ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไทฟอน (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #19 : บทที่ 19

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ค. 64


    ในเวลาเที่ยงคืนของโลกมนุษย์ในเขต12 ปกติในตัวเมืองจะเต็มไปด้วยแสงสีเสียงท้องฟ้าในยามค่ำคืนมักจะส่องสว่างเหมือนเวลายามเช้า แต่บัดนี้ทุกที่กับเงียบสงบไฟทุกบ้านดับสนิทเหมือนไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ มีเพียงแสงไฟริมทางที่ส่องสว่างให้มองเห็นเส้นทางบนท้องถนน เผยให้เห็นร่างบางของสาวผมสั้นเดินอยู่เพียงลำพัง เธออยู่ในชุดกางเกงวอมเสื้อที่สวมใส่เป็นเสื้อแขนยาวมีฮู้ด

    คนตัวเล็กมองซ้ายแลขวาด้วยความรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ใจนึงก็คิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก เธอคงไม่ดวงซวยขนาดนั้น แต่เมื่อเดินมาได้ครึ่งทางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนอยู่ทางด้านหลัง หญิงสาวจึงหยุดชะงักอยู่ครู่หนึ่ง เธอยืนนิ่งตัวแข็งทื่อเพราะรู้สึกหวาดกลัว พรางคิดว่าตัวเองคิดถูกไหมนะที่ออกมาในเวลานี้

    เสียงฝีเท้าเงียบหายไปแล้ว ...หรือว่าฉันจะคิดไปเอง... เพื่อความแน่ใจจิลล่าจึงนับหนึ่งถึงสามในใจก่อนจะหันควับไปมองทางด้านหลัง ท้องฟ้าในยามราตรีมืดมิดมีเพียงแสงจันทร์ส่องสว่างบางตา โชคดีที่ในตรอกนี้มีแสงไฟนีออนส่องสว่างอยู่ตลอดทาง ดวงตากลมโตเบิกโพลงก่อนจะถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ...เมื่อกี้ฉันคงคิดไปเองจริงๆ... คิดได้ดังนั้นจิลล่าจึงหยิบฮู้ดขึ้นมาคลุมหัวตัวเองแล้วเดินหน้าต่อไป ...ยังไงฉันก็ต้องกลับไปเอากล้องให้ได้...

     

    เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

     

    “ไร้สาระน่า พอร้านเปิดพวกเราก็ต้องมาเจอกันอยู่ดีนั่นแหละ” บาร์เธอร์พูดพร้อมกับยกเก้าอี้ขึ้นวางคว่ำไว้บนโต๊ะเพื่อที่จะเก็บร้านโดยมีเคนวิลล์นั่งมองอยู่ไม่ห่าง

    “แต่พวกเราอยากถ่ายรูปไว้นี่ ถ้านายไม่อยากถ่ายงั้นก็มาถ่ายรูปให้พวกแทนฉันสิ” พูดจบจิลล่าก็ยื่นกล้องในมือให้บาร์เธอร์ ดวงตากลมโตสุขใสยกยิ้มให้ชายหนุ่ม หากชายผู้นี้เป็นคนอื่นคงตกหลุมรักเจ้าของรอยยิ้มนี้ไปแล้ว โชคร้ายที่หัวใจของบาร์เธอร์ไม่ได้เต้นแรงให้กับใครง่ายๆ 

    “ฉันไม่สนใจ ถ้าพวกเธอทำงานเสร็จแล้วก็กลับไปได้แล้วไป” เพราะกลัวว่าพระอาทิตย์ตกดินหญิงสาวพวกนี้จะเกิดอันตราย แต่สามสาวก็ตื้อไม่เลิกจนในที่สุดเจ้าของร้านราเม็งก็เดินออกมาพร้อมกับยอส

    ทั้งสามคนจึงใช้โอกาสนี้วิ่งไปหามิวเรย์และขอร้องอ้อนวอนให้ถ่ายรูปด้วยกัน ในที่สุดปีศาจสาวก็ยอมใจอ่อน บาร์เธอร์ที่เก็บร้านเสร็จแล้วจึงหน้าหงิกหน้างอเดินไปหาเคนวิลล์

