[SF] Red Ridin' Hood (EXO_Kai x Suho) - [SF] Red Ridin' Hood (EXO_Kai x Suho) นิยาย [SF] Red Ridin' Hood (EXO_Kai x Suho) : Dek-D.com - Writer

    [SF] Red Ridin' Hood (EXO_Kai x Suho)

    หนูน้อยหมวกแดงเวอร์ชั่นใหม่ ลืมการ์ตูนดิสนี่ย์ไปก่อนนะฮ้าาาา

    ผู้เข้าชมรวม

    965

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    965

    ความคิดเห็น


    9

    คนติดตาม


    12
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 พ.ค. 56 / 10:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    เอา Short Fic มาฝาก #ฮิ


    มาดูตัวละคร!





    ซูโฮ

    หนูน้อยหมวกแดงหลงป่าของเรา...
    อันที่จริงต้องบอกว่าผมแดงเนอะ #ฮิ







    และ หมาป่า...

    โน่วววๆๆๆ ไม่ใช่ตัวนี้หรอก





    ^
     ^
     ^
    ตัวนี้ต่างหากล่ะ #ฮิ






     

      มาดูข้อตกลงในการอ่านฟิคกันจ่ะ!!
     

    1. ฟิคเรื่องมีเนื้อหานี้เป็น ชาย x ชาย นะจ๊ะ ไม่ชอบก็อย่าอ่าน
    2. ฟิคเรื่องนี้เป็นคู่ไคโฮ ถ้าไม่ชอบรับไม่ได้ก็อย่าอ่านจ๊ะ ถ้าริจะอ่านก็ห้ามว่า
    3. เรื่องนี้ไม่ใช่หนูน้อยหมวกแดงแบบออรจินัล มีการดัดแปลงเนื้อหาให้ต่างออกไป ถ้าหนูน้อยหมวกแดงเป็นนิทานก่อนนอนเรื่องโปรดของคุณและรับตอนจบของเรื่องนี้ไม่ได้ ก็...ไม่ต้องอ่านก็ได้ค่ะ

    4. ถ้าอ่านแล้วชอบมาก อยากสปอย อยากเพ้อต่อในทวิตเตอร์ ติดแท็ก #หนูน้อยหมวกแดง ด้วยนะ จะตามไปอ่าน..
    5. เราจะไม่บังคับให้เม้นท์หรอกนะ เราแต่งเพราะอยากแต่ง ไม่ได้ต้องการขูดรีดคอมเม้นท์จากใคร :)





     

    อ่านฟิคให้สนุกนะแจ๊ะ > <

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Title : Red Ridin’ Hood (เวอร์ชั่นใหม่ อย่าไปเชื่อดิสนี่ย์ 55555)

      Pairing : Kai x Suho

      Writer : MuscleBabo

      Rate : PG -15 (มั้ง)

      Note : - ชื่อเรื่องหนูน้อยหมวกแดงแต่หนูน้อยไม่ได้ใส่หมวกสีแดงนะ เพราะว่าเขาผมแดงงงงง อิอิ

                 - หนูน้อยหมวกแดงได้กับหม่าป่า

                 - หมาป่าตัวนี้เป็นลูกหมาป่านะ มันใสมากแต่มันเมะนะ #ฮิ

       

       

       

      ++++++++++++++++++++++++++

       

       

       

       

        "จุนมยอนจ้ะ ช่วยไปเยี่ยมคุณยายแทนแม่หน่อยสิ"

        "ครับแม่"


