ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ♡ C H A P T E R 3. ป้ายเชียร์
CHAPTER 3.
ป้ายเชียร์ ?
“ฮ่าๆ ช่ายๆ อาโอมิเนจจิก็ชอบทำแบบนี้บ่อยๆเหมือนกัน”
“ฉันว่ามีแฟนดีกว่าโสดอีกเนอะ ไม่เหงาด้วย แถมยัง....” ฟุริฮาตะ โควคิ เพื่อนสนิทของคิเสะเว้นคำไว้ไม่พูดออกมา
“ใช่แล้วฟุริฮาตะ! อยู่โสดๆแล้วมันช่างเหงาเปล่าเปลี่ยวหัวใจ~”
“คงจะเหงาน่าดูเลยเนอะคิเสะ”
“ถ้าเป็นฉันคงเหงาจนเหี่ยวเฉาตายแน่ๆ” คิเสะว่าแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่กลับต้องสะดุ้งเมื่อเสียงเพื่อนสนิทอีกคนเข้าร่วมสนทนา
“ผมโสดผมก็ไม่เหงานะครับ”
เหมือนคนผมเหลืองจะลืมไปว่ามีเพื่อนอีกหนึ่งคนไม่มีแฟน คิเสะรีบรูดซิบปากแล้วยิ้มแหยๆออกมา แต่ก็ยังไม่สลด
“โธ่ๆ นายก็อย่าพูดแบบนั้นสิคุโรโกจจิ อ่าใช่.. พวกนายสองคน ฉันมีเรื่องจะเล่าให้พวกนายฟังด้วยแหละ” คิเสะว่าแล้วมองเพื่อนสนิทสองคนที่กำลังนั่งเหม่อสลับกันไปมา
เดี๋ยวครับ สต๊อปเลย หยุดก่อน! ใครกันแน่ที่อย่าพูด ไม่ใช่คนตรงหน้านี้หรอกเหรอ!?
“มีอะไรเหรอครับ คิเสะคุง” คุโรโกะจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมามองอีกคนที่กำลังทำหน้าดี๊ด๊าอยู่อย่างไม่เต็มใจนัก
“เมื่อคืนน่ะ..เป็นครั้งแรกของฉันแหละ!”
“ครั้งแรก!” ฟุริฮาตะเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ต่างกับคุโรโกะที่กำลังทำหน้ามึนโลกเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“ครั้งแรก ?”
คิเสะพยักหน้าแล้วยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม นั่นทำให้คุโรโกะยิ่งงงเข้าไปใหญ่
“ตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าอาโอมิเนจจิจะมาไม้นี้ แต่ว่าฉันเหนื่อยมากเลยแหละ จัดไปตั้งหลายยก”
“ชกกันทำไมครับ ?” คุโรโกะขมวดคิ้วไม่เข้าใจเพื่อนตรงหน้า
เขาไม่เข้าใจว่าเป็นแฟนกันแล้วจะชกกันทำไม แล้วชกกันตั้งหลายยกไม่เหนื่อยสิแปลก แต่เอาความจริงก็แปลกอยู่อย่าง.. ชกกันแล้วทำไมหน้าถึงไม่ช้ำ
“ชก ?” คิเสะถึงกับตาเหลือกมือไม้อยู่ไม่สุข รีบโบกมือไปมาปฏิเสธทันที เขาไม่ใช่พวกsmที่จะมาทำอะไรกับแฟนแนวนี้สักหน่อย
“ฮ่าๆ สงสัยคุโรโกะคุงจะไม่รู้ล่ะมั้ง ถ้างั้นนายเล่าให้ฟังเลยสิ” ฟุริฮาตะว่าแล้วเท้าคางเตรียมฟังคิเสะเล่าอย่างตั้งใจ
ครั้งแรกอะไรของเขา(วะ)ครับ
“เรื่องมันมีอยู่ว่า...”
