ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบทลำนำเวทย์
"55555ชื่อนายเนี่ยประหลาดเป็นบ้าเลย"
"พ่อเเม่นายนี้ก็เเปลกคน เป็นคนไทยแท้ๆแต่ดันตั้งชื่อลูกตัวเองอย่างกับฝรั่ง"
"เฮ้ โดเเวนๆ 5555 นายไม่ได้ยินที่ฉันเรียกหรอ พ่อลูกครึ่ง"
"เฮ้อ"
"นี่โดเเวนถ้านายจะถอนหายใจวันละร้อยรอบในหนึ่งนาทีเเบบนี้ ฉันว่าเเกน่าจะลาออกจากงานให้มันรู้เเร้วรู้รอดไปน่ะ"
"เอ่อ..คือ มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะพี่กั้ง ผม..เอ่อ หมายถึง ผมเเค่คิดเรื่องอื่นอยู่น่ะ"
"โอ๊ยๆ นั้นเเหละยิ่งไม่ได้ใหญ่ เวลางานนายควรจะคิดเเค่เรื่องงานสิ อ่าว นิ่!! เเกฟังฉันอยู่รึเปล่า ห่ะ"
"ครับๆ ทราบเเล้วครับพี่กั้งหน้ามนคนหล่อ"
"ดีมากน้องเอ้ย ทำงานต่อไป"
"เฮ้อ" โอ๊ย!!!นี่ผมถอนหายใจอีกเเล้วใช้ไหมเนี่ย ใครก็ได้บอกที ผมเป็นอะไรไป โดแวนกำลังคิดว่าตัวเองต้องบ้าเเน่ๆ เเน่จิงๆ เหตุการณ์บ้าบอที่โดนล้อชื่อตั้งแต่อนุบาล อยู่ๆมันก็ผุดขึ้นมาในหัวอย่างหยุดไม่อยู่ บางทีเขาอาจจะเเค่นอนน้อย ก็น่ะ เพื่อนๆคงเข้าใจชีวิตเด็กม.6เตรียมเเอดเป็นอย่างดีใช้ไหมล่ะ
"เพล้ง" ยังไม่ทันที่โดแวนจะหาคำตอบให้กับตัวเอง จู่ๆ เสียงปริศนาก็ปลุกเขาจากกองความคิด โดแวนกวาดสายตาหาตนตอของเสียงเสียงนั้น ไล่จากประตูร้าน โต๊ะอาหารลูกค้าทีละโต๊ะจนมาถึงโต๊ะที่เขากำลังยืนอยู่ กองน้ำเเข็งสีเเดงฉานผสมนมข้นหวานที่เเต่เดิมอยู่ในเเก้วทรงสูงบัดนี้กองรวมอยู่บนเนินอกงามของหญิงสาววัยกลางคนตรงหน้าโดแวน
"เอ่อ ให้ผมช่วยน่ะครับ" โดแวนไม่รอช้ารีบหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดซากน้ำเเข็งใสบนเนินอก??ของคุณลูกค้า
"ว้ายๆๆ เด็กลามก ช่วยด้วยค่ะ เด็กเสิร์ฟคนนี้ลวนลามชั้น" เสียงกรี๊ดของเเม่หญิงสาวปริศนาเรียกให้ลูกค้าคนอื่นภายในร้านหันมามองกันเป็นตาเดียว เเละเเน่นอนว่ารวมถึงผู้จัดการร้านที่ยืนมองเขม็งพลางส่งสายตาที่ต้องการคำอธิบายดีๆจากโดแวนสักข้อสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"เอ่อ คือผม.."ยังไม่ทันที่คำเเก้ตัวใดๆของโดแวนจะได้พูดออกไป ก็เป็นอันต้องกลืนลงคอไปก่อน เพราะบัดนี้ คอเสื้อของเขาโดนมือหนาของผู้จัดการตรงเข้ามากระชากไปยังห้องฝ่ายบุคคล
แม้เครื่องปรับอากาศจะทำให้ห้องอื่นๆเย็นลงเเค่ไหน เเต่คงไม่ใช้สำหรับห้องฝ่ายบุคคลในขณะนี้ ผมได้เเต่ก้มหน้าลงเพราะไม่อาจทนสายตาที่มองมาของผู้จัดการได้
