ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เป้าหมายมีไว้ฟาดฟัน
ว่ากันว่าผู้หญิงชอบผู้ชายเลวๆ เพราะเช่นนั้นหากผู้ชายที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าคุณท่ามกลางแสงจันทรคราสนั้นคืออสุรกายดื่มกินโลหิตสดๆจากร่างผู้คนอย่างทรมาน...คุณคงจะรับเขาเป็นญาติพี่น้องของเด็กรุ่นหลังที่คุณเป็นผู้ให้กำเนิดสินะ!?
แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น...ถ้าหากว่าตัวคุณผู้หญิงเองก็ดันมาทราบในภายหลังว่าตัวเธอนั้นคือทายาทแห่งสิ่งมีชีวิตชนชั้นสูงที่จะนำมาซึ่งความพินาศแห่งมวลมนุษย์ทั้งปวงเช่นกัน!?
'รัตติกาลที่แสงจันทร์สาดส่อง...จงอย่าแหงนหน้ามองนภาภพ
หากสาวงามสบสายตามันเมื่อใด...จงสับขาหลอกไปให้ไกลที่สุด'
ข้อความเหล่านี้คือคำขวัญประจำหมู่บ้านของเราเอง... คุณอาจจะสงสัยสินะว่าทำไมถึงห้ามไม่ให้หญิงสาวไม่ว่าจะหน้าตาสวยสักแค่ไหนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในคืนที่พระจันทร์ปรากฏขึ้นมาเป็นจุดสังเกตกลางห้วงรัตติกาลที่ส่องประกายนวลท่ามกลางความมืดมิด ทำไมคำขวัญเหล่านี้จึงต้องเขียนเป็นทำนองเสนาะเช่นนี้ด้วย...
และทำไมเมื่อสบตากับ"บางสิ่งที่ไม่สมควรเอ่ยถึง"ถึงจำเป็นต้องสับขาหลอกด้วย..!?
นี่คือคำอธิบายสำหรับคำแนะนำที่เขียนแสดงเด่นเอาไว้ที่ทางเข้าหน้าหมู่บ้านเพื่อเตือนทั้งนักท่องเที่ยวและเหล่าชาวบ้านที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำกิจวัตรประจำวันอันแสนน่าเบื่อนั่นเอง...
"อย่านะ!! อย่าตามมานะ!!!"
เสียงกรีดร้องระคนความเหนื่อยหอบจากการวิ่งอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะทางกว่า900เมตรโดยไม่หยุดพักของหญิงสาวผู้โชคดีที่ดำเนินการท้าทายอำนาจมืดของตำนานอันน่าสะพรึงกลัวที่เล่าขานกันมาเป็นระยะเวลานานกว่า129ปีซึ่งกำลังจะลงท้ายด้วยเลขศูนย์ในอีกไม่กี่สิบวันข้างหน้านี้ได้ดังก้องไปทั่วบริเวณหมู่บ้านที่ดูเหมือนกับถูกทิ้งร้างแห่งนั้น ซึ่งอันที่จริงแล้วผู้คนในหมู่บ้านยังคงใช้ชีวิตกันอยู่ตามปกติสุข เพียงแค่มีกฏพิเศษว่าจะปิดประตูหน้าต่างของบ้านตัวเองให้ดีหลังจากที่ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว และจะไม่สอดรู้เกี่ยวกับเสียงประหลาดจากนอกบริเวณบ้านของตนไปเท่านั้นเอง
สีหน้าแตกตื่นของหญิงสาวที่ราวกับพยายามวิ่งหนีจากฆาตกรโรคจิตที่ไล่ตามเธอมาตลอดทางนั้นสั่นขึ้นลงตามจังหวะลงเท้าของเธอที่รุนแรงจนเหล่าชายชาตรีต่างปรารถนาจะออกมาเห็นเธอในขณะนี้ สาวน้อยคนนี้พยายามที่จะไล่เคาะประตูบ้านทุกหลังเพื่อให้พวกเขาเปิดให้เธอเข้าไปหลบภัยชั่วคราวจนกว่าจะพ้นราตรีนี้ไป ซึ่งก็มีเพียงเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียกอันบางเบาว่าให้ออกไปเท่านั้น...
