ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้
หลังจากที่ปิศาจตนนั้นหายตัวไปก็เป็นเวลากว่าสัปดาห์แล้วที่พวกฮิซาชิต้องใช้ชีวิตอยู่ในความระแวดระวังไปทุกๆเรื่อง เนื่องจากว่าปิศาจตนนั้นมีพลังเทียบเท่าหรืออาจจะเหนือกว่าพลังใหม่ของฮิซาชิหลายเท่าตัวเลยก็ได้...
'โลกใบนี้ที่พวกเจ้าอาศัยอยู่...จะต้องพบกับความพินาศ!!!'
คำประกาศสุดท้ายก่อนที่จะหายตัวไปของปิศาจร้ายนั้นได้สร้างความกังวลให้กับฮิซาชิและเหล่าseiriเป็นอย่างมาก เพราะพวกมนุษย์นั้นมีร่างกายที่อ่อนแอเกินกว่าที่จะทนพละกำลังอันมหาศาลของผู้ที่หมายจะรุกรานดินแดนเหนือผืนพิภพผู้นั้นได้ ซ้ำกำลังของseiriที่ควรจะมีอยู่ถึงหกนั้นได้ลดจำนวนลงไปเหลือเพียงสาม นั่นเพราะการต่อสู้ที่"อาจจะ"มีการวางหมากเอาไว้แล้วก็เป็นได้...
"นี่ทุกคน... มาดูข่าวนี่สิ!!"
ในขณะที่นักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีสามและสี่ทั้งสองคนกำลังเปิดโต๊ะประชุมกันอยู่นั้น นักศึกษาคณะITคนหนึ่งได้ตะโกนเรียกให้ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณนั้นมาดูข่าวที่กำลังฉายผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนของเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งเนื้อหาของข่าวนั้นดูแปลกมากจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้...
'ขณะนี้สำนักข่าวของเราได้รับข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ครับ แต่ข่าวนี้ได้รับมาสดๆร้อนๆมาในช่วงเวลาใกล้เคียงกันมากจากทั่วทุกมุมโลก... ขณะนี้แม่น้ำสายสำคัญของทุกประเทศได้กลายเป็นสีแดง ซึ่งคาดว่าอาจจะเกิดจากการเจริญเติบโตจนเกินขีดความสามารถปกติของเชื้อโปรโตซัวที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำ หากเราได้ข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุของเหตุการณ์ประหลาดนี้ ทางเราจะรีบนำเสนอทันที...'
นี่มันไม่น่าเชื่อเลยสักนิด อยู่ๆแม่น้ำจะกลายเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง...
"นี่มัน...คล้ายกับ10ภัยพิบัติวันสิ้นโลกเลยนี่นา..."
นักศึกษาคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา แต่ก็ไม่มีใครให้ความสนใจกับสิ่งที่เขาพูดออกมาเลย...
"แม่น้ำสีเลือดงั้นเหรอ..." โยโซระใช้ความคิดสักพักหนึ่ง แล้วจึงตอบกลับมาทางโทรศัพท์
"จะว่าไป... ฉันเคยเห็นเรื่องคล้ายๆกันนี่ตอนที่ฉันยังอยู่'ที่นั่น'ด้วยนี่นา..."
"อะไรเหรอ!" ฮิซาชิยิ่งสงสัยขึ้นไปอีก
"ดูเหมือนว่าพวกเราทั้งหมด... พวกเราseiriจะถูกสร้างขึ้นมาก็เพื่อปกป้องมนุษย์จากหายนะประมาณนี้ล่ะมั้ง..."
"แล้วรายละเอียดล่ะ!!"
"อืม..." โยโซระใช้ความคิดอยู่นาน "จำไม่ได้ค่ะ... ตอนนั้นยิ่งไม่ค่อยสนใจจะฟังอยู่ด้วย"
น่าฆ่าเหลือเกินยัยนี่..!
ระหว่างทางกลับบ้าน มิคาสะกับฮิซาชิได้เดินกลับบ้านด้วยกันทั้งๆที่เพิ่งจะไปถึงมหาวิทยาลัยได้แค่20นาที ทั้งนี้เนื่องจากพวกเขารู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกือบจะพร้อมๆกันทั่วโลก แล้วยิ่งประกอบกับการปรากฏตัวของอสุรกายเมื่ออาทิตย์ก่อนด้วยแล้ว... ทุกสิ่งก็ชี้นำไปที่จุดๆเดียว
ซึ่งมิคาสะที่รู้สึกกังวลจนออกนอกหน้าได้พยายามที่จะสำรวจแม่น้ำทุกสายที่ไหลผ่านในบริเวณนั้น แต่การสำรวจนั้นเป็นไปได้ช้ามากเนื่องจากเธอไม่สามารถที่จะแสดงตัวในฐานะseiriได้... แล้วในตอนนั้นเอง สายตาทั้งคู่ของเธอก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง
น้ำจืดใสๆในแม่น้ำข้างทางเดินค่อยๆถูกแทนที่ด้วยบางอย่างคล้ายๆของเหลวสีแดงที่ดูเหมือนจะหนืดๆที่ไหลลงมาจากทางต้นน้ำ มันย้อมแม่น้ำและสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่อยู่ในน้ำจนกลายเป็นสีแดงฉานราวกับ...เลือด!!
