ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (FIC.KNB) NEXT ROOM ; AKAKURO

    ลำดับตอนที่ #2 : ♡ C H A P T E R 2. คนข้างห้อง

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 60



    CHAPTER2.
    คนข้างห้อง ?





                   ร่างสูงเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน มือหนาจับเข้าที่มือของผม ใบหน้าร้อนผ่าวบวกกับแก้มทั้งสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่อนั้นทำให้ชายเจ้าของเรือนผมสีแดงยกยิ้มละมุนให้ ไม่อยากจะคิดมาก่อนเลยว่าจะได้เจอ..



                  “นายคง..จะเป็นคนข้างห้องของฉันสินะ ?” อาคาชิค่อยๆโน้มใบหน้าหล่อคมคายเข้ามาใกล้ ใบหน้าที่ห่างกันไม่ถึงคืบทำเอาผมแอบกลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ลง



                   “ครับ..ผมคือคนข้างห้องของอาคาชิคุง..”



                   “หืม.. แล้วอยากเป็นอะไรมากกว่าคนข้างห้องมั้ยล่ะ ?” ร่างสูงกระตุกยิ้มขึ้นมุมปาก ถ้าให้พูดถึงตอนนี้ดาเมจคนตรงหน้ามันรุนแรงมากซะจนก้อนเนื้อในอกของผมนั้นเต้นแรงจนแทบจะทะลักออกมา



                   “อะไรคือมากกว่าคนข้างห้องเหรอครับ..” ผมถามแล้วก้มหน้ามองพื้นจนคางติดอกอย่างเขินอาย



                   วินาทีนี้มันเหมือนกับว่ามีผีเสื้อหลายตัวบินอยู่ในท้อง! นี่อย่าบอกนะว่า…



                   “ก็อย่างเช่น..แฟนของฉันยังไงล่ะ☺”

                   .
     

                   .
     

                   .

                   กร๊าซซซซ!! อะไรจะขนาดนั้นอ่ะ บอกตรงๆแบบนี้ผมก็ระเบิดเป็นโกโก้ครั้นซ์สิครับรออะไร! -//////-



           





                   อาคาชิเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าที่ทำหน้าเพ้อฝันอย่างงุนงง เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกว่ามีท่าทีเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เขาจึงยื่นมือมาโบกพัดหน้าคุโรโกะเบาๆเรียกสติ คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงเมื่อได้สติคืนมา นั่นทำให้ชายผมแดงหัวเราะในลำคอเบาๆอย่างนึกเอ็นดู



                   แต่ผมก็ยังคงเห็นหน้าอาคาชิซ้อนทับกับฝันที่กำลังคิดเองเออเองอยู่ในหัว



                  ได้เจอตัวเป็นๆแล้ว..ดูดีกว่าในทีวีอีก...



                  “เอ่อคือ..”



                  “นายคง..จะเป็นคนข้างห้องของฉันสินะ ?” 



                  เหมือนกับเทปที่วนลูปกลับมารีเพลย์ใหม่อีกรอบ เหตุการณ์ตอนนี้เหมือนกับสิ่งที่ผมคิดในหัวก่อนหน้านี้..หรือว่า..มันจะเป็นเดจาวู



                  “ครับ..ผมคือคนข้างห้องของอาคาชิคุง..” ผมสวมบทบาทตอบเหมือนความคิดที่คิดเองเออเองอย่างเก้ๆกังๆเพราะมันเริ่มชักจะแปลกๆเมื่อคำพูดมันเหมือนเกินไป



                   แต่จะต่างกันตรงการกระทำ เพราะเจ้าตัวเข้ามาก็แค่ทักเขาเฉยๆเท่านั้นไม่ได้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หรืออย่างใด ถึงอย่างนั้นมันก็เหมือนจนขนาดผมได้แต่ก้มมองเท้าตัวเองไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองไอดอลหน้าหล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้าซะงั้น!