คิเสะนั่งบนโซฟาตัวประจำของห้องแล้วเปิดทีวีดูรอแฟนเจ้าตัวกลับมา มันจะเป็นแบบนี้ทุกวันที่ต้องมานั่งรอแฟนผิวแทนกลับหอ
เขาสองคนเป็นแฟนกันตั้งแต่มัธยมปลายปีสาม ซึ่งได้เป็นกันได้ยังไงคงไม่ต้องบอกก็รู้ เจ้าตัวเล่นตามตื๊อแถมยังปล่อยมารยาใส่จนจีบติดยังไงล่ะ และไม่ใช่ติดธรรมดา มันติดชนิดที่ว่าโงหัวไม่ขึ้น!
แกร๊ก
อาโอมิเนะเปิดประตูเข้ามาในห้องโดยไม่ได้เคาะ คิเสะหันไปมองแล้วทักร่างสูงกว่าอย่างที่ทำเป็นประจำทันทีที่อาโอมิเนะกลับมา
“อาโอมิเนจจิ ทำไมวันนี้กลับเย็นจังล่ะ ?”
“พอดีคณะของฉันเริ่มทำป้ายเชียร์กันแล้วน่ะ ก็เลยต้องกลับเย็นหน่อย”
อาโอมิเนะว่าพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วเดินมานั่งข้างชายผมเหลือง คิเสะพยักหน้าแล้วหันกลับไปดูทีวีเหมือนเดิมไม่สนใจคนเป็นแฟนข้างๆเลยอย่างนึกงอน
ทำไมถึงงอนน่ะเหรอ ?
.
.
.
ก็(ไอ่)แฟนคนนี้ไม่โทรมาบอกกันเลยว่าจะกลับเย็น ปล่อยให้เขานั่งรอแบบนี้ ไม่นึกถึงใจคนรอเลย!
“ไม่โทรมาบอกกันเลยนะ”
“ทำไม กลัวฉันกลับเย็นแล้วหนีไปควงสาวเหรอ ?”
“เปล่าสักหน่อย!”
“จริงปะ ?”
“จริงสิ! ทำไมฉันจะต้องกลัวนายหนีไปควงสาวด้วยล่ะ!” คิเสะพูดอย่างร้อนรนเมื่อคนตรงหน้าจี้ได้ตรงจุด
ความจริงมันมีอยู่ว่า.. คิเสะ เรียวตะผู้นี้กลัวแฟนมีกิ๊กยังไงล่ะ
“ก็เพราะว่านาย…”
“….”
“.…”
มือหนาผลักคิเสะนอนราบบนโซฟาก่อนร่างสูงของอาโอมิเนะจะทาบทับตามลงมา แขนแกร่งวาดกอบกุมคนใต้ร่างเสียจนหนีไม่ได้ ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบค่อยๆเคลื่อนลงมากระซิบข้างใบหูเสียงแหบพร่า
.
.
.
“ก็เพราะว่านาย..เป็นแฟนฉันยังไงล่ะ” อาโอมิเนะยกยิ้มขึ้นมุมปากก่อนจะค่อยๆกดจูบบดขยี้ปากอวบอิ่มรุนแรงเสียจนเริ่มขึ้นสีช้ำ
“อะ..อื้อ!”
“….”
“ฉะ ฉันไม่ได้หวงสักหน่อย!”
“อย่าปากแข็งน่าคิเสะ”
“อื้มม..อาโอมิเนจจิ~”
“คิเสะคุง ผมว่าคุณน่าจะเล่าเบาๆหน่อยนะครับ”
คุโรโกะมองไปรอบห้อง ระหว่างที่รออาจารย์เข้าคลาสคิเสะก็เล่าเรื่องเมื่อคืนที่เจ้าตัวมีอะไรกับแฟนเสียงดังเสียจนนักศึกษาร่วมคลาสหันมามองกันเป็นแถบด้วยสายตายากจะคาดเดา บางคนหัวเราะ บางคนปิดหู บางคนอ้าปากหวออย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่าคนตรงหน้าจะมีเรื่องอย่างว่ากับเขาด้วย อย่างเช่น..ฟุริฮาตะ โควคิ
“จะ..จริงเหรอคิเสะ!?”
