ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ♡ C H A P T E R 1. แฟนคลับ
CHAPTER1.
แฟนคลับ ?
เห็นแล้วปัง! รายการวาไรตี้คืนนี้อาคาชิ เซย์จูโร่เตรียมการเป็นอย่างดี เจอหนุ่มไอดอลหน้าใหม่ได้ที่ช่องวัน!
“คุโร….”
ลั่น! ไอดอลหน้าใหม่อาคาชิไต่ขึ้นมาเป็นเดอะเบสออฟเจแปนแล้ว ด้วยเวลาสองอาทิตย์กว่าและอาจไม่ถึงด้วยซ้ำ!
“คุโรโก…”
ซ้ำ! แฟนคลับกรี๊ดกร๊าดหนุ่มหล่อพร้อมถวายชีวิตให้! ถึงกับตามหาที่อยู่เหมือนสโตกเกอร์!
“คุโรโกจจิ!”
เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงเบาๆก่อนจะลดแมกกาซีนในมือที่ปิดใบหน้าลง คุโรโกะ เท็ตสึยะขมวดคิ้วเชิงถามชายผมเหลืองว่ามีอะไร ทำไมถึงได้มากวนเวลาอันเสพสุขของเขาแบบนี้ ทั้งวันเขาอยากจะใช้เวลาจมปักเสพติดอยู่กับเรื่องแมกกาซีนเน็ตไอดอลหน้าใหม่อย่างนี้มากกว่าการพูดเรื่องไร้สาระไม่มีแก่นสารไปวันๆ
และเหมือนคิเสะ เรียวตะจะรู้ว่าเพื่อนคนนี้กำลังนินทาตัวเองอยู่ในใจ เขายู่ปากลงอย่างงอนๆแล้วชายตาไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างแล้วตามด้วยเสียงบ่นอู้อี้
“ก็เพราะอย่างนี้ไงล่ะถึงไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน เอาแต่บ้าไอดอลหัวแดงนั่นอยู่ได้”
“เขาก็เหมือนแฟนมโนของผมนั่นแหละครับ คิเสะคุง”
“ก็คงงั้นล่ะน้า..” คิเสะถอนหายใจออกมาปลงๆ เขาเริ่มจะชินแล้วกับนิสัยเพ้อฝันของเพื่อนตัวเล็ก วันนึงไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากก้มอ่านแมกกาซีนแล้วยิ้มคนเดียวกับมัน ก็พอเข้าใจอยู่หรอกนะว่าชอบ แต่มันจะติดเกินไปรึเปล่า
และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เพื่อนผมฟ้าคนนี้ไม่มีแฟนก็ได้ มีคนมาจีบตั้งมากมายแต่กลับเลือกที่จะปฏิเสธซะอย่างนั้น โดยให้เหตุผลว่ามีแฟนแล้ว(บนโปสเตอร์ในห้อง) ใช่ว่าคิเสะจะไม่รู้ว่าในห้องของคุโรโกะนั้นเต็มไปด้วยโปสเตอร์ไอดอลหัวแดงที่ชื่อว่าอาคาชิ แต่ยังมีคอลเลคชั่นมากมายอีกต่างหาก!
.
.
.
แม่งเป็นโมเม้นท์ของแฟนคลับที่แท้ทรู..
“แล้วแฟนของคุณล่ะครับ ? วันนี้ไม่ได้มาด้–...”
