ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Revamp มหายุทธ์สยบทวยเทพ

    ลำดับตอนที่ #11 : ดาบคู่ต่างความรู้สึก

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 56


                   "ดาบแห่งแสง...ผู้พิฆาตความมืดทั้งมวล จงออกมา!!!"



         เสียงตะโกนที่ได้ยินดังไปทั่วทุ่งหญ้าเขียวขจีซึ่งได้เปลี่ยนไปเป็นพื้นทรายโล่งๆสำหรับดูดซับความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาตลอดทั้งช่วงกลางวันเพื่อเป็นบริการพิเศษสำหรับเหล่าชายสมบูรณ์ที่ต้องการอาหารตาอันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธาตุแคลเซียมและสารอาหารบำรุงโลหิตและหัวใจที่มีชื่อเรียกสั้นๆว่า "หนองโพ" ของเหล่านักเดินทางและนักผจญภัยสาวแรกรุ่นและวัยแม่พันธุ์ที่ผ่านไปมาบนเส้นทางนรกที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความตายที่บีบวงล้อมใกล้มากขึ้นจนใกล้จะกลายเป็นความสิ้นหวังนั้น เสียงนั้นได้ดังออกไปทั่วจนกลายเป็นจุดสนใจของเหล่าปีศาจกระหายเนื้อสดๆบริเวณนั้นอย่างเต็มอัตรา



         "ดาบศักดิ์สิทธิ์... เอ็กเซลเลี่ยนเบลด!! ล่ะมั้ง"



         ในชั่วพริบตาที่สาวน้อยที่ดูเหมือนจะธรรมดาชูมือขึ้นเหนือศีรษะราวกับกำลังเทิดทูนอำนาจศักดิ์สิทธิ์แห่งสรวงสวรรค์ที่หลอมรวมมาเป็นคมดาบที่พร้อมจะฟาดฟันทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้น แผ่นปีกที่เต็มไปด้วยขนนกสีดำที่แผ่นหลังของเธอก็สยายออกราวกับกำลังตอบรับพลังแห่งแสงที่รวมอยู่ในมือขวาของเธอซึ่งกำลังก่อรูปเป็นบางสิ่งที่คล้ายๆกับแท่งทรงห้าเหลี่ยมเรียวยาวที่มีแท่งอะไรบางอย่างขัดอยู่บริเวณด้ามจับใกล้ข้อมือ 


         และเมื่อพิธีอันแสนทรมานลำคอของเรอาสิ้นสุดลง... ดาบแห่งเทพตกสวรรค์ที่เคยเป็นสมบัติส่วนตัวของมารดาและบิดาของเธอก็ปรากฏขึ้นมาในทันใด



         "ดูเหมือนจะควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์คล่องขึ้นแล้วสินะ ถ้างั้นฉันจะไม่ออมมือให้อีกแล้วนะ...เรอา!"


         "ก็ต้องการให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ...เพราะถ้าเธอไม่เอาจริงก็จะได้ไปพบแม่เธอเร็วขึ้นนะ เมโรเน่!!"



         สาวน้อยสองคนหันหน้าเข้าหากันราวกับจะฟาดฟันอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือใส่คู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าให้ขาดกระเด็น และในทันทีที่เสียงสะท้อนจากครั้งที่เรอาตะโกนออกมาเต็มเสียงเพื่อเรียกพลังศักดิ์สิทธิ์ในแบบของเทพตกสวรรค์นั้นดังขึ้นมา... นางฟ้าทั้งสองก็กระโจนเข้าหากันราวกับรู้ว่าอะไรควรจะเกิดขึ้นถัดจากนี้



         "ไปตายซะแก!!!!!!!!"




                                                     ฉัวะ..!!



