ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไทฟอน (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 14

    • อัปเดตล่าสุด 28 เม.ย. 64


    หลังจากได้พักผ่อนมาหลายวันก็ถึงเวลากลับโลกมนุษย์สักที การเดินทางมาที่โลกมนุษย์นั้นไม่ยาก เพียงแค่วาร์ปไม่กี่วินาทีก็ถึงแล้ว แต่เป็นเพราะคนซื่อบื้ออย่างบาร์เธอร์ เคนวิลล์จึงลงทุนด้วยการเอาทองในคฤหาสน์ไปขายเพื่อแลกเป็นเงินจำนวนหนึ่งก่อนจะนำไปซื้อรถยุโรปสุดหรู เบ้นลีย์คอนติเนทัล ที่มีราคาเริ่มต้น 18.9 ล้าน ถึง 25 ล้านบาท

    “โอมายกอต เคน” บาร์เธอร์ตื่นเต้นที่เห็นรถเบ้นสุดหรูจอดอยู่ที่หน้าคฤหาสน์ “นายนี่โชคดีจริงๆ ไม่สิ ฉันนี่โชคดีจริงๆที่ได้เป็นเพื่อนกับนาย” พูดจบบาร์เธอร์ก็เปิดประตูข้างคนขับแล้วเข้าไปนั่งในรถด้วยความตื่นเต้น ตาสวยสดใสกวาดมองสำรวจภายในตัวรถปากก็พูดชมไม่หยุด...ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้นั่งรถราคาหมื่นล้าน...

    ด้านนอกมีเคนวิลล์ยืนมองอยู่นอกรถด้วยแววตานิ่งสงบ ไม่นานคิ้วหนาทั้งสองข้างก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย 

    เมื่อคนในรถเห็นว่าเจ้าของรถไม่ขึ้นรถสักทีบาร์เธอร์จึงเปิดประตูรถออกมาตะโกนเรียกเคนวิลล์ ดังนั้นไทฟอนจึงเดินไปนั่งตรงที่คนขับ แต่ผ่านไปแล้ว 2 นาที เคนวิลล์ก็ไม่กระดุกกระดิก บารเธอร์ที่ตื่นเต้นอยู่เมื่อครู่จึงหันไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น “ทำไมไม่สตาร์ทเครื่องล่ะ”

    ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันก่อนจะถามกลับไปว่า “เจ้าสิ่งนี้เคลื่อนที่ด้วยวิธีไหนหรือ” 

    “.........” บาร์เธอร์

    เนื่องจากตอนที่อยู่บนโลกมนุษย์ เคนวิลล์ได้เห็นรถลามากมายบนท้องถนน ทำให้เขารู้ว่าโลหะเคลื่อนที่เป็นสิ่งจำเป็นในโลกมนุษย์ เขาเลยคิดว่าการพาบาร์เธอร์กับไปด้วยเจ้านี่จะเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด แน่นอนว่าเคนวิลล์เคลื่อนย้ายโลหะนี้ด้วยการวาร์ป แต่การจะขับมันออกไปนั้นยากกว่าที่คิด

    “นายขับรถไม่เป็นเหรอเคน” บาร์เธอร์จ้องหน้าเคนวิลล์ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป เคนวิลล์เห็นดังนั้นจึงเปิดประตูตามออกมาโดยไม่พูดไม่จาเลยแม้แต่น้อย มีแค่เพียงบาร์เธอร์ที่บ่นไม่หยุดปาก “นายไม่รู้วิธีขับมัน แล้วนายมีมันไว้ในบ้านได้ยังไง” 

     

     

    สายลมพัดใบไม้สีชมพูพริ้วผ่านชายหนุ่มทั้งสองไปหยุดลงที่เท้าผู้มาใหม่ ยอสอยู่ในชุดผ้าคุมสีดำร่างสูงมองเคนวิลล์กับบาร์เธอร์ที่ยืนคุยกันอยู่ข้างรถเบ้นลีย์ พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้มีปีศาจเซอร์เบอรัสกำลังยืนมองพวกเขาอยู่ ยอสที่ตอนแรกตั้งใจจะมาหาเคนวิลล์หยุดชะงักเมื่อเห็นสัญลักษณ์ที่หลังใบหูของมนุษย์หนุ่ม

    “ฉันคิดว่าความทรงจำของนายกลับมาแล้วซะอีก หมดกันความฝันที่จะได้นั่งรถหรูคันนี้” บาร์เธอร์ไม่เคยขับรถยนต์มาก่อน ถึงเขาจะเคยทำงานส่งของมาแล้วหลายที่แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเคยขับรถยนต์ “ถ้ามีแค่รถแต่ไม่มีคนขับมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดีนั่นแหละ”

