ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BLACKMA!L★วางแผนร้ายให้กลายเป็นรัก [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #28 : ★BlackMail Top Secret : Changeable !? [Bank*Mu] [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.11K
      13
      17 ก.ย. 54





    BlackMail

    S PECAIL CHAPTER :  Changeable !? [ BANK*MUNICH ]



     

     

     

    ตอนนี้ไอ้มิวนิกกำลังคิดว่าคำว่าขันติในวิชาพระพุทธศาสนาที่เรียนตอนมอปลายช่างมีประโยชน์สุดๆ….. -______-^

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .



    “ ฮิ้ววววววว!! เฮ้ย ดูดิ่วะ พี่ขลุ่ยกับพี่มิวมีการเอาน้ำมาให้กันกินด้วย ทีพวกเราพี่มิวไม่เห็นจะสนใจเลย!!


     

    “ วี๊ดวิ้วววววววววววววววววว!!


     

                    ผมที่กำลังยื่นแก้วน้ำให้ไอ้ขลุ่ยต้องสะดุ้งเฮือกเผลอทำน้ำหกไปเกือบค่อนแก้วเพราะไอ้คำแซวที่โดนมาตั้งแต่เช้าจนบ่ายแก่ๆอย่างนี้พวกมันก็ยังไม่เลิกคิดที่จะแซว -_-^ ผมหันไปทำตาเขียวใส่ไอ้พวกจ่าฝูงหมาพันธุ์ล็อตไวเลอร์ปีสองกับพวกเลขาของมันก่อนจะตระหนักได้ว่า รู้แล้วว่าทำไมคนอื่นถึงเรียกไอ้พวกฝ่ายปกครองว่าล็อตไวเลอร์ของคณะ-0- ตอนแรกที่ได้ยินผมเองก็ยังงงๆ -O- แต่ตอนนี้คิดว่าตัวผมเองเข้าใจแล้วว่าทำไมที่แท้พวกมันก็เลี้ยงหมาไว้ในปากกันนี่เอง!! =O=!! เห่าอยู่นั่นแหละไอ้พวกเวร!! อย่าให้กูขึ้นนะเว้ย =[]=!!!


     

    “ ไอ้เหี้ยขลุ่ย!! กูจะทนไม่ไหวแล้วนะ!! บอกให้พวกมันเลิกแซวได้แล้ว ไม่งั้นกูจะเหวี่ยงแล้วนะเว้ย!! -O-^


     

                    ผมที่ชักเริ่มจะทนไม่ไหวเนื่องจากตอนนี้แทบทุกคนในค่ายแซวผมกับไอ้แซ๊บนี่ไปกันใหญ่ ขนาดน้องปีหนึ่งที่เป็นลูกค่ายก็ดูจะเอากับเค้าด้วย -O-^ เจ้าของใบหน้าหล่อแซ๊บตรงหน้ารับแก้วน้ำจากผมไปดื่มก่อนจะเช็ดเหงื่อแล้วหันมายิ้มให้แบบดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเท่าใดนัก =O= เออๆ กูรู้ว่ามันก็แค่แซว ยังไงมึงกับกูก็ไม่ได้คิดอะไรกันอยู่แล้วดูไม่น่ามีปัญหานี่หว่ากูรู้นะว่ามึงจะบอกกูแบบนี้ แต่ขอโทษเถอะครับ!! ยังไงกูก็ไม่ชอบให้มาโดนแซวแบบนี้นะเฮ้ย!! เดี๋ยวหม่อมแม่รู้เข้าจะกริ้วกูแย่ TwT


     

    “ เอาน่ามิวเดี๋ยวน้องมันเบื่อก็เลิกแซวไปเองนั่นแหละ ไปอยู่ในร่มไป หมวกก็เสือกไม่เอามานะมึงเนี่ย


     