และแล้วในที่สุดเรี่ยวแรงที่สามารถใช้เผาผลาญเพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการต่อชีวิตของหญิงสาวที่คิดจะลองดีกับตำนานอันน่าสะพรึงที่เล่าขานกันมารุ่นสู่รุ่นนั้นก็ได้หมดลง เธอไม่คิดอะไรไปมากกว่าการดิ้นรนเพื่อหลีกหนีจากความตายที่กำลังกล้ำกรายเข้ามาหาทุกขณะไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม...
"แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก! ก็เราไม่นึกนี่ว่ามันจะน่ากลัวขนาดนี้นี่นา... ถึงเจ้าอสุรกายนั่นจะหล่อเหมือนนิโคลัส เฟรมเมลตอนหนุ่มๆก็เถอะ!! ว่าแต่ไอ้นิโคอะไรนั่นมันมีหน้าตาเป็นยังไงนะ!?"
หยาดเหงื่อที่หลั่งรินตามใบหน้าและร่างกายเป็นจำนวนมากนั้นไม่ได้รับการปาดเช็ดแต่อย่างใด แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมหน้าต่างทุกบานที่เรียงรายอยู่สองฝั่งถนนนั้นถึงได้สามัคคีกันปิดสนิททุกบาน ไม่มีแม้กระทั่งแสงหรือเสียงอะไรกระทบพื้นไม้ผุๆที่นำมาสร้างเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านโดยไม่มีการต่อเติมหรือปรับปรุงซ่อมแซมแต่อย่างใด...ถึงแม้ว่าสมาชิกภายในบ้านหลังนั้นจะอยู่กับพร้อมหน้าก็ตาม
ทั้งนี้เพราะพวกเขาไม่มีเวลาทำน่ะสิ!
เมื่อไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพวกชาวเมืองที่เพิ่งจะส่งยิ้มให้แก่กันในช่วงกลางวันแม้แต่คนเดียว ในที่สุดทางเลือกสุดท้ายในการที่จะใช้เป็นช่องในการหลบหนีจากฆาตกรต่อเนื่องที่ผู้หญิงตัวเล็กกว่าหมูป่านึดนึงจะใช้ได้ในขณะนั้นก็ช่างเป็นเส้นทางที่เคยนำมาซึ่งความวิบัติแก่เหล่าตัวละครในหนังสยองขวัญมาแล้วในเกือบทุกเรื่องซะด้วย..!
"เอาก็เอาฟะ..!! ถึงมันจะมีโอกาสรอดต่ำตามพวกละครเวทีก็เถอะ!! แต่มันก็ยังดีกว่าวิ่งไปทั่วหมู่บ้านล่ะวะ!"
หญิงสาวที่ทำหน้าตื่นกลัวเหมือนหนีอะไรสักอย่างรีบหลบเข้าไปในซอกซอยเล็กๆข้างทางอันเป็นเอกลักษณ์ของหนังสยองขวัญที่ฆาตกรต่อเนื่องจะโผล่มาจ๊ะเอ๋ที่ตรงกลางทางเดินพอดีเพื่อให้สาวน้อยล้มลงก้นจ้ำเบ้าก่อนจะทำการบรรเลงบทเพลงโอเปร่าอันแสนโหยหวนเพื่อมอบให้แก่เทพีอาร์เทมิสที่ประทานแสงจันทร์อันสวยงามมาให้มนุษย์ทั่วโลกได้เชยชม
และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ...
"เจ้าคิดว่าจะหนีข้าพ้นอย่างนั้นหรือ...ทั้งที่เป็นเพียงมนุษย์เดินดินแท้ๆ ว่าแต่ไล่ตามเจ้ามาตั้งนานชักจะคอแห้งซะแล้วสิ! ขออะไรดื่มแก้กระหายหน่อยได้หรือเปล่า!!"