“จริงสิ ตอนเอาเข้าไปน่ะฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรค่อยๆดุนเข้าไปแหละ”
“….”
“แล้วมันทำให้ฉันรู้สึก..อ๊าส์~”
“….”
“คิเสะคุง อายเขานะครับ” คุโรโกะว่าแล้วก้มหน้ามองหนังสือบนโต๊ะอย่างเก้ๆกังๆเมื่อเจอเข้ากับสายตาของนักศึกษาร่วมคลาสมองกันเป็นตาเดียวเหมือนไมค์วาซอว์สกี้
“จะอายทำไมเล่า ในเมื่อเรามีคอนฟิเดนท์น่ะคุโรโกจจิ”
มันก็ใช่อยู่หรอกที่ต้องมีความมั่นใจในตัวเอง แต่แบบนี้มันเกินไปรึเปล่า เกินไปชนิดที่เรียกได้ว่า ไร้ยางอาย -____-
หลังเลิกคลาส
ทั้งสามต้องมานั่งจมปักแถวม้าหินเพื่อทำป้ายเชียร์ที่จะต้องใช้ออกงานแคมป์ในอาทิตย์ข้างหน้า เวลาอันน้อยนิดกับป้ายมหึมามันทำให้คุโรโกะถึงกับทำหน้าเต่าป่วย เพราะมันจะเป็นเหตุให้เขาไม่ได้หลับไม่ได้นอนแล้วต้องมานั่งปั่นงานนี่สิ
แคมป์เชียร์เป็นขนบธรรมเนียมของมหาลัยเทย์โค งานรับน้องใหม่สำหรับพวกปีหนึ่ง ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นผู้ดูแล พี่สตาฟปีสองกับปีสามที่เคยผ่านประสบการณ์อันโชกโชนในแคมป์นี้นี่เอง
“นี่คุโรโกะ นายทำป้ายนี้เสร็จแล้วก็ทำป้ายนี้ต่อนะ” มิโยกิ ชุน วางฟิวเจอร์บอร์ดลงบนโต๊ะม้าหินแล้วมองงานบนโต๊ะ ระบายยิ้มออกมาบางๆกับงานที่คืบหน้าอย่างรวดเร็ว “ดีนะเนี่ยที่มีน้องปีหนึ่งอย่างพวกนาย ค่อยรู้สึกโล่งหน่อยว่างานจะเสร็จ”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ทำไปแล้วก็เพลินดี” เพลินที่ไหนล่ะ..
แอบเติมประโยคหลังในใจ คุโรโกะยิ้มให้พี่คนสนิทอย่างใจเย็น แต่ในใจนั้นเหมือนภูเขาไฟพร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ
กองกระดาษแข็งตรงหน้ามันทำให้เขาแทบอ้วก ไหนจะงานที่ได้มาเพิ่มจากมิโยกิอีก เขาอยากจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วยกธงขาวขึ้นยอมแพ้เสียให้รู้แล้วรู้รอด
“พี่มิโยกิ ผมไปต่อไม่ไหวแล้วฮะ” คิเสะว่าแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะพร้อมกับสีหน้าเหมือนโดนทรมานมา
“ใช่แล้ว งานมันเยอะมากเลยพี่มิยูกิ” ฟุริฮาตะก็ไม่ต่างกัน..
