ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟาร์มรักสวนเสน่หา

    ลำดับตอนที่ #3 : โรงพยาบาล

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 53


    รถยนต์คันงามที่เพิ่งซ่อมเสร็จขับออกจากสวนเสน่หาด้วยความร้อนใจของคนขับ ดีที่คนขับเป็นเด็กสาวจึงไม่ได้ขับเร็วจนดูอันตราย ชายหนุ่มสัตวบาลนั่งหลังตามที่เธอผายมือบอก ข้างหน้ามีป้าคนหนึ่งตามมาด้วย แกอาจเป็นแม่บ้าน หรือทำงานทั่วไป ส่วนกระเป๋าเดินทางฝุ่นเขรอะของเขาอยู่ใต้กระโปงหลัง เธอคงไม่ชอบหากจะเอามาวางในรถคันนี้
     
    ขับออกมาได้หน่อยหญิงสาวจึงคิดได้ เธอบอกเบาๆ ว่า “ซ้ายมือที่เขียวๆ นั่นเป็นแปลงผักของฟาร์มเราค่ะ”
     
    ป้าที่นั่งข้างหน้าหันไปมองด้วยความภูมิใจ ถนนสายนี้เลี้ยวอ้อมเนินเขาจึงสามารถหันไปมองเห็นด้านหลังของฟาร์มได้ ชายหนุ่มสัตวบาลยื่นหน้าไปจมูกแทบชนติดกระจก กว้างจริงๆ ที่แท้ด้านหลังปลูกผักเขียวๆ เต็มไปหมด น่าวิ่งเล่นไล่จับกับแฟน
     
    คนขับสาวใจหนึ่งกำลังพะวงกับป๋าของเธอในโรงพยาบาลเอกชนกลางเมืองเพชรบูรณ์ ใจหนึ่งก็ตั้งใจขับรถ เพิ่งกลับมาเมืองไทยแล้วรู้สึกสับสนกับการขับรถของประชาชนชาวไทย หางตาสำรวจกระจกหลังเผื่อมีรถตามมา แต่กลับต้องพบใบหน้าเด็กกรุงเทพที่กำลังมองทิวทัศน์สองข้างทางอย่างมีความสุข
     
    คงคิดว่ามาเที่ยวกระมัง มาเที่ยวกับทำงานไม่เหมือนกันหรอกคุณ เด็กสาวที่โตในฟาร์มคิดในใจ
     
    กำลังจะเอ่ยปากสัมภาษณ์งานต่อ แต่นึกขึ้นได้ป้าไพนั่งอยู่ด้วย เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคลจึงไม่ค่อยเหมาะ สาวเชื้อจีนจึงลังเล แต่ถ้าไม่คุยตอนนี้ไปถึงโรงพยาบาลอาจต้องวิ่งดูแลป๋า ยิ่งไม่มีเวลาใหญ่ คิดไปคิดมาสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษดีกว่า
     
    “พูดอังกฤษได้ไหมคะ” เธอถามเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงเด็กโรงเรียนอินเตอร์ แต่หนุ่มสัตวบาลหันมาร้องหือด้วยความไม่เข้าใจ เขายื่นหน้าซื่อๆ มาตั้งใจฟังเธอ จนป้าไพต้องหันมามอง เพราะกลัวจะมาทำอะไรคุณแพร์ของแก
     
    “คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหมคะ” เธอเปลี่ยนมาถามเป็นภาษาไทย แต่สำเนียงภาษาอังกฤษของตุ๊กตาจีนที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ไม่เบา เขาจึงปอดๆ ไอ เลิฟ ยู อะไรแบบนี้นะพูดได้
     
    “พูดได้แบบง่ายๆ ครับ” ฝ่ายชายตอบเลี่ยงๆ คนสัมภาษณ์ฟังแล้วนิ่งคิด หากเธอทำเกสต์เฮาส์แล้วมีลูกค้าต่างชาติมาพัก หากเขาช่วยพูดกับลูกค้าได้ก็ดี เพราะคนงานคนอื่นๆ แบะๆๆ กันหมด แต่คำตอบและท่าทางของเขาชวนผิดหวัง
     
