ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไทฟอน (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ 16

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 64


    เปลวเพลิงร้อนระอุของไฟนรกแพร่กระจายปกคลุมไปทั่วพื้นที่ชินยุยังคงวิ่งตรงไปอย่างไร้จุดหมาย ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วที่เขาวิ่งหนีชายในผ้าคลุมสีดำออกมา เขาคิดว่าหลังจากที่โดนแส้ฟาดเต็มแรงขนาดนั้น คนผู้นั้นคงไม่ปล่อยเขาไปแน่ แต่ผิดคลาดหลังจากที่ชินยุวิ่งหายออกมา ผู้นั้นกับยืนเฉยไม่แม้แต่จะก้าวขาวิ่งตามมาจับเขาด้วยซ้ำ

    ... ผมเคยเป็นคนขี้ขลาด ไม่สิ ผมยักคงเป็นคนขี้ขลาดเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด... ริมฝีปากหนาของอดีตรองหัวหน้าแก๊งหมาในเม้นเข้าหากันแน่น ก่อนที่ภาพในอดดีตจะแวบเข้ามาในหัว

    เด็กผู้ชายตัวสูงใหญ่ในชุดนักเรียนมัธยมนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่หลังตึกอาคารเรียน หลังตึกตรงนี้มักจะมีนักเรียนเกเรหลายคนแอบโดดเรียนมาสุมหัวกันสูบบุหรี่และสร้างวีรกรรมอื่นๆอีกมากมาย แต่ไม่ใช่กับชินยุ เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น เนื้อตัวสั่นเทาไปด้วยความกลัว ใช่แล้ว เขากลัวเด็กผู้ชายอีกคนที่ตัวใหญ่กว่าและมีจำนวนคนที่มากกว่า แถมพ่อของฝ่ายนั้นก็เป็นผู้มีอิทธิพล ดังนั้นชินยุจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากจะยอมโดนพวกมันรังแก

    ความเจ็บปวดที่กลางหลังทำให้ชินยุที่วิ่งอยู่ต้องหยุดลงกระทันหัน เขาพึ่งนึกได้ว่าตนเองได้รับบาดเจ็บ แส้ของยมทูตินั้นไม่ต่างอะไรกับเคียวยมทูติของยอส ไม่ว่าอาวุธิชนิดไหนที่ได้อยู่ในกำมือยมทูติแล้ว ล้วนมีพลังงานด้านมืดทั้งนั้น "อ่ะ... โอ้ยยย" ชินยุนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นด้วยความรู้สึกทรมาน เขาปวดแสบปวดร้อนไปทั่วทั้งหลังจนแทบอยากจะตายอีกรอบ "ทั้งๆที่ตายไปแล้ว ทำไมถึงยังมีความรู้สึกอยู่ล่ะ ฮึก..."

    "เจ้าโง่" ร่างสูงอยู่ในชุดผ้าคลุมสีดำเดินมาหยุดตรงหน้าของวิญญาณเร่ร่อน ชินยุที่เจ็บปวดทรมานจากพิษบาดแผลขบกรามแน่น

    "แก..." ชินยุมองเคียวที่อยู่ข้างหลังของอสูรในชุดผ้าคลุม ถึงจะมีสีชุดที่เหมือนกัน แต่อาวุธของชายที่ฟาดเขาคือแส้ ... ผู้ชายคนนั้นถือแส้นี่ หรือว่าเขาจะเป็นคนละคนกัน... "หรือว่าพวกแกคือยมทูต" ดวงตากลมเบิกโพลงด้วยความตกใจปนกลัวและสับสน คนตรงหน้าตอกย้ำว่าเขาเป็นแค่ดวงวิญญาณ ชินยุใช้ชีวิตเสเพ เขาไม่เคยคิดถึงโลกหลังความตายมาก่อน เคยคิดเพียงแต่ว่าจะเอาชีวิตรอดบนโลกใบนี้ไปได้อย่างไร เขาจึงทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ตัวเองรอดและหลุดพ้นจากความอ่อนแอ ... ต้องแข็งแกร่ง ต้องแกร่งขึ้นเท่านั้น ถึงจะอยู่บนโลกนี้ได้... "ฉันไม่ยอมให้แกจับฉันได้หรอก!" สิ้นเสียงชินยุก็มุ่งตรงไปที่หน้าผา ร่างสูงกระโดดลงไปโดยไม่รังเรเลยสักนิด