                    กูว่าแล้วว่ามึงต้องพูดอย่างนี้ -_-^ มันพูดไปบ่นไปด้วยร้อยยิ้มแบบคนไม่คิดอะไรมาก ผิดกับผมที่หน้าบูดแล้วหน้าบูดอีกเพราะไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าเหวี่ยงอยู่คนเดียวเงียบๆ T^T… งื๊อ ก็จะอะไรเสียอีกหล่ะครับ -0- ก็ไอ้คนที่มันแซวผมแต่ละคนนี่ พวกมันดันเป็นน้องรักของพี่บาสพี่รหัสผมทั้งนั้นเลย จะไปเหวี่ยงใส่พวกมันก็เหมือนเอาชีวิตไปทิ้งให้พี่บาสแกโมโหเล่นเท่านั้นเอง T^T เพราะฉะนั้นผมไม่เสี่ยงดีกว่า เพราะใครๆก็รู้ว่า มีเรื่องกับพี่บาส เหมือนมีเรื่องกับมาเฟียรัสเซีย ดีไม่ดีอาจจะโดนลากไปตัดนิ้ว(?)ในห้องมืดเอาก็ได้ T^T


     

                    ผมจำได้ว่าตัวเองถอนหายใจไปเฮือกใหญ่ด้วยอารมณ์เซ็งสุดๆก่อนจะรับแก้วน้ำจากมือไอ้ขลุ่ยแล้วยืนมองไอ้แซ๊บตรงหน้ามันตอกตะปูรั้วสนามเด็กเล่นอันเป็นเป้าหมายของการมาค่ายอาสานี่อยู่ครู่หนึ่งแสงแดดร้อนเปรี้ยงของบ่ายวันศุกร์ช่างไม่เหมาะยิ่งนักกับการทำงานสร้างอะไรก็ตามแบบนี้ ผมกวาดสายตามองไปทั่วลานโล่งๆข้างสนามฟุตบอลของโรงเรียนที่ตอนนี้มันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างว่ากำลังจะกลายมาเป็นสนามเด็กเล่นในไม่ช้าเพราะฝีมือน้องๆร่วมค่ายทุกคนที่ดูจะขะมักเขม้นช่วยกันดีเหลือเกิน ช่วยกันดีพอๆกับที่พวกมันร่วมมือกันแซวกูทั้งวันเลยเหอะ -3-^


     

                    แล้วสายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับร่างสูงๆของไอ้คนที่มันบอกว่าจะไม่มากวนใจผมตลอดทั้งบ่ายเข้าพอดีซึ่งมันก็ทำอย่างที่มันพูดจริงๆ -0- ให้ตายเหอะให้เชี่ยแบงค์ ถ้าการไม่มากวนใจของมึงคือหลบหน้ากูเวลากูเดินเฉียดเข้าไปใกล้แบบนั้นมึงก็กระโดดลงเขาตายไปเลยไม่ง่ายกว่าหรือไงเล่า!! เชี่ย! เห็นหน้าแล้วหงุดหงิด!! หลบหน้ากันแบบนี้ แถวบ้านกูไม่เรียกเลิกกวนใจนะเว้ย แถวบ้านกูเรียกกวนตีน!! -3- บู่วววว์


     

    “ พี่มิวคร้าบบบบบบ….


     

                    ผมที่กำลังมองไอ้ปอปกนั่นอยู่สะดุ้งนิดหนึ่งเพราะเสียงเรียกที่คุ้นๆว่าจะเป็นเสียงไอ้น้องดิวปอปกปีสองที่ดังมาจากด้านหลังซึ่งเป็นเวลาพอดีกับรู้สึกถึงอะไรอุ่นๆที่กดพาดลงมาบนบ่าแบบพอดิบพอดีผมสะดุ้งตกใจนิดหนึ่งเพราะไอ้ใบหน้าหล่อของไอ้รุ่นน้องประธานฝ่ายปกครองปีสองที่พาดลงมาบนบ่าเชิงหยอกล้อ ผมจำได้ว่าตัวเองสะดุ้งเฮือกก่อนจะก่อนจะหันไปขานรับเสียงเรียกชื่อนั่นแบบงงๆปนเขินเล็กน้อย -////- อย่าเอาหน้ามาใกล้กู กูเขิน


     

    “ คะครับว่างัยครับน้องดิว?? -////-


     

    “ พี่มิวไม่มีน้ำให้ผมกินบ้างหรอ?? หรือให้แต่พี่ขลุ่ยกินได้คนเดียววววววว!! >O<!!