                   อาคาชิพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินมานั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามก่อนจะเปิดประเด็นที่คนข้างห้องเรียกเขามา



                   “เรียกฉันมามีอะไรเหรอ ? เอ่อนายคือ..”



                  “คุโรโกะ เท็ตสึยะครับ!” ผมรีบเงยหน้าบอกชื่อของตัวเองโดยไม่สนภาพลักษณ์ตัวเองสักนิด ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะจากคนตรงหน้า บ้าเอ้ย..ไม่น่ารีบแทรกเลย



                  “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอก ฉันอาคาชิ เซย์จูโร่” เขายิ้มให้อย่างเป็นมิตรแล้วยื่นมือมาหาผม


                  “เอ๊ะ..”



                  “หืม..?”



                  “จะ..จะทำอะไรเหรอครับ!?”



                  “ก็จะจับมือทักทายคนข้างห้องยังไงล่ะ”



                   เห้ย!! การที่จะได้จับมือคนคนนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากนะ เพราะเจ้าตัวเป็นถึงไอดอลคนดัง เหมือนของแรร์ที่หาได้ยากมากสำหรับพวกแฟนคลับ!

                   .


                   .

                   แต่ผมดันได้มาแบบง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ ของแบบนี้ไม่ควรพลาด!!



                   ผมรีบตะปบมือของอีกคนแล้วกระชับทันที โอกาสอย่างนี้มีไม่มากหรอกนะ มือที่นุ่มแถมอบอุ่นแบบนี้..สมแล้วที่เป็นไอดอลของผม



                   “เอ่อ..” เหมือนจะเผลอจับมืออีกคนแน่นเกินไป อาคาชิเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้าจะบีบมือตัวเองทำไม ผมรีบปล่อยมืออีกคนให้เป็นอิสระแล้วยิ้มแหยให้ก่อนจะเอานิ้วชี้เกาแก้มตัวเองแก้เก้อ



                   “สรุปแล้วมีเรื่องอะไรเหรอ ? คุโรโกะคุง” อาคาชิเริ่มเบี่ยงเข้าประเด็นอีกครั้ง ผมได้แต่อึกอั่กในลำคอไม่กล้าพูดออกไปว่าอีกคนมารบกวนเวลาดูรายการวาไรตี้รายการโปรด 



                   ประเด็นไม่ใช่อะไร เขาตั้งใจจะดูไอดอลหน้าหล่อที่กำลังฮอตต่างหาก และมันก็เป็นคนคนเดียวกับคนตรงหน้าด้วย…



                   แม่เจ้าโว้ยยยยยยยยยยย!!!



                   โอกาสมาถึงแล้ว ผมจะปล่อยเหยื่อที่เดินเข้ามาในกำมือหลุดออกไปไม่ได้! จะต้องทำอะไรสักอย่าง ทำอะไรก็ได้ให้เขาคนนั้นมาสนใจแฟนคลับอย่างผม!


                    .


                    .

                   อยากได้



                   มันเป็นคำในหัวของผมคำแรกที่เจออาคาชิคนนี้!





                   “แหะ..ไม่มีอะไรหรอกครับอาคาชิซัง” ผมปฏิเสธแล้วแอบชายตาไปมองโฮชิซังที่เลิกคิ้วขึ้นอย่างงงงวยกับสถานการณ์



                   “อาคาชิซัง ? ฉันว่านายเรียกอย่างอื่นจะดีกว่านะ”



                   “หมายถึง..?”



