ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ♡ C H A P T E R 2. คนข้างห้อง
CHAPTER2.
คนข้างห้อง ?
ร่างสูงเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน มือหนาจับเข้าที่มือของผม ใบหน้าร้อนผ่าวบวกกับแก้มทั้งสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่อนั้นทำให้ชายเจ้าของเรือนผมสีแดงยกยิ้มละมุนให้ ไม่อยากจะคิดมาก่อนเลยว่าจะได้เจอ..
“นายคง..จะเป็นคนข้างห้องของฉันสินะ ?” อาคาชิค่อยๆโน้มใบหน้าหล่อคมคายเข้ามาใกล้ ใบหน้าที่ห่างกันไม่ถึงคืบทำเอาผมแอบกลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ลง
“ครับ..ผมคือคนข้างห้องของอาคาชิคุง..”
“หืม.. แล้วอยากเป็นอะไรมากกว่าคนข้างห้องมั้ยล่ะ ?” ร่างสูงกระตุกยิ้มขึ้นมุมปาก ถ้าให้พูดถึงตอนนี้ดาเมจคนตรงหน้ามันรุนแรงมากซะจนก้อนเนื้อในอกของผมนั้นเต้นแรงจนแทบจะทะลักออกมา
“อะไรคือมากกว่าคนข้างห้องเหรอครับ..” ผมถามแล้วก้มหน้ามองพื้นจนคางติดอกอย่างเขินอาย
วินาทีนี้มันเหมือนกับว่ามีผีเสื้อหลายตัวบินอยู่ในท้อง! นี่อย่าบอกนะว่า…
“ก็อย่างเช่น..แฟนของฉันยังไงล่ะ☺”
.
.
.
กร๊าซซซซ!! อะไรจะขนาดนั้นอ่ะ บอกตรงๆแบบนี้ผมก็ระเบิดเป็นโกโก้ครั้นซ์สิครับรออะไร! -//////-
อาคาชิเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าที่ทำหน้าเพ้อฝันอย่างงุนงง เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกว่ามีท่าทีเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เขาจึงยื่นมือมาโบกพัดหน้าคุโรโกะเบาๆเรียกสติ คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงเมื่อได้สติคืนมา นั่นทำให้ชายผมแดงหัวเราะในลำคอเบาๆอย่างนึกเอ็นดู
แต่ผมก็ยังคงเห็นหน้าอาคาชิซ้อนทับกับฝันที่กำลังคิดเองเออเองอยู่ในหัว
ได้เจอตัวเป็นๆแล้ว..ดูดีกว่าในทีวีอีก...
“เอ่อคือ..”
“นายคง..จะเป็นคนข้างห้องของฉันสินะ ?”
เหมือนกับเทปที่วนลูปกลับมารีเพลย์ใหม่อีกรอบ เหตุการณ์ตอนนี้เหมือนกับสิ่งที่ผมคิดในหัวก่อนหน้านี้..หรือว่า..มันจะเป็นเดจาวู
“ครับ..ผมคือคนข้างห้องของอาคาชิคุง..” ผมสวมบทบาทตอบเหมือนความคิดที่คิดเองเออเองอย่างเก้ๆกังๆเพราะมันเริ่มชักจะแปลกๆเมื่อคำพูดมันเหมือนเกินไป
แต่จะต่างกันตรงการกระทำ เพราะเจ้าตัวเข้ามาก็แค่ทักเขาเฉยๆเท่านั้นไม่ได้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หรืออย่างใด ถึงอย่างนั้นมันก็เหมือนจนขนาดผมได้แต่ก้มมองเท้าตัวเองไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองไอดอลหน้าหล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้าซะงั้น!
อาคาชิพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินมานั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามก่อนจะเปิดประเด็นที่คนข้างห้องเรียกเขามา
“เรียกฉันมามีอะไรเหรอ ? เอ่อนายคือ..”
“คุโรโกะ เท็ตสึยะครับ!” ผมรีบเงยหน้าบอกชื่อของตัวเองโดยไม่สนภาพลักษณ์ตัวเองสักนิด ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะจากคนตรงหน้า บ้าเอ้ย..ไม่น่ารีบแทรกเลย
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอก ฉันอาคาชิ เซย์จูโร่” เขายิ้มให้อย่างเป็นมิตรแล้วยื่นมือมาหาผม
“เอ๊ะ..”
“หืม..?”
“จะ..จะทำอะไรเหรอครับ!?”