         ดาบที่คงความคมเอาไว้เสมอไม่ว่าผู้ใช้จะไม่เคยลับมันเลยตั้งแต่ที่ตีขึ้นมา กับ ขอบโล่สีเงินที่กลายสภาพมาเป็นคมจักรที่คมกริบนั้นเฉือนเข้าไปในเนื้อของผู้ที่ท้าพิสูจน์พลังอำนาจที่กล้าแกร่งของพวกมันจนเป็นแผลลึก แต่นั่นคงไม่อาจทำให้ผู้ที่ต้องคมของมันนั้นเจ็บปวดไปได้มากกว่าพลังศักดิ์สิทธิ์แรงกล้าที่ฝังเข้าไปในบาดแผลนั้นด้วยเป็นแน่ และในทันทีที่เรอาซึ่งมั่นใจในชัยชนะของตัวเองเก็บดาบแห่งเทพตกสวรรค์ไปเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างของตัวเองนั้น...



         ร่างของอสุรกายผู้ยึดครองทะเลทรายแถบนี้ก็ล้มครืนลงราวกับรู้หน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี!!




         "จัดการมันสำเร็จแล้วนะ..! เรอา อย่างที่ฉันคิดเอาไว้ไม่มีผิดเลย!!"


         ส่วนเมโรเน่ที่เห็นร่างของคู่ต่อสู้ของเธอสลายไปเพราะอำนาจแห่งแสงที่ทำลายความเป็นปีศาจในร่างของมันจนกลายเป็นผุยผงปลิวไปกับสายลมที่แห้งเหือดนั้นแล้ว เธอก็ไม่รอช้ารีบเก็บโล่แห่งเทพซึ่ง "เรอาซัส" ผู้เป็นบิดาของเรอาแย่งชิงจากมหาเทพตกสวรรค์มาได้จากการต่อสู้ที่ทำให้เขาสูญเสียบุคคลที่รักไปก่อนจะฝากเอาไว้ที่บิดาของเธอ
         

         สาเหตุก็เพื่อป้องกันไม่ให้พลังของอาวุธแห่งเทพตกสวรรค์ทั้งสองที่อยู่ด้วยกันส่งเสียงร้องที่มนุษย์ไม่ได้ยินเป็นการเรียกเหล่าเทพแห่งสรวงสวรรค์ลงมาจัดการเรอาที่เป็นบุตรีแห่งผู้เป็นศัตรูได้ลงเพื่อไม่ให้มันอาบแสงอาทิตย์อันแรงกล้าจน



         "พวกเราจัดการปีศาจไปได้เยอะแล้วนะ... ทีนี้พวกเราคงจะเรียกตัวเองว่า'มือปราบมาร'ได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้วสิ!"


         เรอายิ้มอย่างพึงพอใจในความสามารถของเธอที่สามารถเอาชนะปีศาจระดับล่างได้เป็นจำนวนเกือบร้อยในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ทั้งนี้ก็เพราะได้เมโรเน่ซึ่งเชี่ยวชาญด้านพลังศักดิ์สิทธิ์มากกว่าช่วยเป็นกำลังสนับสนุนนั่นเอง...



         "อย่าเพิ่งได้ใจไป... ที่พวกเราจัดการปีศาจพวกนั้นได้เพราะเจ้าพวกนั้นยังเป็นระดับล่างๆหรอก แล้วอีกอย่างที่เธออย่าลืม...พวกเราน่ะไม่ใช่มนุษย์นะ! แต่เป็นบุตรแห่งเทพที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งอยู่ในตัว ถ้าพวกเราไม่มีมันมาตั้งแต่เกิดก็คงได้รับสิทธิ์ไปเยี่ยมครองครัวของฉันตั้งแต่ตอนที่สู้กับแวมไพร์ระดับต่ำที่เมืองนั้นแล้ว..."



         "ไม่เอาน่า...เมโรเน่ อย่าย้ำถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นจะได้หรือเปล่า..!?"


         "แล้วอีกอย่างที่เธอควรจะรำลึกเอาไว้เสมอนะ... เมื่อก่อนฉันคิดว่าหน้าที่มือปราบมารน่ะมันดูเหมือนพวกหลงตัวเองที่คิดว่าไม่มีใครเอาชนะได้และมีชื่อเสียงที่ไม่อาจลบล้าง แต่มาตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าหน้าที่มือปราบมารน่ะมันโหดร้ายและอันตรายขนาดไหน... ถ้าให้ฉันเลือกเกิดได้ของให้ได้เกิดเป็นเทพระดับล่างๆบนสวรรค์ที่ได้ทำหน้าที่รับใช้พระผู้เป็นเจ้ายังจะดีกว่า ขอท่านพระผู้เป็นเจ้าโปรดเมตตา-โอ๊ย!!"