    ...ไร้ประโยชน์ เมื่อกี้บาร์เธอร์บอกว่าข้าไร้ประโยชน์รึ ไร้ประโยชน์..ๆ... ใครจะไปคิดล่ะว่าเคนวิลล์จะคิดมากกับคำนั้นขนาดนี้ ส่วนคนที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างบาร์เธอร์ก็ยังพูดต่ออีกว่า

    “เราจะเอายังไงกับเจ้าไร้ประโยชน์นี่ดี” บาร์เธอร์มองรถเบ้นลีย์ราคา 25 ล้าน ก่อนจะส่ายหัวไปมา  ...ในเมื่อส่งเพื่อนที่หล่อรวยมาแล้วอย่างน้อยพระเจ้าก็น่าจะส่งคนที่ขับรถเป็นมาให้ฉันบ้างสิ...

    “ข้าใช้สิ่งนั้นเป็น” พระเจ้า เมื่อได้ยินประโยคนี้บาร์เธอร์ก็หันควับไปหาเจ้าของเสียง ทันทีที่ได้เห็นหน้าคนที่พระเจ้าส่งมาแววตาที่ตื่นเต้นดีใจเมื่อคู่ก็ห่อเหี่ยวลง

    “นายแน่ใจเหรอว่านายขับได้น่ะ” บาร์เธอร์มองชุดผ้าคุมที่ยาวจนจะคลุมรองเท้าหนังแล้ว เขาก็รู้สึกไม่เชื่อใจสักเท่าไหร่ 

    ยอสไม่ตอบ เขาใช้มือสองข้างถอดชุดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นกางเกงขายาวกับเสื้อเชิ้ตลายทางสีฟ้าขาวทับเสื้อคอกลมสีขาวที่อยู่ด้านในทำให้ยอสในตอนนี้ดูเข้ากับยุคสมัยของโลกมนุษย์ แต่นั่นก็ยังไม่น่าตกใจเท่าผมสีทองออกแนวตะวันตกดูธรรมชาติของเขามันช่างสะดุดตาทำให้เขายิ่งดูดีมากขึ้นไปอีก เมื่อมีดวงตาสีเขียวเหมือนน้ำทะเลคู่นั้นท่อเป็นประกายวาววับ เข้ากับใบหน้าหวานคมอย่างไม่น่าเชื่อ นี่มันเทพบุตรชัดๆ ที่ผ่านมาเขามองว่ายอสเป็นตาทึ่มที่ชอบอยู่ในชุดผ้าคุมธรรมดาเพื่อปิดซ่อนบางอย่างที่ไม่ดีเอาไว้ เช่นบาดแผล แต่เมื่อมองสำรวจคนตรงหน้ากับพบว่าชายผู้นี้มีผิวเนียนใสยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก อิจฉาแฮะ

    “ขึ้นรถสิ” ไม่รอช้ายอสก็เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน เขาเดินไปเปิดประตูรถด้านคนขับและขึ้นไปนั่งเหมือนเป็นรถของตัวเองโดยที่บาร์เธอร์ยังคงยืนอึ้งตะลึงมองยอสที่ตอนนี้ขึ้นรถไปนานแล้ว เจ้าเขาดวงตาคมหรี่ลงก่อนจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่งที่ข้างคนขับด้วยความรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ

    เมื่อได้สติแล้วบาร์เธอร์ก็รีบขึ้นรถไปนั่งทางด้านหลังโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าของใบหน้าเย็นชากำลังรู้สึกไม่พอใจ ยอสเหลือบตามองเคนวิลล์ก่อนที่มุมปากจะยกขึ้น ไม่นานรถยุโรปก็เคลื่อนที่ออกจากรั้วคฤหาสน์มุ่งตรงไปที่ประตูมิติก่อนจะวาร์ปไปที่โลกมนุษย์โดยที่บาร์เธอร์ไม่ทันได้สังเกตุหรือรู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นพึ่งออกมาจากโลกอีกใบ

    ยอสต้องไปมาหาสู่โลกมนุษย์เพราะมีหลายครั้งที่วิญญาณหนีออกจากประตูนรก เขาจึงได้รับภารกิจให้ออกมาตามหาดวงวิญญาณ นั่นทำให้เขาได้พบและเจอผู้คนมากมาย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมยอสถึงได้เลือกเสื้อผ้าได้เข้ากับยุคสมัย

    “ฉันว่าฉันคุ้นๆหน้านายอยู่นะ” บาร์เธอร์มองยอสผ่านกระจกหน้ารถ ก่อนจะหลบตาเมื่อถูกดวงตาสีเขียวน้ำทะเลเหลือบขึ้นมาจ้องเขาผ่านกระจกมองหลัง