     

    “ วี๊ดดดดดดดวิ้ววววววววววววววววววว!!!


     

    =[]=!!


     

                    คำถามหยอกล้อปนทะลึ่งเล็กน้อยที่ดังมาจากปากไอ้เด็กปีสองตรงหน้านั่นเรียกเสียงโห่ฮาผิวปากแซวได้ดังเดิมเฉกเช่นที่มันเป็นมาทั้งวันแบบที่ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ไอ้การแซวบ้าบอพวกนี้มันหยุดลงได้ T_T ผมว่าคงต้องโดนแซวจนกว่าค่ายจะจบ Y_Y ดีไม่ดีอาจจะโดนแซวยาวถึงวันจันทร์หน้าเลยก็ได้ งื๊อ… T^T ไอ้พวกเด็กผี!! กูจะฟ้องหม่อมแม่ให้หามือปืนมาเก็บเรียงคนเลย!! เริ่มจากมึงคนแรกไอ้ปอปกปีสอง!!


     

    “ เงียบ!!!....



    =[]=!!

     

                    แต่แล้วทุกๆคนรวมทั้งผมก็ต้องสะดุ้งกันเฮือกใหญ่เพราะเสียงตวาดที่จู่ๆก็ดังขึ้นโดยไม่มีเค้ามาก่อนแต่อย่างใด หากแต่นั่นกลับทำให้แทบทุกคนที่กำลังแซวและหัวเราะผมอย่างสนุกสนานต้องหุบปากฉับกันแทบจะไม่ทันผมหันกลับไปมองต้นเสียงช้าๆ ใบหน้าหล่อที่หลบหน้าผมมาทั้งวันนั่นยืนนิ่งอยู่ในท่าระเบียบเชียร์ นัยน์ตาคมของไอ้ปอปกนั่นจ้องตรงมาที่ผมซึ่งกำลังโดนไอ้น้องปีสองนี่แกล้งอยู่ด้วยสายตาที่ผมก็ไม่อ่านความคิดของมันไม่ออก


                    
                   

    “ ลามปามเล่นหัวรุ่นพี่นี่ขนาดปอเชียร์นะเว้ย!! พวกมึงยังกล้าเล่นหัวเค้าเลย แล้วกับรุ่นพี่คนอื่นๆ จะไม่ยิ่งกว่านี้หรอ!!


     

    ………………………


     

    “ วินัยที่กูสอนไปต้องเคารพรุ่นพี่ที่กูสอนไปลืมกันหมดแล้วใช่ไหม!!?? ”


     

                    แล้วก็เงียบกริบกันไปอีกครู่ใหญ่จากคนเกือบเจ็ดสิบคนที่มาทำค่ายร่วมกัน ผมมองไอ้ปอปกตรงหน้าก่อนจะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกช่วยอยู่ทั้งที่มันอาจจะทำแค่เพียงเพื่อสอนวินัยน้องๆตามหน้าที่ของมันร่างสูงที่ยืนนิ่งในท่าระเบียบเชียร์ ใบหน้าหล่อเย็นชาพร้อมกับน้ำเสียงดูเต็มไปด้วยอำนาจนั่นทำเอาผมอดทึ่งไม่ได้ ผมก็พึ่งจะเคยเห็นมันตอนว้ากครั้งแรกนี่แหละครับ แต่จะช่วยกูหรือจะแค่สอนน้องก็เรื่องของมึงเถอะ >///< แต่จะบอกว่าตอนนี้มึงเท่สัสๆอ่ะไอ้เหี้ยแบงค์… .>///<


     

     “ ใครรู้ตัวว่าทำผิด!! ไปยืนกลางสนาม!!... ปอปกปีสองกับเลขาปีสองนำไป!! อย่าช้า!! ปฏิบัติ!!