         อาการปวดที่เหมือนกับของข้างในหัวบีบรัดเข้าหากันอย่างรุนแรงจนสมองแทบจะขาดออกจากกันที่เมโรเน่ได้รับนั้นเรียกได้ว่าเป็นการต่อต้านของพระผู้เป็นเจ้าก็ว่าได้... แต่ไม่ใช่ว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับความเจ็บปวดจากการภาวนาถึงเหล่าทวยเทพ 
         
         หากแต่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้นับตั้งแต่การต่อสู้กับนางฟ้าตกสวรรค์ทั้งสองสิ้นสุดลง เพราะเหตุการณ์นั้นเองจึงทำให้เมโรเน่ถูกกล่าวหาว่าฝักใฝ่กับเทพตกสวรรค์ตนหนึ่งจนถูกขับไล่จากศาสนจักร


         ซึ่งเทพตกสวรรค์คนที่ว่านั้นก็คือ... "เรอา"นั่นเอง!



         "ให้ตายเถอะ..! เลิกภาวนาถึงพระผู้เป็นเจ้าสักทีจะได้ไหม...ยิ่งทูตสวรรค์ไร้ที่ไปอย่างเธอภาวนามากเท่าไหร่ก็มีแต่จะเจ็บปวดมากเท่านั้นแหละ"


         "งั้นฉันจะภาวนาขอพรให้เทพตกสวรรค์อย่างเธอดีไหมน้า..!?" เมโรเน่ยกมือขึ้นกุมไว้ที่หน้าอกพร้อมสวดภาวนา


         "หยุดเลย!! พรหอกหักอะไรนั่นฉันไม่เอาเฟ้ย!!!" ซึ่งเรอาไม่ได้ต้องการมันเลยสักนิด...



         "งั้นจะเริ่มล่ะนะ... ขอพระผู้เป็นเจ้าโปรดมอบพระพรแด่สหายของข้า-"




                                                  โอ๊ย..!!! อ๊าก..!!!!!!...!!!....




         การเดินทางเพื่อแย่งชิงดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของมนุษย์ซึ่งถูกเหล่าปีศาจยึดครองไปของสองนางฟ้ายังคงดำเนินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย ซึ่งเรอาและเมโรเน่ได้ทำข้อตกลงกันไว้แล้วว่าจะเดินทางต่อไปโดยไม่อาศัยปีกที่ตัวเองมีอยู่ช่วยในการเร่งความเร็วเพื่อไม่ให้ผู้คนที่อาจจะเห็นพวกเธอกำลังบินอยู่กลางอากาศนั้นแตกตื่นและมีท่าทีต่อต้านพวกที่แปลกกว่าตนได้ 


         และหากมันเป็นเช่นนั้นจริง...พวกเทพแห่งสรวงสวรรค์คงจะลงมาจัดการพวกเธอทั้งคู่ในตอนนั้นเลยก็ได้...




         "ว่าแต่นะ...เรอา อีกนานแค่ไหนพวกเราถึงจะได้เหยียบทางเข้าหมู่บ้านที่เจ้าแวมไพร์มหานรกนั่นแยกตัวออกมาสักทีล่ะเนี่ย!"


         "นั่นน่ะสิ... ขนาดพวกเราเดินเท้ากันมาหลายอาทิตย์แล้วยังไม่แม้แต่จะเห็นวี่แววของไอ้หมู่บ้านสับขาหลอกอะไรนั่นสักที แล้วไอ้มนุษย์ค้างคาวเวรบรรลัยที่เดินทางมาตั้งไกลเพื่อดักไซ้คอเธอโดยเฉพาะนั่นมันบินด้วยความเร็วแค่ไหนกันนะ!!"