"ฉันว่า...เรื่องนี้ไม่ปกติแล้วนะ! แล้วก็...ปล่อยให้มนุษย์จัดการกันเองไม่ได้แล้วด้วย!!"
เมื่อคิดได้ดังนั้นทั้งสองคนก็รีบมุ่งหน้าไปยังดงป่าที่อยู่ห่างจากตรงนั้นไปเป็นระยะทางเกือบ400เมตรอย่างรวดเร็ว ทันทีที่พวกเขาสัมผัสได้ว่าไม่มีสายตาคู่ไหนจับจ้องมาทางพวกเขา ทั้งสองคนก็กระโดดขึ้นพร้อมกับลอยขึ้นไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าถึงจะห่างการบินบนท้องฟ้ามานาน...ความสามารถของทั้งคู่ก็ไม่ได้ตกลงเลยแม้แต่น้อย
"รีบไปกันเหอะ!"
ฮิซาชิกับมิคาสะรีบบินไปในเส้นทางเดียว ทั้งสองคนตามแนวต้นน้ำที่ของเหลวสีแดงสดนั้นไหลลงมาด้วยความเร็วระดับมัค2 ที่พวกเขาไม่เร่งความเร็วให้สูงกว่านี้ก็เพราะสายตาของทั้งคู่ยังคงปรับตัวตามความเร็วไม่ทัน และหากเจอต้นตอของเรื่องนี้แล้วพวกเขาอาจจะบินเลยไปก็ได้...
และแล้วความตั้งใจนั้นก็สัมฤทธิ์ผล ระหว่างทางที่ทั้งสองคนกำลังบินสำรวจอยู่นั้นก็มีปิศาจร่างดำสองตนเข้ามาขวางเอาไว้เหมือนกับกำลังปกป้องสถานที่สำคัญข้างหน้านั้นอยู่ ทั้งๆที่สถานที่ทุกตารางนิ้วบนพื้นโลกเป็นของมนุษย์แท้ๆ
"รนหาที่จริงๆ... ดูท่าจะไม่อยากใช้ระบบสืบพันธุ์ของพวกแกให้เป็นประโยชน์แล้วสินะ เจ้าพวกมนุษย์!"
พวกมันส่งเสียงคำรามดังก้องจนทำให้ทุกชีวิตที่อยู่บริเวณนั้นพากันแตกตื่นหนีไปจนหมด ยกเว้นมนุษย์หนึ่งคนกับseiriอีกหนึ่งที่ยังคงใจกล้าขาแข็งเผชิยหน้ากับศัตรูที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
"พวกเราก็ไม่คิดจะหนีอยู่แล้วล่ะ... ว่าแต่พวกแกเองเหรอที่เปลี่ยนแม่น้ำให้เป็นแบบนี้น่ะ"
ฮิซาชิทำใจดีสู้เสือ ทั้งที่ตามจริงไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้...
"พวกมนุษย์อย่างแกไม่มีสิทธิ์มาถามพวกข้า! รีบๆตายไปซะเถอะ!!"
ปิศาจสองตนนั้นพุ่งเข้ามาอยู่ด้านหลังของทั้งสองคนด้วยความเร็วที่สูงพอๆกับฮิโรมิเลยทีเดียว พวกมันเงื้อหมัดขึ้นก่อนจะชกเข้าไปเต็มๆร่างของเป้าหมายทั้งสองคนอย่างรุนแรงจนตกลงไปกลางผืนป่าอันเงียบเชียบ ไม่มีการตอบสนองจากทั้งสองคนที่ถูกพวกมันเล่นงานเลยแม้แต่น้อย...
"โดนแค่หมัดเดียวก็จอดซะแล้ว... พวกมนุษย์นี่กระจอกจริงๆ!"
ปิศาจพวกนั้นหัวเราะร่าด้วยความสะใจที่ได้เล่นงานมนุษย์จนหมดสภาพ เสียงหัวเราะของมันฟังดูน่าสะพรึงกลัวมากหากมีการเอคโค่มากขึ้นอีกนิดหน่อย
"ใครกระจอกงั้นเหรอ..."
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างบนหัวพวกมัน มิคาสะในร่างอควารอยด์กับฮิซาชิในชุดต่อสู้ค่อยๆร่อนลงมาตรงหน้าปิศาจทั้งสองตนนั้นอย่างช้าๆ บนร่างกายของทั้งสองคนไม่มีรอยแผลจากการถูกทำร้ายเลยแม้แต่รอยเดียวทั้งๆที่ถูกหมัดอันแข็งแกร่งของปิศาจอัดเข้าไปเต็มๆแบบจัดหนัก
"ไม่จริง! เป็นไปไม่ได้!! พวกแกเป็นใครกันแน่!!"
