ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Angelic Wars เล่มที่ 3 การต่อสู้ที่แท้จริงเริ่มต้น

    ลำดับตอนที่ #4 : สารอาหารใต้ทะเล

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 56


    'ขณะนี้น้ำในแม่น้ำทุกแห่งของทุกประเทศได้กลับสู่สภาพปกติ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ทางนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าอาจเกิดจากเชื้อโปรโตซัวในน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ซึ่งหากรู้สาเหตุของการที่น้ำกลายเป็นสีแดงเพิ่มเติม ทางเราจะนำมารายงานให้ทุกท่านทราบอีกทีครับ'




    หลังจากการต่อสู้ที่ไม่มีผู้ใดรับรู้หรือมีความคิดที่จะแสดงความเห็นใจแก่ความเสียสละของสองผู้กล้าผู้ปกป้องโลกที่แท้จริงจบลงไปเป็นเวลาหลายวัน ขณะนี้ยังไม่มีการแตกตื่นของผู้คนปรากฏขึ้นมาให้เห็นเลย แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้ไปอาจจะวุ่นวายจนกลายเป็นเหตุจราจลไปเลยก็ได้...



                   "มันยังไม่จบหรอก... จากนี้ไปพวกแกทุกคน...ทุกชีวิตบนโลกจะต้องดับสิ้น!!!"



    นอกจากนั้นเรื่องที่สัตว์ประหลาดที่ดุเหมือนจะมีภูมิปัญญาสูงกว่าสัตว์ทั่วไปนั่นพูดออกมาหมายความว่ายังไง มันคงไม่มีลับลมคมนัยเหมือนที่ผ่านๆมาหรอกนะ ก็หวังว่าให้มันเป็นเช่นนั้น...



    "เฮ้..! ข่าวนี้พิลึกว่ะว่าไหม!!" ทุกคนให้ความสนใจกับข่าวด่วนในโทรทัศน์ มันแปลกซะยิ่งกว่าแปลก...



    'ขณะนี้บริเวณชายฝั่งทะเลได้มีซากปลาตายลอยขึ้นมาเกยฝั่งเป็นจำนวนมาก สาเหตุคาดว่าอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิฉับพลันของพื้นมหาสมุทร หรือการรั่วไหลของสารเคมีในทะเล แต่ถึงอย่างไรก็ตาม... เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวประมงในบริเวณนั้นอย่างแน่นอน'




    "เอาอะไรมาพูดฟะ! ปลาตายขนาดนี้จะเรียกว่าไม่ส่งผลกระทบได้ยังไง..."


    สายตาที่ดูลุกลี้ลุกลนมากกว่าคนที่รับรู้เรื่องราวที่ถูกนำเสนอผ่านหน้่าจอโทรทัศน์ทั้งหมดของชายหนุ่มที่ลดแขนเสื้อลงมาปกปิดกล้ามเนื้อที่มีมากกว่าคนธรรมดาแสดงออกให้เห็นถึงความมีพิรุธบางอย่าง แต่ในตอนนั้นเองที่มิคาสะซึ่งสังเกตพฤติกรรมของเขามาตลอดก็ได้สร้างสัมผัสใหม่ขึ้นมารบกวนความกระวนกระวายใจจนหายไปทั้งหมด




    "เรื่องแบบนี้...จะต้องเป็นฝีมือใครบางคนที่มีพลังมากกว่าพวกเราแน่ๆ!"

    หลังจากที่ได้ฟังคำพูดที่จ่อเข้ามาในระยะประชิดใบหูของสาวน้อยแล้ว ฮิซาชิก็อึ้งไปพักหนึ่ง แต่ที่เธอพูดมาก็สมเหตุสมผล



    "ปลาจะตายมากขนาดนั้นในเวลาเดียวกันได้ยังไง เหมือนว่ามีใครสักคนสร้างสถานการณ์บ้าๆแบบนั้นขึ้นมาอย่างนั้นแหละ..."



    "แล้วใครกันล่ะ...จะบอกว่าพวกชาวประมงจงใจทำแบบนั้นให้ราคาปลาในตลาดเพิ่มสูงขึ้นหรือไง"


    "เปล่าหรอก... เรื่องนี้มันเกินกำลังของมนุษย์ ถ้าให้เดาละก็...น่าจะเป็นใครสักคนในพวกปิศาจที่พวกเราเจอก็ได้"



    ได้ยินดังนั้นฮิซาชิก็รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา ในขณะนี้ความรู้สึกที่ว่าจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านหูผ่านตาไปไม่ได้ก็ปรากฏขึ้นมาในใจของผู้พิทักษ์ทั้งสองที่แฝงตัวกลมกลืนกับมนุษย์ธรรมดาได้แนบเนียนที่สุดเป็นที่เรียบร้อย โดยที่ทั้งสองก็ยังไม่รู้เลยว่าสถานการณืที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะ...




