ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไทฟอน (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 18

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ค. 64


    ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วข่าวการตายผิดธรรมชาติบนโลกมนุษย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้คนต่างวิตกกังวลและหวาดกลัว จนไม่มีใครกล้าออกจากบ้านในตอนกลางคืน 

    “นายว่าฆาตกรคนนั้นทำได้ยังไงน่ะ เขาใช้อะไรในการสูบเลือดมนุษย์ออกจากร่างกายกันนะ” บาร์เธอร์นั่งดูข่าวในทีวีอยู่บนโซฟายาวเอ่ยถามเคนวิลล์ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ที่โซฟาอีกตัวโดยมียอสเจ้าของบ้านยืนทำอาหารอยู่ในครัวทางด้านหลังพวกเขา เมื่อเห็นว่าเคนวิลล์นั่งเงียบบาร์เธอร์จึงพูดต่อว่า “หรือว่าฆาตกรจะเป็นปีศาจดูดเลือด.. อืม ฉันว่าผีดูดเลือดแน่ๆ”

    “ก็แหงน่ะสิ มนุษย์อ่อนแอจะตายจะไปทำเรื่องอย่างนั้นได้ยังไง” ยอสเดินยกอาหารมาทางพวกเขาเป็นคนตอบ

    “ฉันก็พูดไปงั้น บนโลกนี้มีปีศาจจริงๆสะที่ไหน” บาร์เธอร์เบะปาก “จะบอกให้มนุษย์บางคนก็ใช่ว่าจะอ่อนแอเสมอไป”

    “เหอะ... ถ้านายรู้ว่าฉันเป็นใคร นายจะไม่พูดแบบนี้แน่” เขาพูดพร้อมกับใช้นิ้วมือเรียวยกชามอาหารที่มีหน้าตาสวยงามจัดวางลงบนโต๊ะหน้าโซฟา

    “นี่นายขู่ฉันเหรอ!” มนุษย์หนุ่มลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห

    (-“-!! เคนวิลล์)

    ท่ามกลางเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเพื่อนรักทั้งสอง เคนวิลล์ทำได้เพียงนั่งเงียบเหมือนตนเองเป็นเพียงอากาศ เมื่อเห็นว่าเพื่อนมนุษย์กับอสูรเซอร์เบอรัสไม่มีทีท่าจะสงบลง เขาจึงเอื้อมมือไปตักอาหารตรงหน้าเข้าปากด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ถึงแม้ว่าในหัวจะเต็มไปด้วยความรู้สึกรำคาญก็ตาม 

     

     

    ร้านราเม็งเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นเนื่องจากรสชาติของน้ำซุปนั้นดีขึ้นอย่างหน้าตกใจ กลิ่นหอมภายในร้านหอมอบอวลออกไปถึงนอกร้าน ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาอดใจไม่ได้ที่จะแวะเข้ามาชิม ดั้งนั้นจึงทำให้พนักงานเสิร์ฟอาหารไม่ทัน บาร์เธอร์จึงเสนอไอเดียขอให้มิวเรย์รับสมัครพนักงานเพิ่ม ไม่อย่างนั้นร่างกายของมนุษย์หนุ่มคงไม่ได้แก่ตายแน่

    มิวเรย์ปีศาจสาวเคยอยู่คนเดียวมาตลอดก็เห็นด้วย ถึงแม้จะรู้สึกไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ แต่การที่ธุรกิจไปได้ด้วยดีมันก็คุ้มที่จะเปิดใจ ยังไงเงินก็สำคัญสำหรับปีศาจเช่นกัน ตราบใดที่อยู่บนโลกมนุษย์สิ่งที่เรียกว่าเงินนั้นมีค่ายิ่งกว่าทองคำเสียอีก ทันทีที่ใบประกาศรับพนักงานถูกแปะไว้หน้าร้าน ก็มีสามสาวที่คุ้นหน้าคุณตาพากันเดินเข้ามาขอสมัครงาน

    “เอ่อ....” บาร์เธอร์มีสีหน้าอ้ำอึ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าดวงตาทั้งสามคู่จ้องเขม็งมาที่เขา

    “ช่วยรับฉันเข้าทำงานด้วยค่ะ” จิลล่า ประธานสมาคมคนหน้าตาดีเอ่ย 

    “พวกคุณเคยทำงานมาก่อนไหมครับ” ...แบรนด์เนมทั้งชุดเลยแฮะ...