    “คุณมีหัวทางการตลาดไหมคะ เราต้องหาลูกค้าด้วย” เธอตัดใจถามต่อหน้าป้าไพ เพราะสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษคงไม่ไหวแน่ๆ หากสนทนากันเรื่องที่ซับซ้อน
     
    “ผมช่วยแม่ขายของตั้งแต่เด็ก” หนุ่มสัตวบาลตอบไปเท่าที่คิดได้ว่ามันน่าจะเชื่อมโยงกับคำว่าการตลาดได้ สงสัยจะให้ป๋อของแม่นั่งขายผักผลไม้ริมถนนหน้าฟาร์ม แบบที่เคยเห็นชาวบ้านเอาของไปขายริมถนน
     
    “ค่ะ...” การตลาดในสายตาของหนุ่มสัตวบาลทำให้ลูกสาวเจ้าของฟาร์มมึนงงจนพูดอะไรไม่ออกนอกจากรับคำสั้นๆ เธอจึงเงียบแล้วตั้งใจขับรถอย่างเดียว บางทีกวาดสายตาไปข้างหลังรถก็พบว่าคนข้างหลังชอบนั่งมองทิวทัศน์สองข้างทาง บางทีเขาชะเง้อดูอะไรต่อมิอะไร นึกในใจว่าหากขึ้นเงินให้เป็นหมื่นหนึ่งแล้วให้รับผิดชอบเรื่องการตลาดด้วย ก่อสร้างด้วย ก็ดี คุ้มขึ้นมาหน่อย
     
    แต่เธอเองยังไม่กล้าบอกป๋าเลยว่าอยากปลูกบ้านพักตากอากาศ ป๋าต้องบอกแน่ๆ ว่าที่นี่ไม่ใช่เชียงใหม่ เกาะสมุย จะได้มีนักท่องเที่ยวมากพอตลอดปี ส่วนม๊าอาจจะส่ายหัวอีกคน หากมีนักท่องเที่ยวเผลอเดินเข้าไปในบ้านแล้วขอร้องให้พาชมของเก่าทุกชั้นทุกห้อง
     
    “อากาศที่นี่เหมาะกับปลูกผักหรือครับ” เขาถามได้ตรงเป้า เพราะเพชรบูรณ์อยู่ในอีสาน ดูร้อนและแห้งแล้งในสายตาของเขา
     
    “อากาศดีค่ะ ปลูกผักได้ ทำสวนได้ แต่หน้าร้อนก็ร้อนมาก และอากาศหนาวก็หนาวมากด้วย” เธอตอบขณะสายตาเพ่งไปข้างหน้า เธอบอกไว้ก่อนเพราะรู้ดีว่าคนกรุงเทพอย่างเขาคงไม่เคยเจอหน้าหนาวที่แท้จริง อากาศหนาวผักบางชนิดงามก็จริงแต่บางทีลมหนาวก็พัดเอาความชื้นหน้าดินไปหมด เครื่องสูบน้ำจึงทำงานหนัก
     
    ระหว่างทางผ่านรีสอร์ตขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ผักผลไม้ปลอดและไม่ปลอดสารพิษของสวนเสน่หาก็มาส่งที่นี่ทุกวัน เด็กสาวอยากทำสวนเสน่าให้เป็นแบบนี้บ้าง โดยเริ่มจากบ้านพักตากอากาศราคาถูกก่อนสักสิบหลัง แล้วหากดีค่อยขยายเป็นรีสอร์ตใหญ่
     
    เสียงโทรศัพท์ราคาแพงดังขึ้นอีกรอบ ด้วยเสียงคิกขุอาโนเนะแบบเดิม เธอจึงกดรับแล้วพูดไปอย่างรวดเร็ว “ขับรถผ่านรีสอร์ตเสี่ยบูรณ์แล้วค่ะม๊า”
     