                   “เรียกฉันว่าอาคาชิคุงก็ได้ ไม่ต้องทางการมากหรอก”



                   “คะ..ครับ! อาคาชิคุง” คุโรโกะว่าแล้วยิ้มกว้างจนตาปิด ไม่อยากจะบอกคุณผู้อ่านเลยว่าตอนนี้มีความสุขจริงๆที่ได้เจออาคาชิตัวเป็นๆมานั่งอยู่ต่อหน้าต่อตาแบบนี้



                   โฮชิเลิกคิ้วขึ้นสูงกว่าเดิม คนผมฟ้าให้เขาโทรหาชายผมแดงให้ลงมาเคลียร์ไม่ใช่หรอกเหรอ และเพราะมันช่างแตกต่างกับตอนแรกเหมือนหลังตีนเป็นหน้ามือ ก่อนหน้านี้เขาเห็นคุโรโกะคนนี้อารมณ์เสียหน้าบูดเหมือนกินรังแตนมาไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้ถึง..



                   “คุโรโกะคุง ไหนบอกว่า…”



                   “โฮชิซัง ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ ผมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะ ขอบคุณมากๆเลยครับ” ผมรีบพูดตัดประโยคของโฮชิซังทันที



                   เพราะถ้าเกิดคนที่ผมเล็งไว้รู้ธาตุแท้ของผมขึ้นมาอาจจะไปได้ไม่สวย เผลอๆอาจจะนกตั้งแต่ยังไม่เริ่มจีบด้วยซ้ำ ผมไม่ยอมหรอกนะ!















                  วันต่อมา



                   ห้องสมุด



                   “ห๊า! จริงเหรอคุโรโกจจิ” คิเสะถึงกับร้องเสียงหลงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เมื่อเพื่อนสนิทผมฟ้าอย่างคุโรโกะเล่าเรื่องราวที่ไม่น่าเป็นไปได้เมื่อคืนให้ฟัง และเหมือนคุโรโกะจะรู้ว่าคิเสะคิดยังไง คนตัวเล็กกว่าเบ้ปากน้อยๆพลันมองหนังสือในมือ



                  “ผมก็ไม่คิดเหมือนกันครับ..แต่ถ้ามันเกิดขึ้นไปแล้วก็ดีไม่ใช่เหรอ ?”



                  “ช่ายๆ มันก็ดีอยู่หรอกนะคุโรโกจจิ แต่ว่า…” คิเสะถอนหายใจออกมายาวพรืด ทำให้คุโรโกะที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนตัวสูงกว่าอย่างสงสัย



                  “แต่อะไรเหรอครับคิเสะคุง ?”



                  “จะว่ายังไงดีล่ะ.. เขาเป็นไอดอล ส่วนนายเป็นแฟนคลับ นายคงจะเข้าใจความรู้สึกแฟนคลับคนอื่นดีใช่มั้ยว่าเวลาใครอยู่ใกล้คนที่ตัวเองชอบแล้วมันรู้สึกยังไง ยิ่งช่วงนี้อาคาชิคุงมีสโตกเกอร์ติดตามอยู่ด้วย”



                  “สโตกเกอร์เหรอครับ..”



                  “อ่าใช่แล้ว สโตกเกอร์น่ะอันตรายนะคุโรโกจจิ ถ้าเกิดพวกนั้นเห็นนายไปคุยกับ…”



                  “ผมก็เป็นสโตกเกอร์ของเขานะ”



                   “...!!!”



                  คิเสะนึกอยากจะทึ้งหัวตัวเองแล้วกระแทกมันกับโต๊ะแรงๆให้แตกกันไปข้าง ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย คุโรโกะยืนขึ้นโดยไม่ลืมหยิบหนังสือที่เจ้าตัวอ่านไปเก็บเข้าที่



                  เขาเดินเข้ามาในโซนหนังสือภาษาอังกฤษก่อนจะสอดหนังสือเข้าที่ให้เรียบร้อยแบบเดิม แล้วสอดสายตาหาหนังสือเล่มอื่นออกมาอ่านบ้าง ช่วงบ่ายโมงเป็นเวลาที่เขาเลิกคลาสแล้ว และถ้าหลังเลิกคลาสไม่ไปร้านกาแฟก็จะมาหมกตัวอยู่ในห้องสมุดกับคิเสะ เมื่อเจอหนังสือถูกใจมือเรียวก็หยิบมันออกมา แต่แล้ว..



