ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    M!STAKE!!★ซวยฉิบหาย ผมชอบผู้ชายเข้าแล้ว!![Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #6 : Mistake#5

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.48K
      6
      27 ก.พ. 56

    Mistake!! # 5

     

     

     

     

     

     

     

                    แสงแดดรำไรร้อนผ่าวลากไล้อยู่บนผิวน้ำสะท้อนเป็นสีส้มเรืองรอง เวลาเย็นย่ำอันเป็นอีกหนึ่งเวลาที่แสงอาทิตย์ซึ่งสาดส่องร้อนแรงมาทั้งวันจะค่อยๆจางลง พร้อมกับราตรีกาลที่กำลังเยื้องย่างเข้ามาเยือนทีละน้อย ผมวาดแขนออกไปข้างหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับไร้ที่สิ้นสุด สัมผัสถึงสายน้ำเย็นฉ่ำที่ผ่านกายไปราวกับกำลังพยายามบรรเทาเยียวยาอารมณ์เกรี้ยวกราดที่ผมระบายเข้าใส่มัน


    แฮ่กๆ … 

                    ผมได้ยินเสียงหายใจแรงๆหลายต่อหลายครั้งของตัวเองดังสะท้อนกลับไปกลับมากับขอบสระ สายน้ำเย็นฉ่ำสีฟ้าใสที่กระทบผิวกายทำให้รู้สึกยะเยือกจนสั่นสะท้าน ผมเกาะเข้าที่ขอบสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ตรงหน้าก่อนจะถอดแว่นตาว่ายน้ำออกอย่างไม่สบอารมณ์นัก การว่ายน้ำกลับไปกลับมาไม่ต่ำกว่าสิบรอบในสระขนาดมาตรฐานแบบนี้ ช่างไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นมาแม้แต่น้อย มีแต่ต้องหายใจทิ้งเหนื่อยเปล่า

     

    แม้จะอยู่ท่ามกลางสายน้ำเย็นฉ่ำที่โอบอุ้ม แต่อารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านเดือดปุดภายในกายจะจางหายก็หาไม่   หากแม้แต่คราที่หลับตาลง นัยน์ตาคมกริบขวางโลกคู่นั้นก็ยังคงตามหลอกหลอนได้เสียทุกที และถ้าหากจะนับรวมเสียงหัวเราะเย้ยหยันที่ยังดังก้องอยู่ในสมองนี่เข้าไปด้วย ผมสามารถบอกได้เลยว่า วันนี้มันช่างเป็นวันที่ซวยเสียยิ่งกว่าความอัปมงคลทั้งชีวิตมารวมกัน!!

     

                    ผมในสภาพเปลือยท่อนบนเกาะขอบสระนิ่ง ทอดอารมณ์พยายามทำตัวเองให้สงบเพื่อให้กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบกาย สีเหลืองอำพันของของเหลวในแก้วตรงหน้าเป็นสิ่งเดียวที่อยากจับจ้องให้นานเท่านาน หยดน้ำหยดแล้วหยดเล่า ไหลจากเส้นผมลงบนผิวบ่าทำให้รู้สึกเย็นจนชาวาบไปทั้งร่าง

     

    ผมยกแก้วเหล้าที่มองอยู่สักพักใหญ่ขึ้นจรดริมฝีปาก ดีกรีร้อนผะผ่าวที่ไหลเสียดแทงผ่านลำคอทำให้ลืมเรื่องคุ่นคิดในสมองไปชั่วขณะ แต่นั่นก็เป็นเพียงชั่วขณะเดียวที่มันสามารถหยุดเรื่องวุ่นๆในสมองลงได้...

     

     

    ครืด ครืด   ครืด ครืด

                    เสียงวัตถุสั่นเสียดสีกับพื้นสระไม่ห่างจากตัวนัก มาพร้อมกับแสงจากโทรศัพท์ที่กระพริบถี่ๆ ผมเหลือบตามองไปที่มันช้าๆก่อนจะพบภาพแสดงสายโทรเข้าหน้าจอเป็นรูปใบหน้าเรียวสวยของแฟนสาว ริมฝีปากหยักบางเฉียบในรูปที่กำลังส่งยิ้มหวานมาให้ดูจะเป็นอะไรที่แตกต่างจากภาพที่ผมกำลังจินตนาการถึงตอนนี้

     

            ผมเลื่อนแก้วในมือไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าเหม่อลอยโดยที่ดวงตายังจับจ้องอยู่ที่โทรศัพท์ยี่ห้อดังตรงหน้า มันยังคงขยับสั่นถี่ๆต่อไปตามหน้าที่โดยไม่แม้แต่จะรับรู้อารมณ์ของผมเลย ผมรับรู้ได้ถึงมือของตัวเองที่กำลังเลื่อนช้าๆเข้าไปใกล้เจ้าเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์นั่นพร้อมกับแก้วที่ยังคงกำแน่นอยู่ในมือ

    .