    “ไม่ค่ะ แต่พวกเราจะพยายาม” เรนนี่ที่อยู่ในชุดกระโปรงสีชมพูหวานกระพริบตาปริบๆก่อนที่เพื่อนสาวอีกคนจะพูดต่ออีกว่า

    “ถึงแม้ว่าพวกเราจะด้อยประสบการณ์ แต่พวกเราสัญญาว่าจะตั้งใจทำงานค่ะ ช่วยรับพวกเราเข้าทำงานเถอะนะคะ พลีสสส”

    ให้ตายเถอะ... ไม่ใช่ว่าบาร์เธอร์ไม่อยากรับสาวสวยเข้าทำงาน แต่พวกเธอดูไม่เหมือนคนต้องการทำงานเลยสักนิด ตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผมมองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าพวกเธอมีเงิน หรือไม่ก็น่าจะไปหางานดีๆทำที่ไม่ใช่งานร้านอาหาร ผมไม่ได้ดูถูกอาชีพร้านอาหารนะครับ แต่คุณก็น่าจะรู้ว่าการทำงานในร้านอาหารนั้นจะมาทำเล่นๆไม่ได้ ต้องมีความอดทนสูง เพราะจะเจอลูกค้าที่มีนิสัยแตกต่างกัน และที่แน่ๆเหนื่อยมาก ผมไม่คิดว่าพวกเธอจะสามารถทำได้...

    “ขอเหตุผลที่อยากมาทำงานที่ร้านนี้หน่อย” ร่างสูงยืนกอดอกเหลือบตามองสามสาว

    “เพราะที่นี่มีแต่คนหน้าตาดีไงคะ” เรนนี่ยกยิ้มตอบด้วยความมั่นใจ “เราเลยคิดว่าคุณต้องรับเราทำงานแน่” ไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน ...ผู้หญิงสมัยนี้...

    “พวกคุณคิดว่าที่นี่เป็นคลับบาร์โฮสหรือไง” มนุษย์หนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ ...จะว่าไปที่นี่ก็มีแต่คนหน้าตาดีจริงๆ รวมถึงตัวผมเองด้วย... แถมผู้หญิงสามคนนี้ก็ดูดีใช้ได้ พวกเธออาจจะอยากทำงานที่นี่จริงๆ จะปิดโอกาสให้สาวสวยแบบนี้ได้ยังไง แต่จะรับพวกเธอเข้าทำงานเพราะหน้าตาดี เพราะเธอสวย มันใช่หรอฟะ... ในขณะที่บาร์เธอร์กำลังยืนเถียงกับตัวเองอยู่นั้น ยอสที่พึ่งเดินออกมาจากในครัวก็ได้ตัดสินใจแทน

    “พวกเธอผ่าน... พรุ่งนี้เริ่มงานได้เลยนะสาวๆ” ดวงตารียาวยกยิ้มตาหยิบหยี๊ส่งยิ้มหวานหว่านสเน่ห์ให้สามสาวตรงหน้า ก่อนจะเดินออกจากร้านไป 

    ...เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น... เขารับพวกเธอเข้าทำงานเหรอ แต่ไม่สิ บาร์เธอร์ที่ตั้งสติได้ก็เห็นจิลล่า เรนนี่และพาย ยืนตาลอยมองไปที่ประตูทางออกเหมือนวิญญาณได้หลุดลอยตามคนที่พึ่งเดินออกไปอย่างไงอย่างงั้น “นายมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินกันเล่า เป็นเจ้าของร้านหรือไง!”