         บนถนนที่ทอดยาวราวกับเส้นทางสู่นรกภูมิที่เต็มไปด้วยไอร้อนแห่งเทพแห่งเปลวเพิลงซึ่งไม่มีวันดับแม้ใช้น้ำมากเท่ามหาสมุทรมาเทราดก็ตามนั้น สองนางฟ้าที่เริ่มจะทนไม่ไหวกับความร้อนที่เกินขีดจำกัดของมนุษย์ธรรมดาจะรับได้และเส้นทางอันแสนยาวไกลนี้เริ่มจะหงุดหงิดมากขึ้นไปเรื่อยๆ 
         
         และเมื่อความหงุดหงิดนั้นดำเนินมาถึงขีดสุด... ทั้งสองคนก็ได้ใช้วิธีคลายเครียดที่ใช้ได้ผลมาตลอดในการระบายความอัดอั้นในใจออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย



         "ซุกทรายแม่มเลย!!!!!" 



         การที่คนเราเอาร่างกายที่เสียเหงื่อไปเป็นจำนวนมากนั้นกลบด้วยเม็ดทรายที่มีความร้อนราวกับน้ำเดือดที่พร้อมจะลอกขนของเราให้หลุดออกมาจนเหลือเพียงผิวขาวเนียนเป็นธรรมชาตินั้น นอกจากนี้มันจะช่วยเร่งเร้าการขับเหงื่อของต่อมเหงื่อให้ดียิ่งขึ้นเพื่อความรู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต และยังทำให้เส้นขนตามแขนขาต่างสามัคคีกันหลุดลอกออกมาเหมือนตอนถอนขนไก่ด้วยเช่นกัน


         แต่ทั้งนี้การขับเหงื่อออกมาเป็นจำนวนมากโดยไม่มีการยับยั้งนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการกระตุ้นให้เกิดการสูญเสียน้ำในร่างกายอย่างรวดเร็วเลย จึงทำให้ร่างกายของผู้ที่ใช้วิธีนี้ในการที่จะได้รู้คุณค่าของการมีชีวิตอยู่นั้นเกิดการอ่อนล้าและซูบลงไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับมัมมี่มีชีวิต



         เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กดีหรือฆาตกรฆ่าร้อยศพพันศพก็ไม่สมควรใช้วิธีนี้เพื่อระงับความเครียดทั้งสิ้น!!!





         เหล่าเทพแห่งสวรรค์และเทพตกสวรรค์นั้นต่อให้ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตลอดระยะเวลาหลายเดือนก็สามารถอยู่ได้ และในที่สุด... ถึงแม้ว่าเรอากับเมโรเน่จะมีศักดิ์เป็นถึงลูกครึ่งแห่งเทวทูตกับลูกครึ่งแห่งเทพตกสวรรค์ก็ตาม แต่ยังไงลูกครึ่งก็คือลูกครึ่ง...


         ด้วยความเป็นมนุษย์ครึ่งหนึ่งในตัวของพวกเธอนั้นทำให้ทั้งสองถูกเล่นงานอย่างรุนแรงจากทั้งความหิว ความกระหาย และความอ่อนล้าจากการแช่อยู่ในทรายที่ร้อนระอุทั้งวันจนร่างกายเริ่มแห้งเป็นสาวแก่ที่มีผิวหยาบกร้านทั่วทั้งตัว


         เพราะถึงแม้ว่าเรอาจะได้รับพลังจากแสงจันทร์จนฟื้นคืนสภาพมาบ้างนิดหน่อยตามคุณลักษณะของพวกเทพตกสวรรค์ก็ตาม... แต่เมโรเน่นั้นไม่ใช่ ด้วยความร้อนประกอบกับความหิวที่ประดังจู่โจมมายังร่างของเธอนั้นทำให้เมโรเน่หมดสติไปทันทีที่ดวงตะวันลับขอบฟ้าไป




         "เมโรเน่... ตื่นก่อนได้หรือเปล่า! คืนนี้ดวงจันทร์สวยมากเลยนะ ถ้าเธอไม่รีบตื่นขึ้นมาดูเดี๋ยวมันก็ลับขอบฟ้าไปอีกหรอก!"