"อย่างพวกแกไม่มีสิทธิ์มาถามพวกเรา... เอาล่ะ! ตายไปซะเถอะนะ"
ทั้งสี่บุกเข้าปะทะกันอย่างรวดเร็ว และการต่อสู้ก็จบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน...
"ไม่จริง..!! มนุษย์จะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง..."
"นี่พวกแกไม่รู้อะไรจริงๆเหรอ ฉันน่ะเป็นมนุษย์จริงๆอย่างที่แกว่า...เพียงแต่ผ่านการเร่งวิวัฒนาการจนแข็งแกร่งขึ้น ส่วนยัยผู้หญิงผมสีประหลาดๆนี่เป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างเหมือนมนุษย์ 'seiri' ทีนี้พวกแกรู้แล้วหรือยัง...พวกเราไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาที่มีกันเกลื่อนถึงสามพันล้านคนพวกนั้นสักหน่อย!"
วิ้งงงงงงงงง........
"อย่าเพิ่ง!! ขอเวลานอก!!!"
หลังจากที่แนะนำตัวเสร็จ ฮิซาชิกับมิคาสะก็รวมพลังในร่างสร้างลูกพลังสีขาวและฟ้าขึ้นมาในมือทั้งสองข้าง ก่อนจะปล่อยมันออกไปจู่โจมร่างของปิศาจทั้งสองตนนั้นให้ได้เห็นความต่างชั้นของพลังที่ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่ก็ไม่มีทางก้าวข้ามไปได้
"อ๊ากกกกกกกก"
เสียงร้องอย่างทรมานของปิศาจทั้งสองตนนั้นสิ้นสุดลงพร้อมกับลูกพลังที่ระเบิดปล่อยพลังทำลายอันมหาศาลที่กักเก็บเอาไว้ออกมาทำร้ายผู้ที่ถูกมันเข้าปะทะอย่างรุนแรง แรงระเบิดนั้นได้พัดทำลายพื้นที่ป่าในบริเวรนั้นจนหายไปเป็นรัศมีประมาณ10เมตร
"อย่าเอาพลังที่มีอยู่มาใช้ทำร้ายคนเลย... เอามาใช้ปกป้องคนอื่นยังจะดีกว่ากันเยอะ"
"อ๋อ! เหรอ... ที่แท้ก็มีของดีเหมือนกันนี่นา เจ้าพวกมนุษย์!"
เสียงปริศนาดังขึ้นมาจากส่วนลึกของป่า มันค่อยๆเดินเข้ามาหาทั้งสองคนอย่างช้าๆ ดวงตาของมันส่องแสงสีแดงอำมหิตราวกับสายตาของงูที่กำลังจ้องจับเขมือบเหยื่อที่ทรมานท่ามกลางวงรัดของมัน...
"แกคือ..." ฮิซาชิจ้องตาเขม็งทันทีที่มันเดินเข้ามาจนสามารถเห็นตัวได้ถนัด
"เจ้าพวกนั้นไม่ได้แนะนำตัวสินะ มารยาทเสื่อมจริงๆ..."
ปิศาจตนนั้นเดินผ่านตัวพวกเขาไปคุกเข่าตรงหน้าร่างไร้วิญญาณของปิศาจที่ถูกพวกฮิซาชิสังหารไป มันกำลังยื่นมือออกไปทำอะไรบางอย่างกับร่างของเจ้าพวกนั้น...
"พวกเราคือสามนายทวารนรก เรียกว่าเป็นหน้าด่านเฝ้านรกจะดีกว่า..."
แขนทั้งสองข้างของมันกำลังดูดกลืนร่างของปิศาจทั้งสองตนเข้าไปอย่างช้าๆ พวกฮิซาชิรู้สึกได้เลยว่ามันค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นจนเหนือชั้นกว่าพวกเขาไปแล้ว...
"ข้าชื่อโครทินอส ตรีเอกานุภาพแห่งนรก!"
เมื่อมันดูดกลืนร่างของทั้งสองเข้าไปในตัวเสร็จสมบูรณ์ ร่างของมันก็ขยายตัวออก กลายเป็นปิศาจที่ทรงพลังมาก
"ข้าจะแก้แค้นให้เหล่าน้องๆของข้า!"
พูดเสร็จมันก็คำรามออกมา เสียงคำรามของมันทำให้เกิดลมพายุพัดทำลายป่าจนข้างหน้ามันกลายเป็นพื้นที่โล่ง
"ชิ! แกร่งจริงๆแฮะ รู้งี้น่าจะฆ่ามันซะตั้งแต่ที่มันยังคุกเข่าลงตอนนั้นนะ..."