ดูเหมือนจะไม่ใช่เขาคนเดียวที่จะยกธงขาวขึ้น มนุษย์สองคนที่กำลังนั่งปั่นงานด้วยสีหน้าเหมือนกำลังจะตายก็เตรียมพร้อมจะยกธงขาวขึ้นเหมือนกัน
“ก็เข้าใจนะ ผอ.เขาสั่งแค่ปีหนึ่งทำป้ายนี่น่า เพราะอีกไม่นานพวกนายก็จะได้ไปค่ายรับน้องแล้ว ฉันก็ผ่านประสบการณ์แบบนี้มาเหมือนกับพวกนายนั่นแหละ แต่ว่า..จะช่วยให้หน่อยก็แล้วกัน” มิยูกิว่าแล้วนั่งลงข้างๆคุโรโกะ
“เอ๊ะ..พี่มิยูกิ ไหนว่าให้ปีหนึ่งทำยังไงล่ะครับ ?” คุโรโกะกระพริบตาปริบๆ คนเป็นพี่คว้ากระดาษแข็งมาแปะฟิวเจอร์บอร์ดอย่างใจเย็นแล้วคลี่ยิ้มออกมา
“เขาไม่ได้ให้ทำ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้แอบทำนี่จริงมั้ย”
“ระ..รุ่นพี่มิยูกิ” คิเสะเริ่มบ่อน้ำตาแตกไม่ต่างจากฟุริฮาตะ
“ทำเพื่อพวกเรา..ฮึก!”
คุโรโกะมองรุ่นพี่ที่แอบเข้ามาช่วยงานแล้วก็นึกขอบคุณที่มีพี่ในคณะนิสัยดีมาช่วยดูแลเรื่องงาน ทั้งที่พี่รหัสของเขาสามคนไม่ได้เข้ามาดูเลยด้วยซ้ำ คิเสะกับฟุริฮาตะน้ำตาไหลพรากเมื่อมิยูกิช่วยตัดกระดาษแข็งที่ตัดโคตรจะยากสำหรับพวกเขา
“ขอบคุณนะครับ พี่มิยูกิ!”
18.05 น.
ทั้งสามยกมือบิดขี้เกียจแล้วถอนหายใจออกมาอย่างยากลำบาก ป้ายตรงหน้าเริ่มออกมาเป็นรูปเป็นร่างแล้วหากแต่เหลือเพียงแค่ลงสีเท่านั้น มิยูกิก้มมองนาฬิกาข้อมือของเจ้าตัวก่อนจะลุกขึ้น เรียกสายตาของรุ่นน้องสามคนได้ไม่ยาก
“หกโมงกว่าแล้ว ฉันว่าเอากลับไปทำที่หอดีกว่า”
“อ่า..หกโมงแล้วเหรอ” คิเสะล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาแฟนเจ้าตัวให้มารับอย่างปกติ
“นั่นสิคิเสะ ฉันว่าเรากลับหอกันดีกว่า.. ไว้เจอกันนะครับพี่มิยูกิ” ฟุริฮาตะลุกขึ้นแล้วหยิบงานที่แบ่งไว้ของตัวเองไปเพื่อจะเดินไปหาแฟนที่รออยู่หน้าตึกมาเป็นเวลานาน
คุโรโกะถึงกับกรอกตาเป็นเลขแปดรอบที่ร้อยของวัน ตั้งแต่เจอเพื่อนผมเหลืองกับน้ำตาลสองคนนี้ทีไร เขาก็มักจะเหมือนแกะดำทุกที สองคนกลับกับแฟน ส่วนเขากลับกับเวสป้าคู่ใจที่แม่ซื้อให้ มันก็ไม่ค่อยแย่เท่าไหร่ล่ะมั้ง..
.
.
.
ซะที่ไหนล่ะ!!!
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ” มิยูกิว่าแล้วเดินจากไป
เหลือเพียงแค่คิเสะกับคุโรโกะยังคงนั่งอยู่ที่เดิม คุโรโกะถอนหายใจออกมาแล้วเก็บงานของตัวเองเข้ากระเป๋าเป้ และมันคงเป็นการถอนหายใจครั้งที่ร้อยของวันเหมือนกัน คิเสะเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนที่เอาแต่ถอนหายใจทิ้งมาตลอดทั้งวันจนเขาเองก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วง
“เป็นอะไรเหรอคุโรโกจจิ ?”