ใบหน้าอันขาวซีดจากการที่หัวใจไม่ทำงานมาเป็นระยะเวลานานของชายหนุ่มที่ค่อยๆสาวเท้าเข้ามาหาหญิงสาวผู้เปรียบเสมือนเหล้า"บลัดดี้แมรี่"อย่างดีด้วยจังหวะเพลงที่ช้ายิ่งกว่าบทเพลงออร์เคสทร้า และเมื่อดวงจันทราที่ถูกกลุ่มเมฆบดบังได้ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางท้องฟ้าอันแสนกว้างแล้ว...วาจาสุดท้ายของหญิงสาวก็ได้หลุดออกมาจากจิตใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหวาดกลัวจนหัวใจสั่นสะท้านให้เลือดสูบฉีดไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว
"ฉันจำแกได้..!! ตำนานแห่งอสุรกายกระหายเลือดของหมู่บ้านฟิโอลี่ของเรา... อสูรกระหายเลือดผู้ครอบครองเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ของเทพแห่งแดนสวรรค์ เฮนรี่ ฟรีแมน!!"
คมเขี้ยวที่แหลมคมดุจเข็มฉีดยาได้ถูกกดลงไปยังซอกคอของหญิงสาวอย่างรวดเร็วจนเจ้าของร่างไม่มีโอกาสแม้แต่จะปัดป้องใดๆทั้งสิ้น และในชั่วพริบตานั้นโลหิตทั่วทั้งร่างของผู้เคราะห์ดีที่ถูกชายหนุ่มรูปโฉมงามโอบกอดเอาไว้ก็ถูกดูดกลืนออกไปจนหมด ทิ้งเอาไว้เพียงร่างไร้วิญญาณที่ค่อยๆทรุดลงจากอ้อมแขนของอสุรกายตนนั้นลงไปแน่นิ่งกับพื้นที่มีฝุ่นฉาบทิ้งเอาไว้เป็นเวลานานพร้อมกับใบหน้าที่แสดงถึงความหวาดกลัวอย่างที่สุด...
ชายหนุ่มผู้ย้อมริมฝีปากไปด้วยโลหิตสีแดงฉานค่อยๆก้าวออกมาจากตรอกมืดๆที่มีแสงจันทร์ส่องลงมาเล็กน้อยราวกับชนชั้นสูงที่เปี่ยมไปด้วยความหยิ่งทะนงในเกียรติและชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ชายเสื้อคลุมสีดำที่ยาวลงมายังพื้นด้านล่างค่อยๆเปลี่ยนสภาพไปเป็นปีกสีดำพาร่างกายอันกำยำของอสูรดูดเลือดตนนั้นขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อกลับไปยังที่อยู่อาศัยของเขา และด้วยความหิวกระหายที่สั่งสมมาเป็นเวลานานจากการที่ไม่ค่อยมีมนุษย์คนใดกล้าที่จะแหกข้อปฏิบัติสักเท่าไหร่
"ไม่พอหรอก..! แค่เลือดจากมนุษย์คนเดียวมันจะไปพออะไร! ตอนนั้นกระเพาะที่หิวโซของข้ากำลังส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ประหลาดในหนังยอดมนุษย์แล้วนะเฟ้ย..."
เฮนรี่กระพือปีกสีดำของตนมุ่งหน้าตระเวนหาเหยื่อรายต่อไปของตนหวังจะให้เจอก่อนที่จะเดินทางไปถึงที่อยู่ของเขา ในใจของเฮนรี่ในขณะนี้หวังแค่เพียงว่าจะให้โลหิตของหญิงสาวรูปงามที่บรรจุอยู่ในท้องของเขาได้พบเจอกับเลือดเนื้อเชื้อไขของชายหนุ่มรูปงามตามความปรารถนาของหญิงสาวทุกๆคนบนโลกที่แสนต่ำต้อยแห่งนี้ เพื่อที่จะช่วยเติมเต็มช่องว่างในกระเพาะอาหารให้เต็มด้วยเช่นกัน...