    “แต่ฉันไม่คุ้นหน้านายเลยสักนิด” ยอสทำเสียงในลำคอ

    “เหอะ” ถ้าไม่ติดว่ายอสเคยช่วยเขากับเคนวิลล์ไว้ บาร์เธอร์คงไม่ยอมนั่งรถกับผู้ชายคนนี้แน่

     

    รถหรูขับผ่านไฟนีออนหลากหลายสีสันที่สว่างสไหวราวกับอยู่ในตอนกลางวันไม่มีผิด ยอสเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วปกติตลอดทาง เขาดูชำนานกว่าที่บาร์เธอร์คิด จนคนที่นั่งอยู่ด้านหลังอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้คือใครกันแน่ ไม่นานรถหรูก็มาหยุดลงตรงหน้าตึกสูงแห่งหนึ่ง คนขับรถเหลือบมองเคนวิลล์ที่นั่งมองอกไปนอกกระจกรถตลอดทาง แม้ตอนนี้รถได้หยุดเคลื่อนที่แล้วเจ้าของใบหน้าเย็นชาก็ยังคงนั่งนิ่งมองออกไปนอกกระจกรถ

    “มาทำบ้าอะไรที่นี่” บาร์เธอร์ขมวดคิ้วมองยอส เขาไม่เขาใจว่ามุมไหนคือตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้กันแน่ ...อยู่ดีๆก็นึกถึงชุดคลุมที่หมอนั่นเคยใส่...

    “ตามมาเถอะ” สิ้นเสียงของเซอร์เบอรัสประตูรถทั้งสามด้านก็ถูกเปิดออกจากคนข้างนอก บาร์เธอร์จึงก้าวขาลงจากรถอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อลงจากรถแล้วเซอร์เบอร์รัสก็เดินเอากุญแจรถไปให้พนักงานและเดินเข้าไปในตึกด้วยความเคยชิน เขาดูคุ้นเคยกับที่นี่มากกว่าบาร์เธอร์ที่อาศัยอยู่บนโลกมนุษย์เสียอีก เพราะกลัวจะเดินตามคนขายาวไม่ทันบาร์เธอร์จึงหันไปคว้ามือเคนวิลล์ที่เดินมายืนอยู่ข้างตนแล้วพากันจั้มอ้าวเดินตามยอสเข้าไปในตึก

    “เขาได้บอกนายไหมว่าจะไปไหน” บาร์เธอร์ถามคนที่ตนจูงมืออยู่ เมื่อเห็นอีกฝ่ายส่ายหัวเขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ทั้งสามมาหยุดรออยู่หน้าลิฟต์ ยอสจึงหันไปมองมนุษย์หนุ่มที่ตอนนี้มือหนากำลังเกาะกุมอยู่กับเพื่อนเก่าของเขา

    “มองอะไร” บาร์เธอร์ถาม

    ยอสไม่ตอบแต่เหลือบตามองเคนวิลล์แทน เมื่อเห็นแววตาสงบนิ่งเยือกเย็นของอีกฝ่ายเขาจึงหันกลับไป ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก ทั้งสามจึงเดินเข้าไปในลิฟต์ตัวเดียวกัน ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลงนิ้วมือเรียวยาวยื่นไปกดที่ชั้น 80 บาร์เธาร์จึงเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง

    “นายไม่ได้หลอกพาฉันมาขายใช่ไหม” ผมรู้ว่าผมหน้าตาดี ถึงจะน้อยกว่าสองคนนี้ก็เถอะ 

    “ฉันไม่ได้ตาบอดขนาดนั้น” เหอะ... บาร์เธอร์กำลังจะอ้าปากเถียงยอสต่อ แต่เขาก็ต้องเก็บมันเอาไว้เมื่อรู้สึกถึงแรงบีบที่นิ้วมือเรียว มนุษย์หนุ่มจึงเงยหน้ามองเคนวิลล์ที่สูงกว่าเขาสิบเซนติเมตร 

    ใบหน้าคมของเคนวิลล์นั้นถ้ามองจากภายนอกเขายังดูนิ่งสงบแต่ไม่นานดวงตาเรียวก็ปิดลง หรือว่า ...เคนวิลล์กลัวลิฟต์...