“ก็จะจับมือทักทายคนข้างห้องยังไงล่ะ”
เห้ย!! การที่จะได้จับมือคนคนนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากนะ เพราะเจ้าตัวเป็นถึงไอดอลคนดัง เหมือนของแรร์ที่หาได้ยากมากสำหรับพวกแฟนคลับ!
.
.
แต่ผมดันได้มาแบบง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ ของแบบนี้ไม่ควรพลาด!!
ผมรีบตะปบมือของอีกคนแล้วกระชับทันที โอกาสอย่างนี้มีไม่มากหรอกนะ มือที่นุ่มแถมอบอุ่นแบบนี้..สมแล้วที่เป็นไอดอลของผม
“เอ่อ..” เหมือนจะเผลอจับมืออีกคนแน่นเกินไป อาคาชิเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้าจะบีบมือตัวเองทำไม ผมรีบปล่อยมืออีกคนให้เป็นอิสระแล้วยิ้มแหยให้ก่อนจะเอานิ้วชี้เกาแก้มตัวเองแก้เก้อ
“สรุปแล้วมีเรื่องอะไรเหรอ ? คุโรโกะคุง” อาคาชิเริ่มเบี่ยงเข้าประเด็นอีกครั้ง ผมได้แต่อึกอั่กในลำคอไม่กล้าพูดออกไปว่าอีกคนมารบกวนเวลาดูรายการวาไรตี้รายการโปรด
ประเด็นไม่ใช่อะไร เขาตั้งใจจะดูไอดอลหน้าหล่อที่กำลังฮอตต่างหาก และมันก็เป็นคนคนเดียวกับคนตรงหน้าด้วย…
แม่เจ้าโว้ยยยยยยยยยยย!!!
โอกาสมาถึงแล้ว ผมจะปล่อยเหยื่อที่เดินเข้ามาในกำมือหลุดออกไปไม่ได้! จะต้องทำอะไรสักอย่าง ทำอะไรก็ได้ให้เขาคนนั้นมาสนใจแฟนคลับอย่างผม!
.
.
อยากได้
มันเป็นคำในหัวของผมคำแรกที่เจออาคาชิคนนี้!
“แหะ..ไม่มีอะไรหรอกครับอาคาชิซัง” ผมปฏิเสธแล้วแอบชายตาไปมองโฮชิซังที่เลิกคิ้วขึ้นอย่างงงงวยกับสถานการณ์
“อาคาชิซัง ? ฉันว่านายเรียกอย่างอื่นจะดีกว่านะ”
“หมายถึง..?”
“เรียกฉันว่าอาคาชิคุงก็ได้ ไม่ต้องทางการมากหรอก”
“คะ..ครับ! อาคาชิคุง” คุโรโกะว่าแล้วยิ้มกว้างจนตาปิด ไม่อยากจะบอกคุณผู้อ่านเลยว่าตอนนี้มีความสุขจริงๆที่ได้เจออาคาชิตัวเป็นๆมานั่งอยู่ต่อหน้าต่อตาแบบนี้
โฮชิเลิกคิ้วขึ้นสูงกว่าเดิม คนผมฟ้าให้เขาโทรหาชายผมแดงให้ลงมาเคลียร์ไม่ใช่หรอกเหรอ และเพราะมันช่างแตกต่างกับตอนแรกเหมือนหลังตีนเป็นหน้ามือ ก่อนหน้านี้เขาเห็นคุโรโกะคนนี้อารมณ์เสียหน้าบูดเหมือนกินรังแตนมาไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้ถึง..
“คุโรโกะคุง ไหนบอกว่า…”
“โฮชิซัง ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ ผมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะ ขอบคุณมากๆเลยครับ” ผมรีบพูดตัดประโยคของโฮชิซังทันที
เพราะถ้าเกิดคนที่ผมเล็งไว้รู้ธาตุแท้ของผมขึ้นมาอาจจะไปได้ไม่สวย เผลอๆอาจจะนกตั้งแต่ยังไม่เริ่มจีบด้วยซ้ำ ผมไม่ยอมหรอกนะ!