ฮิซาชิสามารถยืนต้านแรงพายุนั้นได้ ในขณะที่มิคาสะใช้วิธีอ้อมไปอยู่ข้างหลังมันแทน
"งั้นทำไมไม่ทำซะตั้งแต่แรกล่ะ! มัวมาเสียเวลาบ่นตอนนี้คิดว่ามันจะช่วยอะไรได้"
มิคาสะเข้าต่อสู้กับมันอย่างทัดเทียม หมัดและลูกเตะของเธอเข้าเป้าทุกนัด แต่เหมือนมันจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว ในทางตรงข้าม...มิคาสะที่ออกแรงเตะมันกลับรู้สึกเจ็บขึ้นมาแทนราวกับเอาเท้าเปล่าๆไปเตะเสาคอนกรีตอย่างนั้นแหละ
"ให้ตายสิ! ร่างกายแข็งกว่าเจ้าปิศาจตัวนั้นอีกนะ!!"
"เธอก็บ่นเหมือนกันไม่ใช่หรือไง!!"
ฮิซาชิปล่อยพลังแสงใส่โครทินอสทันทีที่มิคาสะถอยออกไป ปิศาจตนนั้นก็ยิงลูกไฟจากปากเข้าต้านเหมือนกัน พลังของทั้งคู่จึงเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงก่อนจะระเบิดออกเป็นรัศมีกว้าง
"เชอะ! พลังเหลือร้ายจริงๆ... อย่างนี้ต้องเจอกับพลังทั้งหมดของฉัน!!"
มิคาสะตั้งท่าเตรียมจะใช้พลังจากทั้งร่างจริงๆในการเอาชนะโครทินอส หากแต่ขั้นตอนการลงมือนั้นไม่ใช่ง่ายๆเลยเนื่องจากท่าร่างที่ยาวมากจนถ้าเธอไม่สามารถเอามันลงได้ก่อนก็คงถูกปิศาจตนนั้นโจมตีกลับจนเสียพลังฟรีๆแน่...
และเมื่อคิดได้ดังนั้น
"ช่วยไม่ได้แล้ว!! จัดการมันเลย ฮิซาชิคุง!!"
"ชิ! ทีอย่างนี้ล่ะเห็นฉันเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาทันทีเลยนะ... ก็เอาสิ!!"
ฮิซาชิเหมือนจะรู้งานอยู่แล้ว เขารวมพลังแสงสีแดงเอาไว้ในมือขวาก่อนจะชูมือขึ้นเหนือหัวจนแสงนั้นคลุมร่างเขาเอาไว้ทั้งตัว และพร้อมกันนั้นเองที่พลังในร่างของฮิซาชินั้นเพิ่มขึ้นสูงมาก และชุดที่เขาใส่ก็เปลี่ยนไปเป็นสีแดงแสด
โครทินอสบุกเข้าไปสู้กับฮิซาชิที่เพิ่มพลังขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวต่อผลที่จะตามมาแม้แต่น้อย ทั้งสองเข้าปะทะเพลงหมัดกันอย่างรุนแรงจนมิคาสะไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ ซึ่งเธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลย...
"แข็งแกร่งจริงๆนะ...เจ้ามนุษย์! แต่แค่นี้น่ะ..! อั่ก!!"
โครทินอสไม่ได้เจียมสังขารเลยแม้แต่นิดเดียว มันยังคงปากกล้าได้ทั้งๆที่ถูกฮิซาชิอัดลงไปนอนอยู่กับพื้น และเมื่อมันยันตัวเองขึ้นมาจากพื้น... ก็เข้าวิถีท่าไม้ตายใหม่ของฮิซาชิพอดี
ฮิซาชิยกแขนทำท่ากระเรียนเหินหาว พร้อมกันนั้นก็กระแทกฝ่ามือไปข้างหน้าอย่างรุนแรงจนเกิดลูกพลังเพลิงสะสมที่ระหว่างฝ่ามือทั้งสองข้าง เขาวาดแขนเป็นวงกลมข้างละครึ่งวงก่อนที่พลังเพลิงนั้นจะกล้าแข็งขึ้น และเมื่อพลังของเขาเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด... ฮิซาชิก็ปล่อยมันออกไปเป็นลำแสงเพลิงเข้าปะทะร่างของโครทินอสจนกระเด็นไปด้านหลัง
แต่ถึงจะโดนไม้ตายปิดฉากของฮิซาชิเข้าไปแล้ว ปิศาจผู้รวมพลังของทั้งสามร่างเข้าไปในร่างเดียวก็ยังคงมีชีวิตอยู่ ถึงอย่างนั้นฮิซาชิกับมิคาสะก้ไม่บุกเข้าไปสู้กับมันต่อ... เพราะรู้ว่าถึงจะสู้ต่อไปก้ไร้ความหมาย!
"มันยังไม่จบหรอก... จากนี้ไปพวกแกทุกคน...ทุกชีวิตบนโลกจะต้องดับสิ้น!!! อ๊ากกกกกกกกก"
ทันทีที่ปิศาจที่จะตายมิตายแหล่ลั่นวาจาสุดท้ายออกมาจนเป็นที่เข้าใจทั่วกันเสร็จ ร่างของมันก็ระเบิดหายไปต่อหน้าต่อตาทั้งสองคน เหลือทิ้งไว้เพียงอนุสรณ์สถานการต่อสู้ระหว่างพวกเขาและความวิตกกังวลที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิดในใจของผู้ที่ยังมีชืวิตอยู่
'โลกใบนี้ที่พวกเจ้าอาศัยอยู่...จะต้องพบกับความพินาศ!!!'