"เอาละ โดเเวน ไหนนายลองบอกฉันสิ ว่ามีเหตุผลอะไรนายถึงต้องเอาน้ำเเข็งใสเทราดเนินออกลูกค้าเเล้วลวนลามต่อเเบบนั้น "
"เอ่อ คือผม" โดแวนเงยหน้าขึ้นพลางส่งสายตาอ้อนวอนไปหาผู้จัดการสุดฤทธิ์
"เรื่องน้ำเเข็งใสผมไม่รู้จริงๆ ผมเเค่ได้ยินเสียงเเก้วเเตก พอดูอีกทีก็เป็นเเบบที่ผู้จัดการเห็น ส่วนเรื่องลวนลาม เอ้ย! หมายถึงเรื่องนั้นผมเเค่ตั้งใจจะช่วยเช็ดให้ลูกค้าเท่านั้น เเต่ผมรีบไปหน่อยเลยไม่ทันคิดหน้าคิดหลัง " โดแวนตอบคำถามเสร็จก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง เพราะรู้ดีว่าคำอธิบายของตัวเองคงไม่พอให้ผู้จัดการยกโทษให้เเน่ๆ
"งั้นหรอ เเต่ที่ฉันเห็นคือนายเดินถือถาดน้ำเเข็งใสอย่างเหม่อลอย จากนั้นนายก็จงใจ เทน้ำเเข็งใสใส่ลูกค้า นายมีอะไรจะเเก้ตัวมั้ย" โดแวนเงยหน้าขึ้นสบตาผู้จัดการอยู่พักนึงก่อนจะเอ่ยตอบไป
"ไม่ครับ" จากนั้นเขาก็รีบพาร่างของตัวเองออกจากห้องฝ่ายบุคคลโดยทันที
"ฉันหวังว่าจะไม่เจอนายที่นี่พรุ้งนี้อีกน่ะ" นั้นคือเสียงสุดท้ายของผู้จัดการก่อนที่โดแวนจะปิดประตูห้องลง ยังไงเขาก็ไม่ได้สนใจคำพูดนั้นซักเท่าไหร่ ทำไมน่ะหรอ ก็เพราะเขารู้ดีอยู่เเล้วไงว่าผลต้องมาเป็นเเบบนี้
"ตกงานอีกเเล้วเรา กลับบ้านไปหาไอ้ตูบดีกว่า"
หลังจากผ่านสมรภูมิชั่วโมงเร่งด่วนในกรุงเทพที่กินเวลาโดแวนไปเกือบสองชั่วโมง จนเเล้วจนรอดเขาก็มายืนอยู่หน้าบ้านสองชั้นสีขาวสะอาดที่เเสนคุ้นเคย โดแวนเดินเข้าบ้านอย่างเงีบบๆก่อนจะวางกระเป๋านักเรียนเเล้วเอนตัวบนโซฟาในห้องนั่งเล่น
"เฮ้อ วันนี้เป็นวันที่น่าเบื่อจริงๆน่ะ" โดแวนพูดกับไอ้ตูบสุนัขพันธ์ุดอกกี้ ที่บัดนี้คลอเคลียอยู่บนโซฟาข้างๆเขา
"อ่าวโดเเวนกลับมาเเล้วหรอลูก เข้ามากินข้าวในครัวก่อนสิ พ่อของลูกก็พึ่งกลับมาเองน่ะ"
"ครับคุณนายมินิกัล" ไม่ต้องเเปลกใจที่โดแวนมักจะเรียกคุณเเม่เเบบนี้เสมอ เขาว่าออกจะน่ารักดีด้วยซ้ำ จริงๆเเล้วท่านชื่อว่า ซัลลิเวนน่า มินิกัล เริ่มเห็นรึยังล่ะว่า
ครอบครัวของโดแวนน่ะเเปลกจะตาย ชื่อธรรมดามีตั้งมากมายก็ไม่ตั้งกันส่วนเเต่ละชื่อที่ตั้งกันก็เเปลกเเสนเเปลก อ้อ! ลืมบอกไป ไหนๆก็ไหนๆเเล้ว ทั้งโดแวนทั้งเเม่ ชื่อเเปลกขนาดนี้เเล้วก็อย่าหวังเลยว่าพ่อจะมีชื่อธรรมดาอย่างใครเขา
"สวัสดีครับ คุณเมลินทริกซ์ มินิกัล " โดแวนเอ่ยทักทายพ่อเต็มยศก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับท่าน ส่วนพ่อก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขาเเป๊ปนึงก่อนจะกลับไปสาระวนกับอาหารของตัวเองต่อ