วันต่อมา
ห้องสมุด
“ห๊า! จริงเหรอคุโรโกจจิ” คิเสะถึงกับร้องเสียงหลงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เมื่อเพื่อนสนิทผมฟ้าอย่างคุโรโกะเล่าเรื่องราวที่ไม่น่าเป็นไปได้เมื่อคืนให้ฟัง และเหมือนคุโรโกะจะรู้ว่าคิเสะคิดยังไง คนตัวเล็กกว่าเบ้ปากน้อยๆพลันมองหนังสือในมือ
“ผมก็ไม่คิดเหมือนกันครับ..แต่ถ้ามันเกิดขึ้นไปแล้วก็ดีไม่ใช่เหรอ ?”
“ช่ายๆ มันก็ดีอยู่หรอกนะคุโรโกจจิ แต่ว่า…” คิเสะถอนหายใจออกมายาวพรืด ทำให้คุโรโกะที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนตัวสูงกว่าอย่างสงสัย
“แต่อะไรเหรอครับคิเสะคุง ?”
“จะว่ายังไงดีล่ะ.. เขาเป็นไอดอล ส่วนนายเป็นแฟนคลับ นายคงจะเข้าใจความรู้สึกแฟนคลับคนอื่นดีใช่มั้ยว่าเวลาใครอยู่ใกล้คนที่ตัวเองชอบแล้วมันรู้สึกยังไง ยิ่งช่วงนี้อาคาชิคุงมีสโตกเกอร์ติดตามอยู่ด้วย”
“สโตกเกอร์เหรอครับ..”
“อ่าใช่แล้ว สโตกเกอร์น่ะอันตรายนะคุโรโกจจิ ถ้าเกิดพวกนั้นเห็นนายไปคุยกับ…”
“ผมก็เป็นสโตกเกอร์ของเขานะ”
“...!!!”
คิเสะนึกอยากจะทึ้งหัวตัวเองแล้วกระแทกมันกับโต๊ะแรงๆให้แตกกันไปข้าง ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย คุโรโกะยืนขึ้นโดยไม่ลืมหยิบหนังสือที่เจ้าตัวอ่านไปเก็บเข้าที่
เขาเดินเข้ามาในโซนหนังสือภาษาอังกฤษก่อนจะสอดหนังสือเข้าที่ให้เรียบร้อยแบบเดิม แล้วสอดสายตาหาหนังสือเล่มอื่นออกมาอ่านบ้าง ช่วงบ่ายโมงเป็นเวลาที่เขาเลิกคลาสแล้ว และถ้าหลังเลิกคลาสไม่ไปร้านกาแฟก็จะมาหมกตัวอยู่ในห้องสมุดกับคิเสะ เมื่อเจอหนังสือถูกใจมือเรียวก็หยิบมันออกมา แต่แล้ว..
“อาคาชิคุง ผมชอบคุณ...ได้โปรดรับขนมปังที่อาคาชิคุงชอบด้วยนะครับ”
ภาพสองคนระหว่างช่องหนังสือตรงหน้าคือชายหนุ่มนักศึกษาหน้าหวานกำลังก้มหน้าอย่างเคอะเขิน มือสั่นค่อยๆยื่นถุงขนมปังให้ร่างสูง อาคาชิชะงักเล็กน้อยแต่ก็รับมาแต่โดยดีก่อนจะยกยิ้มขึ้นบางๆให้กับคนตัวเล็กกว่าเขา
ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้…รับขนมปังมาแบบนี้ก็แสดงว่าอาคาชิรับรักน่ะสิ…
คุโรโกะนึกแล้วก็อยากจะร้องไห้ โดนแย่งต่อหน้าต่อตาแบบนี้มันเจ็บใจไม่เบาเลย.. ชายคนนั้นยิ้มกว้างทันทีเมื่ออาคาชิรับของจากเขาแถมยังยิ้มละมุนให้อีก
บ้าจริง! ยังไม่ทันเริ่มก็นกซะแล้ว..
แต่แล้วร่างสูงก็ก้มมองถุงขนมปังก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา และมันทำให้เขาคนนั้นหน้าเสียกระทันหันโดยไม่ได้ตั้งตัว…
“โทษทีนะ..ฉันไม่ได้มีอะไรชอบเป็นพิเศษหรอก”
“อะ..อาคาชิคุง”
“ฉันยังไม่อยากรักใครหรอกนะ ขอโทษด้วย” อาคาชิว่าแล้วยื่นขนมปังกลับไปให้เจ้าของก่อนหน้านี้ ชายตัวเล็กกว่าเริ่มตัวสั่นพร้อมเสียงสะอื้นไห้ มันเป็นภาพที่ทำให้คุโรโกะถึงกับปิดปากของตัวเองแล้วร้องหูวขึ้นมาเบาๆอย่างตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าจะปฏิเสธกันแบบนี้ ริมฝีปากบางค่อยๆยกยิ้มขึ้นมาอย่างปิดไม่มิด
.