    "เจ้าโง่" ยอสในผ้าคลุมยืนนิ่งอยู่กับที่ก่อนจะขยับปากพึมพำหลังจากที่วิญญาณของชินยุได้กระโดดลงหน้าผาไปแล้ว

    อีกด้านหนึ่งบนโลกมนุษย์ แสงอาทิตย์ลอดผ่านเข้ามาทางช่องว่างของผ้าม่านสีครามกระทบเข้ากับใบหน้าสวยของมนุษย์หนุ่ม บาร์เธอร์ขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อรู้สึกถึงความร้อนจากไอแดดทำให้คนบนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้น เนื่องจากเมื่อคืนดื่มไปเยอะทำให้เด็กหนุ่มเกิดอาการแฮงค์ บาร์เธอร์รู้สึกพะอืดพะอม เหมือนมีอะไรบางอย่างจะพุ่งออกจากร่างกาย เด็กหนุ่มจึงพยุงร่างตัวเองวิ่งไปที่ประตูห้องน้ำ ในจังหวะที่ร่างสูงเข้ามาในห้องน้ำบาร์เธอร์ก็วิ่งตรงไปที่อ่างล้างหน้าพร้อมกับก้มหน้าอ้วกเอาของเหลวออกจากร่างกายทันที "อ้วกกก..."

    เมื่อของเหลวออกจากร่างกายบาร์เธอร์ก็ตะหนักได้ว่า ... ไม่น่าดี่มเยอะเลย... หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วก็เดินออกจากห้องไปตามหาเคนวิลล์ เขาจำได้ลางๆว่าเมื่อคืนนี้เขาดื่มไปเยอะมากจนเผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็มานอนอยู่ในห้องนี้แล้ว

    ในขณะที่เดินหาบาร์เธอร์เขาก็ได้เดินสำรวจตัวบ้านไปด้วย บ้านหลังนี้มีขนาดสองชั้นถูกออกแบบเป็นสไตล์ร่วมสมัย แน่นอนว่าคำว่าสไตล์ร่วมสมัยนั้นหมายถึงเป็นสไตล์ของการผสมผสานกันระหว่างสไตล์สมัยใหม่กับสไตล์สมัยอดีด หรือเรียกง่ายๆก็คือการผสมกันของสองสไตล์ ทำให้บ้านหลังนี้ดูเรียบง่ายไม่หรูหราจนเกินไปแล้วก็ไม่เรียบจนเกินไป

    เดินมาถึงชั้นล่างก็พบกับเคนวิลล์นั่งไขว่ห้างรอเขาอยู่ก่อนแล้ว ให้ตายเถอะหมอนี่เป็นมนุษย์จริงๆใช่ไหม ตั้งแต่รู้จักกับผู้ชายคนนี้บาร์เธอร์ยังไม่เคยเห็นเขานอนหลับ หรือตักอาหารเข้าปากเลยสักคำ ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ในป่าวันนั้นและสวนหน้าคฤหาสน์ที่มีปลาหน้าตาประหลาด ต้นไม้ขยับได้เหมือนในหนังการ์ตูนดิสนี่แล้วไหนจะเจ้าตัวหัววัวนั่นอีก มองยังไงก็ไม่เหมือนใส่หน้ากากเลยสักนิด หรือว่าเราจะเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ บาร์เธอร์สลัดความคิดในหัวทิ้งไปก่อนจะเดินเข้าไปทักทายเคนวิลล์ด้วยรอยยิ้ม "ไฮ.."