    “ฉันล่ะคิดผิดจริงๆเลยที่รับสามคนนั้นเข้ามาทำงาน”

    “ข้าคิดว่าเจ้าชอบพวกนางเสียอีก” เคนวิลล์เอ่ย

    “ชะ...ชอบ! บ้าน่าเคน ฉันล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคำนี้จะออกมาจากปากคนเย็นชาอย่างนาย” บาร์เธอร์ต่อว่าด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังมากนัก ไม่นานเรนนี่ก็ตะโกนเรียกบาร์เธอร์กับเคนวิลล์ให้ออกไปหน้าร้าน เมื่อทั้งสองคนเดินออกมาก็พบว่า มิวเรย์กับยอสได้ยืนรออยู่ก่อนแล้ว 

    ยังไม่ทันได้ตั้งตัว พายกับเรนนี่ก็เดินมาดึงพวกเขาไปยืนรวมกันอยู่ที่หน้าร้านโดยมีจิลล่ายืนตั้งกล้องถ่ายรูปอยู่ ทั้งหกคนยืนเรียงกันอยู่หน้าร้านเมื่อเวลาของกล้องถ่ายรูปเริ่มนับจิลล่าก็วิ่งเข้ามายืนแทรกกลางบาร์เธอร์กับเคนวิลล์พร้อมกับยกยิ้มให้กล้องด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข ผ่านไปไม่กี่วินาทีแสงแฟลชก็กระพริบขึ้นพร้อมกับดังแชะ 

    “ยัยโกลเด้น!” บาร์เธอร์เหลือกตามองจิกจิลล่าเหมือนอยากจะฉีดหญิงสาวให้เป็นชิ้นๆ 

    “นายเรียกใครว่าโกลเด้นฮะ” หญิงสาวมีขนาดส่วนสูง157 เซนติเมตร ทำให้ตอนที่สบตากับบาร์เธอร์จึงต้องเงยหน้าขึ้นมอง

    “ถ่ายใหม่เลย ฉันจะยืนข้างเคนวิลล์” ร่างสูงกล่าวพร้อมกับดึงหมาพันธ์โกลเด้นให้ไปยืนอีกทางก่อนจะกอดแขนของเคนวิลล์ไว้

    “ฉันไม่ใช่หมานะย๊ะ” จิลล่า

    “ผมก็จะยืนข้างเคน” ยอสที่ตอนแรกยืนอยู่ข้างมิวเรย์กับพายก็เดินเข้ามายืนอีกด้านหนึ่งของเคนวิลล์ บาร์เธอร์จึงชะโงกหัวไปทำตาเหลือกใส่ 

    (-“-! เคนวิลล์)

    ก่อนที่สถานการณ์จะวุ่นวายไปมากกว่านี้พายจึงวิ่งไปตั้งเวลาที่กล้องถ่ายรูปอีกครั้งก่อนจะบอกให้ทุกคนมองมาที่กล้องพร้อมกับนำร่างตัวเองวิ่งกลับไปยืนที่เดิมไม่นานแสงแฟลชกับเสียงแชะก็ดังขึ้นอีกครั้ง

     

     

     

    ร่างบางของหญิงสาวหยุดยืนมองหน้าร้านราเม็งด้วยความรู้สึกดีใจ ในที่สุดก็เดินมาถึงสักที ริมฝีปากบางอมชมพูยกยิ้มก่อนจะเดินไปที่กระถางต้นไม้หน้าประตูร้าน เธอรู้ดีว่ากุญแจร้านซ่อนอยู่ในนั้น เพราะถ้าใครมาทำงานก่อนก็จะเป็นคนเปิดร้าน จิลล่าเป็นพนักงานร้านจึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะรู้ที่ซ่อนกุญแจ 

    เมื่อไขกุญแจเปิดประตูร้านสำเร็จหญิงสาวก็เดินเข้าไปในร้านพร้อมกับแสงไฟจากมือถือผ่านไปไม่กี่นาที เจ้าของใบหน้าไร้เดียงสาก็เดินออกมาพร้อมกล้องถ่ายรูป ในเมื่อได้กล้องคืนมาแล้วจิลล่าก็รู้สึกโล่งใจจนลืมไปว่าแถวนี้มีฆาตกรเพ่นพ่านอยู่