.
ง่อววว! เพราะมันแปลว่าผมยังไม่นกไงครับ แฮ่
แต่ถ้าผมทำแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าจะโดนตอกกลับมารึเปล่านะ คิดแบบนั้นแล้วมัน..
“ทำไมไปนานจังเลยอ่ะคุโรโกจจิ ?”
คุโรโกะหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ตามเดิมแล้วเปิดหนังสือเล่มใหม่อ่าน คิเสะเท้าคางมองหน้าเพื่อนผมฟ้าที่ก่อนหน้านี้ทำหน้ายิ้มแย้มอยู่กลับเป็นทำหน้าเหมือนแห้วขึ้นมาเสียได้
“ไปกินแห้วที่ไหนมาล่ะ ?”
“คิเสะคุง..”
“มีอะไรรึเปล่าคุโร…”
“ช่วยเล่าวิธีพิชิตใจของคิเสะคุงหน่อยสิครับ.. ตอนที่คิเสะคุงจีบอาโอมิเนะคุงน่ะ”
คนผมเหลืองเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำขอที่ไม่คิดว่าจะออกมาจากปากเพื่อนตัวเล็ก จริงอยู่ที่เขาเป็นฝ่ายเริ่มจีบอาโอมิเนะก่อน แต่ก็ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆแบบนั้น
“คุโรโกจจิ แต่ว่ามัน...”
“จะหมัดจะมวยหรืออะไรก็เล่ามาเถอะครับ เพราะผมอยากรู้มาก” คุโรโกะทำหน้าจริงจังเสียจนเขาจำเป็นต้องกลืนน้ำลายลงคอ
เห้ยเอาจริงดิ แผนจีบของเขามันมีความมารยาจริงๆนะ!
เห็นอย่างนั้นแล้วคิเสะก็ถอนหายใจออกมากับความอยากรู้ของคนตรงหน้า บอกตามตรงว่าชีวิตถึงจะปลงความเพ้อฝันแต่ไม่เคยจะปลงกับนิสัยเอาแต่ใจของคนคนนี้เลยสักครั้ง
“ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังก็ได้ แต่ก่อนอื่นนายต้องรู้ก่อนว่ามีสองอย่างที่นายควรมีเวลาจะอ่อย..เอ้ย! จีบใคร” คิเสะว่าแล้วชูสองนิ้วขึ้นมา นั่นทำให้คุโรโกะจ้องมาไม่วางตาอย่างสนใจ
“Lovely and Confident,It’s something you should have ^0<” คิเสะพูดสำเนียงติดอังกฤษคล่องปรื๋อตามประสาคนเรียนคณะอักษรศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ ตากระพริบหนึ่งข้างเป็นสโลแกนของเจ้าตัว
“น่ารักกับความมั่นใจเหรอครับ..” คุโรโกะกระพริบตามองชายผมเหลืองปริบๆ
“ช่ายๆ แค่มีสองอย่างนี้ก็ได้ใจไปเต็มๆแล้วล่ะน้า”
คิเสะยืดอกยืนยันคำพูดแล้วยิ้มกว้างมากกว่าเดิม นั่นทำให้คนผมฟ้ามั่นใจว่าถ้าทำตามที่เพื่อนของตัวเองเล่าให้ฟังแล้วจะต้องสำเร็จแน่นอน
“วิธีจีบของฉันน่ะน้า มีอยู่ว่า……..”
คุโรโกะเดินออกมานอกระเบียงแล้วสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ บรรยากาศนอกระเบียงมีกลิ่นฝนอ่อนๆคอยแตะจมูก เขาค่อยๆแอบมองระเบียงข้างห้องที่เงียบสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่
ไม่แปลกใจที่อีกคนจะอยู่มหาลัยเดียวกัน เพราะอพาร์ทเม้นท์นี้มันใกล้มหาลัยจนแทบไม่ต้องนั่งรถต่อหลายสาย เอาความจริงนั่งเวสป้าคู่ใจออกไปไม่กี่กิโลก็ถึงเทย์โคแล้ว
แล้ว..เมื่อไหร่คนข้างห้องจะกลับมาสักทีล่ะ ?