    เคนวิลล์มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นบาร์เธอร์เดินลงมาจากบันได

    "นายทำอะไรอยู่" บาร์เธอร์มองแก้วน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะ

    "ดื่มชา" เคนวิลล์ตอบพร้อมกับยกแก้วน้ำชาขึ้นดื่ม

    "จิ๊ แค่ดื่มชาไม่จำเป็นต้องเก๊กขนาดนั้นก็ได้" บาร์เธอร์หรี่ตามองก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ดวงตาสวยเหลือบไปเห็นถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปวางอยู่บนโต๊ะจึงเดาได้ว่านี่ต้องเป็นอาหารเช้าของเขาแน่ บาร์เธอร์ไม่รอช้า หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเส้นบะหมี่เข้าปากโดยมีไทฟอนนั่งไขว่ห้างดื่มชาอยู่ฝั่งตรงข้าม

    "ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดคดีสะเทือนขวัญ เมื่อมีผู้พบเห็นศพหญิง 1 ราย เสียชีวิตปริศนาในเขต12 พนักงานสอบสวนเขต12 ได้ส่งศพไปผ่าพิสูจน์เนื่องจากเป็นการตายผิดธรรมชาติ ทางตำรวจนั้นได้เปิดเผยว่าผู้เสียชีวิตถูกฆาตกรรม เพราะสภาพศพไม่มีเลือดอยู่ในร่างกายเลยสักหยด บนลำตัวของศพก็ไม่มีล่องลอยจากเข็มหรือลอยแผลจากการดูดเลือดออกจากร่างกาย จะเป็นไปได้จริงหรือที่ฆาตกรจะดูดเลือดออกจากร่างกายของเหยื่อจนไม่มีเลือดเหลือเลยสักหยด..." เมื่อได้ยินข่าวในทีวีผู้คนก็พากันทำสีหน้าตกใจก่อนจะเริ่มมีเสียงซุบซิบ ว่าเหตุการณ์ในข่าวเป็นเรื่องจริงหรือ บ้างก็พากันสงสัยว่ามนุษย์จะไม่มีเลือดในร่างกายสักหยดได้อย่างไร แล้วคนร้ายใช้วิธีไหนในการดูดเลือดออกไปโดยที่ไม่ทิ้งล่องรอยอะไรไว้เลย ในขณะที่ผู้คนกำลังถกเถียงกันเรื่องการตายปริศนา ผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ก็พบศพหญิงสาวอีกจำนวน 3 ราย ในเขต12 ถูกฆาตกรรมผิดธรรมชาติ พนักงานสืบสวนได้เปิดเผยว่าศพทั้ง 3 มีลักษณะการตายคล้ายกัน เลือดในร่างกายของทุกศพได้หายไปเหลือไว้แค่เพียงผิวหนังกับกระดูกและเครื่องในที่อยู่ครบ แต่สิ่งที่หายไปคือน้ำในร่างกายทั้งหมด ทีมสืบสวนจึงสันนิฐานว่าฆาตกรต้องเป็นคนเดียวกับคดีแรก ไม่นานดคีนี้ก็กลายเป็นคดีใหญ่พร้อมกับเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ ผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับข่าวนี้โดยเฉพาะชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในเขต12 ต้องใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวง

    ร่างบางของสาวน้อยผิวใสในวัยนักเรียนมัธยมชะงักค้าง ดวงตาสวยสั่นเครือเล็กน้อยจับจ้องไปที่หน้าจอทีวีที่กำลังถ่ายทอดสดข่าวการตายปริศนา ผู้รายงานข่าวพูดจบไปนานแล้วแต่มิวเรย์ยังคงยืนอึ้งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่จนลืมไปแล้วว่าตัวเองต้องไปเสิร์ฟราเม็งที่อยู่ในมือทั้งสองข้าง

