ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Angelic Wars เล่มที่ 3 การต่อสู้ที่แท้จริงเริ่มต้น

    ลำดับตอนที่ #1 : พายุที่กรรโชกแรงยิ่งกว่า

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ย. 56


    "ฉันขอฝากน้องสาวฉัน...ไว้กับนายนะ ฮิซาชิคุง..."



    ชายหนุ่มเอาแต่เหม่อลอยทุกครั้งที่เขามองเหรียญๆหนึ่งบนมือขวาของเขา รูปร่างและลวดลายของมันมันดูแปลกมากจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่ผู้คนเคยใช้มาก่อนในอดีต


    "นี่คือ...แกนปีกของพี่มิรันค่ะ... เก็บรักษามันเอาไว้ให้ดีนะ..."


    เป็นเวลา5ปีแล้วหลังจากที่จบการต่อสู้กับอาคาริ เหล่าสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่มีปีกงอกจากกลางหลัง...หรือที่ผู้คนเคยเรียกขานว่า"seiri"ทุกคนที่ยังรอดชีวิตอยู่ก็ดำเนินกิจวัตรตามแบบที่มนุษย์ธรรมดาทำกัน แต่ทุกคนกลับดูไม่เศร้าใจกับความสูญเสียนั้นเลย...



    'ฉันจะ...พาทั้งสามคนนี้ไปรักษาก่อนนะ พวกเธอนับนิ้วรอได้เลย!!'

    อาคาริพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะนำร่างของแองเจลอยด์และอควารอยด์ที่เสียชีวิตไปแล้วไปยังอีกฟากหนึ่งของขอบฟ้า


    พวกเขาทุกคนเฝ้ารอที่จะได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้งจากฟากฟ้าที่ห่างไกลอย่างไม่ย่อท้อ...แม้ว่าคนที่ควรจะไม่ย่อท้อจริงๆควรจะเป็นอาคาริที่รับหน้าที่ในการฟื้นฟูร่างกายของเหล่า
    นางฟ้าทั้งสามคนนั้นด้วยตัวคนเดียวก็ตาม



    "ฮิซาชิคุงเหม่อเชียว... กำลังคิดถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นอยู่อีกเหรอ..."


    สาวน้อยผมสีน้ำเงินเข้มเดินเข้ามาชวนชายหนุ่มคุยหลังจากเฝ้าดูอาการที่เหมือนกับเหม่อลอยไม่สนโลกมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว หรือเอาจริงๆคือตลอดห้าปีมานี้น่าจะถูกกว่า...


    "เธอคิดว่า...อาคาริจะรักษาพวกนั้นได้เหรอ ดูยังไงๆก็---"

    "ก็รุ่นพี่อาคาริน่ะ เคยปรับปรุงระบบให้โยโซระมาก่อนนี่นา แค่ฟื้นพลังให้แกนปีกที่เสียหายน่ะ...สบายๆอยู่แล้ว!"


    "นี่ๆ ช่วยคืนพลังให้พี่มิรันหน่อยสิ!"

    มิคาสะยื่นเหรียญสีเงินที่เธอเก็บเอาไว้ในกระเป๋าเรียนของเธอตลอดเวลาออกมายื่นให้ฮิซาชิช่วยทำอะไรบางอย่าง ซึ่งก่อนหน้านี้ตลอดเวลามิคาสะได้แต่ยืนยันว่านั่นคือสิ่งที่เหลืออยู่จากการสลายร่างของมิรันเมื่อ7ปีก่อน


    "ไม่ได้หรอก..."

    "ทำไมล่ะ..!? ทีเมื่อก่อนนี้นายยังรักษาบาดแผลให้พวกเราทีเดียวสี่คนพร้อมกันยังได้ กับอีแค่แกนปีกที่เสื่อมสภาพแค่ชิ้นเดียวทำไมนายจะทำไม่ได้ล่ะ... หรือว่านายต้องการร่างกายของฉันเป็นของตอบแทน!?"


    "จะบ้าเหรอไง!! เอาจริงๆไหมล่ะ ถึงฉันจะฟื้นพลังให้พี่สาวของเธอได้จริงๆ...แต่การจะฟื้นพลังให้มิรันน่ะต้องอัดพลังที่เหนือกว่พลังที่มิรันมีอยู่เข้าไป หรือก็คือต้องใช้พลังมากกว่ากรณีของเธอนั่นแหละ!"


    "แล้วมันจะเท่าไหร่กันเชียว... ยังไงนายก็แข็งแกร่งกว่าพวกเราอยู่แล้ว ดูยังไงก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรงนายเลยนี่นา"

    "มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ!" ฮิซาชิส่ายหัวอย่างหนักใจ "เธอนี่ไม่ได้รู้เรื่องของมิรันเลยนะ..."