ทำการมุ่ยหน้ากับตัวเองแล้วมองบับเบิ้ลบีต้นสตรอเบอร์รี่ที่ปลูกไว้ในกระถาง แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็งในเมื่อวันนี้ยังไม่ได้ทักทายคนข้างห้องเลยสักนิด สอดสายตามองประตูระเบียงข้างห้องอีกครั้งหวังให้อีกคนได้เปิดประตูออกมา แต่แค่มองไปทางระเบียงห้องก็รู้สึกดีแล้ว เขินจนทำอะไรไม่ถูกแถมยังหุบยิ้มไม่ได้ซะด้วย(เขินระเบียง?)
ฟรึ่บ
“อ่ะ..” ขณะที่คุโรโกะแอบจ้องอยู่ ประตูกระจกก็เปิดออกเผยชายผมแดงหน้าตาหล่อเหลาชื่ออาคาชิ เซย์จูโร่ และเหมือนสมองสั่งการให้ทำอะไรสักอย่าง มือเรียวรีบคว้าฝักบัวรดน้ำมาก้มหน้ารดเจ้าบับเบิ้ลบีที่เจ้าตัวปลูกไว้อย่างรวดเร็ว
ออกมาแบบกระทันหันแบบนี้! ใครจะใจกล้ามองต่อกันล่ะครับคุณผู้ชม
“อ้าว..ไงคนข้างห้อง” เสียงทุ้มของอาคาชิเอ่ยทักคุโรโกะ
“อะอ้าว อาคาชิคุง”
“ทำอะไรอยู่เหรอ ?” ร่างสูงเดินเข้ามาสุดขอบรั้วกั้นระเบียงแล้วเท้าคางมองต้นสตรอเบอร์รี่ที่คนตัวเล็กกว่ากำลังรดน้ำ
“กะ กำลังรดน้ำให้บับเบิ้ลบีอยู่น่ะครับ” คุโรโกะพยายามตอบไม่ให้เสียงสั่นเท่าที่จะทำได้ “คือ..ต้องรดน้ำมันทุกวันเช้าเย็นน่ะครับ ไม่งั้นผลมันจะไม่ออก”
“บับเบิ้ลบี ?”
“ชื่อของมันน่ะครับ”
อาคาชิพยักหน้าเข้าใจแล้วมองไปรอบๆระเบียงแล้วหันกลับมามองคุโรโกะแบบเดิม
“ว่าแต่..” อาคาชิเว้นจังหวะพูดไว้ คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างลุ้นๆว่าอีกคนจะพูดอะไร ก่อนจะได้เห็นคนตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามอย่างสงสัย “ฝนตกแล้วยังจะรดน้ำอีกเหรอ ?”
.
.
.
เออว่ะ แล้วผมจะรดน้ำทำไมในเมื่อกลิ่นฝนมันเพิ่งจะแตะจมูกผมไปเมื่อกี้นี้เอง! TOT
“แหะๆ ฝนตกเหรอครับ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย” มันเป็นข้ออ้างหลอกเด็กอนุบาลเท่านั้นที่จะเชื่อ คุโรโกะวางฝักบัวรดน้ำลงโต๊ะไม้ข้างๆแล้วหัวเราะแห้งๆออกมา
“นายนี่ไม่ได้กลิ่นฝนหรือยังไงนะ” อาคาชิหัวเราะออกมาเบาๆอย่างมีมารยาทแล้วมองหน้าคุโรโกะ แก้มทั้งสองข้างของคนตัวเล็กเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด อาคาชิเลิกคิ้วถามอีกครั้ง “ไม่สบายเหรอ.. หน้าแดงเชียว”
“เปล่าครับอาคาชิคุง คือผม..”
“หืม ?”
“ผมแค่ร้อนน่ะครับเลยออกมายืนตากลมนอกระเบียง เพราะในห้องมันร้อนเกินไป” รีบพ่นประโยคสุดจะแถใส่อีกคนก่อนจะโดนจับผิด “แต่ว่า..หน้าผมมันแดงมากเลยเหรอครับ ?”
อีกคนได้แต่พยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะค่อยๆผละออกจากรั้วกั้นระเบียง คุโรโกะเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำอะไรไม่ถูก อาคาชิที่เห็นแล้วก็ยกยิ้มขึ้นมาบางๆกับการกระทำของอีกคน
“ฉันว่าจะออกมาตากลมเหมือนกัน แต่เห็นบรรยากาศแบบนี้แล้วก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ร่างสูงว่าแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า นั่นทำให้คุโรโกะเงยขึ้นไปมองตามได้ไม่ยาก
“....”