    .

    .

    .

    .

    .

                    ของเหลวสีอำพันราคาแพงซึ่งพ่วงไปด้วยความสามารถทำให้มึนเมาค่อยไหลรินลงช้าๆไปบนหน้าจอสว่างวาบที่กำลังสั่นถี่ ผมจับจ้องความเป็นไปของเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความหวังว่า เหล้าที่ให้เจ้าไอโฟนนั่นดื่มแทนเข้าไปจะช่วยทำให้มันหยุดสั่นลงได้บ้าง หากแต่แสงที่ยังคงกระพริบถี่ๆกับเสียงสั่นดังครืดครืดกวนประสาทนั่นก็ยังคงตามหลอกหลอนอยู่ร่ำไป

     

    …Damn!!

     

                    ผมที่รู้สึกหงุดหงิดสุดขีดคว้าเข้าที่โทรศัพท์ตรงหน้าก่อนจะเงื้อแขนขว้างสุดแรงไปที่กระถางต้นไม้ซึ่งไม่ห่างไปนัก  เสียงชิ้นส่วนต่างๆที่แตกกระจายออกจากกันดังขึ้นแทบจะพร้อมๆกับเสียงทุ้มที่เอ่ยเอื้อนแผ่วเบา




    พึ่งซื้อใหม่ไม่ใช่หรือไง? ”

     

                    เสียงทุ้มราบเรียบดังแผ่วขึ้นพร้อมกับผ้าขนหนูที่ถูกยื่นมาตรงหน้า ผมเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงโปร่งของผู้มาใหม่ ใบหน้าเรียวขาวพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสถูกส่งมาให้ ก่อนที่ร่างโปร่งนั่นจะคุกเข่าลงตรงหน้า ผมหยุดสายตาไว้ที่ใบหน้าเรียวสะสวยราวกับอิสตรี คิ้วโก่งสีน้ำตาลเข้มกับผมสีเดียวกันยาวเคลียต้นคอ รับกับนัยน์กลมหวานสีดำสนิทราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน มือเรียวขาวที่เลื่อนมาสัมผัสที่ใบหน้าของผมอย่างเชื่องช้าราวกับจะทำให้โลกหยุดหมุนลงตรงนี้

     

    ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ แอทไนท์ 

                   

    เสียงกระซิบแผ่วๆพร้อมกับลมหายใจอุ่นๆที่เป่ากระทบใบหูราวกับจะหยุดลมหายใจของผมไว้ด้วยคำพูดแสนธรรมดาหากแต่นุ่มหวานนั่น กลิ่นน้ำหอมดิวิด็อฟคลาสสิกจางๆลอยเข้ามาปะทะจมูก ตามมาด้วยสัมผัสต่อมาที่แทบทำให้ผมอยากจะหยุดหายใจไปเสียจริงๆ

     

     ริมฝีปากแดงสดนุ่มนิ่มที่กดทับลงมาบนริมฝีปากของผมแผ่วเบา


    เนิ่นนาน


    อ่อนหวาน


    อ้อยอิ่ง

     

    ถึงจะรู้ดีว่ามันเป็นแค่จูบทักทายตามธรรมดาที่คนในครอบครัวของผมมักใช้เป็นประจำก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับแต่โดยดีว่า ผมอดที่จะรู้สึกหวั่นไหวไปกับรสจูบนั่นไม่ได้ และผมคงจะไม่รู้สึกอะไรเลย ถ้าคนที่ประกบริมฝีปากลงมาไม่ใช่คนนี้ๆ คนที่สวยเกินกว่าจะเป็นผู้ชาย!!

                   

                    ร่างแบบบางตรงหน้าผละริมฝีปากออกช้าๆก่อนจะส่งยิ้มหวานจนตาปิดมาให้ ผมงันไปพักใหญ่กับจูบหวานๆที่ไม่ได้ตั้งตัวนั่น พอได้สติอีกทีตนเองกลับขึ้นมานั่งอยู่ที่ขอบสระเสียแล้ว...