     

    ผ่านไปไม่กี่นาทีประตูเหล็กทั้งสองด้านก็เปิดออก เคนวิลล์จึงคลายมือที่บีบแน่นออกและก้าวขายาวเดินนำออกไปโดยไม่รู้เลยว่าบาร์เธอร์ที่เดินตามหลังแอบหัวเราะเขาอยู่ในใจ ใครจะไปคิดล่ะว่าเคนวิลล์ที่มีใบหน้าเย็นชาอยู่ตลอดเวลาจะมีมุมน่ารักแบบนี้ด้วย

    ทั้งสามเดินมาได้ไม่กี่ก้าวยอสก็มาหยุดที่ประตูกระจกหนาทึบก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูใหญ่ตรงหน้า เมื่อประตูถูกเปิดออกก็มีเสียงดนตรีดังออกมาจากข้างในทำให้รู้ว่าสถานที่นี้คือคลับ มนุษย์หนุ่มยังไม่ทันได้อ้าปากถามชายร่างสูงที่เคยอยู่ในชุดผาคลุมก็เดินนำพวกเขาเข้าไปก่อนแล้ว บาร์เธอร์จะพาเคนวิลล์กลับเลยก็กลับไม่ได้เพราะขับรถไม่เป็นทั้งคู่ ดังนั้นคนตัวเล็กจึงจูงมือเคนวิลล์เดินเข้าไปอย่างไม่มีทางเลือก ...ให้ตาเถอะ...

    บรรยากาศในคลับเต็มไปด้วยแสงสีเสียงละลานตาไปด้วยผู้คนมากมาย มีทั้งวัยรุ่นจนไปถึงวัยกลางคน ในขณะที่ทั้งสามคนเดินเข้าไปหาที่นั่ง ทุกสายตาของสาวน้อยสาวใหญ่ต่างพากันจับจ้องมาที่พวกเขา บาร์เธอร์เริ่มรู้สึกเขินอายที่โดนมองจึงรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แต่...

    โอ๊ะ... ขาไม่รักดีดันสะดุดกันเองทำให้บาร์เธอร์เผลอล้มคะมำ ก่อนที่หน้าหล่อของนักเลงจะถึงพื้น เคนวิลล์ถอดมือที่ถูกจับไว้ออกแล้วยื่นแขนไปคว้าตัวคนตัวเล็กกว่าไว้ได้ทัน บาร์เธอร์จึงถอนหายใจโล่งอกที่ไม่ได้ล้มหัวทิ่มลงไป “ขอบคุณนะ”

    “อืม” เมื่อรู้สึกถึงแผงอกที่ชนอยู่กับแผ่นหลังโดยมีแขนข้างหนึ่งโอบกอดเขาอยู่ที่รอบเอว บาร์เธอร์ก็เริ่มหน้าร้อนผ่าว ...ความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว... 

    “ซุ่มซ่าม” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคำนี้ออกมาจากลมปากของใคร ยอสไม่ได้พูดอะไรต่อเขาเดินนำสหายเก่ากับมนุษย์ซื่อบื้อเข้าไปในห้องวีไอพี เมื่อทั้งสามคนหายเข้าไปในห้องวีไอพี สาวๆข้างนอกก็ต่างพากันซุบซิบ

    “นั้นยอสใช่ไหม เจ้าชายแห่งท้องทะเล” เรนนี่สาวผมสั้นหันไปถามเพื่อนที่ยืนถือแก้วไวท์มองประตูห้องชั้นบนที่พึ่งปิดลงโดยไม่ยอมละสายตาเหมือนกลัวว่าหากประตูบานนั้นเปิดออกเธอจะไม่เห็นพวกเขาอีก

    “ใช่ แต่ว่าคนนั้นใครน่ะ เธอเห็นไหม เขามากับเจ้าชายของเรา” จิลล่าถามโดยที่สายตายังคงจับจ้องไปที่บานประตู

    “ไม่รู้สิ แต่เขางานดีมากเลยนะไม่ต่างจากเจ้าชายเลย” สาวผมสั้นบอกเพื่อน

    “แกกกกก... มาดูนี่” พายผู้หญิงผมลอนที่ยืนเล่นโทรศัพน์อยู่ทำเสียงตกใจป่นตื่นเต้นก่อนจะยื่นโทรศัพน์มือถือให้เพื่อนสาวอีกสองคนดูภาพถ่าย ทั้งสามก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน “นั่นมัน..เจ้าชายแวมไพร์” พวกเธอเป็นถึงเจ้าของเพจสมาคมนิยมคนหน้าตาดี จึงเคยเห็นรูปของเคนวิลล์ตอนที่นั่งอยู่หน้าร้านราเม็ง ร้านนั้นเป็นร้านค้าธรรมดา ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น น้ำซุปก็พอกินได้ไม่ได้มีรสชาติเริดเรอเลยสักนิด แต่พวกเธอก็ลงทุนลงแรงไปที่นั่นทุกวันเพื่อหวังว่าจะได้เห็นตัวจริงของเคนวิลล์ เจ้าของฉายาเจ้าชายแวมไพร์ที่ถูกกลุ่มแฟนคลับตั้งให้ “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกัน” เรนนี่พูดพร้อมกับหยิบโทรศัพน์ขึ้นมาพิมพ์อะไรบางอย่างลงโซเชียลด้วยความตื่นเต้น