"พ่อครับเเม่ครับผมมีเรื่องจะบอก" โดแวนตัดสินใจจะบอกเรื่องที่ถูกไล่ออกจากงานให้พ่อกับเเม่รู้
"เเม่เองก็มีเรื่องจะบอกลูกเหมือนกันจ่ะ เเต่เอาเถอะ ลูกเล่าเรื่องของลูกก่อนดีกว่า"
"คือผมโดนไล่ออกจากงานเเล้วน่ะครับ" โดแวนบอกออกไปในที่สุดพร้อมทั้งเตรียมรับมือกับสายตาผิดหวังจากคุณนายเเละคุณมินิกัล เเต่เอ๋ๆ หรือเขาจะคิดไปเอง โดแวนไม่ยักจะเห็นพ่อกับเเม่ทำหน้าผิดหวังหรือเสียใจอะไรเทือกนั้นเลย กลับมีหน้ามาปั้นยิ้มใส่เขาอีก
"ลูกรู้ไหมจ๊ะว่าวันนี้เป็นวันอะไร" โดแวนได้เเต่ขมวนคิ้วอย่างสงสัย
"อะไรกัน ลูกลืมวันเกิดตัวเองหรือจ๊ะ โธ่! ลูกเเม่ สงสัยจะทำงานหนักไปจริงๆ" เเล้วโดแวนก็ถึงบางอ้อ จริงสิน่ะ ลืมไปสนิทเลยวันนี้ 23 กุมภานี้น่า วันเกิดครั้งที่18ของเขาก็มาถึงเเล้วสิน่ะ
"เเต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะบอกลูกหรอกน่ะ" คราวนี้เป็นเสียงของคุณเมลินทริกซ์ มินิกัล พ่อเงียบไปพักนึงเหมือนกำลังเรียบเรียงคำพูด ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง
"ลูกยังจำสมัยเด็กๆที่โดนเพื่อนล้อเรื่องชื่อได้ใช่มั้ย" โดแวนพยักหน้าเเต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ก็จะให้จำไม่ได้ได้ยังไง ถ้าไม่ใช้ว่าเขาคิดเรื่องนี้อยู่ตอนทำงานละก็ เขาคงไม่โดนไล่ออกเเบบนี้
" ลูกคงจะรู้สึกว่าชื่อของครอบครัวเราเเปลกเเละเเตกต่างอย่างมาก จนเหมือนกับว่าเป็นชื่อที่มาจากอีกโลกนึง ถ้าลูกคิดเเบบนั้นพ่อก็ต้องขอบอกว่าลูกคิดถูกเเล้ว" เท่านั้นเอง ดวงตาของผมที่เคยสงบนิ่งก็เเทบจะถล่นออกมาจากเบ้า
"นี่พ่อ กำลังจะพูดว่า เอ่อ.. พวกเราเป็น เอเลี่ยนหรอครับ"
"พรืด 55555" เสียงสำลักน้ำของคุณเเม่ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะของคุณพ่อ
"ถ้าลูกกำลังหมายถึงเอเลี่ยนตัวเขียวๆมีตาเดียวเเบบที่ลูกกำลังคิดก็ไม่ใช่หรอกจ่ะ" คิ้วของโดแวนก็ขมวดลงอีกฉับพลัน ตอนนี้เขางงไปหมดเเล้ว หรือนี้อาจจะเป็นเเผนฉลองวันเกิดของเขาก็ได้ ใช่ๆ ต้องเป็นเเบบนั้นเเน่
"นี้ไม่ใช่เเผนเเบบที่ลูกคิดหรอกน่ะ ฟังพ่อเขาเล่าต่อเถอะ" โดแวนได้เเต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย คุณเเม่มารู้ได้ยังไงว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เเต่โดแวนก็ทำได้พียงเเค่เก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน
" เอาล่ะ คือจริงๆเเล้วทั้งพ่อเเละเเม่ รวมถึงลูกด้วยไม่ได้เป็นพลเมืองของโลกนี้หรอกน่ะ โลกที่พวกเราจากมาน่ะ มีชื่อว่า กราเซียน่า ที่นั้นพวกเราใช้ชีวิตต่างจากที่นี่เพราะพวกเรามีสิ่งที่มนุษย์ที่
โลกนี้เรียกว่า เวทมนต์ "
"เป็นไปไม่ได้ " โดแวนโพล่งออกไปอย่างสุดจะระงับอารมณ์ "พ่อจะให้ผมเชื่อได้หรอครับว่า โลกที่ผมอยู่มา18ปีไม่ใช่โลกของผม พ่อจะบอกผมว่าพ่อกับเเม่มาจากอีกโลกหนึ่ง เเละจะบอกว่า พ่อกับกับเเม่มีเวทมนต์เเบบนั้นหรอครับ "
"ใช่จ่ะ"พ่อกับเเม่ประสานเสียงตอบเเข็งขันพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมาเป็นของเเถม
"โอ๊ยๆ มันจะบ้ากันไปใหญ่เเล้ว ถ้าพ่อกับเเม่คิดว่าจะหลอกผมได้ด้วยเรื่องเเค่นี้ ผมขอบอกเลยว่าคิดผิด" ไร้เสียงตอบรับใดๆจากท่านทั้งสอง บัดนี้ความเงียบเข้าครอบงำห้องครัวเล็กๆเเห่งนี้ให้ปราศจากเสียงอื่นใด ความอึดอันที่ถาโถมเเต่ก็มาพร้อมกับอารมณ์ของสมาชิกในห้องที่เคยเดือดพล่านให้ค่อยๆสงบลงก่อนที่เสียงของผู้เป็นเเม่จะเอ่ยทำลายความเงียบที่เเสนอึดอัดให้หายไป
"ลูกต้องเปิดใจเเละยอมรับ เรื่องที่พ่อกับเเม่พูดไปทั้งหมดเป็นความจริง ลูกไม่สังเกตุหรอว่าช่วงที่เราคุยกันเเม่มักจะล่วงรู้ความคิดของลูกเสมอ"
"เเต่เรื่องนั้น เเม่อาจจะเดาจากสีหน้าผมก็ได้นี่ครับ" โดแวนตอบกลับไปทันทีด้วยเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิมมาก
"เเล้วทำยังไงลูกถึงจะเชื่อที่พ่อกับเเม่พูดล่ะจ๊ะ" โดแวนเงยขึ้นมองเเววตาอาทรของเเม่ที่ไม่มีสักครั้งที่เเววตาคู่นั้นจะเปลี่ยนไป "ผม..ผมเเค่ อยากเห็นเวทมนต์ก็เท่านั้น" ยังไม่ทันที่โดเเวนจะพูดจบ ห้องที่เคยสงบบัดนี้ กลับรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนเเปลงที่เกิดขึ้น บางสิ่งที่เรียกร้องกำลังปลุกบางสิ่งให้ตื่นขึ้น สัมผัสที่เคยปิดกั้นบัดนี้กลับเปิดเผย ใจที่เคยไม่ยอมรับบัดนี้กลับเชื่อโดยสนิทใจ
"นี้น่ะหรือเวทมนต์" โดเเวนครางกับตัวเองก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงไอเย็นปริศนาที่บัดนี้ปกคลุมห้องเเห่งนี้อย่างยากที่จะหยั่งถึง ฉับพลันเเสงเงินที่เจิดจ้าเเต่กลับสบายตาก็เเผ่ซ่านจากสองบุคคลที่คุ้นเคย นัยก์ตาเบิกกว้างกับใจที่เต้นรัวผิดกับร่างกายที่เย็นเฉียบ บอกให้รู้ถึงอารมณ์ตกใจอย่างสุดขีด สองร่างที่คุ้นเคยตรงหน้าบัดนี้กลับเเปลกไป