ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไทฟอน (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ 17

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ค. 64


    “คุณมาเพราะข่าวนั้นใช่ไหม” มิวเรย์เงยหน้าถามชายตรงหน้าที่มีส่วนสูงกว่าตนหลายเซนติเมตร ลามิอาเป็นอสูรกายที่มีส่วนบนเป็นมนุษย์ผู้หญิงส่วนลำตัวท่อนล่างเป็นงู และอาหารโปรดของลามิอานั้นก็คือเลือดของเด็กบริสุทธิ์ มิวเรย์เคยเป็นเด็กสาวธรรมดา เธอเกิดบนโลกมนุษย์และมีพ่อแม่เป็นมนุษย์ ตอนที่มิวเรย์กำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมปลายเธอได้ไปตกหลุมรักชายผู้หนึ่ง เขามีอายุสามสิบปลายๆ แต่ในสายตามิวเรย์นั้น เขาดูดีกว่าชายทั่วไปที่เธอเคยพบเห็น มิวเรย์ในวัยสิบแปดปีจึงเดินหน้าจีบชายหนุ่มที่มีอายุมากกว่าตัวเอง จนในที่สุดพวกเขาก็ได้คบกัน แต่ชีวิตของเด็กสาวที่กำลังหลงระเริงกับความรักก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เมื่อได้รู้ว่าชายคนรักของตนนั้นได้มีครอบครัวแล้ว
    เป็นโชคร้ายของเด็กสาวที่รักแรกของเธอพังไม่เป็นท่าและก็เป็นโชคร้ายของเธอที่คนรักของเธอไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา เขาเป็นถึงเทพองค์หนึ่งที่มีนิสัยเจ้าชู้ เพราะเบื่อโลกอีกใบจึงมาหาความสำราญที่โลกมนุษย์ แต่ก็ไม่คิดว่าเด็กสาวธรรมดาจะมาตกหลุมรักตัวเองจริงๆ เทพจอมเจ้าชู้จึงเล่นไปตามน้ำ แกล้งเป็นแฟนเป็นคนรักได้อย่างแนบเนียนมาตลอด แต่แล้วภรรยาที่มีนิสัยขึ้หึงก็ได้ปรากฏตัวขึ้น เธอสาปมิวเรย์มนุษย์สาวไร้เดียงสาให้กลายเป็นอสูรกายลามิอาพร้อมกับชีวิตอัมตะ ต้องทนใช้ชีวิตเป็นปีศาจดูดเลือดไปตลอดกาล 
    เพราะเหตุนี้จึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับปีศาจสาวที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเคนวิลล์  “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆนะ ฉันเลิกกินเลือดมนุษย์ไปนานแล้ว ได้โปรดเชื่อฉันเถอะ” ดวงตากลมโตไม่ฉายแววโกหกเลยสักนิด เพราะคิดว่าเซอร์เบอรัสจะมาเอาตัวไปลงโทษ
    “แล้วทำไมลามิอาอย่างเจ้าถึงมี...” ยอสไม่ได้พูดต่อ เขาหลุบตามองเรียวขาสวยของปีศาจสาวตรงหน้า
    “ในตอนที่ฉันถูกสาปฉันไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ฉันกลืนกินมนุษย์ไปมากมายโดยเฉพาะเด็กไร้เดียงสา สภาพที่น่าเกลียดของฉันทำให้ฉันกลับไปหาพ่อแม่ไม่ได้ แม้แต่งานศพฉันก็ไม่เคยไปเคารพท่านเลยสักครั้ง คุณคิดว่าฉันอยากจะเป็นอสูรกายที่น่าเกลียดน่ากลัวนั่นเหรอ เพราะผู้ชายคนนั้นคนเดียวที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ ฉันได้ขากลับคืนมาแต่ฉันก็ต้องสูญเสียอะไรไปหลายอย่าง แม้แต่การรับรส” ถึงแม้จะได้ท่อนล่างกลับมาแต่มิวเรย์ก็ต้องสูญเสียการรับรส เธอไม่สามารถรับรู้รส หวาน เผ็ด เค็มหรือเปรี้ยว สิ่งเดียวที่ปีศาจสาวรับรู้ก็คือรสชาติของเลือดมนุษย์ “ถึงฉันจะไม่รู้รสชาติของอาหารบนโลกมนุษย์ แต่ฉันก็ชอบกินมันมากกว่าเลือดมนุษย์นะ...”
    “ใครเป็นคนทำให้เจ้ากลับมามีร่างกายปกติ” ไม่มีทางที่คำสาปจะหายไปเองแน่ เมื่อได้ยินคำถามมิวเรย์มีท่าทีอึกอัก ยอสจึงคิดได้ว่าที่เขามาในวันนี้ไม่ใช่เพราะต้องการมารับรู้เรื่องของปีศาจตรงหน้าก่อนที่มิวเรย์จะเริ่มคิดไปไกลกว่านี้ ร่างสูงจึงเอ่ยเรื่องทำงานขึ้นมาอีกครั้ง “สรุปจะรับผมเข้าทำงานไหมครับ”
    “เอ๊ะ!” มิวเรย์ทำหน้าตกใจก่อนจะพูดต่อว่า “คุณจะมาสมัครงานจริงๆหรอ”
    “........”
    “นี่ไม่ได้คิดจะมาจับตาดูฉันใช่ไหม คุณก็เห็นว่าคนเรียกลูกค้าก็มีแล้ว พนักงานเสิร์ฟก็มีแล้ว ส่วนครัว...” ยอสไม่ทนอีกต่อไปเขาเดินไปเปิดประตูด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทำให้ปีศาจลามิอาที่กำลังจะพูดต่อต้องหยุดชะงัก ไม่นานร่างสูงก็เดินตรงไปที่ครัวพร้อมกับหยิบผ้ากันเปื้อนสีขาวมาพันไว้รอบเอวก่อนจะหยิบจับเส้นราเม็งขึ้นมาอย่างชำนาญ ผ่านไปไม่กี่นาทีมิโสะราเม็งก็พร้อมเสิร์ฟ
               (มิโสะคือเต้าเจี้ยวของญี่ปุ่น มีมากมายหลายชนิด สามารถทำได้จากข้าว ข้าวสาลีและถั่วเป็นต้น) 
    กลิ่นหอมของมิโสะอบอวลไปทั่วทั้งร้าน ทำให้ลูกค้าหลายคนเอ่ยถามว่ากลิ่นแบบนี้มาจากอาหารชนิดไหน บางคนก็ขอสั่งเพิ่มเพราะอยากลองชิม ทำให้มิวเรย์ต้องจ้างยอสอย่างเลี่ยงไม่ได้
     