“..เปล่าหรอกครับคิเสะคุง แค่คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ”
คิดว่าเขาไม่อยากเป็นแกะดำ.. ไม่อยากเป็นอะไรที่แปลกแยกกับเพื่อน ถึงจะไม่ค่อยสนิทกับฟุริฮาตะเท่าคิเสะแต่คุโรโกะก็เข้ากับเจ้าตัวได้ คิเสะกับฟุริฮาตะต่างมีแฟนกันแล้ว และมันต่างจากตัวเขาที่โสดมานานแสนนาน… ชีวิตของคุโรโกะ เท็ตสึยะผู้นี้ช่างน่าสงสารเสียจริง
“รู้มั้ยว่านายกำลังโกหกฉันอยู่นะ” คิเสะเท้าคางมองคนผมฟ้าแล้วถอนหายใจออกมา นั่นทำให้คุโรโกะสะดุ้งเฮือกเพราะอีกคนนั้นรู้ทัน “เฮ้อ.. ก็บอกแล้วไงว่าให้หาแฟนสักคนน่ะคุโรโกจจิ”
มีเหรอที่คนเป็นเพื่อนกันมานานตั้งแต่มัธยมปลายจะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคิดอะไรอยู่ มันจะเป็นอย่างนี้ทุกทีหลังเลิกคลาสเพราะเจ้าตัวต้องกลับบ้านคนเดียว
ปกติแล้วตอนคิเสะยังไม่มีอาโอมิเนะเขาก็กลับบ้านกับเพื่อนคนนี้นี่แหละ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว.. เวลาเปลี่ยนทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนไปตามเวลา หากแต่คุโรโกะยังไม่เปลี่ยน ทั้งนิสัยและมิตรภาพของเพื่อนยังคงเหมือนเดิม แล้วจะไม่เปลี่ยนถ้าไม่มีคนไปเปลี่ยนมัน
“….”
“มันเป็นเพราะนายเอาแต่บ้าไอดอลหัวแดงนั่น มันก็เลยทำให้นายขึ้นคานจนตอนนี้ไงล่ะ” คิเสะพูดไปตามความจริง อย่างที่เคยบอกไว้ว่าถ้าเพื่อนคนนี้ไม่บ้าไอดอลในโปสเตอร์ก็คงจะมีแฟนอย่างเขาไปแล้ว
“...มันก็จริงอยู่หรอกครับ”
“ใช่มั้ยล่ะ”
“….”
“….”
“….”
กริบ
“จะบอกอะไรให้นะ ถึงนายจะอยู่ข้างห้องไอดอลนั่นแต่ถ้านายไม่ได้ทำอะไรเลยมันก็เปล่าประโยชน์ นายก็ได้แต่มองเขาไปวันๆไม่ต่างกับดูรูปในแมกกาซีนหรอก”
“….”
“ถ้าเกิดวันหนึ่งหมอนั่นมีแฟนแล้วล่ะก็—”
“ผมจะไม่ให้มีวันนั้นเด็ดขาด” คุโรโกะพูดเสียงหนักแน่น สีหน้าจริงจังนั้นทำให้คิเสะระบายยิ้มออกมาบางๆ
เขาไม่ได้จะดูถูกเพื่อนคนนี้หรอกนะ แต่ให้กำลังใจต่างหาก ใช่ว่าเพื่อนคนนี้จะหน้าตาแย่เสียที่ไหนล่ะ คุโรโกะน่ะหน้าตาจัดค่อนข้างไปทางน่ารักมากเลยทีเดียว
“แล้วถ้ามีวันนั้นล่ะ ?”