“นายเอง..ก็กลับห้องของตัวเองได้แล้วก่อนที่ฝนจะตกอีกรอบนะ” อาคาชิว่าแล้วเข้าห้องของตัวเองไปปล่อยให้ผมยืนงงเป็นไก่ตาแตก
ฝนจะตกอีกแล้วเหรอ นี่ถ้าเกิดฝนไม่ตกผมกับอาคาชิคุงคงจะได้อยู่กันสองต่อสองแน่ๆ ทำไมอากาศมันไม่เต็มใจเลยล่ะ! คิดอย่างนั้นแล้วคุโรโกะก็ทำหน้าบึ้งตึงใส่ท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆดำครึ้มบดบังแสงพระอาทิตย์ เขาหยิบบับเบิ้ลบีเข้าที่ร่มใต้หลังคาแล้วเดินเข้าห้องของตัวเองบ้าง
เป็นห่วงก็แค่พูดออกมา
อย่ามัวแต่เก็บเงียบไว้คนเดียวเลย
มันอึดอัดนะถ้าไม่ได้บอกว่าคิดยังไง
ผมน่ะห่วงคุณมากๆเลยล่ะ
เด็ด! อาคาชิ เซย์จูโร่ ไอดอลขวัญใจสาวๆหนุ่มๆปฏิเสธรักอย่างไร้เยื่อใย!
ผมเลื่อนเคอร์เซอร์เม้าท์เข้ากระทู้ข่าวของไอดอลข้างห้อง มันจะเป็นอย่างนี้ทุกคืนก่อนนอนที่ผมจะต้องเข้าเว็บอาคาชิเพื่อติดตามข่าวสาร
หัวข้อ : อาคาชิ เซย์จูโร่ ปฏิเสธรักแบบไม่มีเยื่อใยจริงๆเหรอคะ ?
‘จริงสิ อาคาชิเขาเป็นไอดอลนะ จะไปชอบผู้ชายได้ยังไง’
‘จขกท.ไม่รู้เหรอคะ เขามีคลิปแชร์ว่อนเน็ตกันเยอะแยะจะตาย’
‘ตามที่ความคิดเห็นข้างบนบอกค่ะ นี่คลิป – [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ –
ผมคลิกดูคลิปแล้วจำเป็นต้องเบิกตากว้างทันทีเมื่อในคลิปมีชายหนุ่มสองคนที่ผมเจอในห้องสมุดของมหาลัยเมื่อช่วงบ่าย อาคาชิกับอีกคนที่กำลังยืนร้องไห้จนตัวสั่น
‘สมน้ำหน้า ไม่มีทางที่ไอดอลหล่อๆจะมาสนใจผู้ชายหรอก’
‘ใช่ เพราะเขาคือคนของฉัน’
‘อะไรนะยะ!! เขาเป็นของเธอตอนไหนยะหล่อน!’
แล้วก็มีคอมเม้นท์ก่นด่ามากมายจนทำให้ผมถึงกับทำหน้าไม่สู้ดีนัก ผู้หญิงสมัยนี้มันน่ากลัวจริงๆ..
TBC.
Lovely and Confident
It’s something you should have
❤
คำที่คีจังพูดเหมือนจะเป็นสโลแกนของฟิคไปแล้ว(ฮา)
ไรท์แอบสงสารตัวประกอบที่ให้ขนมปังอาคาชินิสๆ
คือพูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าจะให้อาคาชิรับของยังไงดี
เพราะไม่อยากให้นางทำร้ายจิตใจน้องครกคุงของรีดเดอร์
5555555555555555555555555555
PS. อาคาชิเป็นเน็ตไอดอลที่ดังมากในญี่ปุ่น ดังมากซะจนพวกแฟนคลับถึงกับสร้างเพจให้เลยนะคะ และทุกๆวันก็จะมีคนออกมาตั้งกระทู้เกี่ยวกับเจ้าตัว ซึ่งน้องครกของเราก็ติดตามมันทุกวันเลย :D
ขอแนะนำน้องบับเบิ้ลบีนะจ๊ะ XD
อีกสิ่งหนึ่งที่อาจจะมีฉากฟินๆของทั้งสองได้ จุ๊ๆนะ
อย่าลืมเม้นท์เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า
ทุกคนคือกำลังใจของเรา ; - ;
❤
#ฟิคแดงดำข้างห้อง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น