     

                    ท่ามกลางทั้งบริเวณที่เงียบกริบนั่น มีเพียงเสียงของคนๆเดียวที่ประกาศก้องออกคำสั่งครั้งแล้วครั้งเล่า สิ้นเสียงทุ้มที่ออกคำสั่งความวุ่นวายทั่วทั้งบริเวณก็ดูจะบังเกิดขึ้นทันทีในพริบตา ผมเห็นไอ้พวกน้องปีหนึ่งรีบวางอุปกรณ์ในมือลงทั้งหมดพร้อมกับวิ่งกรูกันลงสนามฟุตบอลท่ามกลางแดดยามบ่ายแก่ๆร้อนจ้านั่นทันทีแบบไม่มีอิดออด ผมหันไปมองไอ้น้องดิวที่ยืนนิ่งอยู่กลางสนามด้วยอีกคนทั้งที่เมื่อครู่มันยังยืนแกล้งอยู่ข้างๆผมเลยแท้ๆ สมน้ำหน้ามัน ชิ -O-^


     

    “ เอาแล้วไงปอปกท่านกริ้วแล้ว โหดดีจริงไอ้แบงค์เนี่ย


     

                    เสียงทุ้มของไอ้เพื่อนสนิทพูดขึ้นแบบยิ้มๆข้างตัวทำให้ผมต้องหันไปมองไอ้ขลุ่ยที่เดินเข้ามาสมทบพร้อมกับคู่หูคนใหม่ของมันนั่นก็คือไอ้จองเลขาไอ้คนบางคนที่กำลังยืนหน้านิ่งลงโทษน้องๆผู้น่าสงสารทั้งหลายให้ตากแดดร้อนเปรี้ยงอยู่กลางสนามฟุตบอล -__-^ แม่งเล่นเอาซะกูรู้สึกผิดเลยที่เป็นต้นเหตุทำให้ไอ้เด็กพวกนั่นต้องโดนลงโทษแบบนี้ T^T สงสารน้องๆอ่าและรู้สึกสมน้ำหน้ามันด้วย แต่ไอ้แบงค์มึงพอแล้วมั้ง จะว่าไปกูสงสารพวกมัน T_T


     

    “ นี่แค่เบสิคๆ พวกมึงยังไม่เคยเห็นมันว้ากจริงๆ โหดกว่านี้ล้านเท่าอ่ะ -_,-^


     

                    เสียงไอ้จองคู่หูคู่เกรียนคนใหม่ของไอ้ขลุ่ยดังขึ้นพร้อมๆกับที่ผมและไอ้ขลุ่ยพยักหน้าหงึกๆพร้อมกัน มึงไม่ต้องหาหลักฐานมายืนยันหรอกจอง แค่นี้กูก็เชื่อว่าตอนไอ้ผีดิบนั่นมันว้ากจริงๆในห้องเชียร์ก็คงโหดกว่านี้ล้านเท่าแน่ๆ -O- นี่ขนาดค่ายอาสานะ พี่แกยังว้ากได้เหมือนกำลังอยู่ในช่วงรับน้องเลย ว้ากได้เป็นธรรมชาติจริงๆให้ตายเถอะ นับถือหว่ะ -_-^


     

    “ ยืนสบายเลย!! สบายเกินไปแล้วพวกมึง!! เอา!!... หมอบลงไปหน้าผากแนบพื้น!!


     

    =[]=!!!


     

    “ ขออนุญาตครับ!!!