ร่างหนาของชายตรงหน้า ที่ใหญ่โตขึ้นผิดกับเเต่ก่อน เส้นผมที่เคยสั้นกลับยาวประบ่า ผิวที่ขาวรับกับโครงหน้าเรียวเกลี่ยด้วยใยผมดำสนิท ฉับพลันร่างบางของหญิงสาวที่เคยเรียกว่าเเม่บัดนี้ ก็ดูจะไม่เหมือนเดิมนัก เเม้ผมจะไม่ได้ยาวขึ้นเเต่สีกลับไปจากดำสนิทกลับทอประกายสีเทาเเววตาดำขลับที่เคยเห็นบัดนี้เจือสีม่วงอย่างแปลกตา
"นี่พ่อกับเเม่จริงหรอครับ" โดเเวนคลางเสียงต่ำ ไร้เสียงตอบรับใดๆมีเพียงรอยยิ้มบางที่เเฝงไปด้วยความเอ็นดูส่งมาเเทนการตอบคำถามนั้น
พ่อ เเม่ รวมถึงตัวเขาเองปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่อาจรู้ได้ เพราะในหัวโดแวนตอนนี้ว่างเปล่าเกินกว่าจะตระหนักถึงความคิดใดๆได้ มันช่างมากมายเหลือเกิน สำหรับของขวัญวันเกิดในปีนี้ มากจนเขาไม่คิดว่าจะสามารถรับมันไว้ได้
ในขณะที่โดแวนปล่อยให้จิตใจไหลไปตามห้วงนทีเเห่งความคิด พลันเสียงของหญิงสาวเเปลกตาตรงหน้าก็ปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์เเห่งความคิด
"เอาล่ะ ในเมื่อลูกรู้เรื่องทุกอย่างเเล้ว เเม่ก็จะเข้าเรื่องจริงๆสักที" น่าเเปลก หากใช้ตาดูก็ต้องยอมรับว่าเเม่เปลี่ยนไปเเต่หากใจเข้าสัมผัส โดแวนก็รู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงที่พูดอยู่คือเเม่ของเขาเเน่ๆ
โดแวนระบายยิ้มออกมากับความคิดนั้น พลางสบตาสีม่วงคู่งามเป็นเชิงให้เเม่พูดต่อ
"ปีนี้ลูกก็อายุ18เเล้วสิน่ะ ในกราเซียน่า มีธรรมเนียมว่าเด็กทุกคนที่มีอายุ18 ปีต้องไปสอบเข้าวิทยาลัยเซนต์ซาเฟียน่า" สมองของโดแวนประมวนผลอยู่พักนึงก่อนจะถามเเม่กลับ "หมายความว่าผมก็เเค่ไปสอบที่นั้นใช้ไหมครับ "
"ไม่ใช่เเค่ไปสอบหรอกน่ะ ลูกต้องเข้าเรียนที่นั้นให้ได้"คราวนี้เป็นเสียงของพ่อที่ดังเเทรกขึ้น
"ไม่มีทางหรอกครับ เวทมนต์อะไรนั้นผมก็ยังใช้ไม่เป็นจะให้ไปสอบเเข่งกับคนที่โตที่นั้นได้ยังไง" โดแวนเถียง คราวนี้เป็นเเม่ที่ระบายยิ้มก่อนจะขยับริมฝีปากบางตอบเขา
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงจ่ะ เเม่เตรียมการไว้หมดเเล้ว ขอเเค่ลูกตั้งใจ พ่อกับเเม่ก็เชื่อว่าลูกทำได้เเน่ ทำเพื่อพ่อกับเเม่ซักครั้งน่ะลูก"
"ยังไงผมก็ไม่มีทางเลือกอยู่เเล้วหนิ เเต่บอกไว้ก่อน ถ้าผมทำไม่สำเร็จก็อย่ามาว่ากันน่ะครับ" ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้โดแวนตอบไปเเบบนั้น เวลานี้เขาคงทำได้เเค่เเอบถอนหายใจเบาๆเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ ต่อจากนี้ชีวิตของดดแวนจะเป็นยังไง ชีวิตที่มีคำว่า 'เวทมนต์' เข้ามาเกี่ยวข้อง เขาเองก็ไม่อาจคาดเดา
"อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด" โดแวนปลอบใจตัวเองก่อนจะเอนกายที่เหนื่อยล้า เปลือกตาก็พลันหนักอึ้งเเละค่อยๆปิดลงมาพร้อมกับประตูเเห่งความเงียบสงบที่เปิดขึ้นเพื่อต้อนรับเขาที่เดินเข้าไปเพื่อหลับใหลสู่ห้วงแห่งนิทราอันยาวนาน
เสียงเหล่าวิหคขับร้องเพลงธรรมชาติกันเจื้อยเเจ้วเปรียบเสมือนนาฬิกาปลุกชั้นดีให้เด็กหนุ่มหนึ่งเดียวในห้องกว้างค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วห้องอย่างเคยชินจนมาหยุดที่ริมหน้าต่างบานหรูที่กว้างพอให้เห็นทิวทัศน์ด้านนอกอย่างชัดเจน เเสงเเดดอ่อนๆในยามเช้าโลมเลียน้ำข้างใสบนหยอดหญ้าให้ระเหยเป็นไอวนเวียนไปดั่งวัฏจักรไม่หยุดนิ่ง ภาพเหล่าวิหคคลอเคลียกิ่งพฤกษาชวนให้รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนใบหน้าที่งดงามราวรูปสลัก??
ก่อนร่างนั้นจะเคลื่อนกายเพื่อไปเตรียมตัวออกเดินทางเพราะตระหนักได้ถึงเวลาที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ
ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะได้ทำตามประสงค์ จู่ๆก็หยุดนิ่งอยู่ตรงหน้ากระจกก่อนนัยน์ตาจะเบิกกว้างตามด้วยปากบางที่ตะโกนอย่างสุดเสียงด้วยความตกใจ
"แม่ครับ มีคนบุกรุก"
เสียงร้องของลูกชายหัวเเก้วหัวเเหวนทำเอาคุณเเละนางมินิกัลตกใจไปครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมาสบตากัน พลันในเเววตาก็ปรากฏรางเรือนเเห่งเลศนัยตามด้วยรอยยิ้มจางๆที่มิอาจปกปิดความขบขันเอาไว้ได้มิด
"ไปดูลูกกันค่ะ ดูสิเเกตกใจหมดเเล้ว"
นางมินิกัลพูดขึ้นเเต่สายตากลับไม่เจือความสงสารเเม้เพียงนิด หากเเต่เเฝงไปด้วยความตื่นเต้นในเเววตาระริก
"ไปสิ ผมก็อยากเห็นเเกในเเบบที่เเท้จริงเหมือนกัน" นายมินิกัลว่าพลางกุมมือภรรยาเดินขึ้นบันไดสู่ตัวบ้านชั้นสองอย่างรวดเร็ว
ประตูไม้สักถูกเปิดออกจากด้านนอกห้องก่อนจะปรากฏร่างสองสามีภรรยาที่โดแวนรู้จักเป็นอย่างดี เขาไม่รอช้าที่จะตรงเข้าหาท่านทั้งสองพร้อมกับเล่าเรื่องราวที่เพิ่งได้เจอ
"เมื่อกี้ครับพ่อ เเม่ ผมเดินผ่านกระจกบานนั้นเเต่ผมกลับไม่เห็นเงาของตนเองเเต่กลับเป็นของคนอื่น ผมว่าอาจจะมีคนบุกรุกบ้านเราน่ะครับ"