         เรอารู้ตัวดีว่าพูดอะไรออกมา ถึงแม้ว่าเหล่าปีศาจและเทพตกสวรรค์อย่างเธอจะได้รับพลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในคืนวันเพ็ญ แต่เหล่าเทวทูตแห่งสรวงสวรรค์นั้นกลับไม่ได้รับพลังเพิ่มขึ้นในส่วนนี้ เรอารู้ดีว่าเหล่าเทพแห่งสรวงสวรรค์นั้นจะมีความได้เปรียบมากหากอยู่ภายใต้แสงตะวัน ซึ่งเมโรเน่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเรื่องนั้นเป็นจริง


         เพราะอันที่จริงแล้วระดับพลังของทั้งเรอาและเมโรเน่นั้นเท่ากันพอดี แต่ในช่วงเช้าเมโรเน่ได้รับพลังจากดวงอาทิตย์ทำให้แข็งแกร่งเกินหน้าเกินตาแบบดังเช่นที่ต่อสู้กับปีศาจในช่วงเช้า แม้ว่าเรอาเองก็ได้รับพลังจากแสงอาทิตย์ด้วยก็ตาม...แต่มันก็ไม่ได้มากเท่ากับเทวทูตอย่างเมโรเน่


         ส่วนของเรอานั้นดูจะได้เปรียบในการต่อสู้กับเมโรเน่อย่างเห็นได้ชัดในเวลากลางคืน เพราะช่วงกลางคืนนั้นไม่มีแสงอาทิตย์ช่วยเติมพลังให้กับเหล่าเทวทูตนั่นเอง!!



         "เฮ้ย... รีบๆตื่นซะทีสิ! ถ้าเธอยังลีลาไม่ยอมตื่นละก็..."



         เรอาเริ่มโน้มตัวต่ำลงไปยังใบหน้าที่หลับสนิทของเพื่อนสาวราวกับจะเชยชมความงามของทูตสวรรค์ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องประกาย ริมฝีปากที่กลายเป็นสีชมพูอวบอิ่มจากแสงจันทร์ที่เติมพลังให้กับเรอานั้นค่อยๆก้มต่ำลงไปเรื่อยๆจนใกล้จะสัมผัสกับแผ่นแก้มสีขาวที่อ่อนนุ่มของเมโรเน่ราวกับจะมอบพลังจากดวงจันทรายามค่ำคืนให้กับเธอ แม้ว่ามันจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยก็ตาม...


         ลมหายใจที่เปี่ยมไปด้วยไออุ่นจากร่างกายของเรอาจรดลงไปยังข้างใบหูของเมโรเน่จนรู้สึกจั๊กจี้อย่างบอกไม่ถูก ถึงอย่างนั้นเทวทูตสาวก็ไม่สามารถขยับร่างกายไปไหนได้นอกจากปล่อยให้เทพตกสวรรค์ที่กำลังโน้มตัวลงมาเรื่อยๆนั้นเล่นกับร่างกายของเธอได้ตามอัธยาศัย



         "ถ้าเธอไม่ยอมตื่นละก็... คืนนี้ก็ไปนอนเล่นอยู่ในกระเพาะพวกยักษ์ตาเดียวนี่ก็แล้วกัน!!"



         เรอากระโดดขึ้นจากร่างของเมโรเน่อย่างรวดเร็วพร้อมทั้งสยายปีกสีดำแห่งเทพตกสวรรค์ให้เหล่าไซคลอปส์ที่แข็งแกร่งประมาณห้าตนได้เห็นเป็นการขู่ครั้งสุดท้ายจากเธอ แม้ว่าพวกมันนั้นจะมีสมองที่โง่มากจนไม่รู้ว่าที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้านั้นเป็นบุตรสาวแห่งเทพตกสวรรค์ก็ตาม...



         "ดาบศักดิ์สิทธิ์!! ด็อกมา-!"