    สาวน้อยส่ายหน้าอย่างงงๆ แต่ชายหนุ่มก็เตรียมคำตอบไว้ให้เธอแล้ว


    "มิรันน่ะ...อยากให้เธอประจุพลังเข้าไปในแกนปีกของเธอด้วยตัวเอง!! แล้วถ้ามิรันกลับมามีชีวิตได้จริงๆโดยไม่ใช่เพราะจุดมุ่งหมายหลักของเธอ...คิดเหรอว่ามิรันจะดีใจน่ะ!?"

    ได้ยินดังนั้นมิคาสะก็อึ้งไป เพราะเธอรู้ดีว่าถึงเธอจะเป็นอควารอยด์ระดับ3เหมือนกัน แต่มิรันก็ยังแข็งแกร่งกว่าเธออยู่ดี


    "เข้าใจแล้วล่ะ..! งั้นฉันจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้อีก! เพื่อพี่มิรัน!!"

    ทั้งสองจึงยิ้มให้กันก่อนจะแยกกันไปเรียนในตารางเรียนของตัวเอง(ลืมบอกไป...ทั้งคู่อยู่ระดับมหา'ลัยแล้ว)



    ข้างหลังพวกเขาทั้งสองมีกลุ่มนักศึกษาอยู่หลายร้อยคนที่กำลังเดินไปยังห้องเลกเชอร์และห้องแลปที่ตั้งอยู่คนละที่ตามตารางเรียนของตัวเอง หากแต่มีชายหนุ่มผมฟ้าอยู่คนนึงที่มีท่าทีแปลกๆ เขากระซิบกับตัวเองเบาๆราวกับสิ่งที่เขากำลังจะทำนั้นเป็นความลับสุดยอด



    "เริ่มแผนการได้!!"

    ..................................


    วันนี้ก็ดังเช่นเมื่อห้าปีที่ผ่านมา ทุกๆวันฮิซาชิก็ขยันเรียนหนังสือตักตวงความรู้ให้ได้มากที่สุดแล้วกลับบ้านไปเจอเหล่าเด็กนรกแตกที่บ้าน

    แต่จะว่าไป... ยัยพวกนั้นกลายเป็นสาวมัธยมปลายน่ารักๆแล้วนี่นา คงเรียกว่าเด็กไม่ได้แล้วล่ะมั้ง..!



    "ขอโทษนะครับ... ช่วยบอกทางไปคณะปรัชญาได้ไหมครับ"

    แต่แล้วในวันเปิดเรียนเพียงสองวันแรกก็มีชายหนุ่มที่ฮิซาชิไม่คุ้นหน้าเข้ามาถามทางเขา มันก็อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปสำหรับเหล่าเฟรชชี่ที่ไม่รู้ที่ตั้งของอาคารต่างๆในมหาวิทยาลัยที่แสนกว้างขวางล่ะนะ...


    "อ่า...ครับ! เดินตรงไปจนพ้นตึกอักษรศาสตร์แล้ว---"

    ระหว่างที่ฮิซาชิกำลังบอกทางเขาอยู่ ชายคนนั้นก็เริ่มพูดอะไรแปลกๆ


    "ไม่ทราบว่า...คุณเชื่อเรื่องพระเจ้าหรือเปล่า..."

    สีหน้าของชายหนุ่มคนนั้นดูเคร่งเครียดมากเหมือนกำลังจะกดดันฮิซาชิอยู่ แม้ว่าฮิซาชินั้นจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาที่จะหวาดกลัวสีหน้าข่มขู่ของคนธรรมดาที่ไม่มีพลังแข็งแกร่งพอที่จะทำร้ายเขาได้ก็ตามที


    "เอ่อ... ขอบอกตามตรงนะครับ ผมไม่ค่อยเชื่อในเรื่องนี้นักหรอก..."

    ก็นะ... ถ้ามีพระเจ้าอยู่จริงๆ พระองค์คงไม่ยอมให้มีการต่อสู้ที่โหดร้ายนั่นเกิดขึ้นหรอก...


    "งั้นเหรอครับ..."