    ถ้าพี่ฮาล์ฟอยู่บ้าน งั้นก็แสดงว่า... 

                    ผมละสายตาจากร่างตรงหน้าก่อนจะมองขึ้นไปที่หน้าต่างกระจก ของห้องบนชั้นสองของคฤหาสน์หลังงามที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากสระออกไปเท่าใดนัก พลันสายตากลับผสานเข้ากับดวงตาวาวจ้าคู่หนึ่งที่กำลังจับจ้องมาที่เราทั้งคู่

     


    ‘ เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ว่าถ้าคนนี้ๆอยู่บ้าน งั้นไอ้ปีศาจนั่นก็ต้องอยู่แน่ๆ ’


     

    ผมประสานสายตากับคนที่ยืนอยู่สูงกว่าอย่างท้าทาย ดวงหน้าหล่อเหลาที่แม้จะอยู่ห่างออกไปก็ยังเห็นได้ชัดเจนนั่นกลับดูนิ่งสนิท ราวกับส่องกระจก ผมจ้องใบหน้าที่ราวกับคัดลอกใบหน้าของผมออกไปนั่นพักใหญ่ ดวงหน้าที่แทบไม่มีส่วนใดแตกต่างจากผมจนเรียกได้ว่าราวกับฝาแฝด ฮึ พระเจ้าจะเล่นตลกกับชีวิตผมมากเกินไปแล้ว ทำไมผมต้องมีใบหน้าเหมือนคนที่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดเพียงน้อยนิดนั่นด้วย?

     

    พี่อะเดย์ก็อยู่นะ เค้าให้พี่มาเรียกนา… 

    ร่างบางข้างกายมองตามสายตาของผมขึ้นไปอย่างเชื่องช้า ก่อนริมฝีปากบางนุ่มที่ผมพึ่งสัมผัสไปเมื่อครู่จะเอ่ยเอื้อนคำตอบของประโยคออกมาอย่างรู้ทันความคิดของผม แต่ยังไม่ทันที่คนตรงหน้าจะพูดจบ ผมจำได้ว่าตัวเองยันตัวจากขอบสระลงไปในน้ำพร้อมกับกระชากข้อมือบางๆนั่นลงมาด้วย

     

    น้ำแตกกระจายออกเป็นวงกว้างเนื่องจากน้ำหนักของคนสองคนที่ถูกแทนที่ลงไป ผมกับร่างบางตรงหน้าจมดิ่งลงไปในสายน้ำใสเย็นเฉียบ มือเรียวขาวคู่นั้นไขว่คว้าเข้าที่บ่าของผมพร้อมกับดวงตากลมที่เบิกโพลงราวกับตกใจ ผมประครองเข้าที่ใบหน้าเรียวขาวตรงหน้าก่อนจะโน้มกายเข้าไปจนรู้สึกได้ถึงผิวเนียนนุ่มที่แนบลงมาบนร่าง

     

    ผมกดริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า แผ่วนุ่ม รู้สึกถึงฟองอากาศมหาศาลกำลังไหลถ่ายทอดไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย ใบหน้าราวกับอิสตรีตรงหน้าค่อยๆหลับพริ้มลงพร้อมกับมือเรียวขาวนั่นค่อยๆเลื่อนมาโอบรอบคอผมช้าๆ

     


    หึ ดูให้เต็มตานะอะเดย์ ฉันกำลังจูบคนของนาย... '

    .

    .

    .

    .

    .

    .

                    ผมจำได้ว่าตัวเองคว้าเข้าที่เอวบางของคนตรงหน้า ก่อนจะดีดกายขึ้นมาบนผิวน้ำ เสียงหายใจหอบถี่ดังก้องสะท้อนกลับไปกลับมากับขอบสระอีกครั้ง ผมค่อยๆลอยตัวพาร่างในอ้อมกอดไปที่ขอบสระช้าๆก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งบนนั้นพร้อมกัน

     

    ริมฝีปากบางตรงหน้าเผยอกว้างราวกับจะไขว่คว้าอากาศให้ได้มากที่สุด กลับดึงภาพผมจูบกับไอ้บ้านั่นในห้องน้ำร้านแมค โดนัลด์ขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ริมฝีปากบางที่กดจูบลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับจะไม่ให้ผมได้หายใจ ดวงตาดุดันขวางโลกคู่นั้นที่จับจ้องมาราวกับกำลังกรีดแทง