    “กรี๊ดดดดดดดดดด!” เสียงร้องของหญิงสาวดังขึ้นในขณะที่กำลังจะเดินกลับบ้านในทางเดิม ร่างบางตอนนี้ล้มลงไปนั่งกองอยู่ที่พื้น เนื้อตัวสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัว ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยน้ำใสเอ่อล้นอาบแก้

    “กรอดดดด...ฮรึ่ม” ร่างกำยำของชายผู้หนึ่งย่างกายเข้ามาหาหญิงสาวอย่างใจเย็น ท่อนบนของมันนั้นเปลือยเปล่าแต่เต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดงสด กางเกงขายาวที่มันสวมใส่ขาดลุ่ยเลอะน้ำสีแดงสดไม่ต่างกัน เมื่อร่างของมันเข้ามาใกล้กลิ่นคาวเลือดก็รุนแรงขึ้น ทำให้รู้ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดนี่ต้องเป็นฆาตกรที่ออกข่าวทุกวันแน่ 
    “ยะ...อย่าทำอะไรฉันเลย” จิลล่าขอร้องด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ”จะเอาเท่าไหร่... ฉันให้ได้หมดเลยนะ หนึ่งหมื่น สองหมื่น หรือ สองแสน เป็นล้านฉันก็มีให้นะ นายรู้ไหมว่าฉันรวยมากเลยนะ ฉันรวยจริงๆนะ กรี๊ดดดดดดดด!” 

                สิ่งมีชีวิตประหลาดนั่นไม่สนใจที่หญิงสาวพูดเมื่อเดินมาถึงมันก็พุ่งตัวเข้าจูโจมเธอทันที ...ฉันพึ่งเคยทำงานครั้งแรกเองนะ ฉันไม่เคยมีความฝันมาก่อนวันๆฉันเอาแต่นั่งดูรูปผู้ชายหน้าตาดี ฉันแค่ชอบที่จะมองพวกเขา ฉันเลือกที่จะไม่มีแฟนเพราะฉันมองคนแค่ภายนอก ฉันรู้ดีว่าคนหน้าตาดีจะใช่ว่านิสัยเขาจะเหมือนหน้าตา และคนหน้าตาไม่ดีก็ใช่ว่าจะเป็นคนดีเช่นกัน ดังนั้นฉันมักจะโดนพ่อของตัวเองพูดใส่อยู่ตลอด ว่าฉันมันไม่ได้เรื่อง ถึงแม้ว่าท่านจะบ่นฉันจะว่าฉันสักแค่ไหน แต่ท่านก็ให้เงินฉันใช้ตลอด ธุรกิจของครอบครัวพ่อจะให้ฉันรับธุรกิจต่อจากท่าน เพราะฉันเป็นทายาทเพียงคนเดียวของเขา แต่ฉันก็ปฏิเสธมาตลอด และตอนนี้ฉันก็เริ่มทำงานเพราะผู้ชาย ใช่แล้วเพราะพวกเขา... ภาพของเคนวิลล์กับยอสลอยเข้ามาในหัว

                “เฮ้ย ไอ้สัตว์ประหลาดโสโครก” สิ้นเสียงของชายหนุ่ม ร่างกำยำของปีศาจไร้สติก็กระเดนออกไปติดอยู่ที่กำแพงรั้วบ้านหลังหนึ่ง “แกชอบกินอะไรสีแดงๆสินะ ฉันจะบอกให้ว่าน้ำแดงอร่อยกว่าเลือดคาวๆเยอะ”

    ...ทำไมเสียงของเขาถึงคุ้นหูจังเลย... “ฉันมั่นใจว่าฉันเคยได้ยินเสียงผู้ชายคนนี้”

    “โดยเฉพาะเลือดของยัยโกลเด้นนั่น ฉันว่าไม่อร่อยหรอกถ้านายได้กินจริงๆนายอาจจะมาเสียใจทีหลังเอาได้นะ” พูดจบร่างสูงของมนุษย์หนุ่มก็เดินเขามาใกล้ เมื่อใบหน้าสวยของเขาถูกแสงไฟสาดส่องก็เผยให้เห็นเจ้าของใบหน้านั้น ดวงตากลมโตของจิลล่าเริ่มมีน้ำใสไหลนองออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้ไหลออกมาเพราะความกลัว แต่เธอดีใจที่ได้พบกับผู้ชายคนนี้ต่างหาก “เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่เตือน”