     

                    เสียงทุ้มนั่นดังขึ้นอีกครั้งหลังจากเงียบไปนาน ผม ไอ้ขลุ่ย ไอ้จอง มองหน้ากันแทบจะทันทีที่สิ้นคำสั่งสุดโหดนั่น เสียงขออนุญาตปฏิบัติของไอ้พวกรุ่นน้องเคราะห์ร้ายกลางสนามดังขึ้นพร้อมกันก่อนที่ความวุ่นวายจะเกิดขึ้นอีกครั้งเพียงชั่วครู่ก่อนจะสงบไปเหลือไว้เพียงคนเกือบเจ็ดสิบคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่กลางสนามฟุตบอลกว้างที่แดดร้อนเสียยิ่งกว่าร้อน งือจะว่าไปก็สงสารอ่ะ ร้อนแทนเลย TwT


     

     “ มึงกับจองลงไปหมอบกับพวกมันเร็วๆเลยไอ้เหี้ยขลุ่ย


     

    “ เฮ้ย!! เรื่องดิ่ไม่เอา ร้อนตายชัก เดี๋ยวกูดำหมดหล่อ -O-


     

                    ผมที่เริ่มรู้สึกว่าการลงโทษจากไอ้หล่อโหดนั่นคงจะไม่สิ้นสุดลงง่ายๆเลยหันไปเขย่าแขนไอ้เพื่อนสนิททันที และตามที่คาดไว้ ไอ้ขลุ่ยหันมาปฏิเสธทันควันแบบที่ผมคิดไว้ตั้งแต่แรกไม่มีผิดหากแต่ไอ้หล่อแซ๊บเพื่อนสนิทของผมมันก็ต้องยอมลงไปหมอบกลางสนามเป็นเพื่อนน้องๆในที่สุดเมื่อผมงัดไม้ตายสุดดราม่าของคณะมาใช้ -0-


     

    “ ลงไปช่วยน้องดิ่วะ!! ถ้ามีปีสามลงไปด้วยไอ้แบงค์มันจะได้ไม่ให้น้องหมอบนานไง มึงรักน้องไหมเนี่ย?!!


     

                    ผมเห็นไอ้ขลุ่ยที่ตั้งท่าจะไม่ยอมลงไปอย่างเดียวถึงกับอึ้งไปนิดหนึ่งเมื่อผมเล่นบทดราม่านั่นจบ มันขยี้หัวอย่างเซ็งๆก่อนจะหันไปพยักหน้ากับไอ้จองคู่หูคนใหม่ของมัน เจ้าของใบหน้าหล่อแซ๊บเพื่อนสนิทผมมันถอนหายใจนิดหนึ่งก่อนจะยื่นค้อนกับตะปูที่ถืออยู่มาให้ผมแล้วพูดย้อนแบบเซ็งๆกลับมา


     

    “ เออๆ กูกับไอ้จองลงไปก็ได้ ว่าแต่มึงทำไมไม่ลงไปเองหล่ะ?? -O-^


     

    “ พูดมากไอ้เลียขา!! ประธานอย่างกูสั่งทำอะไร ก็ทำไปสิวะ!!


     

    “ อีเชี่ยมิวววววว!! ข่มกูหรอ?? หนอย!! จำไว้นะมึงอ่ะ ”


     

                    มันบ่นงุ๊งงิ๊งอยู่อีกครู่ใหญ่แต่ขลุ่ยกับจองก็วิ่งลงไปหมอบกลางสนามตามที่ผมสั่งอยู่ดี ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกไปเปราะหนึ่งก่อนจะหันไปดูท่าทีของใครอีกคนที่ยืนทำหน้านิ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก นัยน์ตาคมนั่นมองตรงไปยังนักโทษที่หมอบอยู่กลางสนามด้านหน้าของมันโดยไม่มีท่าทีจะสนใจผมที่ยืนเป็นหัวหลักหัวตออยู่ด้วยเลย -3- บู่วววว์ จากที่ตอนแรกจะขอบคุณที่มึงช่วย แต่ตอนนี้กูเปลี่ยนใจแล้ว เห็นหน้าแล้วหมั่นไส้หว่ะ!! -3-


     