     

    แฮ่กๆ… จะฆ่าพี่หรือไง นายก็รู้ว่าพี่ว่ายน้ำไม่เป็น

    เสียงหวานใสที่กล่าวต่อว่ามาแผ่วๆช่วยเรียกสติของผมที่กำลังล่องลอยอีกครั้ง ผมไล่สายตามองเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางของคนตรงหน้าที่ลู่ลงแนบผิวกายทำให้เห็นแทบจะทุกสัดส่วนที่ประกอบกันเป็นร่างแบบบางนี่ หากแต่ยังไม่ทันที่ผมจะมองได้มากกว่านั้น

     

    ผ้าขนหนูผืนใหญ่ขาวสะอาดที่ถูกโยนลงมาคลุมศีรษะทำให้ภาพทุกอย่างหายไปชั่วขณะ กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำยาปรับผ้านุ่มลอยขึ้นมากระทบจมูก


     

    อีกยี่สิบนาที เจอกันที่ห้องทำงานของฉัน… 

     

    เสียงทุ้มแผ่วๆเอ่ยขึ้นในขณะที่ภาพต่างๆที่ผมเห็น มีเพียงสีขาวสะอาดของผ้าขนหนูที่คลุมศีรษะอยู่ หึ ถึงจะไม่เห็นหน้าก็รู้ว่าใครคือผู้มาใหม่ น้ำเสียงที่พยายามบังคับให้นิ่งนั่น ทำให้ผมจินตนาการภาพใบหน้าเกรี้ยวกราดของคนๆนั้นได้เป็นอย่างดี ทำไมจะนึกไม่ออกหล่ะ ก็แค่ใบหน้าโกรธของผู้ชายที่หน้าเหมือนกับตัวเอง...

     

    " อ้อ… แล้วก็ ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ แอทไนท์ 

                  ผมดึงผ้าขนหนูออกจากศีรษะช้าๆ ก่อนจะตวัดสายตาขึ้นมองตามแผ่นหลังทั้งสองที่เดินห่างออกไป ภาพข้อมือบางๆที่ถูกกระชากเข้าไปในบ้านพร้อมกับไหล่กว้างของอีกคนเหมือนจะเป็นเพียงอย่างเดียวของวันนี้ที่ทำให้ผมยิ้มออก ผมมองตามแผ่นหลังกว้างที่เหมือนกับของตัวเองเดินหายเข้าไปในบ้านอย่างเชื่องช้า 

    .

    .

    .

    .

    .



     


    ลงมาเร็วดีชะมัดเลยนะ อะเดย์ ท่าทางนายจะหวงมาก '

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    พอมาคิดๆดูแล้ว ก็แอบนึกเสียใจเล็กน้อยที่ทำให้พี่ชายผู้แสนดี ที่ต้องอยู่ระหว่างผมกับหมอนั่นมาตลอด ต้องโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้ แต่ในเวลาเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่าสะใจมากที่ทำให้คนที่มีใบหน้าเหมือนกับตัวเอง ที่ผมสุดแสนจะเกลียดนั่นต้องโมโหได้

                   

                    ก็อย่างว่าหล่ะนะ กลางวันไม่อาจมาบรรจบกับกลางคืน ก็เหมือนกับพระอาทิตย์และพระจันทร์ ที่เราไม่เคยเห็นมันขึ้นสูงพร้อมกันนั่นแหละ

     

                    ผมนั่งทอดอารมณ์มองไปบนผิวน้ำที่ถูกแสงแดดสุดท้ายของวันนี้สาดส่องจนทอประกายเป็นสีส้ม ยามเย็นที่เป็นเวลาเดียวซึ่งเราอาจจะได้เห็นพระอาทิตย์ซึ่งกำลังจะตก กับพระจันทร์ที่กำลังจะเริ่มทำงาน

     

    ยามเย็นงั้นหรอ? เหมือนชื่อของพี่เลยเนอะ ฮาล์ฟไลท์… 

     

                    ยามเย็นที่ต้องทนอยู่ระหว่าง ความร้อนแรงของเวลากลางวัน กับความเจ้าเล่ห์ของกลางคืน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×