                   “อาคาชิคุง ผมชอบคุณ...ได้โปรดรับขนมปังที่อาคาชิคุงชอบด้วยนะครับ” 



                   ภาพสองคนระหว่างช่องหนังสือตรงหน้าคือชายหนุ่มนักศึกษาหน้าหวานกำลังก้มหน้าอย่างเคอะเขิน มือสั่นค่อยๆยื่นถุงขนมปังให้ร่างสูง อาคาชิชะงักเล็กน้อยแต่ก็รับมาแต่โดยดีก่อนจะยกยิ้มขึ้นบางๆให้กับคนตัวเล็กกว่าเขา



                  ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้…รับขนมปังมาแบบนี้ก็แสดงว่าอาคาชิรับรักน่ะสิ…



                  คุโรโกะนึกแล้วก็อยากจะร้องไห้ โดนแย่งต่อหน้าต่อตาแบบนี้มันเจ็บใจไม่เบาเลย.. ชายคนนั้นยิ้มกว้างทันทีเมื่ออาคาชิรับของจากเขาแถมยังยิ้มละมุนให้อีก



                   บ้าจริง! ยังไม่ทันเริ่มก็นกซะแล้ว..
     


                   แต่แล้วร่างสูงก็ก้มมองถุงขนมปังก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา และมันทำให้เขาคนนั้นหน้าเสียกระทันหันโดยไม่ได้ตั้งตัว…



                   “โทษทีนะ..ฉันไม่ได้มีอะไรชอบเป็นพิเศษหรอก”



                   “อะ..อาคาชิคุง”



                   “ฉันยังไม่อยากรักใครหรอกนะ ขอโทษด้วย” อาคาชิว่าแล้วยื่นขนมปังกลับไปให้เจ้าของก่อนหน้านี้ ชายตัวเล็กกว่าเริ่มตัวสั่นพร้อมเสียงสะอื้นไห้ มันเป็นภาพที่ทำให้คุโรโกะถึงกับปิดปากของตัวเองแล้วร้องหูวขึ้นมาเบาๆอย่างตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าจะปฏิเสธกันแบบนี้ ริมฝีปากบางค่อยๆยกยิ้มขึ้นมาอย่างปิดไม่มิด

                   .


                   .

                  ง่อววว! เพราะมันแปลว่าผมยังไม่นกไงครับ แฮ่



                  แต่ถ้าผมทำแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าจะโดนตอกกลับมารึเปล่านะ คิดแบบนั้นแล้วมัน..









                   “ทำไมไปนานจังเลยอ่ะคุโรโกจจิ ?”



                  คุโรโกะหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ตามเดิมแล้วเปิดหนังสือเล่มใหม่อ่าน คิเสะเท้าคางมองหน้าเพื่อนผมฟ้าที่ก่อนหน้านี้ทำหน้ายิ้มแย้มอยู่กลับเป็นทำหน้าเหมือนแห้วขึ้นมาเสียได้



                   “ไปกินแห้วที่ไหนมาล่ะ ?”



                   “คิเสะคุง..”



                   “มีอะไรรึเปล่าคุโร…”



                   “ช่วยเล่าวิธีพิชิตใจของคิเสะคุงหน่อยสิครับ.. ตอนที่คิเสะคุงจีบอาโอมิเนะคุงน่ะ”



                   คนผมเหลืองเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำขอที่ไม่คิดว่าจะออกมาจากปากเพื่อนตัวเล็ก จริงอยู่ที่เขาเป็นฝ่ายเริ่มจีบอาโอมิเนะก่อน แต่ก็ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆแบบนั้น



                   “คุโรโกจจิ แต่ว่ามัน...”



                   “จะหมัดจะมวยหรืออะไรก็เล่ามาเถอะครับ เพราะผมอยากรู้มาก” คุโรโกะทำหน้าจริงจังเสียจนเขาจำเป็นต้องกลืนน้ำลายลงคอ



                   เห้ยเอาจริงดิ แผนจีบของเขามันมีความมารยาจริงๆนะ!