    สัญลักษณ์ที่หลังใบหูของบาร์เธอร์ปรากฏสีแดงขึ้นโดยที่เจ้าของร่างไม่รู้ตัวเลยสักนิด เมื่อสัตว์ประหลาดไร้สติลุกขึ้นเดินเข้ามาหามนุษย์หนุ่ม บาร์เธอร์ก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่งพร้อมกับพูดว่า “ทำไมถึงไม่ฟังที่คนอื่นเขาพูดเล่า ไร้มารยาทจริง” เสียงขบฟันของมันดังคำรามไปทั่วบริเวณรอบด้าน ก่อนจะพุ่งตัวเข้าจู่โจมบาร์เธอร์ด้วยความโกรธ ร่างสูงของมนุษย์ที่ไม่ทันตั้งตัวก็กระเดนไปอีกทางแต่ไม่นานบาร์เธอร์ก็ลุกขึ้นมาตั้งหลักได้ “ฉันว่าแกต้องไปหัดเรียนมารยาทบ้างนะ” 

                บาร์เธอร์เช็ดคราบเลือดที่มุมปากก่อนจะวิ่งเข้าใส่เจ้าตัวประหลาดนั่น พร้อมกับลูกเตะที่เคยใช้ใส่พวกแก๊งหมาใน ทำให้ร่างยักษ์ตัวนั้นกระเดนลอยทะลุกำแพงเขาไปนอนซมอยู่ที่พื้น จิลล่าที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าเบิกตาโพลงโตมองด้วยความตกใจ พร้อมกับตะโกนถามว่า “นายทำได้ยังไงน่ะ”

                “นั่นสิ...ฉันทำได้ยังไง” ท่ามกลางความสับสน บาร์เธอร์ก็ตั้งสติได้ ก่อนที่สัตว์ประหลาดนั่นจะลุกขึ้นมาอีกครั้งบาร์เธอร์ก็วิ่งไปดึงมือหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่พื้นวิ่งหนีไป ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น แล้วเจ้านั่นคือตัวอะไรก็ตาม แต่มุมปากของมนุษย์หนุ่มกับยกยิ้มขึ้นพรางคิดในใจว่า ...เมื่อกี้ฉันโครตเท่เลยว่ะ...

     

    มนุษย์ทั้งสองได้วิ่งหายไปจนลับตา อสูรเซอร์เบอรัสในชุดผ้าคลุมสีแดงก็ได้ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าปีศาจไร้สติ ...เมื่อกี้เขาใช้พลังของเคนวิลล์สินะ... 

    “กรอดดดดด...” ปีศาจไร้สติพยุงตัวเองขึ้นด้วยความยากลำบากโดยมีสายตาสมเพชของยอสจ้องมองอยู่

    “เจ้าโง่” ในที่สุดก็ได้เจอตัวสักที หลังจากที่วิญญาณของชินยุได้กระโดดลงหน้าผา เขาก็ได้กลับมาที่โลกมนุษย์อีกครั้งด้วยสภาพที่เปลี่ยนไป ร่างกายของชินยุขยายใหญ่ขึ้นจนจำเค้าโครงเดิมไม่ได้ เมื่อวิญญาณได้แหกกฎฆ่าตัวตายเป็นครั้งที่สองเขาจึงถูกสาปให้กลายเป็นอสูรดูดเลือดที่ไร้สติ