“คิเสะ! อยู่นี่นี่เอง” ยังไม่ทันที่คุโรโกะจะพูดจบ ชายผิวแทนที่คุ้นเคยก็เดินมาคล้องคอเพื่อนผมเหลืองของเขาไว้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพื่อนคนนี้โทรให้แฟนของตัวเองมารับ
“อาโอมิเนจจิ! อย่าหอมแก้มตรงนี้สิ อายเขานะ” คิเสะหน้ามุ่ยอย่างงอนๆที่แฟนเจ้าตัวชอบทำอะไรออกสื่อ
คุโรโกะได้แต่นั่งเท้าคางมองแล้วกรอกตาเป็นเลขแปด ถึงจะเป็นภาพที่คุ้นเคยแต่มันก็ไม่ชินสักที ชีวิตคนโสดแต่ดันมีเพื่อนที่มีแฟนแล้วมาจู๋จี๋ต่อหน้าต่อตามันคงแทงใจดำน่าดู อาโอมิเนะ ไดกิหันมามองคนตัวเล็กก่อนจะโบกมือลาแล้วไม่ลืมที่จะจับมือคนเป็นแฟนให้ลุกขึ้นเดินตาม
“อะเอ่อ..คุโรโกจจิ! ฉันกลับก่อนนะ กลับหอดีๆด้วยล่ะ”
คุโรโกะพยักหน้าแล้วโบกมือให้ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างดูทิวทัศน์บ้าง ตอนนี้กำลังฝนตก.. แต่ที่แปลกคือแดดออกเปรี้ยงขนาดนี้ยังจะฝนตกอีก! ฝนตกแล้วแดดออกแบบนี้มันก็ยังดีกว่าฟ้ามืดครึ้มนั่นแหละนะ
แล้ว..จะเอายังไงต่อดี ? จะนั่งที่ร้านกาแฟคนเดียวแบบนี้หรือจะกลับหอดีล่ะ
ยังไงแล้วก็ต้องรอให้ฝนหยุดตก เพราะเจ้าตัวไม่ได้พกร่มมา คุโรโกะถอนหายใจออกมาแล้วหยิบวานิลลาเชคส์ของโปรดที่ละลายไปบ้างแล้ว คงจะมีแค่วานิลลาเชคส์แค่นั้นล่ะมั้งที่อยู่กับเขาในเวลาเหงาๆแบบนี้..
ไม่สิ ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาหายเหงาได้
คุโรโกะหยิบแมกกาซีนข้างกระเป๋าเป้ลูกรักขึ้นมาเปิดดูแล้วระบายยิ้มออกมาบางๆ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขามีความสุขและมีกำลังใจในแต่ละวัน..
.
.
.
อาคาชิ เซย์จูโร่ ♥
“วันนี้กินอะไรดีล่ะเนี่ย..”
คุโรโกะมองไปยังตู้เย็นที่แช่ข้าวกล่องเต็มไปหมด และมักจะเข้าร้านสะดวกซื้อหน้าอพาร์ทเม้นท์มาซื้อมันทุกวันเพราะสะดวกดี เลือกไปเลือกมาสักพักตาก็สะดุดเข้าที่ราเมนออกใหม่ของร้าน มือเรียวหยิบขึ้นมาก่อนจะเดินไปยังล็อคขนม
อยู่หอคนเดียวก็ต้องเก็บของไว้บ้างใช่มั้ยล่ะ บอกเลยว่าแถวนี้หาอะไรกินยาก ร้านอาหารแถวนี้มันไม่มีหรอก นอกจากจะขี้เกียจเดินแล้วยังอยู่ยากอีก แต่มันก็ดีอยู่อย่างเพราะอพาร์ทเม้นท์ที่เขาพักอยู่ใกล้มหาลัยเทย์โค มหาลัยชายล้วนที่เจ้าตัวกำลังเรียนอยู่นั่นเอง
และจะมีอยู่อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาคิดว่ามหาลัยเทย์โคนั้นอยู่ยาก ก็คือมีแต่คู่รักเดินสวีทหวานกันยังไงล่ะ ถึงจะเป็นชายชายก็เถอะ แต่ความรักมันก็เกิดได้ทุกที่ทุกเพศและทุกวัยนี่น่า มองไปทางไหนก็มีแต่ภาพบาดตาบาดใจ เขาคงจะเป็นคนเดียวในหมู่เพื่อนที่มีแฟนเลยก็ว่าได้ล่ะมั้ง
ถ้วยราเมนและซองขนมนับหลายซองถูกวางลงบนแคชเชียร์ พนักงานที่เห็นหน้ากันบ่อยซะจนจำเขาได้ก็ทักทายคุโรโกะเสียงร่าเริง
“ไปเรียนวันแรกเป็นยังไงบ้างคุโรโกะคุง ?”
“เอ่อ..ก็ดีนะครับไอกะซัง”
พนักงานสาวระบายยิ้มหัวเราะเบาๆอย่างมีมารยาทก่อนจะหันไปหยิบอะไรบางอย่างใส่ถุงให้เพิ่ม
“ฉันแถมขนมให้นะ”
“จะ..จะดีเหรอครับ!?”