                   เห็นอย่างนั้นแล้วคิเสะก็ถอนหายใจออกมากับความอยากรู้ของคนตรงหน้า บอกตามตรงว่าชีวิตถึงจะปลงความเพ้อฝันแต่ไม่เคยจะปลงกับนิสัยเอาแต่ใจของคนคนนี้เลยสักครั้ง



                   “ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังก็ได้ แต่ก่อนอื่นนายต้องรู้ก่อนว่ามีสองอย่างที่นายควรมีเวลาจะอ่อย..เอ้ย! จีบใคร” คิเสะว่าแล้วชูสองนิ้วขึ้นมา นั่นทำให้คุโรโกะจ้องมาไม่วางตาอย่างสนใจ



                   “Lovely and Confident,It’s something you should have ^0<” คิเสะพูดสำเนียงติดอังกฤษคล่องปรื๋อตามประสาคนเรียนคณะอักษรศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ ตากระพริบหนึ่งข้างเป็นสโลแกนของเจ้าตัว



                    “น่ารักกับความมั่นใจเหรอครับ..” คุโรโกะกระพริบตามองชายผมเหลืองปริบๆ



                    “ช่ายๆ แค่มีสองอย่างนี้ก็ได้ใจไปเต็มๆแล้วล่ะน้า”



                    คิเสะยืดอกยืนยันคำพูดแล้วยิ้มกว้างมากกว่าเดิม นั่นทำให้คนผมฟ้ามั่นใจว่าถ้าทำตามที่เพื่อนของตัวเองเล่าให้ฟังแล้วจะต้องสำเร็จแน่นอน



                     “วิธีจีบของฉันน่ะน้า มีอยู่ว่า……..”










                 



                    คุโรโกะเดินออกมานอกระเบียงแล้วสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ บรรยากาศนอกระเบียงมีกลิ่นฝนอ่อนๆคอยแตะจมูก เขาค่อยๆแอบมองระเบียงข้างห้องที่เงียบสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่



                   ไม่แปลกใจที่อีกคนจะอยู่มหาลัยเดียวกัน เพราะอพาร์ทเม้นท์นี้มันใกล้มหาลัยจนแทบไม่ต้องนั่งรถต่อหลายสาย เอาความจริงนั่งเวสป้าคู่ใจออกไปไม่กี่กิโลก็ถึงเทย์โคแล้ว



                   แล้ว..เมื่อไหร่คนข้างห้องจะกลับมาสักทีล่ะ ?



                   ทำการมุ่ยหน้ากับตัวเองแล้วมองบับเบิ้ลบีต้นสตรอเบอร์รี่ที่ปลูกไว้ในกระถาง แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็งในเมื่อวันนี้ยังไม่ได้ทักทายคนข้างห้องเลยสักนิด สอดสายตามองประตูระเบียงข้างห้องอีกครั้งหวังให้อีกคนได้เปิดประตูออกมา แต่แค่มองไปทางระเบียงห้องก็รู้สึกดีแล้ว เขินจนทำอะไรไม่ถูกแถมยังหุบยิ้มไม่ได้ซะด้วย(เขินระเบียง?)



                   ฟรึ่บ



                   “อ่ะ..” ขณะที่คุโรโกะแอบจ้องอยู่ ประตูกระจกก็เปิดออกเผยชายผมแดงหน้าตาหล่อเหลาชื่ออาคาชิ เซย์จูโร่ และเหมือนสมองสั่งการให้ทำอะไรสักอย่าง มือเรียวรีบคว้าฝักบัวรดน้ำมาก้มหน้ารดเจ้าบับเบิ้ลบีที่เจ้าตัวปลูกไว้อย่างรวดเร็ว