     
    “ไม่คิดเลยนะว่าคนอย่างคุณจะทำอาหารเป็นด้วย” มิวเรย์กล่าวหลังจากปิดประตูร้านเรียบร้อยแล้ว 
    “เรื่องปกติน่า” ...ไม่เห็นจะปกติเลยสักนิด... ยมทูติที่ไหนเขาทำตัวร่าเริงแบบนี้กันเล่า มิวเรย์ขมวดคิ้วมองยอส ที่เดินยิ้มหน้าบานอยู่ตรงหน้า ก่อนจะหันไปถามเคนวิลล์ต่อว่า “พวกนายพักอยู่ที่ไหนกันล่ะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
    “ไม่จำเป็น...” ยอสพูด “เพราะพวกเขาอยู่กับฉัน”
    “นี่! ใครอยู่กับนายไม่ทราบ” บาร์เธอร์ค้าน เพราะเขาไม่เคยคิดที่จะอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น ถึงแม้ว่าบ้านของยอสจะน่าอยู่ขนาดไหนก็เถอะ มันต่างจากตอนอยู่คฤหาสน์ของเคนวิลล์มาก อาจจะเป็นเพราะ ...ฉันไม่ถูกชะตากับหมอนั่น...
    “พูดเหมือนข้าอยากให้เจ้าอยู่ด้วยงั้นแหละ เจ้ามนุษย์โสโครก” ยอสย้อน
    “อ้อเหรอ แต่เมื่อกี้ฉันได้ยินนายพูดว่าพวกเขานะ” บาร์เธอร์
    “พวกนายเป็นเด็กหรือไงเถียงกันอยู่ได้” มิวเรย์
    แสงไฟนีออนส่องสว่างไสวหลากหลายสีในยามพลบค่ำราวกับช่วงกลางวันไม่มีผิด เคนวิลล์ที่เดินอยู่ด้านหลังคลี่ริมฝีปากบางหัวเราะขำเบาๆ ก่อนที่ฝีเท่าทั้งสามคู่จะหยุดชะงักพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย 
    “เมื่อกี้นายยิ้มเหรอ” มนุษย์หนุ่มเอ่ยถาม
    “ฉันว่าฉันได้ยินเสียงหัวเราะด้วยนะ” มิวเรย์จ้องเคนวิลล์ด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย ถึงแม้ว่าตอนนี้เคนวิลล์จะกลับมามีสีหน้าเย็นชาดังเดิม แต่เธอก็มั่นใจว่าเมื่อครู่เสียงมาจากเคนวิลล์แน่ 
    อสูรเย็นชาเหลือบตามองทั้งสามคนด้วยแววตานิ่งสงบ ริมฝีปากบางไม่ได้ขยับตอบคำถาม แต่กับเป็นร่างกายของเขาที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าโดยไร้คำตอบ ทำให้สามคนเมื่อครู่ยืนงงงวยอยู่ทางด้านหลัง แต่ไม่นาน พวกเขาก็เดินตามร่างสูงไป
     
     
    อีกด้านหนึ่งบนโลกมนุษย์
    “กรี๊ดดดดดดดดดดด!” สิ้นเสียงกรี๊ดบรรยากาศรอบด้านก็อบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดโดยมีชายร่างกำยำยืนมองศพที่วางกองอยู่ที่พื้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก... 
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×