คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 15
เสียงดนตรียังคงดังกล้องไปทั่วห้องวีไอพีแต่คนในห้องกับเงียบสงบ อสูรในตำนานที่อยู่ในร่างมนุษย์สบตากันโดยมีมนุษย์หนุ่มนอนหลับไปเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ซบอยู่ที่ไหลกว้างของไทฟอน ยอสจ้องเข้าไปในดวงตาของสหายเก่าอย่างไม่เข้าใจ เคนวิลล์จึงเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ยอสฟังรวมถึงเหตุผลที่เขามาอยู่บนโลกมนุษย์ด้วย
หลังจากที่เจอชายชนชั้นสูงเคนวิลล์ก็ได้แช่น้ำทำสัญญากับท่านผู้นั้น ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่เพื่อชดใช้กรรมที่ก่อไว้ เพื่อแลกกับการมีชีวิตอยู่ห้ามให้ใครรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของไทฟอน ทุกคนต้องเชื่อว่าเคนวิลล์เป็นปีศาจธรรมดาเท่านั้น หากใครรู้ว่าเคนวิลล์คือไทฟอน ผู้นั้นจะถึงแก่ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจแม้แต่ชนชั้นสูงเองก็ตาม
เคนวิลล์ไม่ได้บอกตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง เขาบอกกับเพื่อนเก่าแค่ว่าเขาถูกสาปเลยไม่สามารถบอกเพื่อนได้ทุกอย่าง
“โดนสาป!...” ยอสไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปไม่ได้ ทำไมนายถึงโดนสาปล่ะ”
เคนวิลล์นั่งเงียบเขาไม่ได้อธิบายหรือขอให้ยอสเชื่อ ดวงตาคมหันไปสนใจนอกกระจกห้องอีกครั้ง ยอสรู้ดีว่าเคนวิลล์ในตอนนี้ไม่ได้โกหกเขาแน่ การท้าประลองที่เขาปฏิเสธมาตลอดไม่ใช่เพราะเขากลัวหรือไม่อยากต่อสู้ ความจริงแล้วเป็นเพราะเขาไม่อยากทำร้ายเพื่อนรักคนนี้ต่างหาก
“ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็เถอะ แต่การที่เจ้าทำสัญญากับมนุษย์ผู้นี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง” เคนวิลล์ยังคงมองออกไปทางอื่น “เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้าทำอะไรอยู่ พลังของเจ้าจะลดน้อยลง อายุไขของเจ้าก็ด้วย”
เคนวิลล์เหลือบตามองยอสที่ตอนนี้มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก “ข้าไม่สน”
“เจ้าชอบเขาหรือ” ยอสถามออกไปตามตรง
“อืม” เคนวิลล์ไม่หยุดคิดเลยสักนิด เขาตอบออกมาทันทีที่ได้ยินคำถามเลยด้วยซ้ำ ยอสจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่และบอกกับเพื่อนว่า
“มนุษย์นั่นจะเป็นจุดอ่อนของเจ้า” ในโลกปีศาจแตกต่างจากโลกมนุษย์มากนัก ไม่ใช่แตกต่างแค่รูปร่างกับพละกำลัง แต่ผู้คนที่นั่นไม่ได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขเหมือนกับโลกใบนี้ แล้วสิ่งที่เคนวิลล์ตามหาก็อาจจะทำให้มนุษย์ผู้นี้ได้รับอันตรายไปด้วย ยอสไม่ได้เป็นห่วงเจ้ามนุษย์นั่นเลยสักนิด เขาเพียงแค่ห่วงเพื่อนรักที่ต้องมาคอยดูแลและปกป้องเจ้ามนุษย์ซื่อบื้อ ...เข้าไปถึงในป่าต้องห้ามแล้วแท้ๆกับไม่รู้อะไรเลย...