                   ออกมาแบบกระทันหันแบบนี้! ใครจะใจกล้ามองต่อกันล่ะครับคุณผู้ชม



                   “อ้าว..ไงคนข้างห้อง” เสียงทุ้มของอาคาชิเอ่ยทักคุโรโกะ



                   “อะอ้าว อาคาชิคุง”



                   “ทำอะไรอยู่เหรอ ?” ร่างสูงเดินเข้ามาสุดขอบรั้วกั้นระเบียงแล้วเท้าคางมองต้นสตรอเบอร์รี่ที่คนตัวเล็กกว่ากำลังรดน้ำ



                   “กะ กำลังรดน้ำให้บับเบิ้ลบีอยู่น่ะครับ” คุโรโกะพยายามตอบไม่ให้เสียงสั่นเท่าที่จะทำได้ “คือ..ต้องรดน้ำมันทุกวันเช้าเย็นน่ะครับ ไม่งั้นผลมันจะไม่ออก”



                    “บับเบิ้ลบี ?



                    “ชื่อของมันน่ะครับ 
                   


                   
                   อาคาชิพยักหน้าเข้าใจแล้วมองไปรอบๆระเบียงแล้วหันกลับมามองคุโรโกะแบบเดิม



                   “ว่าแต่..” อาคาชิเว้นจังหวะพูดไว้ คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างลุ้นๆว่าอีกคนจะพูดอะไร ก่อนจะได้เห็นคนตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามอย่างสงสัย “ฝนตกแล้วยังจะรดน้ำอีกเหรอ ?”

                   .


                   .


                   .

                   เออว่ะ แล้วผมจะรดน้ำทำไมในเมื่อกลิ่นฝนมันเพิ่งจะแตะจมูกผมไปเมื่อกี้นี้เอง! TOT



                   “แหะๆ ฝนตกเหรอครับ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย” มันเป็นข้ออ้างหลอกเด็กอนุบาลเท่านั้นที่จะเชื่อ คุโรโกะวางฝักบัวรดน้ำลงโต๊ะไม้ข้างๆแล้วหัวเราะแห้งๆออกมา



                   “นายนี่ไม่ได้กลิ่นฝนหรือยังไงนะ” อาคาชิหัวเราะออกมาเบาๆอย่างมีมารยาทแล้วมองหน้าคุโรโกะ แก้มทั้งสองข้างของคนตัวเล็กเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด อาคาชิเลิกคิ้วถามอีกครั้ง “ไม่สบายเหรอ.. หน้าแดงเชียว”



                   “เปล่าครับอาคาชิคุง คือผม..”



                   “หืม ?”



                   “ผมแค่ร้อนน่ะครับเลยออกมายืนตากลมนอกระเบียง เพราะในห้องมันร้อนเกินไป” รีบพ่นประโยคสุดจะแถใส่อีกคนก่อนจะโดนจับผิด “แต่ว่า..หน้าผมมันแดงมากเลยเหรอครับ ?”



                  อีกคนได้แต่พยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะค่อยๆผละออกจากรั้วกั้นระเบียง คุโรโกะเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำอะไรไม่ถูก อาคาชิที่เห็นแล้วก็ยกยิ้มขึ้นมาบางๆกับการกระทำของอีกคน



                  “ฉันว่าจะออกมาตากลมเหมือนกัน แต่เห็นบรรยากาศแบบนี้แล้วก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ร่างสูงว่าแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า นั่นทำให้คุโรโกะเงยขึ้นไปมองตามได้ไม่ยาก



                   “....