         เรอาชูแขนขวาขึ้นเหนือศีรษะเพื่อเรียกดาบศักดิ์สิทธิ์ออกมาต่อสู้กับศัตรูที่เหนือกว่าทั้งจำนวนและพละกำลังอย่างพอทัดเทียนขึ้นมาบ้าง แต่ในจังหวะก่อนที่แสงแห่งเทพตกสวรรค์จะเปล่งประกายออกมาบนฝ่ามือของเธอนั้นเอง... 
         
         ร่างกายท่อนบนของเรอาก็ถูกของแข็งบางอย่างฟาดเข้าอย่างรุนแรงจนกระเด็นไปกับพื้นทรายหลายเมตร



         'เจ้ายักษ์พวกนี้...เรี่ยวแรงมหาศาลจริงๆ!'


         สิ่งที่ฟาดเข้าที่ชายโครงของเรอาก็คือ... ท่อนไม้ขนาดใหญ่ที่เปื้อนไปด้วยคราบเลือดของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่กลายไปเป็นอาหารมื้อค่ำหรืออะไรก็ว่าไปของเหล่ายักษ์ที่โหดเหี้ยมเหล่านี้ซึ่งมีความแข็งพอที่จะทำอันตรายแก่ร่างของเทพตกสวรรค์อย่างเรอาได้อย่างง่ายดาย ที่จริงแล้วพละกำลังของมันก็มีส่วนด้วยเช่นกัน...



         "ดาบศักดิ์สิทธิ์... ด็อกมาตาร์!!!"


         ในขณะนี้เรอาไม่คิดอะไรอีกแล้วนอกจากจะต้องช่วยเหลือเพื่อนสาวของเธอจากเงื้อมมือของพวกยักษ์ที่แข็งแกร่งทั้งด้านกำลังและสติปัญญาให้ได้โดยเร็วที่สุด ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งประกายแสงสีขาวและดำในมือของเรอานั้นได้พุ่งเข้าไปใยดวงตาที่มีอยู่เพียงดวงเดียวของเหล่ายักษ์นั้นจนการมองเห็นชะงักไปชั่วครู่...



         "ตอนนี้แหละ..!! สำแดงอำนาจแห่งเทพแห่งความดื้อรั้นออกมาเลย!! ดูอัล คอนทรารี่!!"



         สิ่งที่เรอาพูดนั้นล้วนมีความหมายทั้งสิ้น ในชั่วพริบตาที่พลังศักดิ์สิทธิ์จากดาบและฝ่ามือของเธอรวมเป็นหนึ่งเดียวจากการต่อสู้จริงหลายครั้งที่ผ่านมาจนกลายเป็นเรื่องปกตินั้น ดาบศักดิ์สิทธิ์ก็แยกออกเป็นดาบคู่ฟาดฟันไซคลอปส์ตัวหนึ่งอย่างรุนแรงจนสลายไปเป็นขี้เถ้าในพริบตา และนอกจากนั้นยังทำให้เป็นโอกาสในการชิงตัวเมโรเน่ออกมาในระยะที่ห่างมากพอได้อีกด้วย...




         "เป็นไงล่ะ..! ทีนี้รู้ซึ้งถึงพลังแห่งเทพตกสวรรค์แล้วหรือยัง!? ถ้ารู้แล้วก็รีบๆย้ายก้นออกไปซะ...ไม่งั้นดาบศักดิ์สิทธิ์ของฉันจะเฉือนเนื้อของแกออกมาทำเป็นอาหารค่ำของฉันแน่!!"



         เรอาชี้ปลายดาบที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งความอบอุ่นที่ผู้เป็นแม่ของเธอประจุเอาไว้ก่อนจะมอบให้พ่อของเธอเก็บรักษาเอาไว้เผื่อสักวันหนึ่งเธอจะได้รับช่วงต่อในการถือครอง และปลายดาบอีกข้างหนึ่งที่แฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ไม่มีวันยุติลงหากยังไม่ได้ฟาดฟันสังหารบุคคลเพียงคนเดียวไปยังเหล่ายักษ์อีกสี่ตนที่ยังเหลืออยู่ด้วยความปรานีของตัวเธอเอง


         ซึ่งเรอาไม่ทันสังเกตเลยว่าในขณะนี้เมโรเน่ได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว...