“ผมก็จะเป็นคนคนนั้นยังไงล่ะครับ”
คุโรโกะกดปุ่มเลือกเมนูเครื่องดื่ม ตู้เครื่องดื่มอัตโนมัติเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ เพราะหลังจากคิเสะเพื่อนของเขากลับไปแล้วเขาก็เดินไปขึ้นตึกคณะ ขึ้นไปส่งงานให้อาจารย์นิดหน่อยแล้วก็ลงบันไดเนื่องจากลิฟท์พัง
มันเหนื่อยจริงๆ เหนื่อยที่ต้องขึ้นไปสี่ห้าชั้นแล้วเดินไปตามทางเดิน ขาลงมาก็อีกสี่ห้าชั้นเหมือนเดิม พอลงมาถึงปุ๊ปก็เพิ่งนึกได้ว่าลืมเอกสารไว้ในคลาสเรียนเมื่อตอนบ่าย นั่นทำให้เขาขึ้นไปอีกสามชั้นเพื่อเอาเอกสารการเรียน..
“เฮ้อ..ทำไมถึงสะเพร่าแบบนี้นะเรา” คุโรโกะบ่นกับตัวเองแล้วนวดขมับให้ใจเย็นลง
มือเรียวหยิบกระป๋องโค้กขึ้นมาแกะแล้วดื่ม ถึงจะไดเอทแต่เวลานี้มันไม่จำเป็นแล้ว และถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะนอนแผ่บนพื้นตรงนี้เลยด้วยถ้าไม่เกรงใจคนข้างหลัง
เดี๋ยวนะ
คนข้างหลัง..?
.
.
.
พรู้ดดดดดด!!!
“แค่กๆ! เชิญครับ” คุโรโกะถึงกับสำลักน้ำเพราะเขาเอาแต่ยืนบังตู้เครื่องดื่มไม่ให้คนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังได้ใช้งานเลย
และเหมือนคนข้างหลังจะรอนานแล้ว คิ้วขมวดจนเป็นปมกับสีหน้าหงุดหงิดมันทำให้คุโรโกะทำหน้าไม่เข้าคายออกคายอย่างช่วยไม่ได้
.
.
.
ชิบไก่แล้วไง..เจอกล้ามปูแบบนี้ไม่ดีแน่!!
“นายขวางทางฉัน” เสียงทุ้มใหญ่เอ่ยขึ้นอย่างน่ากลัว คุโรโกะยิ้มให้แห้งๆแล้วจำเป็นต้องหลีกทางให้อีกคน เพราะไม่เช่นนั้นเขาคงจะโดนอัดเละเป็นโจ๊กแน่ๆ
“ขอโทษนะครับ คือเมื่อกี้ผมกำลังเหม่ออยู่น่ะ”
“ขอโทษแล้วมันหายมั้ย!?” ชายฉกรรจ์ตะหวาดเสียงดังลั่นจนทำให้คนที่กำลังเดินมายังตู้กดน้ำถึงกับต้องชะงัก
“มันจะหายไปได้ยังไง แถวนี้เขาไม่ปลูกมันกันสักหน่อยนี่ครับ ?” คุโรโกะว่าไปตามความจริง แถวนี้มันไม่ใช่ที่ที่ควรปลูกมันเลยสักนิด
“….”
“….”
เหมือนจะได้ยินเสียงกา
.
.
.
ไม่น่าเล่นเลยกู
“หนอย แก!”
“มีอะไรเหรอครับ ?”
“ยังจะมีหน้ามาถามอีก!!” ร่างกำยำง้างหมัดเตรียมจะชกคนตัวเล็ก
เสี้ยววินาทีที่จะได้อัดเข้าหน้าอีกคน คุโรโกะหลับตาแน่นพร้อมรับชะตากรรมของตัวเอง ทว่าหมัดกลับหยุดอยู่เพียงแค่คืบหน้าเท่านั้น เสียงทุ้มเอ่ยถามชายฉกรรจ์เสียงดังจนคนรอบข้างแถวนั้นหันมามอง
“เฮ้ย! ทำอะไรน่ะลุง”
เสียงทุ้มเรียกสติของคุโรโกะ คนตัวเล็กค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะโฟกัสอีกคนที่มาใหม่ ผมสีแดงเพลิงกับใบหน้าหล่อเหลาเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัวนั้นทำให้คุโรโกะจำเป็นต้องเบิกตากว้างจวนจะเป็นไข่ห่าน
“อาคาชิคุง..”
