ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไทฟอน (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 64


    “น่ะ... นี่” บาร์เธอร์ที่พึ่งตื่นนอนสะดุ้งโหยงเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบใครบางคนนั่งจ้องตนอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงนอน

    “....”

    “อย่าบอกนะว่านายนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคืน” บาร์เธอร์ขยับตัวลุกขึ้นนั่งถามคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาใดตอบสนอง เจ้าของดวงตาคมจ้องมองเข้ามาในตาสวยที่ยังสะลึมสะลือ

    “ช่างเถอะ... ฉันต้องไปทำงาน” เอ๊ะ ลืมไปว่าเราโดนไล่ออกแล้วนี่หว่า ในเมื่อไม่มีงาน บาร์เธอร์จึงลุกขึ้นไปอาบน้ำปล่อยให้เคนวิลล์นั่งนิ่งอยู่ข้างเตียง หลังจากทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินไปต้นน้ำร้อน ดวงตาเรียวเหลือบมองเคนวิลล์พร้อมกับทำหน้ากลุ้มใจเพราะชายหน้าตาดีคนนั้นยังคงนั่งอยู่ในท่าเดิม นัยต์ตาสีรัตติกาลมองเตียงขนาดเล็กของบาร์เธอร์ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทำให้เจ้าของห้องหน้าขึ้นสีเพราะความอาย หมอนั่นคิดจะดูถูกฉันงั้นหรอ ในใจของมนุษย์หนุ่มรู้สึกขุ่นเคืองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาละสายตาจากอสูรไทฟอนไปที่หม้อน้ำร้อนแล้วลงมือฉีกซองบะหมี่ใส่ลงไปเพื่อเป็นมื้อเช้าของวัน

    บะหมี่รถหมูสับต้มยำถูกนำมาวางเสิร์ฟบนโต๊ะขนาดเล็ก ...กินเสร็จก็ค่อยพาหมอนั่นออกไปตามหาบ้าน... คิดได้ดังหน้าบาร์เธอร์จึงหันไปบอกเคนวิลล์ “เลิกนั่งจ้องเตียงของฉันได้แล้ว มากินมื้อเช้า” เคนวิลล์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงนอนลุกขึ้นเดินมานั่งที่โต๊ะอย่างว่าง่าย ปากสวยยังคงเหยียดตรงมองคนที่นั่งคีบเส้นบะหมี่เข้าปากเหมือนทุกที

    “ถ้าไม่กินฉันเสียใจแย่นะเว้ย กินๆ เข้าไปเลย เดี๋ยวพ่อแม่นายจะหาว่าฉันดูแลนายไม่ดี” บาร์เธอร์พูดพร้อมกับเคี้ยวเส้นบะหมี่จนสองแก้มอูม ปากก็เคี้ยวตุ้ยๆ

    “.....”

    “ถ้าขืนนายยังเลือกกินอยู่แบบนี้ นายได้อดตายแน่ไม่มีทางอยู่รอดบนโลกใบนี้ไปได้หรอกนะ ฉันจะบอกให้ ถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะมีประโยชน์น้อย แต่ก็ช่วยต่อชีวิตให้คนจนๆ อย่างพวกเราได้ดีมากเลยล่ะ ทั้งราคาถูก แถมมีหลายรสอีกต่างหาก ที่ฉันชอบมากก็ตรงทำง่ายนี่แหละ แค่ฉีกซองใส่น้ำแล้วก็รออีกแค่ไม่กี่นาที แค่นี้ก็ได้กินแล้ว” พูดแล้วก็ซึ้ง ขอบคุณนะครับที่คิดค้นบะหมี่มาให้ยาจกอย่างกระผม

    บาร์เธอร์พูดจบเคนวิลล์ก็ละสายตาไปทางอื่น ทำให้บาร์เธอร์ถอดใจ ...นายจะรู้ไหมว่าฉันไม่เคยทำอาหารให้ใครกินมาก่อนเลยนะเฟ้ย... เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมกินบาร์เธอร์จึงเอื้อมมือไปหยิบยกมากินเองเสียเลย ดวงตาคมของอสูรเหลือบมองมนุษย์ตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ไม่ใช่ว่าเคนวิลล์กินอาหารบนโลกมนุษย์ไม่ได้ แต่อาหารที่บาร์เธอร์กินนั้นเป็นเส้นยาวทำให้เขานึกถึงตัวประหลาดในโลกปีศาจที่เขาพึ่งจากมา ...ไม่ยากจะเชื่อเลยว่ามนุษย์ผู้นี้สามารถทานเจ้าเส้นประหลาดนั่นเข้าไปถึงสองชาม หน้าตาเหมือนหนอนยาวในโลกปีศาจยังไงยังงั้น...