"ใจเย็นก่อนโดเเวนลูกรัก เเม่ว่าบางทีอาจไม่มีอะไรน่าตกใจ ไหนลูกลองบอกเเม่สิว่าคนที่ลูกเห็นเขาเป็นยังไง"
"เขา เอ่อ เขามีดวงตาสีอเมทิสต์กับคิ้วเรียวสวยรับกับเรือนผมดำสนิทตัดกับผิวขาวดุจน้ำนม รูปร่างสูงโปร่งเเต่ยังคงมีมัดกล้ามงดงาม รู้สึกเขาจะใส่เสื้อเหมือนๆผมด้วยแหละรวมๆเเล้วยังกับเทพบุตรเเหน่แม่"
"คิๆ" นาวมินิกัลหลุดขำกับคำว่าเทพบุตรของลูกชายก่อนจะว่างมืออย่างเเผ่วเบาบนไหล่ทั้งสองของโดเเวนพร้อมพามาหยุดที่กระจกบานเดิมอีกครั้ง
"คราวนี้ลูกยังเห็นเขาอยู่รึเปล่า "
"เห็นครับ เอ๋??? เเม่ ทำไมในกระจกมีเเม่ด้วยล่ะเเถมจับไหล่เขาเหมือนที่จับไหล่ผมด้วย"
"เเล้วลูกคิดว่ายังไง" นายมินิกัลเอ่ยขึ้นบ้าง โดแวนหันไปสบเเววตาของพ่ออยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมาสบเเววตาอาทรของเเม่
"หรือว่า คนที่เห็นคนนั้นก็คือผมเองสิน่ะครับ" เป็นเเม่ที่เอามือออกจากไหล่ผมเเล้วมาขยี้หัวโดแวนเบาๆเเทน
"ใช่เเล้วจ่ะ เมื่อคืนเเม่เพิ่งจะคลายเวทย์สะกดกายของลูกออกเพราะเห็นว่าเรากำลังจะไปกราเซียน่าจึงไม่มีอะไรต้องปิดบังอีก"
"ความจริงพ่อก็เพิ่งเห็นร่างที่เเท้จริงของลูกเมื่อกี้เอง เมื่อคืนน่ะ เเม่เขาไม่ยอมให้พอดูเด็ดขาดเลย จะว่าไปก็ดูดีเเบบพ่อตอนวัยละอ่อนไม่มีผิด หรือลูกไม่ชอบ?" โดแวนสะบัดหัวไปมาแรงๆเป็นการบอกว่าไม่ใช่เเบบนั้น
"ผมชอบมากต่างหากละครับไม่คิดเลยว่าจะดูดีได้ขนาดนี้"
"ดีเเล้วล่ะจ่ะ เพราะถึงลูกไม่ชอบเเม่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี เอาล่ะอีก15 นาทีเเม่หวังว่าสัมภาระของลูกจะไปปรากฏที่ชั้นล่างน่ะ รวมถึงคุณด้วยเมลินทริกซ์"
หลังจากโองการอาญาสิทธิ์ของท่านเเม่ โดแวนกับพ่อก็ได้เเต่ก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของของตัวเอง หากไม่ใช่เเม่ที่มาขัดตาทัพเมื่อกี้ โดแวนกับพ่อคงคุยเรื่องไร้สาระกันอีกนาน
ก็อย่างที่ทุกคนเห็นบ้านหลังนี้มีเเม่เป็นช้างเท้าหน้า ตั้งเเต่จำความได้ความโหดของเเม่ก็เป็นที่ลือเลื่องในโรงเรียน (ลืมบอกไปที่โลกนี้เเม่ผมเป็นครูสอนคณิตครับ><)
เวลาผ่านไป15 นาทีไม่มีขาดไม่มีเกินโดแวนกับพ่อพร้อมกระเป๋าสัมภาระก็มายืนพร้อมหน้ากันที่ตัวบ้านชั้นล่าง เพียงเเต่เมื่อเขามองไปรอบๆตัวก็ถึงกับพงะกับข้าวของมากมาย ทั้งที่เขาคิดว่าจำเป็นบ้างไม่จำเป็นบ้าง(เเต่ในสายตาของเเม่คงมองว่าจำเป็นหมด) ถูกวางกองจนตัวบ้านที่โดแวนเคยคิดว่าใหญ่บัดนี้กลับไม่เหลือที่พอให้เเทรกตัวเดิน!