    เสียงตะโกนออกมาจากร้านทำให้ยอสที่พึ่งเดินออกมายกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ

     

     

    วันแรกที่พนักงานใหม่เริ่มทำงานในร้านราเม็งทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีอย่างไม่น่าเชื่อ พายและเรนนี่ตั้งใจทำงานต่างจากตอนปกติมาก มีเพียงจิลล่าที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็นแต่เธอก็พยายามที่จะไม่เป็นภาระคนอื่น เมื่อตกเย็นลูกค้าเริ่มบางตา จิลล่าจึงยืนเช็ดชามที่บาร์เธอร์ล้างอยู่เงียบๆที่มุมหนึ่ง ถึงแม้ว่ามือจะถูเช็ดชามในมือแต่ดวงตากลมโตกับทอดมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างอยู่หน้าร้าน ก่อนจะเหลือบตาไปเห็นยอสที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว ...เหมือนฉันกำลังฝันอยู่เลย ตรงนั้นก็เจ้าชายแวมไพร์ตรงนู้นก็เจ้าชายแห่งท้องทะเลคนอะไรยิ้มสดใสชะมัด ทั้งคู่แตกต่างกันก็จริง แต่กับมีแรงดึงดูดมากมายมหาศาล... 

    “คุณไปรู้จักกับพวกเขาได้ยังไงคะ” จิลล่าเอ่ยถามบาร์เธอร์ที่ยืนล้างจานอยู่ด้านข้าง

     “เขา...” เขานี่ใคร บาร์เธอร์เลิกคิ้วขึ้นมองหน้าหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ

    “คือฉันไม่ได้จะว่าคุณนะ คุณบาร์เธอร์ก็หน้าตาดีค่ะ แต่ว่าคุณกับพวกเขาเหมือนอยู่คนละโลกกันเลย เลยไม่อยากจะเชื่อว่าพวกคุณจะเป็นเพื่อนกัน ฉันหมายถึง...” ยัยนี่กำลังดูถูกฉันอยู่เหรอฟะ... ร่างสูงไม่ตอบเขาทำหน้าไม่ใส่ใจก่อนจะตั้งใจทำงานของตัวเองต่อไป

     

     

    ผ่านไปหลายวันฆาตกรต่อเนื่องในเขต 12 ก็ยังไม่ถูกจับ จำนวนคนที่ถูกสูญหายก็เพิ่มมากขึ้น โดยฉะเพราะผู้คนที่เดินทางในตอนกลางคืน สถานีตำรวจวุ่นวายเพราะมีคดีคนหายเข้ามาทุกวัน ผ่านไปไม่กี่วันก็พบศพมนุษย์ที่แห้งเหี่ยวเป็นจำนวนมาก ทำให้เขต12 เป็นพื้นที่สีแดง ดังนั้นร้านราเม็งที่อยู่ในเขต12 ก็โดนไปด้วย เพราะข่าวของคดีฆาตกรรมปริศนานี้ทำให้ร้านราเม็งไม่มีลูกค้ามาหลายวันแล้ว 

    “ฉันว่าพวกเราจะได้ตกงานแล้วมั้ง” บาร์เธอร์เดินมานั่งที่เก้าอี้มองโต๊ะอาหารที่ว่างเปล่าพรางนึกถึงก่อนหน้านี้ที่มีลูกค้าเป็นจำนวนมาก

    “อะไรนะ... พวกเราพึ่งทำงานที่นี่ได้ไม่กี่วันเองนะ” เรนนี่โพล่งขึ้น

    “ใจเย็นๆน่าเรน ยังไงเธอก็ไม่เดือดร้อนอะไรสักหน่อย” พายปลอบเพื่อน 

    “ฉันล่ะอยากจะฉีกไอ้ชั่วนั้นให้เป็นชิ้นๆ กล้าดียังไงมาทำร้ายคนบริสุทธิ์” ถึงแม้ว่าเรนนี่จะดูลุคสาวหวานอ่อนแอ แต่สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความรู้สึกที่แท้จริง

    “ตั้งแต่พรุ่งนี้พวกเธอไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ” มิวเรย์ที่พึ่งเดินออกมาจากในห้องเอ่ย เนื่องจากในพื้นที่เป็นสีแดง ร้านเลยต้องปิดก่อนตะวันตกดิน มิวเรย์จึงคิดว่าปิดร้านไปชั่วคราวก่อนก็ดี ก่อนที่สามสาวจะโวยวาย มิวเรย์ก็รีบบอกเหตุผล ถ้าหากคนร้ายถูกจับแล้วหรือสถานการณ์ดีขึ้นสัญญาว่าจะจ้างพวกเธอต่อแน่นอน ถึงจะรู้สึกเซ็งอยู่บ้างที่จะไม่ได้เจอหนุ่มหล่อแต่พวกเธอก็เข้าใจ ยังไงความปลอดภัยต้องมาก่อน 