    เมื่อกินมื้อเช้าเสร็จบาร์เธอร์ก็พาเพื่อนใหม่ที่เขาคิดว่าป่วยเป็นโรคความจำเสื่อมออกมาตามหาครอบครัวเพื่อหวังผลรางวัล “นายพอจะจำได้ไหม ว่าบ้านนายอยู่แถวไหน”

    เคนวิลล์ที่เดินอยู่ข้างตัวบาร์เธอร์หยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ข้ามาไกล”

    “ไกลจากที่นี่มากเลยรึ”

    “....”

    “แล้วพอจะจำได้ไหมว่าที่นั่นมีจุดเด่นตรงไหนบ้าง อย่างเช่นบ้านหลังใหญ่หรือเปล่า มีต้นไม้หน้าบ้านแบบไหนและบลาๆ”

    เคนวิลล์นึกถึงคฤหาสน์ที่พึ่งจากมา ที่นั่นใหญ่โตหรูหราแต่กับเงียบเหงา เขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่ใหญ่โตเพียงลำพังทำให้เขารู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว เคนวิลล์ไม่เคยมีความฝัน เขาไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเกิดมาเพื่อสิ่งใด เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร แต่ตอนนี้เขามีความฝันแล้ว ความฝันของเขาก็คือคำตอบที่เขากำลังตามหา จีอา...

    ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินเคียงคู่กันไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ก็มีร่างของมนุษย์ที่คุ้นเคยเดินผ่านมาทางพวกเขา บาร์เธอร์เห็นดังนั้นจึงหันไปบอกเคนวิลล์ให้หลบอยู่ทางด้านหลัง

    “ที่แท้ก็รู้จักกันนี่เอง... ไงไอ้หน้าหล่อ” ชินยุทักทายเคนวิลล์ ที่ยืนอยู่ด้านหลังบาร์เธอร์

    “เข้ามาสิ” บาร์เธอร์ตั้งการ์ดรอพร้อมกับเชื้อเชิญให้ศัตรูเข้ามาเปิดก่อน แต่ยังไม่ทันได้ปล่อยหมัด แก๊งหมาในก็เดินจากไปเสียแล้ว

    ชินยุรู้ดีว่ายังไงตนเองก็แพ้ เขาจึงเลือกที่จะเงียบแล้วเดินจากไปกับกลุ่มลูกน้อง ทำให้บาร์เธอร์ยืนหัวเราะชอบใจ ที่ได้เห็นด้านนี้ของแก๊งหมาใน ฮ่าๆ

    “ดูสิเคน พวกมันหนีหางจุกตูดเลยว่ะ” บอกแล้วว่าอย่ามาแหยมกับพี่ บาร์เธอร์เดินคุยโม้โอ้อวดไปตลอดทางโดยมีเคนวิลล์เป็นผู้ฟังที่ดีเดินอยู่ข้างกาย เดินมาได้สักพัก บาร์เธอร์ก็สังเกตเห็นว่าทุกสายตาของผู้คนที่สัญจรไปมา ต่างจับจ้องมาทางเขาเป็นตาเดียว จนกระทั่งเดินมาถึงร้านราเม็ง เขาจึงรู้ว่าทุกสายตาที่มองมา จับจ้องไปที่คนข้างตน ทำให้บาร์เธอร์เริ่มรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

    “สองคนนี้มาอีกแล้วเหรอ” เจ้าของร้านราเม็งคนเดิมทักทายพวกเขา ทำให้นักเลงอย่างบาร์เธอร์หน้าขึ้นสีเพราะความอาย

    “พวกเราไม่ได้มากินราเม็งหรอกน่า แค่อยากจะมาสมัครงานน่ะ ที่นี่รับคนไหม” บาร์เธอร์ถาม

    “ใครจะทำ คุณเหรอ” เจ้าของร้านสาวหันไปถามเคนวิลล์ที่ยืนนิ่งอยู่ข้างบาร์เธอร์ แววตาวูบวาบสดใสของหญิงตรงหน้าทำให้บาร์เธอร์ต้องเบิกตาโพลง... ก่อนจะมองเคนวิลล์กับหญิงสาวที่มีลักษณะเหมือนเด็กมัธยมปลายสลับกันไปมา

