่พูดเย้ยหยัน

    "ถือว่าเป็นโชคดีนะที่อย่างน้อยอาวุธก็ยังเลือกเธอ ฮ่าๆ" ทุกคนหัวเราะพร้อมกับทำเสียงดูแคลน แก้มของผมเริ่มขึ้นสีเพราะความโกรธ ขณะที่กำลังจะอ้าปากตอบโต้ หางตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับศาสตราจารย์นิโคลัส ใบหน้าของเขานิ่งสงบก็จริง แต่นัยน์ตาคู่นั้นกับจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย

     

     

     

     

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×