     

     

     

    ร่างสูงนั่งลงแล้วจึงสั่งเครื่องดื่มและอาหารอีก 2-3 อย่างโดยที่ไม่ถามอาการธาตุอีกสองคนเลยสักคำ

    “นายมาทำบ้าอะไรที่นี่” ถึงจะอยู่ในห้องวีไอพีแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นห้องส่วนตัว ภายในห้องสี่เหลี่มมีโซฟายาวสองตัว และโซฟาเล็กสองตัว บาร์เธอร์เลือกนั่งโซฟายาวฝั่งตรงข้ามกับเซอร์เบอรัส เคนวิลล์จึงเดินไปนั่งลงข้างมนุษย์หนุ่มที่พึ่งทำสัญญากับตน เป็นเพราะเสียงดนตรีดังเกินไป ทำให้ทั้งสองคนต้องตะโกนสื่อสารกัน

    “ก็มาเปิดหูเปิดตาน่ะสิ” ยอสตะโกนกลับไป

    “เปิดหูเปิดตาบ้านแกสิ”

    “เคนไม่เคยมา นายดูแลเขาดีๆล่ะ” ยอสพูดพลางเหลือบตาไปมองเคนวิลล์ที่ตอนนี้กำลังนั่งมองดีเจที่กำลังเล่นเพลงอยู่นอกกระจกใส

    “เจ้าบ้าเอ้ย” ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมยอสถึงมาที่นี่ บาร์เธอร์ก็ไม่ได้ถามต่อ เมื่ออาหารและน้ำมาถึง บาร์เธอร์ก็กระดกแอลกอฮอเข้าปากไปหลายที ผ่านไปหลายนาทีแก้มขาวเริ่มเป็นสีชมพู พูดจาอ้อแอ้แทบไม่เป็นศัพน์

    “เคน นายดื่มสิ” ไม่พูดป่าวบาร์เธอร์ยกแก้วของตัวเองยื่นไปให้เขาด้วยอาการมึนเมาดวงตาเรียวเล็กของมนุษย์แทบจะลืมไม่ขึ้นแล้วด้วยซ้ำ เคนวิลล์ถึงจะไม่เคยมาโลกมนุษย์แต่เขาก็รู้ดีว่าสิ่งนี้คืออะไร เพราะในโลกปีศาจก็มีน้ำแบบนี้เช่นกัน

    ยอสที่นั่งมองทั้งคู่มานานแล้วจึงเอ่ยขึ้น “ไม่เมาหรอก ถึงเจ้าจะดื่มไปร้อยแก้วเจ้าก็ไม่เมาหรอก เพราะเจ้าสิ่งนี้มันมีผลแค่กับมนุษย์” ยอสเน้นย้ำตรงคำว่ามนุษย์

    “อืม” เคนวิลล์รับแก้วของบาร์เธอร์มาไว้ในมือก่อนจะวางมันลงไว้ที่โต๊ะ

    “เจ้าคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำสัญญากับมนุษย์” ยอสถามพร้อมกับมองเข้าไปในตาสีรัติกาลของไทฟอน ใช่แล้วที่เขาเลือกมาที่นี่ เพราะอยากอยู่กับเคนวิลล์เพียงลำพังเพื่อจะถามสิ่งนี้ เคนวิลล์ยังคงนั่งนิ่งจับหัวคนที่หลับใหลซบลงที่บ่าของตนทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่ยอสพูดนั่นจึงทำให้ยอสเริ่มรู้สึกหงุดหงิด “เจ้าเลือกที่จะตัดข้าที่เป็นเพือนกับเจ้ามาหลายร้อยปี แต่กับยอมรับมนุยษ์ที่มีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ” ยอสมองคนไร้หัวใจอย่างเคนวิลล์ด้วยสายตาเจ็บปวด 

    “ข้าไม่เคยคิดที่จะตัดเจ้า...” เคนวิลล์เงยหน้ามองเพื่อนเก่าที่นั่งอยู่ตรงโซฟาข้างตนก่อนจะพูดต่อว่า “แต่ข้ากลัวจะเสียเจ้าไปต่างหาก”

    เซอร์เบอรัสชะงักค้าง เขาแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×