    “ใช่เขาที่ไหนเล่า ฉันต่างหากล่ะ” บาร์เธอร์ได้รู้ว่าเธอคือเจ้าของร้านราเม็ง และเธอก็ทำงานเปิดร้านอาหารอยู่ที่นี่ด้วยตัวคนเดียว ปกติร้านของเธอจะไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ เธอจึงไม่ได้จ้างพนักงาน เนื่องจากเมื่อวานเป็นเหตุสุวิสัย ทำให้เธอต้องจ้างพนักงานอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก็สองคนนี้เล่นกินราเม็งพอถึงเวลาจ่ายเงินกับทะเลาะกันเพราะไม่มีเงินจ่าย ก่อนที่ทั้งสองคนจะชิ่ง มิวเรย์จึงตัดสินใจให้ทั้งคู่ช่วยทำงานที่ร้าน ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะให้แค่มนุษย์ผู้นี้ช่วยล้างจานนิดหน่อย แต่ใครจะไปคิดว่า ชายอีกคนจะดึงดูดลุกค้าให้เธอได้ได้มากมาย จนราเม็งขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

    “นายจะไปมีประโยชน์อะไร คนที่ทำเงินให้ร้านนี้ก็มีแต่เพื่อนนายนี่แหละ เพราะเพื่อนนายแท้ๆร้านฉันถึงดังมาก” จะดังขนาดไหนกันเชียว...บาร์เธอร์คิด “ถ้าคุณทำงานที่นี่ฉันจะให้เงินคุณ 2 เท่าเลยนะ สนใจไหม” เฮ้ ไงเป็นงั้นฟะ “คุณไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแค่นั่งนิ่งๆ เหมือนวันนั้นก็พอแล้ว ถ้าคุณสนใจละก็มาหาฉันได้ตลอดนะ...” มุมปากบ้างยกยิ้มพูดจาอ่อนหวานทำเหมือนเป็นการเกลี้ยกล่อมก่อนยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูว่า “ไทฟอน”

    “!!!!” คนที่ยืนเงียบมานาน ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่าปีศาจสาวผู้นี้จะรู้จักตัวตนของเขา เคนวิลล์ รู้มาตลอดว่าเธอคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะรู้ว่าเขาคือไทฟอน ในโลกปีศาจ พวกปีศาจตัวอื่นมักจะเข้าใจว่าเขาคืออสูรเลือดหรือแวมไพร์ แต่กับปีศาจสาวผู้นี้กับรู้ว่าเขาคือไทฟอน

    “ฉันต้องไปทำงานต่อแล้วละ ถ้ายังไงก็ติดต่อฉันมานะ” หน้าสวยส่งยิ้มหวานให้ทั้งคู่ก่อนจะเดินหายเข้าไปในร้าน ทำให้บาร์เธอร์ยืนเซ็งที่ไม่ได้งาน ในขณะที่กำลังเซ็งอยู่นั้นบาร์เธอร์ก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้ยินคำถามของเคนวิลล์

    “เงินสำคัญกับเจ้ามากเลยหรือ” บางทีปีศาจสาวคนนั้นอาจจะเป็นหนึ่งในคำตอบที่เขากำลังตามหาอยู่

    “ถ้าไม่สำคัญ ฉันก็คงไม่ดิ้นรนขนาดนี้หรอก” บาร์เธอร์ตอบ

    “เงินคงเป็นสิ่งหนึ่งที่มนุษย์สมมุติขึ้นมาเพื่อใช้แลกสินค้าหรือของที่อยากได้สินะ”

    บาร์เธอร์ยืนเงียบไม่ตอบ ไม่นานคนร่างสูงก็เดินเข้าไปในร้านที่ปีศาจสาวเดินเข้าไป เขาตกลงที่จะทำงานที่นั่นโดยมีข้อแม้ว่า จะต้องให้สหายของเขาทำงานที่นั่นด้วย ปีศาจสาวจึงตอบตกลงทันที

    มือหนาเช็ดขัดโต๊ะร้านอาหารจนเงาวิบวับ โดยที่สายตาจับจ้องไปที่ชายหน้าร้าน เขารู้สึกขอบคุณเคนอยู่ในใจ ถึงจะดูเพี้ยนไปหน่อย แถมพูดจาก็แปลกอีก แต่ก็มีความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่น ตอนนี้ร้านเริ่มมีคนเข้ามาเยอะขึ้นเรื่อยๆ มีแมวมองมาหาเคนวิลล์เพื่อที่จะให้เขาไปร่วมงานเป็นนายแบบ สาวๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา ต่างพากันกรูเข้าไปถ่ายรูป ตอนนี้ร้านนี้คงดังไปทั่วโซเชียลแล้วจริงๆ