คำประกาศสุดท้ายก่อนที่จะหายตัวไปของปิศาจร้ายนั้นได้สร้างความกังวลให้กับฮิซาชิและเหล่าseiriเป็นอย่างมาก เพราะพวกมนุษย์นั้นมีร่างกายที่อ่อนแอเกินกว่าที่จะทนพละกำลังอันมหาศาลของผู้ที่หมายจะรุกรานดินแดนเหนือผืนพิภพผู้นั้นได้ ซ้ำกำลังของseiriที่ควรจะมีอยู่ถึงหกนั้นได้ลดจำนวนลงไปเหลือเพียงสาม นั่นเพราะการต่อสู้ที่"อาจจะ"มีการวางหมากเอาไว้แล้วก็เป็นได้...
"นี่ทุกคน... มาดูข่าวนี่สิ!!"
ในขณะที่นักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีสามและสี่ทั้งสองคนกำลังเปิดโต๊ะประชุมกันอยู่นั้น นักศึกษาคณะITคนหนึ่งได้ตะโกนเรียกให้ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณนั้นมาดูข่าวที่กำลังฉายผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนของเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งเนื้อหาของข่าวนั้นดูแปลกมากจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้...
'ขณะนี้สำนักข่าวของเราได้รับข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ครับ แต่ข่าวนี้ได้รับมาสดๆร้อนๆมาในช่วงเวลาใกล้เคียงกันมากจากทั่วทุกมุมโลก... ขณะนี้แม่น้ำสายสำคัญของทุกประเทศได้กลายเป็นสีแดง ซึ่งคาดว่าอาจจะเกิดจากการเจริญเติบโตจนเกินขีดความสามารถปกติของเชื้อโปรโตซัวที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำ หากเราได้ข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุของเหตุการณ์ประหลาดนี้ ทางเราจะรีบนำเสนอทันที...'
นี่มันไม่น่าเชื่อเลยสักนิด อยู่ๆแม่น้ำจะกลายเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง...
"นี่มัน...คล้ายกับ10ภัยพิบัติวันสิ้นโลกเลยนี่นา..."
นักศึกษาคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา แต่ก็ไม่มีใครให้ความสนใจกับสิ่งที่เขาพูดออกมาเลย...
"แม่น้ำสีเลือดงั้นเหรอ..." โยโซระใช้ความคิดสักพักหนึ่ง แล้วจึงตอบกลับมาทางโทรศัพท์
"จะว่าไป... ฉันเคยเห็นเรื่องคล้ายๆกันนี่ตอนที่ฉันยังอยู่'ที่นั่น'ด้วยนี่นา..."
"อะไรเหรอ!" ฮิซาชิยิ่งสงสัยขึ้นไปอีก
"ดูเหมือนว่าพวกเราทั้งหมด... พวกเราseiriจะถูกสร้างขึ้นมาก็เพื่อปกป้องมนุษย์จากหายนะประมาณนี้ล่ะมั้ง..."
"แล้วรายละเอียดล่ะ!!"
"อืม..." โยโซระใช้ความคิดอยู่นาน "จำไม่ได้ค่ะ... ตอนนั้นยิ่งไม่ค่อยสนใจจะฟังอยู่ด้วย"
น่าฆ่าเหลือเกินยัยนี่..!
ระหว่างทางกลับบ้าน มิคาสะกับฮิซาชิได้เดินกลับบ้านด้วยกันทั้งๆที่เพิ่งจะไปถึงมหาวิทยาลัยได้แค่20นาที ทั้งนี้เนื่องจากพวกเขารู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกือบจะพร้อมๆกันทั่วโลก แล้วยิ่งประกอบกับการปรากฏตัวของอสุรกายเมื่ออาทิตย์ก่อนด้วยแล้ว... ทุกสิ่งก็ชี้นำไปที่จุดๆเดียว
ซึ่งมิคาสะที่รู้สึกกังวลจนออกนอกหน้าได้พยายามที่จะสำรวจแม่น้ำทุกสายที่ไหลผ่านในบริเวณนั้น แต่การสำรวจนั้นเป็นไปได้ช้ามากเนื่องจากเธอไม่สามารถที่จะแสดงตัวในฐานะseiriได้... แล้วในตอนนั้นเอง สายตาทั้งคู่ของเธอก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง
น้ำจืดใสๆในแม่น้ำข้างทางเดินค่อยๆถูกแทนที่ด้วยบางอย่างคล้ายๆของเหลวสีแดงที่ดูเหมือนจะหนืดๆที่ไหลลงมาจากทางต้นน้ำ มันย้อมแม่น้ำและสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่อยู่ในน้ำจนกลายเป็นสีแดงฉานราวกับ...เลือด!!