                   “นายเอง..ก็กลับห้องของตัวเองได้แล้วก่อนที่ฝนจะตกอีกรอบนะ” อาคาชิว่าแล้วเข้าห้องของตัวเองไปปล่อยให้ผมยืนงงเป็นไก่ตาแตก



                   ฝนจะตกอีกแล้วเหรอ นี่ถ้าเกิดฝนไม่ตกผมกับอาคาชิคุงคงจะได้อยู่กันสองต่อสองแน่ๆ ทำไมอากาศมันไม่เต็มใจเลยล่ะ! คิดอย่างนั้นแล้วคุโรโกะก็ทำหน้าบึ้งตึงใส่ท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆดำครึ้มบดบังแสงพระอาทิตย์ เขาหยิบบับเบิ้ลบีเข้าที่ร่มใต้หลังคาแล้วเดินเข้าห้องของตัวเองบ้าง













    เป็นห่วงก็แค่พูดออกมา
    อย่ามัวแต่เก็บเงียบไว้คนเดียวเลย
    มันอึดอัดนะถ้าไม่ได้บอกว่าคิดยังไง
    ผมน่ะห่วงคุณมากๆเลยล่ะ













                   เด็ด! อาคาชิ เซย์จูโร่ ไอดอลขวัญใจสาวๆหนุ่มๆปฏิเสธรักอย่างไร้เยื่อใย!



                   ผมเลื่อนเคอร์เซอร์เม้าท์เข้ากระทู้ข่าวของไอดอลข้างห้อง มันจะเป็นอย่างนี้ทุกคืนก่อนนอนที่ผมจะต้องเข้าเว็บอาคาชิเพื่อติดตามข่าวสาร



    หัวข้อ : อาคาชิ เซย์จูโร่ ปฏิเสธรักแบบไม่มีเยื่อใยจริงๆเหรอคะ ?

    ‘จริงสิ อาคาชิเขาเป็นไอดอลนะ จะไปชอบผู้ชายได้ยังไง’
    ‘จขกท.ไม่รู้เหรอคะ เขามีคลิปแชร์ว่อนเน็ตกันเยอะแยะจะตาย’
    ‘ตามที่ความคิดเห็นข้างบนบอกค่ะ นี่คลิป – [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ 



                   ผมคลิกดูคลิปแล้วจำเป็นต้องเบิกตากว้างทันทีเมื่อในคลิปมีชายหนุ่มสองคนที่ผมเจอในห้องสมุดของมหาลัยเมื่อช่วงบ่าย อาคาชิกับอีกคนที่กำลังยืนร้องไห้จนตัวสั่น



    ‘สมน้ำหน้า ไม่มีทางที่ไอดอลหล่อๆจะมาสนใจผู้ชายหรอก’
    ‘ใช่ เพราะเขาคือคนของฉัน’
    ‘อะไรนะยะ!! เขาเป็นของเธอตอนไหนยะหล่อน!’



                   แล้วก็มีคอมเม้นท์ก่นด่ามากมายจนทำให้ผมถึงกับทำหน้าไม่สู้ดีนัก ผู้หญิงสมัยนี้มันน่ากลัวจริงๆ..






    TBC.




    Lovely and Confident
    It’s something you should have



    คำที่คีจังพูดเหมือนจะเป็นสโลแกนของฟิคไปแล้ว(ฮา)
    ไรท์แอบสงสารตัวประกอบที่ให้ขนมปังอาคาชินิสๆ
    คือพูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าจะให้อาคาชิรับของยังไงดี
    เพราะไม่อยากให้นางทำร้ายจิตใจน้องครกคุงของรีดเดอร์
    5555555555555555555555555555


    PS. อาคาชิเป็นเน็ตไอดอลที่ดังมากในญี่ปุ่น ดังมากซะจนพวกแฟนคลับถึงกับสร้างเพจให้เลยนะคะ และทุกๆวันก็จะมีคนออกมาตั้งกระทู้เกี่ยวกับเจ้าตัว ซึ่งน้องครกของเราก็ติดตามมันทุกวันเลย :D


    ขอแนะนำน้องบับเบิ้ลบีนะจ๊ะ XD
    อีกสิ่งหนึ่งที่อาจจะมีฉากฟินๆของทั้งสองได้ จุ๊ๆนะ





    อย่าลืมเม้นท์เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า
    ทุกคนคือกำลังใจของเรา ; - ;







    #ฟิคแดงดำข้างห้อง








    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×