                อสูรเซอร์เบอรัสถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะยกเคียวยมทูตขึ้นเพื่อฟันร่างของปีศาจตรงหน้าให้สลายหายไป ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นเรื่องราวในอดีตของเขา ภาพของชายหนุ่มที่เดินตามหลังหญิงวัยกลางคนด้วยท่าทีหลบๆซ่อนๆ ก่อนจะมีภาพที่ชินยุเดินเอาเงินมาวางไว้ที่หน้าประตูบ้าน และภาพของชายหนุ่มนั่งร้องไห้อยู่ในมุมมืดมุมหนึ่งในห้องเพราะรู้สึกเสียใจที่ตนเองเลือกเดินเส้นทางนี้ ภาพเหตุการณ์ในอดีตมากมายของปีศาจตรงหน้าทับซ้อนกันจนแทบจับใจความไม่ได้ทำให้อสรูเซอร์เบอรัสลังเลที่จะใช้เคียวยมทูต เป็นครั้งแรกที่เขาลังเลก่อนที่จะสายเกินไปยอสก็ตัดสินใจใช้เคียวยมทูตเพื่อทำลายเขา แต่ก่อนที่ร่างกำยำของชินยุจะสลายไปก็มีมือของบุคคลหนึ่งมาหยุดไว้... เมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าของนิ้วมือเรียวสีหน้าเย็นชาของยอสก็เปลี่ยนเป็นแปลกใจ

                “ข้า... จะขอไว้ชีวิตเขาได้ไหม” น้ำเสียงนิ่งสงบดังออกมาจากปากของอสูรไทฟอน

    “เจ้า” ยอสไม่เข้าใจ

    “เขาฆ่ามนุษย์ไปมากมายเพราะเขาไร้สติ เจ้าคิดว่าสิ่งนี้เป็นความผิดของเขาหรือ” เคนวิลล์อธิบาย

    “ถ้าเจ้าโง่นี่ไม่กระโดดลงมาจากหน้าผาก็คงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหรอก เจ้าน่ะจะช่วยเขาไปทำไม” 

    “เพราะข้าติดหนี้เขา” ใบหน้าเย็นชาพูดก่อนจะเดินไปจับที่หัวชินยุในร่างสัตว์ประหลาดไม่นานปีศาจตรงหน้าก็กลับมามีรูปร่างดังตอนเป็นมนุษย์

     

     

    อีกด้านหนึ่งบาร์เธอร์กับจิลล่าก็ได้มาหยุดยืนหอบหายใจหน้าคฤหาสน์หลังหนึ่ง ดวงตาของหญิงสาวยังมีน้ำตาไหลอาบแก้มอยู่เล็กน้อย บาร์เธอร์จึงเอื้อมมือไปปาดน้ำตาบนใบหน้าของหญิงสาวโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นทำให้ผู้หญิงตรงหน้ารู้สึกหวั่นไหว

    “เธอโอเคหรือป่าว ทำไมแก้มถึงได้แดงไปจนถึงใบหูขนาดนั้นล่ะ” ความซื้อกับความโง่มันมีเส้นบางๆกั้นไว้จริงหรือป่าวนะ

    “ขะ...ขอบคุณนะ ฉัน.. ฉัน ฉัน” ใบหน้าของจิลล่าร้อนผ่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมถึงพูดจาตะกุกตะกัก ...ฉันกำลังเขินเขาอยู่เหรอ... ดวงตากลมเงยหน้ามองชายที่สูงกว่าตนสิบเซนติเมตรก่อนที่จะนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่บาร์เธอร์ปรากฏตัวขึ้นมาช่วยตนเองไว้ ...ตอนนั้นเขาเท่มากจริงๆ...

    หญิงสาวทำตัวไม่ถูกในที่สุดก็ตัดสินใจเปิดประตูรั้วเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังนั้น ทำให้บาร์เธอร์ตะโกนร้องห้ามด้วยน้ำเสียงตกใจ “เข้าไปทำอะไรบ้านคนอื่นน่ะ ออกมานะเดี๋ยวเขาก็แจ้งความเอาหรอก”  

    “บ้านคนอื่นที่ไหนเล่า นี่มันบ้านฉันย่ะ ขอบคุณนะที่มาช่วยฉันไว้ แต่ฉันให้นายเข้ามาไม่ได้ ยังไงก็ระวังตัวด้วย” จิลล่าพูดจบก็วิ่งหายไปในรั้วขนาดยักษ์ ปล่อยให้บาร์เธอร์ยืนเกาหัวอยู่ที่หน้าคฤหาสน์อย่างไม่เข้าใจ

    “ทำไมช่วงนี้ฉันเจอแต่คนแปลกๆนะ” ถ้ารวยขนาดนี้ไม่เห็นต้องไปทำงานร้านอาหารให้มันลำบากเลย เหอะ... พวกคนรวยนี่เข้าใจอยากจริงๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×