                    ผมกอดอกสะบัดหน้าไปทางอื่นทันทีที่ไอ้หล่อบางคนมันหันมาที่ผมพอดี แล้วผมก็ต้องยิ่งเก๊กบวกกับทำอะไรไม่ถูกไปใหญ่เมื่อร่างสูงๆกับใบหน้านิ่งนั่นเดินตรงมาที่ผมอย่างดูจงใจ ผมรับรู้ถึงหัวใจตัวเองที่เต้นตึกตักถี่รัวตื่นเต้นขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ >///< แล้วร่างสูงโปร่งพร้อมใบหน้าหล่อนิ่งของไอ้ประธานฝ่ายปกครองปีสามนั่นก็มาหยุดยืนอยู่ข้างๆ


     

    “ อะ อะไร? ”


     

                    ผมหันไปถามไอ้คนที่พึ่งมายืนข้างๆกระกุกตะกัก >///< ไอ้ปอปกนั่นนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่เสียงทุ้มนั่นจะเอ่ยช้าๆราวกับเรื่องที่ไม่ค่อยสลักสำคัญอะไรมากนักหากแต่ผมกลับเห็นตรงกันข้าม


     

    “ เปล่าแค่จะมาบอกว่า เด็กพวกนี้โดนลงโทษเพราะนายรู้ไหม?? ”


     

    “ เพราะกูงั้นหรอ?? มึงไม่ใช่หรอที่ลงโทษพวกมันอ่ะ? -*-


     

                    ผมหันไปเถียงไอ้เจ้าของใบหน้าหล่อเข้มที่พูดใส่ร้ายผมเต็มๆนั่น เห็นเจ้าของใบหน้าหล่อนั่นคลี่ยิ้มบางๆออกมานิดหนึ่งเหมือนถูกใจอะไรบางอย่างที่มันกำลังจะพูดต่อจากนี้ ซึ่งพอผมฟังแล้วกลับรับรู้ถึงหัวใจตัวเองที่สูบฉีดเลือดถี่ๆพร้อมกับใบหน้าร้อนฉ่าขึ้นสีเพราะเลือดที่ขึ้นมาหล่อเลี้ยงแบบทันท่วงที… >///////<


     

    “ เพราะนายยอมให้คนอื่นแกล้งง่ายๆแบบนี้ไง ฉันเลยช่วยจัดการให้


     

    “ .............................


     

    “ อย่าให้คนอื่นแกล้งง่ายๆอีกหล่ะฉันไม่ชอบ ”            


     

    >//////////////<


     

                    ผมจำได้ว่าตัวเองอ้าปากค้างนิ่งไปครู่หนึ่งราวกับถูกไฟฟ้าช็อตจนสมองเป็นอัมพาตทำอะไรไม่ถูก >///< ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองยิ่งรับรู้ความแปลกแยกของบรรยากาศระหว่างผมกับมันชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆทุกที จากเมื่อก่อนที่แทบจะมองไม่เห็นหัวหรือแทบไม่อยากมองหน้ากันเลยนั้น ตอนนี้มันกลับต่างออกไปราวกับคนละขั้ว สิ่งที่ผมรู้สึกตอนนี้คือ ผมกับมันราวกับกำลังวนเวียนใกล้กันเข้าไปเรื่อยๆโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่เคยรู้ตัวมาก่อน แต่พอมารู้ตัวอีกที มันก็ยากที่จะบอกว่าความรู้สึกที่มีต่อกันและกันตอนนี้ระหว่างผมกับมันคืออะไรกันแน่?? >///<


     

    “ เอา!! กลับมาทำงานอย่าให้กูเห็นใครเล่นหัวปอเชียร์อีกนะ!! ไม่งั้นพวกมึงกอดคอกันลุกนั่งสิบเท่าของปีเกียร์!!