    "อะไรนะ! ทำไมยัยฮิโรมิไปได้แต่ทำไมฉันถึงไปไม่ได้ล่ะ!!" 

    โยโซระไม่พอใจที่ฮิซาชิบอกให้เธออยู่เฝ้าบ้านเพียงคนเดียว แม้ว่าตลอดเวลา5ปีที่ผ่านมานี้โยโซระจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านไปไหนต่อไหนเพราะอยู่ในระหว่างควบคุมพฤติกรรมก็ตาม...


    "ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา ตามจริงฉันก็อยากให้เธอไปด้วยอยู่หรอก... แต่แองเจลอยด์น่ะลงน้ำไม่ได้ เธอก็รู้นี่..!"


     


    พวกเขาทั้งสามคนจึงรีบเดินทางไปยังชายทะเลที่ใกล้ที่สุดทันที ในตอนนั้นมิคาสะก็หงุดหงิดอะไรบางอย่าง


    "มีอะไรเหรอ มิคาสะ... เห็นเธอหงุดหงิดตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว"

    เธออารมณ์ไม่ดีจนอีกสองคนสังเกตได้ เธอทำให้บรรยากาศหนักอึ้งจนสัมผัสได้เลย

    "ไม่มีอะไรหรอก... แต่ที่ๆพวกเราเจอยูนะกับพี่มิรันก็คือที่ชายหาดใช่ไหม"




    "ฉันไม่มีวันยอมให้ใครก็ตาม...มาทำให้ชายหาดที่ทำให้พวกเรามีความรู้สึกดีๆต้องมาแปดเปื้อนหรอก!!!"




    เมื่อพวกเธอมาถึงชายทะเลก็สังเกตเห็นพื้นน้ำห่างจากชายฝั่งไปประมาณ300เมตรเกิดโค้งนูนขึ้นมานิดหน่อย ทั้งหมดจึงลงทะเลไปสำรวจทันที แต่สิ่งที่พวกเขาพบกลับไม่ใช่สิ่งที่น่าพิศมัยเลยแม้แต่น้อย...




              "นั่นมัน...ตัวอะไรกัน"

    พวกเขาเข้าไปใกล้ๆจนสามารถมองเห็นเจ้าสิ่งนั้นได้ชัดเจน มันดูคล้ายปลาฉลาม แต่มันมีขาและมีสว่านอยู่ตรงจมูกด้วย เหมือนสัตว์ประหลาดในเรื่องอุลตร้าแมนไม่มีผิด



    "ให้ตายสิ... นี่พวกเราเข้ามาในการ์ตูนเด็กหรือไงเนี่ย"


    ยังไม่ทันได้บ่นเสร็จ ปลาประหลาดนั่นก็พุ่งเข้ามาจะเสียบพวกเธออย่างรวดเร็ว ฮิซาชิกับมิคาสะหลบได้หวุดหวิด แต่ฮิโรมิกลับหนีจากการพุ่งเข้ามาเป็นเส้นตรงของสัตว์ประหลาดตัวนั้นไม่พ้น อาจเป็นเพราะความเร่งสูงสุดของพวกเทอร์รารอยด์นั้นสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเฉพาะกลางอากาศเท่านั้นก็เป็นได้




    "แกน่ะไปเจอกับฉันบนบกเลย!!!"


    ฮิโรมิตะโกนสุดเสียงจนกลายเป็นฟองอากาศจำนวนมหาศาลลอยขึ้นสู่ผิวน้ำพร้อมกับร่างของทั้งสองที่ถูกดันขึ้นมาด้วยแรงเคลื่อนไปข้างหน้าของสัตว์ประหลาดที่ต้องการจะหลุดพ้นจากกำมือที่จับแก้มทั้งสองข้างของมันอยู่จนเลือกทิศทางไม่ถูก จนในที่สุดฮิโรมิที่ลอยขึ้นพ้นจากผิวน้ำได้สำเร็จก็ออกแรงเหวี่ยงคู่ต่อสู้ของเธอขึ้นไปบนชายหาดได้ในที่สุด