อีกด้านหนึ่งของหน้าประตูนรก วิญญาณของชินยุล่องลอยอยู่ในสถานที่ที่เขาไม่รู้จัก แต่เขาพอจะเดาได้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน ชินยุจำได้รางๆว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่เขาหมดสติไปเขารู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดนี้แล้ว โดยมีชายแปลกหน้าใส่ชุดประหลาดเดินนำหน้าเขาอยู่ “คุณจะพาผมไปไหน”
ชินยุถามชายที่อยู่ในชุดโบราณพร้อมกับมองไปรอบตัว ทางข้างหน้ามีประตูบานใหญ่สูงเท่าตึก 100 ชั้น รอบข้างมีแต่ภูเขาและละอองฝุ่นทำให้พื้นที่กลายเป็นสีแดง ที่นี่คือนรกแน่
ชายตรงหน้าไม่ตอบเขายังคงเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า ไม่แม้แต่จะหันมามองชินยุที่ยืนอยู่ข้างหลังเลยสักนิด เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจ ดวงวิญญาณที่ไร้ร่างจึงหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ชายตรงหน้าก็หยุดเดินเช่นกัน
“ถ้าคุณไม่บอกว่าจะพาผมไปไหน ผมก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น” พูดจบชินยุก็หันหลังเดินกลับไปอีกทาง แต่พึ่งได้ก้าวขาไปแค่สองก้าว ก็มีแส้ขนาดใหญ่ฟาดลงมาที่กลางหลังเขาเต็มแรง เสียงร้องโหยหวนของชินยุดังกล้องไปทั่วดินแดนที่กว้างใหญ่ ดวงวิญญาณที่ตายไปแล้วทรุดฮวบไปนั่งอยู่ที่พื้น ก่อนจะหันไปโวยวายกับชายผู้นั้น “มันจะมากเกินไปแล้วนะ...”
“ลุกขึ้น!” ชายในผ้าคลุมสีดำสั่งเขาก่อนจะหันหลังเดินไปทางข้างหน้าดังเดิม
ริมฝีปากหนาชักกระตุกด้วยความโกรธ เขาเคยเป็นถึงรองหัวหน้าแก๊งมาเฟียเชียวนะ คิดหรือว่าเขาจะกลัว ชินยุแสยะยิ้ม แล้ววิ่งออกไปทันที เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน หากเขาเดินเข้าไปในประตูนั่นเขาคงไม่ได้ออกมาง่ายแน่ อดีตรองหัวหน้าแก๊งจึงวิ่งหนีไปโดยไม่คิดถึงชีวิต ใช่ เพราะเขานั้นได้ตายไปแล้ว ดังนั้นคงไม่มีอะไรมาทำให้เขาตายได้อีก
เคนวิลล์นั่งนิ่งมองออกไปที่นอกกระจกใสโดยมีหัวของบาร์เธอร์พิงอยู่ที่บ่าด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ยอสจึงตัดสินใจจะพาทั้งคู่กลับไปหาที่พักในโลกมนุษย์ ซึ่งเขาได้รู้มาว่าเคนวิลล์ได้ขายทองและนำเงินไปซื้อรถราคาหลายหมื่นล้านจนหมดเกลี้ยง เขาจึงตั้งใจจะให้ทั้งคู่ไปอาศัยอยู่ที่บ้านของตนบนโลกมนุษย์ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ยอสจึงจะเดินไปอุ้มบาร์เธอร์ แต่ช้าไปกว่าอสูรไทฟอนหนึ่งก้าว เพราะตอนนี้มนุษย์ที่หลับใหลได้นอนอยู่ในอ้อมแขนของเคนวิลล์เสียแล้ว