    หลังจากปิดร้านแล้ว เจ้าของร้านสาวก็เดินมาขอบคุณเขาสองคนที่ช่วยงานที่ร้านแล้วก็เดินจากไป บาร์เธอร์ยืนยิ้มดีใจที่วันนี้ทำงานสำเร็จผ่านไปด้วยดี ถึงจะเหนื่อยบ้าง แต่ก็ดีกว่าไม่มีงานทำละนะ

    “นายนี่โชคดีจริงๆ เลย” แค่นั่งเฉยๆ ก็ยังได้เงิน.... “วันนี้มีแมวมองมาขอให้นายไปทำงานด้วยนี่ นายตอบเขาไปว่าอะไรล่ะ”

    “ข้าไม่ได้ตอบ”

    “ก็แหงอยู่แล้วล่ะ ฮ่าๆ ฉันว่าแล้ว ว่านายต้องนั่งนิ่งอึ้งอยู่แน่ เป็นนายแบบนี้ก็ได้เงินดีนะ ไม่ลองไปทำดูล่ะ”

    “......”

    สองชายหนุ่มเดินคุยกันตลอดทางกลับบ้าน แต่เมื่อมาถึงหอพักของบาร์เธอร์ เขาก็ต้องตกใจ เมื่อเสื้อผ้าและกระเป๋าเดินทางของเขาถูกเอาออกมาวางไว้หน้าห้อง นี่มัน อะไรกัน

    “ไม่นะ” บ้าจริง “ฉันลืมจ่ายค่าห้อง”

    บาร์เธอร์ไม่รอช้า รีบวิ่งไปเก็บเสื้อผ้ายัดลงกระเป๋าเดินทางเก่าๆที่กองอยู่ที่พื้น เขาพยายามจะเปิดประตูห้องของตัวเอง แต่ก็พบว่าถูกล็อกใส่กุญแจไว้ เขาจึงเดินตรงไปที่บ้านของเจ้าของห้องเช่าพร้อมกับตะโกนโวยวายว่าเรื่องนี้มันอะไรกัน

    “ออกมาสิเจ๊ ผมไม่ได้จ่ายแค่เดือนเดียวไม่เห็นต้องทำขนาดนี้ก็ได้นี่ครับ ปกติติด 3-4 เดือน เจ๊ยังไม่ว่าอะไรผมเลย ทำแบบนี้ใจร้ายไปแล้วนะ”

    แต่ก็ไม่มีใครเดินออกมาตอบเขา บาร์เธอร์ทำหน้าเซ็งเหมือนจะร้องไห้ ให้ตายสิ ทำไมชีวิตเขาถึงได้อาภัพขนาดนี้ ในเมื่อไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้ว เขาจึงพาเคนวิลล์เดินไปตามข้างถนน พร้อมกับหัวเราะประชดชีวิตอย่างสะใจ

    เดินมาได้สักพัก ก็เห็นชายแปลกหน้ายืนจ้องมองมาทางพวกเขา บาร์เธอร์พยายามนึกว่าเคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อนไหม แต่เขาก็นึกไม่ออก แสดงว่าชายคนนี้ไม่ใช่ศัตรูเก่าของเขาแน่นอน แต่ทำไมเขาถึงมองเคนวิลล์ ด้วยสายตาที่อยากจะกินเลือดกินเนื้อขนาดนั้นกัน หรือว่าพวกเขารู้จักกัน

    “เจ้า! มาทำอะไรที่นี่” ชายร่างใหญ่ถามเสียงแข็ง

    “….”

    “ที่นี่ไม่ใช่ที่ของปีศาจชั้นต่ำที่จะมาเดินเพ่นพ่านได้ จงกลับไปซะ” ไอ้คนนี้ปากแมวไปแล้ว

    “ชั้นต่ำแล้วไงฟะ แต่พวกเราก็ทำงานสุจริต ไม่ได้ลักกินขโมยกินนะเฮ้ย ถ้าจะหาเรื่องนายหาเรื่องผิดคนแล้ว” บาร์เธอร์โกรธเคืองที่ชายคนนี้มาว่าเพื่อนตน ถึงจะไม่รู้ว่าสองคนนี้เคยมีเรื่องอะไรกัน แต่บาร์เธอร์ก็ไม่ชอบให้ใครมาว่าเขา