              "เจ้านี่น้ำหนักดีจริงๆ... ถ้าเนื้ออร่อยด้วยก็คงจะดีมากเลยนะ"



    ทั้งสามคนบินขึ้นจากทะเลมาประจันหน้ากับมันที่หาดทราย มันปล่อยของเหลวอะไรบางอย่างออกมาบริเวณที่ดูคล้ายๆเหงือก ดูยังไงๆก็ไม่น่าจะใช่น้ำทะเลเลยแม้แต่นิดเดียว



    "แกน่ะ...ถ้าไปเป็นปลาดิบส่วนของคืนนี้ละก็คงจะดีไม่ใช่เล่นเลยล่ะ!!"

    ฮิโรมิชักดาบโฟตอนออกมาก่อนจะฟันเข้าไปที่ตัวของมัน แต่ดาบนั่นกลับแทงไม่เข้า...ทั้งๆที่ในการต่อสู้กับอาคาริเมื่อห้าปีก่อนยังสามารถทำร้ายร่างกายเธอได้อยู่เลย...


    "ฮึ่ย..! ทำไมหนังพวกแกถึงแข็งขนาดนี้นะ!! แข็งกว่าม่านเอจิสซะอีก!!"


    หลังจากที่เห็นว่าดาบของเทอร์รารอยด์ที่แข็งแกร่งที่สุดไม่สามารถแทงทะลุผิวหนังของสัตว์ประหลาดไปได้ ฮิซาชิและมิคาสะจึงรีบบุกเข้าไปวิสามัญทันที แต่ปลานั้นก็กระโดดชนพวกเขาจนลงไปหงายหลังตึงอย่างรวดเร็ว


    ในขณะนั้นเองที่ฮิโรมิมีความคิดที่แสนวิเศษบางอย่างปรากฏขึ้นมา



    "ถ้าแกแรงดีขนาดนี้ละก็...เนื้อแกต้องอร่อยแน่ๆ!" 



                   "ในหัวเธอมีแต่เรื่องกินอย่างเดียวเลยใช่ไหม!!!!!"





    "ดาบโฟตอนทำงานเกินขีดจำกัด... คริสซาออร์!"


    ฮิโรมิยกดาบขึ้นเหนือศีรษะอย่างสุดกำลังก่อนที่ส่วนคมดาบจะขยายตัวออกจนดูคล้ายกับการโจมตีระยะไกลอย่างแรกและอย่างเดียวของเธอ เพียงแต่เมื่อฮิโรมิใช้อาวุธของเธอฟันลงไปยังร่างของอาหารเย็นของเธอที่อยู่ตรงหน้า ปลาประหลาดตัวนั้นก็เงยหน้าใช้สว่านรับคมดาบของเธออย่างง่ายดาย แต่การกระทำนี้ทำให้สว่านที่กลางใบหน้าของมันบิ่นไปเล็กน้อย



    "หนอย... ทำยังไงถึงจะเอาชนะมันได้นะ!" ฮิโรมิหงุดหงิดถึงขีดสุด จนมิคาสะต้องทำให้เธอใจเย็นลง



    "ก็เพราะเธอฟันแบบไม่เล็งไงล่ะ! อาวุธดาบน่ะไม่ได้อาศัยแค่ความคมของมันในการทำร้ายคู่ต่อสู้อย่างเดียว...มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น"


    ฮิโรมิไม่เข้าใจประโยคนี้เลย มิคาสะจึงสร้างลูกบอลสีฟ้าไว้บนฝ่ามือก่อนปล่อยออกไป และทันทีที่ลูกบอลนั้นเข้าปะทะกับสว่านของมันก็กระจายออกเป็น



    "ทำเป็นพูดดี...เธอเองก็เหมือนกันนั่นแหละ!"


    "อ๋อ...เหรอ!" 


    มิคาสะไม่รอช้าสร้างพลังไฟฟ้าขึ้นกลางฝ่ามือขวาของเธอทันทีก่อนจะพุ่งเข้าไปแลกหมัดกับมันอย่างรวดเร็ว ตัดสายฟ้าของมิคาสะเข้าปะทะกับสว่านของมันอย่างดุเดือดก่อนที่อาวุธที่แข็งจนสามารถรับการโจมตีที่ร้ายกาจของฮิโรมิได้เกิดแตกออกอย่างสบายๆ



    "ดาบที่ดีไม่ใช่แค่อาศัยความคมของมัน ขอแค่เพ่งพลังทำลายไปที่จุดๆเดียวก็เกินพอ..."