อสูรเซอร์เบอรัสทำเสียงในลำคอก่อนจะพาทั้งคู่วาร์ปมาที่บ้านหลังหนึ่ง เคนวิลล์ยืนอุ้มบาร์เธอร์ไว้ในอ้อมแขนไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงยืนสำรวจหน้าบ้านที่มีขนาดสองชั้น ภายนอกถูกตกแต่งด้วยธรรมชาติถึงจะเป็นเวลากลางคืนสถานที่แห่งนี้ก็ไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิด แตกต่างกับโลกปีศาจมากนัก “ที่นี่มี 3 ห้องนอน อยู่ที่ชั้นสอง เจ้าพามนุษย์นั่นไปที่เตียงก่อนเถอะ... จะนอนห้องไหนก็ได้ เพราะยังไงข้าก็ไม่เคยนอนที่นี่อยู่แล้ว ไม่ต้องเกรงใจ” ได้ยินดังนั้นปีศาจไทฟอนก็อุ้มมนุษย์เข้าไปในตัวบ้านโดยมียอสเดินตามทั้งคู่อยู่ตลอดเวลา ยังไม่ทันได้ถึงห้องนอน ยอสก็ได้รับสัญญาณบางอย่างจากนรก เขาจึงทำหน้าเสียดาย เพราะไม่อยากปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันเพลียงลำพัง แต่งานก็คืองาน ยอสกล่าวลา แล้วบอกเคนวิลล์อีกว่า “พรุ่งนี้ข้าจะกลับมา” สิ้นเสียงยอสก็กลับมาอยู่ในชุดผ้าคลุมสีดำอีกครั้ง ไม่นานเจ้าของบ้านก็หายวับไปในอากาศ ทิ้งให้เคนวิลล์อุ้มบาร์เธอร์ไปที่ห้องเพลียงลำพัง
ร่างสูงวางคนที่ตัวเล็กลงเตียงนอนอย่างถนุถนอมเหมือนกลัวว่าคนตรงหน้าจะบอบช้ำยังไงยังงั้น เขายังคงยืนมองคนที่ไร้สติด้วยใบหน้าสงบนิ่งแต่นัยต์ตาแฝงไปด้วยความอบอุ่น ...ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ข้าอยากมีเจ้าอยู่ในชีวิต...
“พวงเฮงซวยเอ้ย” บาร์เธอร์ที่นอนหลับตาอยู่ละเมอพูดอะไรบางอย่าง “ฉันเกลียดคนขี้ขาดอย่างแกที่สุด เอาพ่อฉันคืนมา พ่อ พ่อ!” บาร์เธอร์ยกสองมือขึ้นขวานหาใครบางคน ทำให้เคนวิลล์ที่ยืนมองอยู่ต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน
“พ่อ” ร่างสูงทวนคำว่าพ่อเบาๆอย่างไม่เข้าใจ บาร์เธอร์เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่
คนบนเตียงนอนยังคงร้องละเมอโดยมีสองมือยกขึ้นขยับไปมา เคนวิลล์จึงนั่งลงข้างเตียงนอนพร้อมกับยื่นแขนไปคว้าสองมือนั้นไว้ หางตาสองข้างของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยคาบน้ำตา
“นอนเถอะ ข้าจะอยู่ข้างเจ้าเอง” เคนวิลล์ปลอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนคนละเมอเมื่อครู่หยุดนิ่งลง ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะรวบสองมือของมนุษย์ตรงหน้าไว้ในมือเดียว นิ้วมือเรียวยาวของอสูรไทฟอนลูบไล้ไปทั่วพวงแก้มขาวที่กำลังขึ้นสีแดงจาง ไม่นานก็ไปหยุดที่หางตารียาวของคนบนเตียง นิ้วหัวแม่มือเช็ดคาบน้ำตาให้คนที่ไร้สติอย่างแผ่วเบา ยามถูกสัมผัสที่อ่อนนุ่มทำให้คนที่หลับใหลเริ่มได้สติ บาร์เธอร์จึงลืมตาขึ้นมองการกระทำของคนตรงหน้า