    "นี่! มีสมาธิหน่อยสิ" บาร์เธอร์ที่อยู่ในชุดพนักงานร้านเดินมาเรียกดึงสติก่อนจะแย่งราเม็งในมือของปีศาจสาวไปเสิร์ฟเอง หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จ บาร์เธอร์กับเคนวิลล์ก็พากันเดินมาทำงาน โชคดีที่ร้านอยู่ใกล้บ้านของยอส ทำให้ง่ายต่อการเดินทางมาทำงาน เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึง มิวเรย์เจ้าของร้านก็สั่งให้ทำงานทันที บาร์เธอร์รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ไม่โดนต่อว่า ซึ่งปกติเขาสมควรโดนแล้วเพราะเล่นมาทำงานแค่วันเดียวก็หายไปเป็นอาทิตย์ แล้วจู่ๆก็กลับมาขอทำงาน

    เคนวิลล์ยังคงนั่งไขว่ห้างอยู่หน้าร้านทำให้เหล่าสมาชิกของเพจสมาคมนิยมคนหน้าตาดีพากันกรี๊ดกราด เดินทางมาขอถ่ายรูปมากมาย มีหลายคนขอให้เขาลุกขึ้นถ่ายรูปคู่ด้วย แต่เคนวิลล์ก็ยังนั่งนิ่งไม่กระดุกกระดิกเหมือนรูปปั้น... นั่นจึงทำให้แฟนคลับหลายคนเดินไปยืนข้างตัวเขาและถ่ายรูปแทน

    บาร์เธอร์เสิร์ฟอาหารเสร็จก็เงยหน้ามองเคนวิลล์ที่มีสาวเล็กสาวใหญ่รุมล้อมจนดูหน้าหมั่นไส้ ... ให้ตายสิ น่าอิจฉาชะมัด... ในขณะที่กำลังนึกหมั่นไส้เคนวิลล์อยู่นั้น บาร์เธอร์ก็สังเกตุเห็นว่ามิวเรย์มีท่าทีเปลี่ยนไปจากเดิม ดวงตาสุกใสเหมือนเด็กตอนนี้สั่นไหวไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ... หรือว่าข่าวนั้น...

    กริ๊ง.... เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านราเม็งดังขึ้นทำให้มิวเรย์ได้สติหันไปมองผู้มาใหม่ ดวงตากลมโตของปีศาจสาวเบิกมองด้วยความแปลกใจ ทันทีที่ยอสปรากฏตัวผู้คนในร้านที่ตอนแรกคุยกันเสียงเจี๊ยวจ๊าวต่างพากันเงียบสงบอย่างไม่ได้นัดหมาย ดวงตาหลายคู่จับจ้องไปยังอสูรเซอร์เบอรัสที่ตอนนี้มีตำแหน่งเป็นยมทูตด้วยความตื่นเต้น

    "ร้านนี้เป็นแหล่งรวมเทพบุตรชัดๆ..." ลูกค้าสาวที่อยู่ในกลุ่มสมาคมนิยมคนหน้าตาดีเอ่ยขึ้นก่อนที่เสียงเจี๊ยวจ๊าวจะกลับมาอีกครั้ง ก่อนที่พวกแฟนคลับสมาคมนิยมคนหน้าตาดีจะพากันวิ่งเข้ามารุมยอส มิวเรย์ก็ร่ายเวทสะกดพวกเขาไว้ทำให้สาวๆที่คลั่งคนหน้าตาดีหันไปสนใจเคนวิลล์ดังเดิม...