ผมที่กำลังไดเอทอยู่ถามเสียงเบาปนตกใจ ก็ดีอยู่หรอกที่ไอกะ โยชินะพนักงานสาวเจ้าประจำในร้านสะดวกซื้อจะมีของแถมให้ทุกครั้งที่มาซื้อ
แต่จะว่ายังไงดี..ตอนนี้ผมกำลังไดเอทอยู่ ความจริงแล้วไม่อยากอดข้าวอดอาหารมาไดเอทตัวเองหรอก แต่เป็นเพราะคิเสะเพื่อนของผมสั่งให้ไดเอทต่างหาก! โดยการบอกว่าผมพุงออกนะ ..จนต้องจำใจลดน้ำหนักนี่เอง
“ดีสิ ก็คุโรโกะคุงเป็นลูกค้าประจำนี่น่า”
“เอ่อคือว่า–”
“หรือว่าไม่อยากได้ ?” เธอพูดแทรกยิ้มๆ นั่นทำให้ผมต้องกลืนน้ำลายลงคอทันที เพราะรอยยิ้มของไอกะไม่ใช่รอยยิ้มน่ารักตามฉบับเจ้าตัว แต่มันเป็นรอยยิ้มที่โคตรจะน่ากลัวต่างหาก!
“ก็ได้ครับไอกะซัง แหะๆ” ผมหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วยีผมสีฟ้าอ่อนของตัวเองแก้เก้อ
20.30 น.
น้ำในกาถูกเทลงบนถ้วยราเมน มือเรียวหยิบตะเกียบมาคนอย่างรีบร้อนไม่รอเวลาที่ข้างถ้วยระบุไว้ว่าให้รอสองนาทีก่อนจะเป่าไล่ควัน สองขารีบก้าวเดินไปเปิดโทรทัศน์เพื่อดูรายการวาไรตี้รายสัปดาห์ คุโรโกะนั่งแหมะลงบนพื้นพรมพร้อมกับถ้วยราเมนบนโต๊ะญี่ปุ่นกลางห้อง
“เฮ้อ เกือบไม่ทันแล้วไงล่ะ..”
ภาพในจอฉายชายผมสีแดงเพลิงกำลังนั่งบนเก้าอี้แล้วส่งรอยยิ้มบางๆให้กับกล้อง ในมือมีกีต้าร์สลักไม้สีแดงตัวเก่งที่เจ้าตัวเล่นออกรายการบ่อยๆ เก้าอี้ข้างกายของไอดอลหน้าใหม่ขวัญใจวัยรุ่นมีหญิงสาวดีเจผู้ว่าจ้างกำลังนั่งอมยิ้มอย่างเขินอายอยู่
“ชิ น่ารำคาญจริงๆ” ในใจแอบอิจฉาดีเจในจอที่ได้นั่งข้างไอดอลของเขาแถมยังได้เจอตัวเป็นๆอีก อาการอมยิ้มกับสีหน้าแดงแป๊ดแบบนั้นมันทำให้เขานึกถึงบับเบิ้ลบี(ต้นสตรอเบอร์รี่)ที่ปลูกเอาไว้นอกระเบียงห้องเสียจริง
“แล้วนี่ก็คือไอดอลหน้าใหม่ที่เป็นเดอะเบสออฟเจแปนในตอนนี้นะคะ! ทั้งหล่อทั้งละมุน เห็นแล้วอยากจะ..อุ๊ปส์ ขอโทษนะคะ เผลอไปหน่อยน่ะค่ะ ฮ่าๆ” ดีเจหญิงเจ้าประจำของรายการยื่นไมค์ให้กับไอดอลหน้าหล่ออย่างเขินอาย มือเกาแก้มแก้เก้อแล้วคลี่ยิ้มออกมา ไม่พอยังบิดตัวไปมาเหมือนถูกปั่นในเครื่องซักผ้าอีก
โถ่เจ๊! ถ้าจะเขินขนาดนี้ผมว่าลงมาจากเวทีเถอะ ไม่ต้องถ่งไม่ต้องถ่ายแม่งแล้ว เขินจนตัวบิดขนาดนั้นคงไม่ได้สัมภาษณ์ไอดอลกันพอดี มาดูเจ๊บิดดีกว่ามั้ยล่ะ!?
“อาคาชิ เซย์จูโร่ครับ ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่คอยติดตามและเป็นกำลังใจให้ผมเสมอมานะครับ” เจ้าของเรือนผมสีแดงว่าแล้วส่งยิ้มหล่อผ่านกล้อง เล่นซะเส้นราเมนที่เขากำลังคาบอยู่ในปากตกลงถ้วยทันที
.
.
.