"แม่ครับถ้าเราต้องเเบกของทั้งหมดนี่ไปกาเซียน่า มีหวังได้หลังหักก่อนถึงเเน่ๆ"
คราวนี้ทั้งพ่อ ทั้งเเม่ระเบิดเสียงหัวเราะกันท้องขดท้องเเข็ง โดแวนส่งสายตาบอกบุญไม่รับไปทางพ่อตัวดีที่ปกติจะคอยเข้าข้างเขาเสมอ เเต่ครั้งนี้ก็เป็นไปกับเเม่ด้วย
" โอ๊ย ฮาๆ พ่อปวดท้องไปหมดเเล้ว นี่ลูกคิดว่าเรามีเวทมนต์ไว้ดูเล่นอย่างงั้นหรอ"
"ก็เเล้วมันยังไงกันเล่า"
ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงบุคคลเดียวภายในบ้านที่ขยับร่างกายวาดมือออกอย่างเเผ่วเบาเผยให้เห็นวงเวทย์สีเงินยวงก่อนจะเปลี่ยนเป็นหลุมกว้างที่มิอาจคาดคะเนความลึกได้
"เวทย์บนนี้เรียกว่า เซฟเทียน่า เป็นเวทมนต์ พื้นฐานที่ชาวกราเซียน่านิยมใช้ในการเก็บสัมภาระต่างๆ" ยังไม่ทันที่เเม่จะพูดจบดี ข้าวของที่กองพะเนินภายในบ้านก็สั่นระริกราวกับรู้งาน ก่อนจะพากันกระโจนสู่หลุมลึกนาม 'เซฟเทียน่า' เเละหายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อหลุมปริศนาปิดตัวลง
โดแวนได้เเต่มองเหตุการณ์อย่างหวาดๆ
ทันใดนั้นก็ปรากฏวงเวทย์ขนาดใหญ่ใต้เท้าของโดแวนและค่อยๆปรากฏวงต่อมาที่ใต้ฝ่าเท้าของเเม่เเละพ่อ อักขระเวทย์มากมายหมุนเวียนก่อนจะเเปรเปลี่ยนเเละทอประกายสีเงินห้อมล้อมสมาชิกเพียงสามคนในบ้านหลังนี้ ชั่วอึดใจความเงียบก็โรยตัวอย่างช้าๆพร้อมกับการหายไปของกลุ่มคนที่เคยมีอยู่บ้านหลังงามกลับสู่คงามสงบในขณะที่เวทย์เคลื่อนย้ายเริ่มทำงานนำพาพวกเขาไปสู่ดินเเดนนาม กราเซียน่า
ทันใดนั้นก็ปรากฏวงเวทย์ขนาดใหญ่ใต้เท้าของโดแวนและค่อยๆปรากฏวงต่อมาที่ใต้ฝ่าเท้าของเเม่เเละพ่อ อักขระเวทย์มากมายหมุนเวียนก่อนจะเเปรเปลี่ยนเเละทอประกายสีเงินห้อมล้อมสมาชิกเพียงสามคนในบ้านหลังนี้ ชั่วอึดใจความเงียบก็โรยตัวอย่างช้าๆพร้อมกับการหายไปของกลุ่มคนที่เคยมีอยู่บ้านหลังงามกลับสู่คงามสงบในขณะที่เวทย์เคลื่อนย้ายเริ่มทำงานนำพาพวกเขาไปสู่ดินเเดนนาม กราเซียน่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น