เขา..เขามาช่วยผมครับคุณผู้อ่าน! ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย!!
คิดอย่างนั้นแล้วคุโรโกะก็ก้มหน้าแล้วตบหน้าตัวเองไปสองฉาดแรงๆที่แก้มซ้ายกับแก้มขวา อาคาชิมองคนตบหน้าตัวเองเหมือนคนบ้างงๆก่อนจะหันไปหาชายกล้ามปูตามเดิม
“ลุงทำแบบนี้มันไม่ดีเลยนะ นี่มันรังแกเด็กชัดๆ”
เด็ก ?
“ลุงอะไรของแกวะ ? กูอยู่ปีสี่” ร่างสูงกำยำขมวดคิ้วจนเป็นปมแล้วกอดอก “มึงคงจะเป็นอาคาชิ เซย์จูโร่ไอดอลหน้าใหม่ปลามันสินะ ?”
อาคาชิเพียงแค่พยักหน้าเป็นคำตอบ นั่นยิ่งทำให้คนตรงหน้าขมวดคิ้วยุ่งเข้าไปใหญ่ นิ้วชี้ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีแดงอย่างเกรี้ยวกราด
“อะไรของลุงครับ ?”
“ลุงอะไรล่ะ! บอกแล้วไงว่าอยู่ปีสี่เป็นรุ่นพี่แก! แกทำให้แฟนของฉันบอกเลิกเพราะหมอนั่นแอบชอบแก!” รุ่นพี่คนนั้นกัดฟันกรอดแล้วหันมาทางชายผมฟ้า “แล้วเรื่องนี้ฉันก็ไม่ผิดด้วย เพราะหมอนั่นมายืนขวางทางฉันเอง!!” ว่าแล้วชี้มายังคุโรโกะที่ยืนนิ่งไร้ตัวตนเป็นธาตุอากาศ
“คะ ครับ..รุ่นพี่” คุโรโกะยิ้มแห้งๆแล้วเอานิ้วชี้เกาแก้มแก้เก้อ นึกขอบคุณที่ยังเห็นเขามีตัวตนอยู่
“อ้าว คุโรโกะคุงเองเหรอ ?” อาคาชิเลิกคิ้วมองคนข้างห้องตัวขาวที่ยืนเกรงเป็นอะไรไม่รู้
.
.
.
โอโห! คุณผู้อ่านครับ รุ่นพี่กล้ามปูเห็นผมแต่อาคาชิกลับไม่เห็นผมมีตัวตน หมายความว่ายังไงครับ ตอบผมที พลีส!?
ปั้ก!!
ชายกล้ามปูเล่นทีเผลอ เขาชกหน้าอาคาชิแล้วรีบวิ่งหนีไปปล่อยให้คนโดนชกเซลงกับพื้น คุโรโกะเบิกตากว้างอย่างตกใจกับการกระทำเล่นทีเผลอเหมือนหมาลอบกัดก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาคนที่กึ่งนอนกึ่งนั่งบนพื้น
“อาคาชิคุงเป็นอะไรรึเปล่าครับ!!?”
“พี่ปีสี่นี่หมัดหนักจริงๆ..” อาคาชิเช็ดเลือดมุมปากแล้วมองคนตัวเล็กที่วิ่งมาช่วยพยุง “ไม่เป็นไร ฉันเดินเองได้”
“..ขอโทษนะครับ พาลหาเรื่องมาให้คุณจนได้” คุโรโกะก้มหน้าจนคางชิดอกอย่างรู้สึกผิด
นึกขอโทษในใจรัวๆ ถึงแม้คนตรงหน้าจะบอกไม่เป็นไรแต่การเอาเรื่องมาให้คนตรงหน้ามันคงไม่ดีแน่ เพราะเจ้าตัวเป็นไอดอล ถ้าเกิดมีเรื่องแบบนี้ต้องมีข่าวฉาวแน่ๆ และอีกอย่างคนคนนี้เป็นคนที่เขาแอบชอบอยู่ด้วย...