    เคนวิลล์ " - -" "

    เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ร่างบางก็เอ่ยถาม "รับอะไรดีคะ" ปีศาจสาวต้อนรับยอสเหมือนกับลูกค้าทั่วไป ดวงตากลมสุกใสกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

    "ผมมาสมัครเป็นลูกจ้างชั่วคราวครับ" ยอส

    "เอ๊ะ!" มิวเรย์รู้ดีว่าการที่ยมทูตมาบนโลกมนุษย์ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ใบหน้าที่สดใสมีชีวิตชีวาเมื่อครู่หายวับไปเพียงพริบตาเดียวนัยน์ตาสวยเต็มไปด้วยคำถามมากมาย

    "นายคิดว่าที่นี่เป็นสนามเด็กเล่นหรือไง" บาร์เธอร์เดินมาร่วมวงด้วยทำให้มิวเรย์มีสีหน้าวิตกกังวล

    "หน้าฉันเหมือนคนล้อเล่นเหรอ" ดวงตาคมของอสูรเซอร์เบอรัสหลุมมองมนุษย์หนุ่มด้วยสีหน้าไม่จริงจังนัก เขามองบาร์เธอร์อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะกับไปสนทนากับปีศาจสาวตรงหน้า "เริ่มงานวันนี้เลยนะครับบอส"

    พูดจบริมฝีปากหยักได้รูปก็ยกยิ้มโชว์ฟันสวย ทำเอาลุคชายในผ้าคลุมซื่อบื้อที่บาร์เธอร์ตั้งให้หายไปเลย ยอสในตอนนี้ดูเหมือนเป็นเด็กหนุ่มที่มีนิสัยร่าเริงสดใส ไร้เดียงสา แต่ก็ยังคงความเป็นผู้ใหญ่ไว้ในตัว ทำให้มิวเรย์แก้มร้อนผ่าว

    แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าชายตรงหน้าคือยมทูต ปีศาจสาวก็กลับมามีสีหน้าปกติ "บาร์เธอร์นายช่วยไปดูร้านแทนหน่อยได้ไหม" บาร์เธอร์ยังไม่ทันได้เอ่ยปากค้าน เจ้าของร้านก็ลากยอสเข้าไปในห้องเสียแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรประตูก็ถุกเปิดออกพร้อมกับใบหน้าสวยของมิวเรย์ที่ตะโกนออกมาว่า "จริงสิ อย่าลืมยิ้มทักทายลูกค้าล่ะ ฉันโดนร้องเรียนมาว่าพนักงานที่ร้านเหมือนหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา" พูดจบประตูก็ปิดลงอีกครั้ง

    ถึงจะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง บาร์เธอร์ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา เขาหันไปสนใจงานตรงหน้าพร้อมกับต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้ม การยิ้มเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยยกระดับอารมณ์ให้ดีขึ้นไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะไหนก็ตาม ขณะที่ริมฝีปากเริ่มแยกออกจากกันจนเผยให้เห็นฟันที่เรียงตัวสวย ไปจนถึงลักยิ้มเล็กๆ ชวนขโมยหัวใจ ภายในร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนโดพามีน และเซโรโทนินก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ส่งผลโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ในเชิงบวกภายในร่างกาย แต่กลับมนุษย์หนุ่มคนนี้กับตรงกันข้าม ทันทีที่ริมฝีปากบางยิ้มกว้างโชว์ฟันเรียงกันสวยของบาร์เธอร์ ผู้ที่พบเห็นต่างพากันหน้าซีดเผือก ไม่ใช่เพราะว่าบาร์เธอร์มีหน้าตาขี้หริ้วขี้เหล่ แต่เพราะเขาออกสไตล์นักเลง บาร์เธอร์เลยดูน่ากลัวกว่าคนปกติทั่วไป

    "เอ่อ... คุณโอเคไหมคะ" หญิงสาวผมบลอนเอ่ยถาม ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

    "ก็โอเคนะครับ ฮี๊ๆ" ดวงตากลมหรี่เล็กมองหญิงสาวตรงหน้าโดยที่ริมฝีปากยังคงยกยิ้มไม่หุบ บาร์เธอร์ที่ไม่รู้ตัวเดินส่งยิ้มหวานให้สาวๆในร้าน ถึงจะรู้สึกตะงิดใจอยู่บ้างแต่คนซื่อบื้ออย่างบาร์เธอร์ก็ไม่หุบยิ้มจริงๆ


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×