'รัตติกาลที่แสงจันทร์สาดส่อง...จงอย่าแหงนหน้ามองนภาภพ
หากสาวงามสบสายตามันเมื่อใด...จงสับขาหลอกไปให้ไกลที่สุด'
แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น...ถ้าหากว่าตัวคุณผู้หญิงเองก็ดันมาทราบในภายหลังว่าตัวเธอนั้นคือทายาทแห่งสิ่งมีชีวิตชนชั้นสูงที่จะนำมาซึ่งความพินาศแห่งมวลมนุษย์ทั้งปวงเช่นกัน!?
'รัตติกาลที่แสงจันทร์สาดส่อง...จงอย่าแหงนหน้ามองนภาภพ
หากสาวงามสบสายตามันเมื่อใด...จงสับขาหลอกไปให้ไกลที่สุด'
ข้อความเหล่านี้คือคำขวัญประจำหมู่บ้านของเราเอง... คุณอาจจะสงสัยสินะว่าทำไมถึงห้ามไม่ให้หญิงสาวไม่ว่าจะหน้าตาสวยสักแค่ไหนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในคืนที่พระจันทร์ปรากฏขึ้นมาเป็นจุดสังเกตกลางห้วงรัตติกาลที่ส่องประกายนวลท่ามกลางความมืดมิด ทำไมคำขวัญเหล่านี้จึงต้องเขียนเป็นทำนองเสนาะเช่นนี้ด้วย...
และทำไมเมื่อสบตากับ"บางสิ่งที่ไม่สมควรเอ่ยถึง"ถึงจำเป็นต้องสับขาหลอกด้วย..!?
นี่คือคำอธิบายสำหรับคำแนะนำที่เขียนแสดงเด่นเอาไว้ที่ทางเข้าหน้าหมู่บ้านเพื่อเตือนทั้งนักท่องเที่ยวและเหล่าชาวบ้านที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำกิจวัตรประจำวันอันแสนน่าเบื่อนั่นเอง...
"อย่านะ!! อย่าตามมานะ!!!"
เสียงกรีดร้องระคนความเหนื่อยหอบจากการวิ่งอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะทางกว่า900เมตรโดยไม่หยุดพักของหญิงสาวผู้โชคดีที่ดำเนินการท้าทายอำนาจมืดของตำนานอันน่าสะพรึงกลัวที่เล่าขานกันมาเป็นระยะเวลานานกว่า129ปีซึ่งกำลังจะลงท้ายด้วยเลขศูนย์ในอีกไม่กี่สิบวันข้างหน้านี้ได้ดังก้องไปทั่วบริเวณหมู่บ้านที่ดูเหมือนกับถูกทิ้งร้างแห่งนั้น ซึ่งอันที่จริงแล้วผู้คนในหมู่บ้านยังคงใช้ชีวิตกันอยู่ตามปกติสุข เพียงแค่มีกฏพิเศษว่าจะปิดประตูหน้าต่างของบ้านตัวเองให้ดีหลังจากที่ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว และจะไม่สอดรู้เกี่ยวกับเสียงประหลาดจากนอกบริเวณบ้านของตนไปเท่านั้นเอง
สีหน้าแตกตื่นของหญิงสาวที่ราวกับพยายามวิ่งหนีจากฆาตกรโรคจิตที่ไล่ตามเธอมาตลอดทางนั้นสั่นขึ้นลงตามจังหวะลงเท้าของเธอที่รุนแรงจนเหล่าชายชาตรีต่างปรารถนาจะออกมาเห็นเธอในขณะนี้ สาวน้อยคนนี้พยายามที่จะไล่เคาะประตูบ้านทุกหลังเพื่อให้พวกเขาเปิดให้เธอเข้าไปหลบภัยชั่วคราวจนกว่าจะพ้นราตรีนี้ไป ซึ่งก็มีเพียงเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียกอันบางเบาว่าให้ออกไปเท่านั้น...