    เสียงเธออือๆ ออๆ แล้วรีบวางสาย จากนั้นมองผ่านกระจกมองหลัง จะไปส่งนายคนนี้ที่ท่ารถ ขบส. เลยหรือไปแวะโรงพยาบาลก่อนดี แต่เอ... นั่นแปลว่า เธอจะไม่จ้างนายคนนี้ใช่ไหม
     
    หน้าก็ยังอ่อนๆ จะเอาพวกคนงานอยู่ไหม คนงานบางคนก็เจนจัดลูกไม้เยอะ บางคนแอบขโมยเครื่องสูบน้ำ ตอนเด็กๆ รถมอเตอร์ไซค์เคยหายไปคันหนึ่ง โดยจับมือใครดมไม่ได้ สงสัยคนข้างในเองนี่แหละ คิดแล้วอยากจะพูดไปว่า ไปหางานรีดนมวัวเถอะ คุณคงไม่เหมาะสำหรับงานแบบนี้
     
    “คุณจะกลับเลยหรือว่าจะหาสมัครงานในฟาร์มแถวนี้ไหมคะ ในอำเภอนี้มีฟาร์มโคนมสองสามที่ ฉันอาจไปส่งให้ได้” เธอพูดออกมาเพื่อตัดปัญหาและปัดปัญหา หากรับนายคนนี้แล้วป๋ามารู้ทีหลังว่าเขาจบสัตวบาลมีหวังโดนเฉ่ง
     
    ฝ่ายชายเอียงหน้าคิด ก็ดีเหมือนกัน ชักชอบที่นี่เสียแล้ว แต่ว่าจะเอาไปปล่อยที่ไหน หากเดินเข้าไปแล้วเขาไม่รับเล่า ไม่ใช่คนงานในฟาร์มที่มีตำแหน่งว่างตลอดเวลาเสียเมื่อไหร่
     
    ท่าทางหนุ่มหน้าซื่อที่กำลังลังเลผ่านกระจกมองหลังทำให้สาวคนขับรู้สึกผิด เธอไม่ถนัดที่จะปฏิเสธคน เธอไม่เด็ดขาดพอ เธอเสนอตัวมารับภาระนี้เร็วเกินไป ม๊าบอกให้เรียนต่อให้จบ แต่เธอแอบสืบกับป้าไพแล้วว่าป๋าป่วยหนัก จึงรีบบินกลับมา เพราะคิดว่าหากเรียนต่อจนจบกลับมาแล้วป๋าไม่อยู่แล้วจะมีประโยชน์อะไร จะให้เอาปริญญาบัตรไปวางหน้าหลุมศพป๋าหรือ
     
    คิดแล้วเด็กสาวพลันน้ำตาซึม น้ำเสียงของม๊าที่โทรมาเมื่อครู่ก็ไม่ค่อยดี ป้าไพที่สังเกตดูอยู่จึงเอ่ยชวนคุย “ตลาดนัดข้างหน้าก็ขายดีค่ะ เดี๋ยวนี้คนรู้จักกินสลัดมากขึ้น ผักเราขายดี”
     
    เด็กสาวรับคำเบาๆ สาวๆ ในสวนเสน่หาชอบรับหน้าที่ออกมาขายผักหลังรถตามตลาดนัดและตลาดชุมชน เพราะได้เห็นผู้คนโลกภายนอก ได้แวะซื้อของสนุกสนานด้วย บางครั้งชีวิตในสวนก็เงียบเหงาน่าเบื่อ มีคนเดียวที่ไม่เคยเบื่อคือป๋านั่นเอง
     
    แต่คนข้างหลังพอมองเห็นว่าคนขับดูเหมือนจะตาแดงๆ เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี เวลาผู้หญิงร้องไห้ แต๊กของเขาก็ชอบงอน บางทีร้องไห้ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เด็กเอกสัตวบาลคนนี้จึงทำได้อย่างเดียวคือยืนหน้าเบ้เกาหัวแกรกๆ
     