โอโห ใจนี่สั่นไปสามริกเตอร์เลยครับ ขอร้องอย่าส่งยิ้มละมุนแบบนั้นผ่านกล้องเลย เดี๋ยวผมจะได้ระเบิดเป็นโกโก้ครั้นซ์กันพอดี! TOT
เชื่อว่าทุกคนคงมีไอดอลที่ชื่อชอบในใจของตัวเองกันทั้งนั้น แล้วคุโรโกะ เท็ตสึยะคนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังคลั่งไคล้เน็ตไอดอลผมแดงที่อยู่ในจอตอนนี้ ถ้าถามว่าชอบเพราะอะไรเขาก็จะบอกคุณผู้อ่านให้รู้ว่าเจ้าตัวเล่นดนตรีเก่งแถมยังหน้าตาหล่อเหลาเอาการยังไงล่ะ
ตั้งแต่เห็นเขาในทีวีครั้งแรกสมองก็สั่งการให้เขาเป็นแฟนคลับตัวยงทันที!
คุโรโกะดิ้นนอนกลิ้งไปมาอยู่หน้าจอแล้วแกว่งเท้าไปมาเหมือนกำลังว่ายน้ำอยู่ในสระ ความรู้สึกตอนที่ได้มองเน็ตไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบในทีวีแล้วเขาจ้องตากลับมามันรู้สึกเหมือนเขากำลังลอยอยู่บนสรวงสวรรค์ยังไงยังงั้น
ตุ้บ
“ว๊ายตายแล้ว ยิ้มซะใจละลายเลยนะจ๊ะอาคาชิคุง”
“ฮ่ะๆ ไม่ขนาดนั้นมั้งครับ”
“ขนาดนั้นเลยสิจ๊ะ ตอนที่ยิ้มเจ๊นี่เกือบละลายเลยอ่ะ”
ตุ้บ!!
ขณะที่คุโรโกะจ้องไอดอลในทีวีอย่างเพ้อฝันอยู่ก็ถึงกลับต้องคิ้วกระตุกเป็นจังหวะสามช่าทันทีเมื่อได้ยินเสียงเหมือนอะไรสักอย่างกระแทกเข้ากับกำแพง เขาละสายตาจากทีวีไปมองกำแพงข้างห้องแล้วนึกก่นด่าในใจ
เป็นอะไรของเขาวะ ทำไมต้องมาขัดจังหวะความสุขในเวลาแบบนี้ด้วย! ปกติก็ไม่เห็นจะรบกวนเลยไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้กลับทำเสียงอะไรไม่รู้ คนยิ่งกำลังฟินๆอยู่โถ่เอ๊ย
หลังจากด่าคนข้างห้องในใจเสร็จหันมารายการก็เปลี่ยนไอดอลเป็นคนอื่นไปแล้ว
“อ้าวเห้ย!! เพิ่งได้ดูแค่แปปเดียวเอง” คุโรโกะมองหน้าจอทีวีด้วยแววตาละห้อย นึกเสียดายที่อุตส่าห์รีบขับเวสป้ากลับห้องมาดูอาคาชิแต่กลับได้ดูแค่แปปเดียว ก่อนจะเปลี่ยนโหมดเกรี้ยวกราด มือเรียวหยิบรีโมทแล้วกดปิดทีวีอย่างหงุดหงิด ร่างบางลุกขึ้นแล้วหยิบถ้วยราเมนที่พร่องไปไม่ถึงครึ่งโยนทิ้งลงถังขยะ
สองขาก้าวออกจากห้องของตัวเองก่อนจะมองไปยังห้องข้างๆ ตัวเหตุที่ทำให้พลาดการดูแฟนมโน(?)ของเขา มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเป็นการบอกว่าไอ่คนข้างห้องที่บังอาจมาทำลายเวลาสงบสุขมันไม่รอดแน่ๆ
คนตัวเล็กลงบันไดไปอย่างหัวเสีย อพาร์ทเม้นท์นี้มันมีไม่กี่ชั้นหรอก ลงทางบันไดไปสักหน่อยคงไม่ทำให้ขาเคล็ดจนเดินไม่ได้หรอกนะ ถ้าคิดในแง่บวกหน่อยก็คือออกกำลังกายไปเลยก็ได้ ใช้เวลาลงไปไม่นานเขาก็มาถึงแผนกต้อนรับ
“อ้าว คุโร…”
“ขอโทษนะครับโฮชิซัง! คนข้างห้องเขาเป็นมลภาวะทางเสียงให้กับผมน่ะครับ! เมื่อก่อนไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย” คุโรโกะว่าแล้วเบ้หน้าจนยุ่งไปหมด