เคนวิลล์เห็นดวงตารียาวเมื่อครู่เปิดขึ้น เขาก็ไม่มีท่าทีตกใจ หน้าคมได้รูปยังคงนิ่งดังคนไร้ความรู้สึกเหมือนทุกที แต่นิ้วมือเรียวกับไม่อยู่นิ่งยังคงขยับเคลื่อนต่ำลงไปจนถึงริมฝีปากของมนุษย์หนุ่ม ปลายนิ้วลูบไล้กลีบปากบางอย่างแผ่วเบาทำให้คนที่พึ่งได้สติรู้สึกหวั่นไหวอย่างห้ามใจไม่อยู่ วินาทีต่อมา ร่างสูงก็ถูกอีกฝ่ายดึงไปกอดจนเกิดเสียงเสียดสีกันของเสื้อผ้า เคนวิลล์แข็งค้างไปชั่วขณะปล่อยให้มนุษย์หนุ่มรั้งตัวเขาไว้ในอ้อมกอด
“นายคิดจะลักหลับฉันเหรอเคนวิลล์” เสียงแหบพร่าของบาร์เธอร์พูดกระซิบถามที่ข้างหูของคนบนตัว
“.....” เคนวิลล์นิ่งชะงัก แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนการกระทำของบาร์เธอร์ สันจมูกโด่งของคนที่กอดรั้งเขาไว้ใกล้ใบหูจนได้ยินและรู้สึกถึงลมหายใจ อสูรไทฟอนจึงเงยหน้าขึ้นมองสบตาด้วยทวงท่าที่แนบชิดไร้ช่องว่างอันแสนคลุมเคลือนี้ ทำให้หัวใจของทั้งคู่เต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ เคนวิลล์รู้สึกได้รางๆว่าเลือดในกายสูบฉีดพลุ่งพล่านจากปลายเท้าขึ้นมาถึงศีรษะ
ดวงตาสีรัติกาลลุ่มลึกหลุบตาลงก้มมองริมฝีปากสวยได้รูป เขาขยับขาขึ้นทับร่างของมนุษย์พร้อมกับเอื้อมมือไปกอดเอวของมนุษย์หนุ่มเพื่อรั้งให้ช่วงล่างของคนข้างล่างขยับมาแนบชิดกับตัวเขา เจ้าของใบหน้าที่เก็บซ่อนความรู้สึกค่อยๆโน้มหน้าลงไปจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวบนใบหน้า ระยะห่างของทั้งสองขยับเข้ามาใกล้ขึ้น ขณะที่ริมฝีปากของทั้งสองจะสัมผัสโดนกัน บาร์เธอร์ก็พูดงึมงำขึ้นมากะทันหัน “เลิกเล่นได้แล้วเคน”
เคนวิลล์ “!!!”
“อื้อออ” บาร์เธอร์กระชับกอดเคนวิลล์แน่นขึ้นก่อนจะดันคนบนตัวให้ลงไปนอนที่ข้างเตียง พร้อมกับยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาก่ายบนตัวเขาไว้และคลายกอดลง “นอนๆ”
“......” เคนวิลล์ยังไม่ได้พูดอะไรคนตรงหน้าก็หลับตาลงไปเสียแล้ว ปล่อยให้เคนวิลล์ที่อยู่ในอ้อมกอดมองริมฝีปากสวยได้รูปนั้นด้วยความรู้สึกเสียดาย ไม่ใช่ว่าบาร์เธอร์ไม่อยากจูบกับเขา แต่เป็นเพราะเขายังไม่พร้อมมากกว่า ตั้งแต่เกิดมา เขายังไม่เคยได้ใกล้ชิดกับใครมากขนาดนี้ และอีกฝ่ายเป็นผู้ชายด้วย นั่นจึงทำให้เคนวิลล์รู้สึกสับสนอยู่ไม่น้อย เขานอนหลับตาคิดอยู่สักพักก็พล็อยหลับไปอีกครั้งโดยมีเคนวิลล์นอนมองใบหน้าที่หลับใหลอยู่อย่างไม่วางตา
ความคิดเห็น