    แต่ขณะที่คิดถึงตอนนี้เขาก็ยกมือขึ้นมาเกาหัวจริงๆ แถมยังทำหน้าอย่างที่คิดด้วย เด็กสาวนักเรียนนอกเห็นการเคลื่อนไหวเช่นนี้ของบัณฑิตสัตวบาลแล้วกลับคิดอีกแบบ “เราจ่ายค่าเดินทางให้ค่ะ ทั้งขาไปขากลับ บวกค่าอาหารอีกนิดหน่อย”
     
    เมื่อได้ยินป้าไพจึงนึกได้ หันขวับมาจ้องหน้าหนุ่มคนนี้ “นี่คุณกินอะไรมาแล้วยังค่ะ ตั้งแต่เมื่อเช้า”
     
    ชายหนุ่มส่ายหัวทำนองว่าไม่หิวด้วยความเกรงใจ แต่พอทักท้องก็ร้องทันที จริงๆ รถมาถึงตอนตีห้า แต่เขาตื่นเต้นจนไม่หิว เมื่อคนขับรถมารับเขาและพาตระเวนส่งผักตามโรงแรมและรีสอร์ตต่างๆ ในเมืองก็สายโด่ เวลานี้บ่ายสองแล้ว มีเพียงน้ำครึ่งแก้วที่ ‘น้อง’ เอามาให้เท่านั้นที่ลงท้อง
     
    หญิงสาวหน้าอ่อนไม่มีเวลาพาเขาแวะกินอะไรอยู่แล้ว “เดี๋ยวไปกินหน้าโรงพยาบาลนะคะ เกือบถึงแล้ว ในโรงพยาบาลก็มีสะอาดดีแต่บางคนจะกลัวติดโรค เพราะในนั้นมีแต่คนป่วย”
     
    บางคนที่ว่าคือชายหนุ่มที่ชื่อแม๊ค ชายหนุ่มที่จบเกษตรโดยตรงและเคยมาให้คำปรึกษาป๋าหลายอย่างที่ฟาร์ม เขามีงานที่ดีทำอยู่แล้วและมีประสบการณ์หลายปี ประสบการณ์เดียวที่เขายังไม่มีคือเป็นเจ้าบ่าวในงานแต่ง ตรงนี้สำคัญเพราะป๋ากับม๊าวางแผนให้เขาลองอีเมล์ติดต่อกันกับเธอ ทั้งคู่คุยกันบ่อยๆ ผ่านเอ็มเอสเอ็น และบางครั้งก็ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี แต่ตัวตนของคนในเอ็มเอสเอ็นนั้นใช่ว่าจะตรงกับตัวจริงเสมอไป ที่รู้ว่าเขาไม่ชอบกินอาหารในโรงพยาบาลก็ตอนที่เขาคุยในเอ็มเอสเอ็นว่าเขามาเยี่ยมอาการป๋า แล้วต้องออกไปหาอะไรกินข้างนอกก่อนจะแวะเอาข้อมูลเรื่องปุ๋ยมาให้ป๋าอีกรอบ
     
    ฝ่ายคนฟังพยักหน้าหงึกหงัก ปลอบใจตนเองว่ากำลังมาเที่ยวเพชรบูรณ์ เขาก้มหน้าลงมองรองเท้าคัชชูที่ซื้อมาเพื่อใส่สัมภาษณ์งานโดยเฉพาะ เคยอ่านในหนังสือว่ามีคนเดินหางานจนรองเท้าสึกไปหลายคู่ เห็นที่จะจริง
     
    แต่การกระทำที่ว่าไม่รอพ้นสายตาสาวคนขับ เธอก็อยากเกาหัวแกรกๆ แบบเขาบ้างเหมือนกันหากไม่ต้องขับรถอยู่ จะเอาอย่างไรดีนะกับชายคนนี้ อาของเธอก็ไม่น่าพลาดเลย ไปเลือกเอาเอกสัตวบาลมาได้ เมื่อรถติดไฟแดงเธอก็ฆ่าเวลาโดยการหันมาสัมภาษณ์งานต่อ ดีไม่สัมภาษณ์บนรถไฟ ฝ่ายชายคิดกวนๆ
     