"ฉันว่า...เรื่องนี้ไม่ปกติแล้วนะ! แล้วก็...ปล่อยให้มนุษย์จัดการกันเองไม่ได้แล้วด้วย!!"
เมื่อคิดได้ดังนั้นทั้งสองคนก็รีบมุ่งหน้าไปยังดงป่าที่อยู่ห่างจากตรงนั้นไปเป็นระยะทางเกือบ400เมตรอย่างรวดเร็ว ทันทีที่พวกเขาสัมผัสได้ว่าไม่มีสายตาคู่ไหนจับจ้องมาทางพวกเขา ทั้งสองคนก็กระโดดขึ้นพร้อมกับลอยขึ้นไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าถึงจะห่างการบินบนท้องฟ้ามานาน...ความสามารถของทั้งคู่ก็ไม่ได้ตกลงเลยแม้แต่น้อย
"รีบไปกันเหอะ!"
ฮิซาชิกับมิคาสะรีบบินไปในเส้นทางเดียว ทั้งสองคนตามแนวต้นน้ำที่ของเหลวสีแดงสดนั้นไหลลงมาด้วยความเร็วระดับมัค2 ที่พวกเขาไม่เร่งความเร็วให้สูงกว่านี้ก็เพราะสายตาของทั้งคู่ยังคงปรับตัวตามความเร็วไม่ทัน และหากเจอต้นตอของเรื่องนี้แล้วพวกเขาอาจจะบินเลยไปก็ได้...
และแล้วความตั้งใจนั้นก็สัมฤทธิ์ผล ระหว่างทางที่ทั้งสองคนกำลังบินสำรวจอยู่นั้นก็มีปิศาจร่างดำสองตนเข้ามาขวางเอาไว้เหมือนกับกำลังปกป้องสถานที่สำคัญข้างหน้านั้นอยู่ ทั้งๆที่สถานที่ทุกตารางนิ้วบนพื้นโลกเป็นของมนุษย์แท้ๆ
"รนหาที่จริงๆ... ดูท่าจะไม่อยากใช้ระบบสืบพันธุ์ของพวกแกให้เป็นประโยชน์แล้วสินะ เจ้าพวกมนุษย์!"
พวกมันส่งเสียงคำรามดังก้องจนทำให้ทุกชีวิตที่อยู่บริเวณนั้นพากันแตกตื่นหนีไปจนหมด ยกเว้นมนุษย์หนึ่งคนกับseiriอีกหนึ่งที่ยังคงใจกล้าขาแข็งเผชิยหน้ากับศัตรูที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
"พวกเราก็ไม่คิดจะหนีอยู่แล้วล่ะ... ว่าแต่พวกแกเองเหรอที่เปลี่ยนแม่น้ำให้เป็นแบบนี้น่ะ"
ฮิซาชิทำใจดีสู้เสือ ทั้งที่ตามจริงไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้...
"พวกมนุษย์อย่างแกไม่มีสิทธิ์มาถามพวกข้า! รีบๆตายไปซะเถอะ!!"
ปิศาจสองตนนั้นพุ่งเข้ามาอยู่ด้านหลังของทั้งสองคนด้วยความเร็วที่สูงพอๆกับฮิโรมิเลยทีเดียว พวกมันเงื้อหมัดขึ้นก่อนจะชกเข้าไปเต็มๆร่างของเป้าหมายทั้งสองคนอย่างรุนแรงจนตกลงไปกลางผืนป่าอันเงียบเชียบ ไม่มีการตอบสนองจากทั้งสองคนที่ถูกพวกมันเล่นงานเลยแม้แต่น้อย...
"โดนแค่หมัดเดียวก็จอดซะแล้ว... พวกมนุษย์นี่กระจอกจริงๆ!"
ปิศาจพวกนั้นหัวเราะร่าด้วยความสะใจที่ได้เล่นงานมนุษย์จนหมดสภาพ เสียงหัวเราะของมันฟังดูน่าสะพรึงกลัวมากหากมีการเอคโค่มากขึ้นอีกนิดหน่อย
"ใครกระจอกงั้นเหรอ..."
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างบนหัวพวกมัน มิคาสะในร่างอควารอยด์กับฮิซาชิในชุดต่อสู้ค่อยๆร่อนลงมาตรงหน้าปิศาจทั้งสองตนนั้นอย่างช้าๆ บนร่างกายของทั้งสองคนไม่มีรอยแผลจากการถูกทำร้ายเลยแม้แต่รอยเดียวทั้งๆที่ถูกหมัดอันแข็งแกร่งของปิศาจอัดเข้าไปเต็มๆแบบจัดหนัก
"ไม่จริง! เป็นไปไม่ได้!! พวกแกเป็นใครกันแน่!!"
"อย่างพวกแกไม่มีสิทธิ์มาถามพวกเรา... เอาล่ะ! ตายไปซะเถอะนะ"
ทั้งสี่บุกเข้าปะทะกันอย่างรวดเร็ว และการต่อสู้ก็จบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน...