และแล้วในที่สุดเรี่ยวแรงที่สามารถใช้เผาผลาญเพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการต่อชีวิตของหญิงสาวที่คิดจะลองดีกับตำนานอันน่าสะพรึงที่เล่าขานกันมารุ่นสู่รุ่นนั้นก็ได้หมดลง เธอไม่คิดอะไรไปมากกว่าการดิ้นรนเพื่อหลีกหนีจากความตายที่กำลังกล้ำกรายเข้ามาหาทุกขณะไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม...
"แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก! ก็เราไม่นึกนี่ว่ามันจะน่ากลัวขนาดนี้นี่นา... ถึงเจ้าอสุรกายนั่นจะหล่อเหมือนนิโคลัส เฟรมเมลตอนหนุ่มๆก็เถอะ!! ว่าแต่ไอ้นิโคอะไรนั่นมันมีหน้าตาเป็นยังไงนะ!?"
หยาดเหงื่อที่หลั่งรินตามใบหน้าและร่างกายเป็นจำนวนมากนั้นไม่ได้รับการปาดเช็ดแต่อย่างใด แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมหน้าต่างทุกบานที่เรียงรายอยู่สองฝั่งถนนนั้นถึงได้สามัคคีกันปิดสนิททุกบาน ไม่มีแม้กระทั่งแสงหรือเสียงอะไรกระทบพื้นไม้ผุๆที่นำมาสร้างเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านโดยไม่มีการต่อเติมหรือปรับปรุงซ่อมแซมแต่อย่างใด...ถึงแม้ว่าสมาชิกภายในบ้านหลังนั้นจะอยู่กับพร้อมหน้าก็ตาม
ทั้งนี้เพราะพวกเขาไม่มีเวลาทำน่ะสิ!
เมื่อไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพวกชาวเมืองที่เพิ่งจะส่งยิ้มให้แก่กันในช่วงกลางวันแม้แต่คนเดียว ในที่สุดทางเลือกสุดท้ายในการที่จะใช้เป็นช่องในการหลบหนีจากฆาตกรต่อเนื่องที่ผู้หญิงตัวเล็กกว่าหมูป่านึดนึงจะใช้ได้ในขณะนั้นก็ช่างเป็นเส้นทางที่เคยนำมาซึ่งความวิบัติแก่เหล่าตัวละครในหนังสยองขวัญมาแล้วในเกือบทุกเรื่องซะด้วย..!
"เอาก็เอาฟะ..!! ถึงมันจะมีโอกาสรอดต่ำตามพวกละครเวทีก็เถอะ!! แต่มันก็ยังดีกว่าวิ่งไปทั่วหมู่บ้านล่ะวะ!"
หญิงสาวที่ทำหน้าตื่นกลัวเหมือนหนีอะไรสักอย่างรีบหลบเข้าไปในซอกซอยเล็กๆข้างทางอันเป็นเอกลักษณ์ของหนังสยองขวัญที่ฆาตกรต่อเนื่องจะโผล่มาจ๊ะเอ๋ที่ตรงกลางทางเดินพอดีเพื่อให้สาวน้อยล้มลงก้นจ้ำเบ้าก่อนจะทำการบรรเลงบทเพลงโอเปร่าอันแสนโหยหวนเพื่อมอบให้แก่เทพีอาร์เทมิสที่ประทานแสงจันทร์อันสวยงามมาให้มนุษย์ทั่วโลกได้เชยชม
และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ...
"เจ้าคิดว่าจะหนีข้าพ้นอย่างนั้นหรือ...ทั้งที่เป็นเพียงมนุษย์เดินดินแท้ๆ ว่าแต่ไล่ตามเจ้ามาตั้งนานชักจะคอแห้งซะแล้วสิ! ขออะไรดื่มแก้กระหายหน่อยได้หรือเปล่า!!"