    “หากคุณพร้อมที่จะเรียนรู้งานทำสวนปลูกผัก แล้วคุณพร้อมที่จะเรียนรู้งานควบคุมการก่อสร้างไหมค่ะ จริงๆ หมายถึง เราจ้างคนรับเหมา แต่เราต้องรู้ทันเขาทุกจุด ตรวจสอบราคาได้ เลือกของเป็น” ความฝันเดิมๆ ของเธอยังแข็งแกร่ง หากเขามาช่วยให้ความฝันของเธอเป็นจริงได้ เธอก็อาจจะตัดสินใจให้เขาอยู่ต่อ สองตาหมวยๆ จึงจ้องเขาเขม็ง
     
    ฝ่ายชายหนุ่มนึกถึงสมัยเด็กๆ ที่ได้ลูกหนูตะเพาฟรีๆ มาจากเพื่อนในสลัม ต้องไปหาไม้มาตอกทำคอกให้มันอยู่เพราะไม่มีเงินไปซื้อ ทำเสร็จภูมิใจจะตาย แล้วนึกถึงตอนซ่อมบ้านกันเองเวลามีปัญหา จึงพยักหน้ายอมรับ เธอมองเขาแน่นิ่งอย่างชั่งใจ จนป้าไพต้องเตือนเป็นภาษาอีสานว่า “ไฟเขียวแล้วจ้าคุณแพร์”
     
    เธอรีบหันกลับขับรถออกไป เมื่อเลี้ยวแล้วไปอีกหน่อยก็เห็นยอดตึกโรงพยาบาล ฝ่ายชายหนุ่มกำลังรอฟัง ‘คุณแพร์’ พูดอะไรต่ออีกเกี่ยวกับงานนี้ แต่เมื่อเห็นยอดตึกโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ตุ๊กตาจีนก็นึกถึงแต่คนป่วยอย่างเดียว เธอจึงไม่พูดอะไรต่อ ปล่อยให้สัตวบาลจบใหม่มองทิวทัศน์สองข้างทาง เมื่อเข้ามาในเมืองก็ดูคึกคักขึ้น มีอะไรทุกอย่างที่ชานเมืองในกรุงเทพมี แต่มีอะไรหลายอย่างที่เพชรบูรณ์มีแต่กรุงเทพไม่มี บัณฑิตสัตวบาลสรุป
     
    รถเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล โฉบเข้าหาที่จอดรถ เธอบอกสั้นๆ ว่า “ลงไปด้วยกันก่อนค่ะ ขอดูแลป๋าให้เรียบร้อยก่อน”
     
    คนทั้งหมดลงจากรถแล้วตุ๊กตาจีนก็เดินนำป้าไพและเขาเข้าไปข้างใน สองคนนี้รู้ทางอยู่แล้วจึงเดินรี่ไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มสาวเท้าตามหลังพร้อมๆ กับมองไปทั่ว เห็นโรงพยาบาลแล้วนึกถึงแม่ เพิ่งรู้ว่าแม่เป็นเบาหวานระยะเริ่มต้นได้ไม่กี่เดือน เขาจึงอยากให้แม่ได้รับการรักษากับโรงพยาบาลดีๆ แบบนี้บ้าง ได้ยินเสียงเธอโทรถามใครสักคนว่า “ตอนนี้ป๋าอยู่ห้องไหนค่ะ”
     
    ลูกสาวเจ้าของฟาร์มเดินฉับๆ ขึ้นชั้นสองไปจนเกือบถึงหน้าห้องพิเศษห้องหนึ่ง แต่แล้วกลับชะงัก จะเอาชายแปลกหน้าเข้าไปในห้องคงไม่เหมาะ ป๋าอาจจะกำลังอาเจียนโอ้กอ้ากอยู่ เธอจึงหันขวับไป แต่เกือบชนกับคนที่รีบเดินตามมาเข้าอย่างจังจนเบรคแทบไม่ทัน หน้าของเธออยู่ในระดับเดียวกับหน้าอกเขา เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็พบหนวดหรอมแหรมบนริมฝีปากเจือแดงของหนุ่มสัตวบาล ทำให้ตุ๊กตาจีนสะดุ้ง แล้วรีบถอยหนีไปหนึ่งก้าว ฝ่ายชายเองก็ตกใจไม่แพ้กัน หันขวับมาแบบนี้เรียนกังฟูมาจากไหน
     