"ไม่จริง..!! มนุษย์จะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง..."
"นี่พวกแกไม่รู้อะไรจริงๆเหรอ ฉันน่ะเป็นมนุษย์จริงๆอย่างที่แกว่า...เพียงแต่ผ่านการเร่งวิวัฒนาการจนแข็งแกร่งขึ้น ส่วนยัยผู้หญิงผมสีประหลาดๆนี่เป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างเหมือนมนุษย์ 'seiri' ทีนี้พวกแกรู้แล้วหรือยัง...พวกเราไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาที่มีกันเกลื่อนถึงสามพันล้านคนพวกนั้นสักหน่อย!"
วิ้งงงงงงงงง........
"อย่าเพิ่ง!! ขอเวลานอก!!!"
หลังจากที่แนะนำตัวเสร็จ ฮิซาชิกับมิคาสะก็รวมพลังในร่างสร้างลูกพลังสีขาวและฟ้าขึ้นมาในมือทั้งสองข้าง ก่อนจะปล่อยมันออกไปจู่โจมร่างของปิศาจทั้งสองตนนั้นให้ได้เห็นความต่างชั้นของพลังที่ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่ก็ไม่มีทางก้าวข้ามไปได้
"อ๊ากกกกกกกก"
เสียงร้องอย่างทรมานของปิศาจทั้งสองตนนั้นสิ้นสุดลงพร้อมกับลูกพลังที่ระเบิดปล่อยพลังทำลายอันมหาศาลที่กักเก็บเอาไว้ออกมาทำร้ายผู้ที่ถูกมันเข้าปะทะอย่างรุนแรง แรงระเบิดนั้นได้พัดทำลายพื้นที่ป่าในบริเวรนั้นจนหายไปเป็นรัศมีประมาณ10เมตร
"อย่าเอาพลังที่มีอยู่มาใช้ทำร้ายคนเลย... เอามาใช้ปกป้องคนอื่นยังจะดีกว่ากันเยอะ"
"อ๋อ! เหรอ... ที่แท้ก็มีของดีเหมือนกันนี่นา เจ้าพวกมนุษย์!"
เสียงปริศนาดังขึ้นมาจากส่วนลึกของป่า มันค่อยๆเดินเข้ามาหาทั้งสองคนอย่างช้าๆ ดวงตาของมันส่องแสงสีแดงอำมหิตราวกับสายตาของงูที่กำลังจ้องจับเขมือบเหยื่อที่ทรมานท่ามกลางวงรัดของมัน...
"แกคือ..." ฮิซาชิจ้องตาเขม็งทันทีที่มันเดินเข้ามาจนสามารถเห็นตัวได้ถนัด
"เจ้าพวกนั้นไม่ได้แนะนำตัวสินะ มารยาทเสื่อมจริงๆ..."
ปิศาจตนนั้นเดินผ่านตัวพวกเขาไปคุกเข่าตรงหน้าร่างไร้วิญญาณของปิศาจที่ถูกพวกฮิซาชิสังหารไป มันกำลังยื่นมือออกไปทำอะไรบางอย่างกับร่างของเจ้าพวกนั้น...
"พวกเราคือสามนายทวารนรก เรียกว่าเป็นหน้าด่านเฝ้านรกจะดีกว่า..."
แขนทั้งสองข้างของมันกำลังดูดกลืนร่างของปิศาจทั้งสองตนเข้าไปอย่างช้าๆ พวกฮิซาชิรู้สึกได้เลยว่ามันค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นจนเหนือชั้นกว่าพวกเขาไปแล้ว...
"ข้าชื่อโครทินอส ตรีเอกานุภาพแห่งนรก!"
เมื่อมันดูดกลืนร่างของทั้งสองเข้าไปในตัวเสร็จสมบูรณ์ ร่างของมันก็ขยายตัวออก กลายเป็นปิศาจที่ทรงพลังมาก
"ข้าจะแก้แค้นให้เหล่าน้องๆของข้า!"
พูดเสร็จมันก็คำรามออกมา เสียงคำรามของมันทำให้เกิดลมพายุพัดทำลายป่าจนข้างหน้ามันกลายเป็นพื้นที่โล่ง
"ชิ! แกร่งจริงๆแฮะ รู้งี้น่าจะฆ่ามันซะตั้งแต่ที่มันยังคุกเข่าลงตอนนั้นนะ..."
ฮิซาชิสามารถยืนต้านแรงพายุนั้นได้ ในขณะที่มิคาสะใช้วิธีอ้อมไปอยู่ข้างหลังมันแทน
"งั้นทำไมไม่ทำซะตั้งแต่แรกล่ะ! มัวมาเสียเวลาบ่นตอนนี้คิดว่ามันจะช่วยอะไรได้"
มิคาสะเข้าต่อสู้กับมันอย่างทัดเทียม หมัดและลูกเตะของเธอเข้าเป้าทุกนัด แต่เหมือนมันจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว ในทางตรงข้าม...มิคาสะที่ออกแรงเตะมันกลับรู้สึกเจ็บขึ้นมาแทนราวกับเอาเท้าเปล่าๆไปเตะเสาคอนกรีตอย่างนั้นแหละ
"ให้ตายสิ! ร่างกายแข็งกว่าเจ้าปิศาจตัวนั้นอีกนะ!!"