ใบหน้าอันขาวซีดจากการที่หัวใจไม่ทำงานมาเป็นระยะเวลานานของชายหนุ่มที่ค่อยๆสาวเท้าเข้ามาหาหญิงสาวผู้เปรียบเสมือนเหล้า"บลัดดี้แมรี่"อย่างดีด้วยจังหวะเพลงที่ช้ายิ่งกว่าบทเพลงออร์เคสทร้า และเมื่อดวงจันทราที่ถูกกลุ่มเมฆบดบังได้ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางท้องฟ้าอันแสนกว้างแล้ว...วาจาสุดท้ายของหญิงสาวก็ได้หลุดออกมาจากจิตใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหวาดกลัวจนหัวใจสั่นสะท้านให้เลือดสูบฉีดไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว
"ฉันจำแกได้..!! ตำนานแห่งอสุรกายกระหายเลือดของหมู่บ้านฟิโอลี่ของเรา... อสูรกระหายเลือดผู้ครอบครองเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ของเทพแห่งแดนสวรรค์ เฮนรี่ ฟรีแมน!!"
คมเขี้ยวที่แหลมคมดุจเข็มฉีดยาได้ถูกกดลงไปยังซอกคอของหญิงสาวอย่างรวดเร็วจนเจ้าของร่างไม่มีโอกาสแม้แต่จะปัดป้องใดๆทั้งสิ้น และในชั่วพริบตานั้นโลหิตทั่วทั้งร่างของผู้เคราะห์ดีที่ถูกชายหนุ่มรูปโฉมงามโอบกอดเอาไว้ก็ถูกดูดกลืนออกไปจนหมด ทิ้งเอาไว้เพียงร่างไร้วิญญาณที่ค่อยๆทรุดลงจากอ้อมแขนของอสุรกายตนนั้นลงไปแน่นิ่งกับพื้นที่มีฝุ่นฉาบทิ้งเอาไว้เป็นเวลานานพร้อมกับใบหน้าที่แสดงถึงความหวาดกลัวอย่างที่สุด...
ชายหนุ่มผู้ย้อมริมฝีปากไปด้วยโลหิตสีแดงฉานค่อยๆก้าวออกมาจากตรอกมืดๆที่มีแสงจันทร์ส่องลงมาเล็กน้อยราวกับชนชั้นสูงที่เปี่ยมไปด้วยความหยิ่งทะนงในเกียรติและชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ชายเสื้อคลุมสีดำที่ยาวลงมายังพื้นด้านล่างค่อยๆเปลี่ยนสภาพไปเป็นปีกสีดำพาร่างกายอันกำยำของอสูรดูดเลือดตนนั้นขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อกลับไปยังที่อยู่อาศัยของเขา และด้วยความหิวกระหายที่สั่งสมมาเป็นเวลานานจากการที่ไม่ค่อยมีมนุษย์คนใดกล้าที่จะแหกข้อปฏิบัติสักเท่าไหร่
"ไม่พอหรอก..! แค่เลือดจากมนุษย์คนเดียวมันจะไปพออะไร! ตอนนั้นกระเพาะที่หิวโซของข้ากำลังส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ประหลาดในหนังยอดมนุษย์แล้วนะเฟ้ย..."
เฮนรี่กระพือปีกสีดำของตนมุ่งหน้าตระเวนหาเหยื่อรายต่อไปของตนหวังจะให้เจอก่อนที่จะเดินทางไปถึงที่อยู่ของเขา ในใจของเฮนรี่ในขณะนี้หวังแค่เพียงว่าจะให้โลหิตของหญิงสาวรูปงามที่บรรจุอยู่ในท้องของเขาได้พบเจอกับเลือดเนื้อเชื้อไขของชายหนุ่มรูปงามตามความปรารถนาของหญิงสาวทุกๆคนบนโลกที่แสนต่ำต้อยแห่งนี้ เพื่อที่จะช่วยเติมเต็มช่องว่างในกระเพาะอาหารให้เต็มด้วยเช่นกัน...
'รัตติกาลที่แสงจันทร์สาดส่อง...จงอย่าแหงนหน้ามองนภาภพ
หากสาวงามสบสายตามันเมื่อใด...จงสับขาหลอกไปให้ไกลที่สุด'
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น