         "เร..เรอา..."


         "อ้าว..! ฟื้นแล้วเหรอเมโรเน่!? รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะจัดการปีศาจชั้นต่ำพวกนี้ให้มันมาเป็นมื้อค่ำในคืนนี้ของเราเอง!"


         เรอาส่งยิ้มให้เพื่อนสาวของเธอก่อนจะหันกลับไปจ้องตาเหล่าไซคลอปส์ที่ส่งเสียงคำรามเป็นสัญญาณว่าพวกมันจะไม่ยอมแพ้จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะหมดลมหายใจ ถึงแม้ว่าฝ่ายนั้นจะเป็นพวกมันเองก็ตามที...



         แต่ในตอนนั้นเองที่เมโรเน่ซึ่งกำลังนอนอยู่กับพื้นทรายด้วยเรี่ยวแรงที่ถูกความร้อนดูดกลืนไปจนหมดได้สังเกตเห็นความผิดปกติของพวกยักษ์เหล่านั้น ก่อนที่เธอจะรวบรวมเสียงทั้งหมดจากลำคอที่แห้งผากเพื่อเตือนให้เพื่อนของเธอได้รับรู้



         "เรอา!! ระวังข้างหลัง!!!"




         "เอ๋.!? อึ่ก..!!"


         ยังไม่ทันขาดคำของเมโรเน่ ร่างของนางฟ้าตกสวรรค์ที่กำลังยืนตั้งดาบในท่วงท่าที่มั่นใจในชัยชนะที่กำลังจะได้รับในไม่ช้าก็ถูกกระแทกอย่างรุนแรงจากด้านหลังข้ามร่างของเมโรเน่ไปอย่างเฉียดฉิว 

         และด้วยมวลของวัตถุที่กระแทกเข้าที่จุดสำคัยของเรอานั้นเองทำให้เธอกระเด็นไปแน่นิ่งอยู่กับพื้นทรายกลางวงล้อมของเหล่ายักษ์ที่พร้อมจะสังหารพวกเธอได้ทุกเมื่อ ส่วนดาบศักดิ์สิทธิ์นั้นเมื่อหลุดออกจากมือของเธอก็สลายไปเป็นอากาศธาตุในทันที...


         "เรอา!!!!"




         "อ๋อ..! นี่น่ะเหรอที่เขาเรียกกันว่าเทพตกสวรรค์น่ะ... ว่าแต่กลิ่นกายของเจ้านี่มีกลิ่นสาปมนุษย์เจืออยู่ด้วยนี่นา"


         ตรงหน้าเมโรเน่ที่มองเห็นเพียงข้อเท้าของผู้มาเยือนรายใหม่ซึ่งเรอาสามารถมองเห็นได้อย่างเต็มๆตาจากการถูกยักษ์ตนหนึ่งกระชากเส้นผมขึ้นมาจากพื้นนั้นก็คือ... ยักษ์อีกตนหนึ่งนอกเหนือจากสี่ตนที่รอดมาจากการโจมตีทีเผลอของเรอาในร่างเทพตกสวรรค์ซึ่งดูเหมือนกับจะเป็นพวกหัวหน้าของเหล่ายักษ์พวกนี้ 

         ร่างของมันเป็นสีเขียวแก่ราวกับสะท้อนวิถีชีวิตที่ยาวนานภายใต้แสงจันทร์ที่สะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์อย่างอ่อนโยนจนความเข้มของสีผิวจางลงไปจากบรรดายักษ์ปกติ



         และแม้ว่านิสัยของมันนั้นจะไม่ได้อ่อนโยนตามแสงจันทร์เลยก็ตามที...





         "ปีกของเจ้านี่ช่างดูต่างจากเทพตกสวรรค์ที่ข้าเคยเห็นผ่านๆตานะ... เป็นปีกที่ให้ความรู้สึกต่างจากพวกอาซาเซลเลยล่ะ"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×