    เธอพูดถูก... ที่ผ่านมาฮิโรมิเอาแต่อาศัยพลังของดาบเพียงอย่างเดียว เธอไม่เคยเล็งจุดที่จะฟันเลยแม้แต่ครั้งเดียว



    "เอาล่ะ... จับมันทำมื้อเย็นคืนนี้ไปเลย ฮิโรมิ!!"


    "ดาบโฟตอนทำงานเกินจำกัด คริสซาโอล..."


    เมื่อได้ยินสัญญาณจากมิคาสะแล้ว ฮิโรมิก็ใช้ดาบคริสซาโอลฟันมันอีกครั้ง คราวนี้เธอเพ่งจุดที่จะฟันเพียงที่เดียว แล้วเธอก็...




                   ฉัวะ!!!

    ดาบของเธอผ่าเนื้อของมันจนขาดออกจากกันอย่างสวยงาม ก่อนที่สัตว์ประหลาดที่คล้ายกับหลุดออกมาจากโรงถ่ายทำเรื่องอุลตร้าแมนจะส่งเสียงร้องอย่างทรมานก่อนที่คมดาบของฮิโรมิจะฉีกเนื้อของมันจนขาดเป็นสองท่อน... ซึ่งแม้ว่าจะทำได้ขนาดนั้นแล้ว ฮิโรมิก็ยังมีท่าทีเหมือนกับไม่พอใจอยู่อย่างหนึ่ง


    ว่าแล้วเทอร์รารอยด์ผู้ถือครองดาบที่ทรงอานุภาพที่สุดก็ตั้งท่าเตรียมลงดาบใส่ร่างไร้วิญญาณของสัตว์ประหลาดที่ถูกเธอฟันขาดเป็นสองท่อน ก็ที่เธอจะตัดสินใจลงดาบสุดท้ายเพื่อ..!!




    "ฉันไม่ชอบกินตาปลา..!!"





    เย็นวันนั้นเอง ทั้งสามก็ได้เอาปลาที่ล่าได้กลับไปกินที่บ้าน แต่เนื้อข้างในอุดมไปด้วยกรดอะมิโน(ดำๆ)แน่นขนัดเต็มไปหมดจนส่งกลิ่นประหลาดที่ไม่สามารถกินได้ออกมาจนพวกเขาต้องเอาไปทิ้งทั้งหมด ซึ่งฮิโรมิได้แต่มองเนื้อที่ได้มาฟรีๆนั้นด้วยความอาลัยอย่างที่สุด




    "ชีวิตนี้ฉันคงมองเนื้อปลากับเป็ปซี่ไม่ได้ไปอีกนาน..."


    ปล. ช่วงชีวิตของseiriนั้นนานกว่าช่วงชีวิตของมนุษย์จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นอมตะ ถ้าคุณเธอสามารถทนไม่กินมันไปได้จนหมดอายุขัยก็คงจะดีไม่น้อย






    'เป็นที่น่าแปลกมากที่พวกประดาน้ำที่ลงไปสำรวจใต้ทะเลนั้น ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิหรือสารเคมีที่ใต้ทะเลเลย ประเด็นนี้จึงกลายเป็นข้อถกเถียงกันระหว่างฝ่ายที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากเรามีข้อมูลเพิ่มเติม ทางเราจะรีบนำเสนอทันที...'



    ในที่สุดข่าวเช้าวันต่อมาก็ได้รายงานสิ่งที่นักสำรวจพบเจอให้ประชาชนทราบโดยทั่วกัน แต่ไม่แน่ว่าหากพวกเขาลงไปสำรวจเร็วกว่านี้ ท้องทะเลคงปนเปื้อนด้วยธาตุเหล็กและสารอาหารจากร่างกายมนุษย์เป็นแน่...






    "โอ๊ย!! เธอคิดจะทำอะไรของเธอ..."


    เป็นที่น่าแปลกใจยิ่งกว่า... ซึ่งอยู่ๆก็มีเด็กสาวคนหนึ่งไล่ทำร้ายผู้คนในชุมชนริมทะเล ที่น่าแปลกคือ เธอเป็นคนที่ไม่น่าจะยังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลานี้อีกแล้ว..! เรื่องนั้นมิคาสะรู้ดีที่สุด




    "ฉันมีคำถามอยากให้นายช่วยตอบ... โคริคาวะ ฮิซาชิ อยู่ที่ไหน!!"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×