    “คุณนั่งรอแถวนี้ก่อนได้ไหมคะ หรือลงไปกินข้าวก่อนก็ได้ เดี๋ยวให้ป้าไพไปตาม” สาวผมบ๊อบรีบพูดแล้วหันหลังกลับเข้าห้องพิเศษใกล้ๆ ห่วงป๋าจนลืมดูปฏิกิริยาตอบรับจากคู่สนทนา ส่วนเขาชะโงกดูเบอร์ห้องเผื่อหลงกัน แล้วพยักหน้าให้ป้าไพ จากนั้นหันหลังเดินลงไปหาอะไรกิน
     
    เด็กสาวเดินเข้าไปในห้องแล้วเรียกป๋าด้วยความเป็นห่วง ชายวัยกลางคนมีเชื้อจีนยิ้มอย่างอ่อนแรงให้ลูกสาวคนนี้ ฝ่ายม๊านั่งอยู่ข้างๆ กำลังจัดข้าวจัดของ เมื่อได้ยินเสียงลูกสาวคนนี้เดินเข้ามาก็รีบบอกว่า “ดีขึ้นแล้ว เมื่อกี้ม๊าตกใจแทบแย่”
     
    “หมอเพิ่งออกไปเมื่อกี๊นี้เอง” ชายเชื้อจีนบอกเบาๆ สีหน้าแช่มชื่นเมื่อลูกสาวนั่งลงแนบแก้มใสๆ กับต้นแขนตนเอง
     
    “หมอหล่อด้วย เล็งๆ ไว้เหมือนกัน” หญิงผู้เป็นแม่บอกหน้าตาเฉย ฝ่ายป้าไพที่เข้าไปช่วยจัดของอยู่ได้ยินก็ยิ้มกริ่ม เพราะรู้ว่าหมายถึงเล็งเอาไว้เป็นลูกเขย ฝ่ายลูกสาวทำตาเหลือกแต่ไม่พูดอะไร แล้วหันไปมองอ้อนฝ่ายบิดาให้ช่วยด้วย แต่ป๋าของเธอกลับหัวเราะหึๆ
     
    หลังจากเจรจาไต่ถามอาการป่วยจนเต็มอิ่มแล้ว เวลาผ่านไปเกินครั้งชั่วโมงเด็กสาวผมบ๊อบจึงนึกขึ้นได้ ตาเบิกโพลง “ป๋า ผู้จัดการฟาร์มมาแล้วค่ะ ตอนนี้กินข้าวอยู่ข้างล่าง อิ่มแล้วมั๊งตอนนี้”
     
    “เรียกมานี่สิ ปล่อยให้เขารอข้างนอกได้ยังไง น่าเกลียด” ชายเชื้อจีนเอ่ยดุๆ เมื่อทราบว่าลูกสาวปล่อยให้ผู้จัดการฟาร์มคนใหม่นั่งรอข้างนอก
     
    ฝ่ายป้าไพขยับตัวจะออกไปดูให้ตามหน้าที่คนรับใช้ แต่นึกอย่างไรไม่รู้เด็กสาวอยากออกไปตามเอง เธอต้องตกลงกับเขาบางอย่างก่อนที่จะพามาในห้องนี้ “แพร์ไปตามเองป้าไพ”
     
    ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินฉับๆ ออกไป ใจหนึ่งนั้นอยากให้เขารอจนทนไม่ไหวแล้วหุนหันกลับไป บขส. ด้วยตนเองเรื่องจะได้จบๆ  แต่ใจหนึ่งกำลังคิดว่าน่าเกลียดตามที่ป๋าว่าจริงๆ ที่ปล่อยให้เขานั่งรอนานถึงขนาดนี้
    ฯ     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×