    ชายหนุ่มนักศึกษาคนนั้นเริ่มบ่นอะไรออกมาเบาๆทำนองเหมือนบทสวดมนต์ แต่เสียงแบบนี้... ฮิซาชิรู้สึกไม่ค่อยดีกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เขาจึงรีบเดินหนีออกไปอย่างรวดเร็วโดยพยายามไม่หันกลับมามองชายคนนั้นอีกเลย

    แต่ทันทีที่หางตาของฮิซาชิเหลือบไปยังที่ๆรุ่นน้องคนนั้นยืนอยู่ด้วยท่าทีกังวลว่าเขาจะเผลอพูดจาทำร้ายจิตใจของเขาหรือเปล่า... นักศึกษาปีหนึ่งที่เคยอยู่ตรงทางเดินนั้นก็หายตัวไปราวกับว่าไม่เคยมีคนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก



    "เอ๋! คนแปลกหน้าที่สวดบูชาปิศาจได้งั้นเหรอ..."

    ทุกคนในบ้านฮิซาชิรู้สึกไม่ค่อยดีกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เรื่องนี้จึงเป็นประเด็นถกเถียงกันตั้งแต่ฮิซาชิกลับมาถึง


    "ฉันว่าน่าจะเป็นพวกโรคจิตที่วันๆไม่มีอะไรทำล่ะมั้ง..."

    "แต่ฉันว่าน่าจะเป็นพวกที่ขายวิญญาณให้ปิศาจมากกว่า..." (ว่าไปโน่น...)

    "บางที...อาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวก็ได้" (Eห่านนี่!! ช่วยแสดงความคิดเห็นให้มันดีๆหน่อยได้ไหม!!)


    เมื่อไม่ได้คำพูดที่ทำให้ใจของเขารู้สึกดีขึ้นเลย ฮิซาชิจึงออกไปเดินเล่นข้างนอกโดยปล่อยให้ผู้นำมาซึ่งความสูญเสียเงินในกระเป๋าตังค์อยู่ด้วยกันตามลำพังในบ้าน



    "ได้เวลาไปด้วยกันแล้วนะ! โคริคาวะ ฮิซาชิคุง..."


    เสียงที่ฟังดูคุ้นๆดังขึ้นมาข้างหลังชายหนุ่มที่ก้าวพ้นบริเวณบ้าน เมื่อเขาหันไปดูก็ต้องตะลึง... ชายคนเดิมเข้ามาอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    ที่แปลกแน่ๆคือ ฮิซาชิไม่รู้ตัวเลย! จู่ๆก็โผล่มาเหมือนกับล่องหนมาอย่างนั้น



    ฮิซาชิรู้สึกได้เลยว่าหมอนี่มีอะไรแปลกกว่าคนทั่วไป แปลกกว่าพวกที่เขาเคยสู้ด้วย แปลกกว่าตัวเขาเองซะอีก... และเมื่อไม่ได้คำตอบ เขาจึงวิ่งหนีชายคนนั้นไปทั่วเมือง แต่ทุกๆที่ที่เขาไปจะต้องเจอชายคนนั้นดักหน้าอยู่ตลอด ราวกับเขาสามารถกดสกิลวาร์ปไปไหนต่อไหนได้ตามใจชอบ


    "นาย...เป็นใครกันแน่!"


    ทันทีที่ฮิซาชิถามคำถามนี้กับชายที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังเขาอยู่ราวกับใช้คาถาแยกเงาพันร่างอยู่นั้น ที่ริมฝีปากของเขาก็มีการแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมกันนั้นสีผมสีดำที่เป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์ที่ไม่มียีนพันธุกรรมของผมสีอื่นอีกแล้วในโลกนี้ก็เริ่มกลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม


    ฮิซาชิสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเดิมที่เขาเคยรู้สึกได้เมื่อ5ปีก่อนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้แรงกดดันนั้นรุนแรงกว่าที่ผ่านๆมามาก รุนแรงยิ่งกว่าครั้งที่ยืนเผชิญหน้ากับseiriทีเดียวพร้อมกันสามคนเสียอีก...



    "อย่าดื้อแล้วมาด้วยกันดีๆดีกว่าน่า... โคริคาวะ ฮิซาชิคุง มีคนๆหนึ่งอยากจะคุยกับเธอน่ะ!"


    และในตอนนั้นเอง...ชายคนนั้นก็ยื่นมือออกมาข้างหน้าเหมือนกับจะจับตัวฮิซาชิเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้ ซึ่งในตอนนี้ฮิซาชิไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้อีกแล้วด้วยความรู้สึกกดดันที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแม้ในการต่อสู้กับseiriจำนวนมากเมื่อก่อนหน้านี้


    ผู้ชายคนนี้...แข็งแกร่งมาก! แข็งแกร่งยิ่งกว่าทุกๆคนที่เคยต่อสู้มา... แข็งแกร่งยิ่งกว่าฮิซาชิและอาคาริรวมพลังกันต่อสู้เสียอีก!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×