    “เจ้ามนุษย์หน้าโง่ ถ้าไม่อยากตายก็ออกมาห่างๆ เขาซะ เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนข้างเจ้านั้น.....” พูดยังไม่ทันจบ หมัดพิฆาตของบาร์เธอร์ก็พุ่งตรงไปใส่หน้าคนตรงหน้าเต็มแรง

    “พูดมากน่า ลูกผู้ชายเขาไม่ได้มีดีแค่เห่ากันหรอกนะ บ๊อกๆ”

    “!!!!!” ทหารของชนชั้นสูงเลือดขึ้นหน้า เขาไม่คิดว่าจะโดนมนุษย์ทำร้าย

    “ถือว่าเก่งมากนะที่โดนไปขนาดนั้นแล้วยังไม่สลบน่ะ แน่จริงก็เข้ามาเซ่” บาร์เธอร์ตั้งการ์ดรอ วันนี้ทำงานมาเหนื่อย อยากจะพักผ่อนแต่พอกลับมาห้องดันไม่มีที่ให้ซุกหัวนอนเสียได้ กะจะเดินเล่นดูลมชมวิวก็โดนใครไม่รู้มาหาเรื่อง ช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง

    “ข้าจะไม่พูดซ้ำ ถ้าเจ้ายังไม่ออกห่างจากชายคนนั้น ฆ่าจะฆ่าเจ้าด้วย” โฮปพูดขู่แต่ก็ไม่เป็นผล บาร์เธอร์กระโจนเข้าใส่เขาอีกครั้งแต่ครั้งนี้เขาหลบได้ ในเมื่อบาร์เธอร์ไม่เชื่อฟัง นักล่าอสูรอย่างเขาจึงใช้หมัดต่อยเข้าไปที่ท้องของคนตัวเล็ก จนร่างเล็กของมนุษย์กระเด็นปลิวไปอยู่ที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง ไม่นานก็สลบไป โฮปจึงหันมาสนใจ เคนวิลล์อีกครั้ง

    “เจ้าไม่ควรมาอยู่ตรงนี้” นักล่าอสูรจ้องมองเคนวิลล์ที่ยังยืนนิ่งมองตนด้วยความใจเย็น เขาเริ่มรู้สึกแปลกไป เหตุใดปีศาจอสูรตัวนี้ถึงไม่กลัวตน เหล่าปีศาจมักจะกลัวนักล่าอสูรกันทั้งนั้น แล้วทำไมปีศาจตนนี้ถึงยืนนิ่งอยู่ได้ “ข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง”

    พูดจบโฮปก็ชักดาบทองออกมา ถ้าเลือดของอสูรตนไหนได้สัมผัสกับดาบของนักล่าอสูรแล้วล่ะก็ จะไม่มีวันได้กลับไปโลกปีศาจ หรือไปที่โลกไหนได้อีก เพราะดวงวิญญาณของอสูรจะต้องเข้าไปสิงสู่อยู่ในดาบทองเล่มนี้ โฮปจึงมั่นใจในฝีมือตนเองมาก ถึงจะแทงอสูรตรงหน้าไม่ได้ งั้นก็ขอฟันให้เลือดโดนดาบก็พอ

    “อึก!! .. จะ เจ้า” ปลายดาบยังไม่ทันได้สัมผัสกับผิวสวย นักล่าอสูรก็ถูกเคนบีบคอด้วยมือข้างเดียว เขายกร่างของนักล่าอสูรขึ้นจนขาลอยอยู่กลางอากาศ ดาบในมือร่วงลงพื้น สองมือพยายามงัดแงะมือปีศาจออกจากคอตนเองอย่างทุรนทุราย ช่างน่ากลัวยิ่งนัก เขาไม่ใช่อสูรธรรมดาเสียแล้ว เขาประเมินชายตรงหน้าผิดไปเอง

    ไม่กี่นาทีคนในมือก็สลบไป เคนวิลล์ก็ปล่อยร่างนั้นร่วงลงพื้น ก่อนจะเดินไปหยุดมองอีกคนที่ตอนนี้นอนสลบอยู่ ไม่นานเจ้าของใบหน้าเย็นชาก็ก้มลงไปช้อนมนุษย์ตัวเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน สภาพของบาร์เธอร์ตอนนี้อาการดูไม่สู้ดีนัก

    ร่างสูงอุ้มคนในอ้อมแขนเดินจากไปโดยทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าของคนบาดเจ็บไว้ที่ข้างถนน…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×