“ทีแรกฉันก็นึกว่าลูกอาจารย์โดนรังแก ที่ไหนได้เป็นคนข้างห้องซะงั้น” อาคาชิว่าแล้วหัวเราะกลบเกลื่อนความเจ็บที่มีอยู่ตรงมุมปาก นั่นทำให้คุโรโกะกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทั้งที่โดนต่อยแท้ๆแต่กลับหัวเราะได้ คนคนนี้อึดจริงๆ..
“...ผมคิดว่าคุณน่าจะกลับบ้านเองไม่ได้นะครับ”
“หืม.. กลับได้สิ แค่โดนชกเองนะ ว่าแต่นายจะกลั—”
“กลับกับผมมั้ยครับ ?”
อาคาชิเบิกตากว้างอย่างตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเป็นฝ่ายโดนชวนเสียเอง ทีแรกเขาก็จะเอ่ยปากชวนให้กลับพร้อมกันพอดีถ้าอีกคนไม่พูดตัดหน้าเสียก่อน...
“จะบอกอะไรให้นะ ถึงนายจะอยู่ข้างห้องไอดอลนั่นแต่ถ้านายไม่ได้ทำอะไรเลยมันก็เปล่าประโยชน์ นายก็ได้แต่มองเขาไปวันๆไม่ต่างกับดูรูปในแมกกาซีนหรอก”
“….”
“ถ้าเกิดวันหนึ่งหมอนั่นมีแฟนแล้วล่ะก็—”
“ผมจะไม่ให้มีวันนั้นเด็ดขาด”
“แล้วถ้ามีวันนั้นล่ะ ?”
“ผมก็จะเป็นคนคนนั้นยังไงล่ะครับ”
เพราะคำพูดของคิเสะ จึงทำให้คุโรโกะเริ่มกระตือรือร้นและเริ่มทำตามวิธีพิชิตใจฉบับคุโรโกะ เท็ตสึยะ!!!
คุณจะรู้หรือป่าวนะ..
ว่าผมคอยเป็นห่วงคุณอยู่เสมอ
แอบเฝ้ามองอยู่ห่างๆไม่ให้คุณรู้
หัวข้อ : ต๊ายตาย ตายแล้ววว! อาคาชิคุงโดนลุงหนวดต่อยค่ะทุกคน!!!
‘จริงเหรอคะ! แล้วเขาเป็นอะไรบ้างรึเปล่า ?’
‘จริงค่ะ มีคนถ่ายคลิปไว้’
‘หวังว่าจะไม่เป็นอะไรนะคะ’
‘คิดว่าน่าจะแค่ปากแตกเฉยๆนะคะ ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง’
‘อยากซื้อพลาสเตอร์ให้จัง’
‘ได้ข่าวมาว่าช่วยเด็กที่หลงเข้ามาในมหาวิทยาลัยเทย์โคน่ะค่ะ’
‘นี่คลิปค่ะ – Spoil คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ –’
คุโรโกะก็เพิ่งรู้..
ว่าคนอื่นมองว่าเขาเป็นเด็กหลงทางจริงๆ
TBC.
“มันจะหายไปได้ยังไง แถวนี้เขาไม่ปลูกมันกันสักหน่อยนี่ครับ ?”
(น้องครกมีความกวนเวลร้อยอัพ)
~ อย่าลืมเม้นท์เปงกำลังใจให้เค้าด้วยน้า ~
❤
#ฟิคข้างห้องแดงดำ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น