     

     

                    ผมที่กำลังตกอยู่ในภวังค์โลกส่วนตัวของตัวเองได้สติอีกครั้งก็ตอนที่เสียงทุ้มของคนอยู่ข้างๆมันตะโกนออกคำสั่งครั้งสุดท้าย ผมเหล่มองใบหน้าหล่อนั่นนิดหนึ่งก็ไม่เห็นสิ่งผิดปรกติอะไรนอกใจใบหน้านิ่งเย็นชาราวกับหินป้ายหลุมศพของมันตอนนี้พวกที่นอนอยู่กลางสนามทยอยฉุดกันลุกขึ้นมา เสียงบ่นดังระงมไปทั่วเหมือนงานวัดก็ไม่ปาน -0- จะบอกว่าสมน้ำหน้า หึหึ แซวกูกันดีนัก ตั้งแต่เช้าจรดเย็น โดนซะบ้างไอ้พวกเด็กเวร -_,-^ …


     

                     ความวุ่นวายนั่นดำเนินอยู่ได้ไม่นานนัก แล้วไม่ช้าไม่นานเหตุการณ์ทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะเดิม ซึ่งนั่นก็คือทุกคนกลับไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเองต่อเช่นเดิม ว่าแต่ถ้าใครแซวกูอีก ต้องโดนลุกนั่งสิบเท่าของปีเกียร์เลยหรอวะ? =[]=!!! โหดฉิบหาย!! กูเกียร์39 งั้นก็ต้องลุกนั่ง390ครั้งเลยหรอวะ!! ดีนะแม่งกูเล่นหัวตัวเองไม่ได้ ไม่งั้นลุกนั่ง390ครั้ง ซวยฉิบหายแน่ -O-^


     

    “ เดี๋ยวแบงค์


     

                    ผมที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ถึงเอ่ยปากเรียกไอ้ปอปกที่กำลังจะเดินกลับไปทำงานนั่น >_< มันชะงักฝีเท้าที่กำลังจะเดินออกไปก่อนจะหันมาเลิกคิ้วเชิงถามให้ผม ผมจำได้ว่าตัวเองตะกุกตะกักอยู่ครู่หนึ่งเมื่อคิดถึงสิ่งที่กำลังจะหลุดออกปากจากตัวเองออกไป >///< แต่แล้วในที่สุดผมก็รวบรวมความกล้าพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าไปในปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดคำที่ตัวเองไม่เคยคิดว่าจะต้องพูดกับคนตรงหน้าออกไปในที่สุด…>///<


     

    “ ขอบคุณนะ >/////<


     

                    ผมพูดประโยคแรกที่ตัวเองพึ่งนึกออกว่านี่เป็นการพูดดีๆกับคนตรงหน้าเป็นครั้งแรกออกไปในที่สุด เห็นเจ้าของใบหน้าหล่อเข้มตรงหน้าเหมือนจะอึ้งไปนิดหนึ่งก่อนที่ใบหน้าหล่อนั่นจะคลี่ยิ้มตอบกลับมาให้ช้าๆยิ้มที่ไม่มีแววกลั่นแกล้งซึ่งแตกต่างออกไปจากเดิม ก็ดูจะเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมดีระหว่างผมกับมันสำหรับคำขอบคุณที่เปรียบเสมือนการพูดดีๆด้วยเป็นครั้งแรกแลกกับรอยยิ้มที่ต่างไปจากเดิม >/////< ใครจะรู้ ว่าสถานการณ์ระหว่างเราสองคน อาจจะกำลังเปลี่ยนไป...

     


    ^_____________________^




     

     


     

    Talk Talk Talk : ใครบอกแบงค์มิวหวานไม่เป็น ฮี่ๆ มันต้องค่อยๆหวานสิคะถึงจะดี ลงแล้วเนอะ หลังจากหายไปพักใหญ่ งานเยอะการบ้านก็เยอะ แถมจะสอบอีก -O-^ เซ็งขั้นเทพ ยังไม่มีอารมณ์อ่านหนังสือเลย เบื่อมากๆ อย่าเอาอย่างจีเลยนะคะ คาดว่าน้องๆหลายคนคงกำลังสอบ สู้ๆเน้อ ^O^

     

    Ps. ดีไม่ดี แน่ไม่แน่ อาจจะเจอกันอีกทีปิดเทอมนะคะ ขอดูอารมณ์ก่อนเนอะ ^^


    beyo
    ng




                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×