"เธอก็บ่นเหมือนกันไม่ใช่หรือไง!!"
ฮิซาชิปล่อยพลังแสงใส่โครทินอสทันทีที่มิคาสะถอยออกไป ปิศาจตนนั้นก็ยิงลูกไฟจากปากเข้าต้านเหมือนกัน พลังของทั้งคู่จึงเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงก่อนจะระเบิดออกเป็นรัศมีกว้าง
"เชอะ! พลังเหลือร้ายจริงๆ... อย่างนี้ต้องเจอกับพลังทั้งหมดของฉัน!!"
มิคาสะตั้งท่าเตรียมจะใช้พลังจากทั้งร่างจริงๆในการเอาชนะโครทินอส หากแต่ขั้นตอนการลงมือนั้นไม่ใช่ง่ายๆเลยเนื่องจากท่าร่างที่ยาวมากจนถ้าเธอไม่สามารถเอามันลงได้ก่อนก็คงถูกปิศาจตนนั้นโจมตีกลับจนเสียพลังฟรีๆแน่...
และเมื่อคิดได้ดังนั้น
"ช่วยไม่ได้แล้ว!! จัดการมันเลย ฮิซาชิคุง!!"
"ชิ! ทีอย่างนี้ล่ะเห็นฉันเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาทันทีเลยนะ... ก็เอาสิ!!"
ฮิซาชิเหมือนจะรู้งานอยู่แล้ว เขารวมพลังแสงสีแดงเอาไว้ในมือขวาก่อนจะชูมือขึ้นเหนือหัวจนแสงนั้นคลุมร่างเขาเอาไว้ทั้งตัว และพร้อมกันนั้นเองที่พลังในร่างของฮิซาชินั้นเพิ่มขึ้นสูงมาก และชุดที่เขาใส่ก็เปลี่ยนไปเป็นสีแดงแสด
โครทินอสบุกเข้าไปสู้กับฮิซาชิที่เพิ่มพลังขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวต่อผลที่จะตามมาแม้แต่น้อย ทั้งสองเข้าปะทะเพลงหมัดกันอย่างรุนแรงจนมิคาสะไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ ซึ่งเธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลย...
"แข็งแกร่งจริงๆนะ...เจ้ามนุษย์! แต่แค่นี้น่ะ..! อั่ก!!"
โครทินอสไม่ได้เจียมสังขารเลยแม้แต่นิดเดียว มันยังคงปากกล้าได้ทั้งๆที่ถูกฮิซาชิอัดลงไปนอนอยู่กับพื้น และเมื่อมันยันตัวเองขึ้นมาจากพื้น... ก็เข้าวิถีท่าไม้ตายใหม่ของฮิซาชิพอดี
ฮิซาชิยกแขนทำท่ากระเรียนเหินหาว พร้อมกันนั้นก็กระแทกฝ่ามือไปข้างหน้าอย่างรุนแรงจนเกิดลูกพลังเพลิงสะสมที่ระหว่างฝ่ามือทั้งสองข้าง เขาวาดแขนเป็นวงกลมข้างละครึ่งวงก่อนที่พลังเพลิงนั้นจะกล้าแข็งขึ้น และเมื่อพลังของเขาเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด... ฮิซาชิก็ปล่อยมันออกไปเป็นลำแสงเพลิงเข้าปะทะร่างของโครทินอสจนกระเด็นไปด้านหลัง
แต่ถึงจะโดนไม้ตายปิดฉากของฮิซาชิเข้าไปแล้ว ปิศาจผู้รวมพลังของทั้งสามร่างเข้าไปในร่างเดียวก็ยังคงมีชีวิตอยู่ ถึงอย่างนั้นฮิซาชิกับมิคาสะก้ไม่บุกเข้าไปสู้กับมันต่อ... เพราะรู้ว่าถึงจะสู้ต่อไปก้ไร้ความหมาย!
"มันยังไม่จบหรอก... จากนี้ไปพวกแกทุกคน...ทุกชีวิตบนโลกจะต้องดับสิ้น!!! อ๊ากกกกกกกกก"
ทันทีที่ปิศาจที่จะตายมิตายแหล่ลั่นวาจาสุดท้ายออกมาจนเป็นที่เข้าใจทั่วกันเสร็จ ร่างของมันก็ระเบิดหายไปต่อหน้าต่อตาทั้งสองคน เหลือทิ้งไว้เพียงอนุสรณ์สถานการต่อสู้ระหว่างพวกเขาและความวิตกกังวลที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิดในใจของผู้ที่ยังมีชืวิตอยู่
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น