     

    สมาคมนิยมคนหน้าตาดี : [ 2 วันแล้วที่ฉันได้ทำงานร่วมกับพวกเขา เคนวิลล์มีนิสัยเย็นชา เขาไม่ชอบพูด พวกฉันพยายามถามคำถามเขามากมายแต่สิ่งได้กลับมาคือ จุดสามสุด ฮื่ออออ..] โพสต์เมื่อ 5 วันที่ผ่านมา

    [โอ๋ๆนะแอดมิน เจ้าชายแวมไพร์ก็ต้องเย็นชาเป็นเรื่องปกติ]

    [ถึงหยิ่งเราก็คลั่งรักเขาอยู่ดี สู้ๆนะพวกเราเป็นกำลังใจให้ คราวหลังขอรูปเจ้าชายเย็นชาด้วยนะ ตั้งตารอดูอยู่]

     

    สมาคมนิยมคนหน้าตาดี : [ถึงแม้เคนวิลล์จะเป็นคนเย็นชาแต่พวกเราก็ยังรักเขาเหมือนเดิม ในร้านราเม็งไม่ได้เงียบสงบอย่างที่ทุกคนคิด พวกเรายังมีเจ้าชายแห่งท้องทะเลอย่างยอสอยู่อีกคน เพราะเขาเป็นคนร่าเริงและชอบเล่าเรื่องตลกทำให้พวกเราหัวเราะได้แทบจะตลอดเวลา พวกเรานี่โชคดีจริงๆ (รูปภาพ)] โพสต์เมื่อ 4 วันที่ผ่านมา มีการแชร์แล้ว 20k ครั้ง

    [รอยยิ้มของเขาทำให้หัวใจฉันเต้นแรง อิจฉาพวกเธอชะมัด]

    [ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีนิสัยแตกต่างกันแต่ฉันก็รู้สึกรักเขาทั้งคู่]

    [ทำไมพวกเขาไม่เป็นนักแสดงนะ ไม่ก็เป็นนายแบบอะไรพวกนี้ก็ได้ ฉันว่าพวกเขาต้องปังแน่]

    [ฉันเห็นด้วยกับคอมเม้นบน]

     

     

    “ฉันไม่อยากให้ร้านปิดเลย” จิลล่าพูดโดยที่มือจับเมาส์เลื่อนอ่านคอมเม้นต่างๆในเพจสมาคมนิยมคนหน้าตาดีโดยมีโทรศัพท์เปิดวีดีโอคอลวางอยู่ด้านหน้าเผยให้เห็นเรนนี่และพายอยู่ในนั้น

    “ฉันว่าร้านปิดก็ดีนะจะได้พักผ่อนเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” พายพูด

    “แล้วเธอจะโพสต์บอกคนในเพจตอนไหน” เรนนี่ถาม

    “อีกสักพักแหละ...” จิลล่าตอบก่อนจะหันซ้ายหันขวาหาอะไรบางอย่าง “จริงสิฉันลืมไปสนิทเลย”

    “ลืมอะไร” พายทำหน้าแปลกใจ

    “ฉันลืมกล้องไว้ที่ร้านน่ะสิ” ประธานสมาคมนิยมคนหน้าตาดีมีสีหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย

    “อ่าว รูปอยู่ในนั้นหมดเลยหรอ” เรนเม้มปากมองคนในจอคอม

    “ใช่... มีรูปพวกเราถ่ายคู่กับเจ้าของร้านและเจ้าชายด้วย ทำไงดีร้านปิดอีกตั้งหลายวัน” จิลล่านั่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็จะพูดต่อว่า “เดี๋ยวฉันกลับไปเอาที่ร้านก่อนนะ”

                            “แบบนั้นมันอันตรายนะ” พายกับเรนนี่พยายามห้ามแต่สายของจิลล่าก็ตัดไปเสียแล้ว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×