“เอ๊ะ ?” โฮชิพนักงานแผนกต้อนรับเกาคางอย่างใช้ความคิด เขาเดินไปยังคอมพิวเตอร์แล้วพิมพ์คีย์บอร์ดด้วยความเร็วแสง นี่ถ้ามีกีฬาแข่งกันพิมพ์ผมคิดว่าโฮชิซังต้องเป็นนักกีฬาโอลิมปิคติดอันดับท็อปของประเทศแน่ๆ ไม่นานเขาก็ร้องอ้อขึ้นมาเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก
คุโรโกะได้แต่เลิกคิ้วสงสัยกับกริยาแปลกๆของคนตรงหน้า และเหมือนอีกคนจะรู้ว่าเขากำลังสงสัยจึงอธิบายให้
“คือว่านะ..ปกติแล้วข้างห้องของนายไม่มีคนอยู่ใช่มั้ยล่ะมันก็เลยเงียบ แต่ตอนนี้มีคนมาเช่าอยู่แล้วน่ะนะ”
จริงอยู่ที่ผ่านมาห้องข้างๆนั้นเงียบเหมือนห้องร้างไม่มีคนอยู่ เวลาออกไปนอกระเบียงจะตากผ้าก็จำเป็นต้องหันไปมองระเบียงห้องข้างๆตลอด ความมืดมันทำให้เขารู้สึกถึงพลังงานอะไรบางอย่าง ไม่ใช่ว่าเขากลัวผีหรอกนะ! แต่ใครๆก็บอกกันนี่ว่าที่มืดๆนั้นมันอันตราย
แล้วในแต่ละชั้นก็จะมีแค่3ห้อง บอกเลย อพาร์ทเม้นท์นี้เหมือนจะเล็กแต่ในความกว้างแล้วก็พอตัว จะติดตรงแค่ห้องน้ำมันแคบไปหน่อย สำหรับคุโรโกะแล้วมันไม่ใช่ปัญหาอะไรเพราะแค่มีที่ซุกหัวนอนมันก็โอเคแล้ว ดีกว่าต้องไปนอนหอในแล้วเจอรูมเมทอีก การใช้ชีวิตในห้องแล้วมีรูมเมทมันเป็นอะไรที่น่ารำคาญมาก!
“ละ..แล้วทำไมล่ะครับ! เขาทำอะไรไม่รู้เสียงดังตอนที่ผมกำลังดูทีวีอยู่ แบบนี้มัน…”
“งั้นฉันจะโทรหาเขาให้ลงมาคุยกับนายเองนะคุโรโกะคุง รอสักครู่”ชายวัยกลางคนยกหูโทรศัพท์ขึ้นแนบหูก่อนจะกดเบอร์โทรห้องข้างๆของชายผมฟ้า
“เอ่อ..ขอโทษนะครับคุณห้อง410 ห้อง411จะมาคุยกับคุณหน่อยน่ะครับ”
คุโรโกะเดินไปนั่งบนโซฟาของห้องรับรองก่อนจะถอนหายใจออกมาให้ตัวเองใจเย็นลง ไม่นานประตูกระจกก็เปิดออกพร้อมชายร่างโปร่งที่เดินโซซัดโซเซเหมือนเพิ่งตื่นนอน เสื้อสีดำตัวโคล่งกับกางเกงสามส่วนสีเทา ดูแล้วมันคือชุดนอนชัดๆในสายตาของเขา แต่ก่อนจะได้พิจารณาอีกคนไปมากกว่านี้ก็ถึงกับต้องชะงักตัวแข็งทื่อเหมือนจ้องตาเมดุซ่า
เพราะอะไรน่ะเหรอ..
ก็เพราะว่าคนคนนี้คือ..
.
.
.
“อาคาชิคุง เชิญนั่งก่อนนะครับ”
คนข้างห้องกลับเป็นไอดอลคนที่เขาเป็นแฟนคลับตัวยงยังไงล่ะ!!
ผมเจอคุณแล้ว
มันเป็นสิ่งไม่น่าเชื่อ..แต่มันก็เป็นจริง
ผมล่ะอยากจะตะโกนออกมาดังๆ
..ให้คุณรู้ความในใจจริงๆ
TBC.
เขาก็เหมือนแฟนมโนของผมนั่นแหละครับ
การกรอกตาเป็นเลขแปดของน้องครก
หน้าแบบประมาณว่า “เออ ก็เรื่องของคุณมึง”
555555555555555555555555555
~ ถ้าชอบฝากเม้นท์เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า ♥
#ฟิคข้างห้องแดงดำ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น