         เพราะประโยครับปากข้างต้นแท้ๆทำให้เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น ผม...คิม จุนมยอน กำลังเดินทางไปเยี่ยมคุณยายแทนคุณแม่ซึ่งติดธุระกระทันหัน ที่หมู่บ้านเรากำลังจะจัดงานเลี้ยงอะไรซักอย่างที่ผมเองก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องหรอกครับ ก็เลยเรียกประชุมเหล่าแม่บ้านเรื่องจะให้เตรียมอาหารเลี้ยงแขกล่ะมั้งถ้าให้ผมเดา แต่ก็ดีเหมือนกันนะครับ...ถือซะว่าเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ผมเคยมาบ้านยายครั้งนึงตอนเด็กๆแต่นั่นมันก็นานมากจนแทบจะไม่มีความทรงจำเหลืออยู่เลย ผมทราบแค่ว่ากระท่อมที่คุณยายอาศัยอยู่น่ะตั้งอยู่ในป่าแห่งนี้ ถึงจะมีการถางหญ้าที่ขึ้นรกให้เป็นรอยเส้นทางเอาไว้แต่ป่าก็คือป่าอยู่ดีล่ะครับ มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้รกๆขึ้นเต็มไปหมด ถ้าไม่อาศัยควันและกลิ่นควันล่ะก็ผมคงจะไปไม่ถูก...รึเปล่า?


        "ทำไมบ้านยายไกลจัง"


      ผมนั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งข้างทางก่อนจะยกมือขาวๆขึ้นมาปาดเหงื่อที่ไหลลงมาเปื้อนแก้มและจมูก ผมเดินตามทางมาเรื่อยๆมัยก็น่าจะถึงบ้านยายตั้งนานแล้วสิ แล้วตอนนี้...กี่โมงแล้วก็ไม่รู้ ผมมีความรู้สึกว่าแสงสว่างที่มีในตอนแรกมันเริ่มน้อยลงๆเรื่อยๆ อย่าบอกนะว่าผมหลงทางเข้าซะแล้ว...ทำยังไงดีล่ะ ไม่มีใครเลยนอกจากผมและต้นไม้ ผมจะขอความช่วยเหลือจากใครดี .____.

         ผมยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ผมเหนื่อยจนเริ่มจะหมดแรง นี่ผมเดินมาตั้งแต่ช่วงเช้าจนตอนนี้เย็นแล้วผมเพิ่งจะได้พักเมื่อกี้เอง ร่างกายเสียน้ำออกมาเป็นเหงื่อซะหมดแถมผมยังไม่ได้กินอะไรเลยด้วย จริงอยู่ที่ผมหิ้วตะกร้าที่บรรจุอาหารอยู่เต็มแต่ผมกินไม่ได้หรอก...ก็นี่มันของเยี่ยมคุณยายนี่นา ถึงมันจะมีทั้งขนมปัง เนยถั่ว ผลไม้สารพัดชนิดทั้งที่ปอกเปลือกใส่กล่องและผลไม้สดที่ยังไม่ได้ปอก กับข้าวฝีมือแม่ และไวน์ขวดใหญ่ ถึงจะมีอาหารมากมายอยู่ตรงหน้าผมก็ได้แต่กลืนน้ำลายข้นๆลงคอเท่านั้น ความผิดของผมเองที่ไม่เตรียมน้ำและอาหารสำหรับตัวเองมา Y ____ Y
       

        ผมออกเริ่มเดินอีกครั้งโดยตั้งใจว่าจะต้องไปให้ถึงบ้านยายให้ได้ ผมเดินโซเซไปมาด้วยความที่เริ่มหมดแรง แขนของผมต้องคอยจับกิ่งไม้และต้นไม้ข้างทางเพื่อยึดไว้เป็นหลักไม่ให้ล้ม ผมรู้สึกว่าขาตัวเองหนักมากกว่าจะก้าวได้แต่ละก้าว แต่ถึงผมจะพยายามมากแค่ไหนก็ยังไร้ซึ่งวี่แววของกระท่อมหลังน้อยที่มีคุณยายสุดที่รักรอผมอยู่พร้อมกับรอยยิ้มใจดีบนใบหน้าของท่าน...ทำยังไงดี ผมเริ่มจะไม่ไหวแล้วจริงๆ ร่างกายสั่นคลอนไปหมดจนผมเริ่มจะยืนไม่อยู่ จู่ๆตะกร้าผลไม้และกระเป๋าเป้ก็หนักขึ้นเหมือนใส่หินทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมก็หิ้วมันเดินไปมาได้ทั้งวัน ผมตัดสินใจก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวก่อนที่ผมจะลมล้งกับพื้น


        "อ๊ะ!"


      ผมสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างที่ตอนแรกผมคิดว่าเป็นรากไม้ที่โผล่พ้นดินออกมา...แต่ว่ามันไม่ใช่ 


        "คุณ! คุณมานอนอะไรตรงนี้...เลือด...คุณเป็นอะไรน่ะ...คุณ!" 



      สิ่งที่ผมสะดุดคือมนุษย์ครับ...แต่จะว่าเป็นมนุษย์100%ก็อาจจะไม่ใช่ รูปร่างของเขาเป็นชายหนุ่มผิวคล้ำคนหนึ่งที่มีหู...ผมคิดว่าเป็นหูแมวและหางพวงๆสีดำ ท่อนบนของเขาไม่ได้สวมใส่อะไรและท่อนล่างก็เป็นกางเกงตัวใหญ่ที่มีรอยขาดเต็มไปหมด ผมพยายามจะเรียกเขาแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรอยแผลใหญ่แถวๆหัวไหล่ซ้ายยาวลงมาเกือบถึงหน้าอกแกร่ง เลือดไหลท่วมไปหมด นอกจากนี้ก็ยังมีรอยฟกช้ำตามตัวอีกด้วย...หรือว่านี่จะเป็นศพ? ผมค่อยๆถอยห่างออกมาจากเขาเล็กน้อย แต่ก่อนที่ผมจะตกใจกลัวไปมากกว่านั้นผู้ชายตรงหน้าผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งหลังจากที่เขาเห็นหน้าผม สรุปว่าเขายังไม่ตายสินะ...แต่แผลน่ากลัวขนาดนี้ถ้าไม่รีบรักษาล่ะก็มีหวังจะได้ตายจริงๆน่ะสิ ผมรีบเปิดกระเป๋าเป้และหยิบผ้าขนหนูออกมาเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่ตามตัวเขา แต่เลือดบางส่วนเริ่มแห้งแล้ว ถ้าไม่มีน้ำล่ะก็มันจะเช็ดไม่ออก


        "น...น้ำ...มีน้ำ..."


      เหมือนเขาจะอ่านใจผมออกเลย เขาปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย เขายกแขนขึ้นมาข้างหนึ่งด้วยท่าทางที่หมดแรงก่อนจะชี้ไปทางขวา


        "นายว่าอะไรนะ?"
        "น้ำ....มีลำธาร...อยู่ทาง...นั้น"
        "นายรู้ได้ไง?"
        "ที่นี่...ป่า...ของฉัน.."



        เขาหลับตาลงและวางมือลงตามเดิม เหมือนเขาจะหมดสติไปอีกรอบแล้วล่ะ ผมวางทุกอย่างทิ้งไว้ตรงนั้น มีแค่ขันเล็กๆติดมือก่อนจะลุกขึ้นยืนและรีบวิ่งไปตามทางที่เขาบอก ผมไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนกันนะ เมื่อกี้ผมยังจะเอาตัวไม่รอดเลย...คงเพราะผมต้องการจะช่วยชีวิตเขาล่ะมั้ง ห่างไปซักประมาณ300เมตรก็มีลำธารเล็กๆอยู่จริงๆด้วย ผมใช้ขันตักน้ำขึ้นมาก่อนจะรีบเดินกลับไปที่เดิมเพื่อทำแผลเขาให้เสร็จ



        เมื่อผมกลับมา เขายังคงนอนอยู่ที่เดิมแต่เดี๋ยวนะ...ขวดไวน์ในมือ? ผมหันไปมองในตะกร้าของคุณยายซึ่งโดนรื้อกระจายและแน่นอนว่าขวดไวน์ไม่อยู่แล้ว ให้ตายสิ! จะตายอยู่แล้วยังจะขโมยดื่มแอลกอฮอล์อีกนะ ขออนุญาตซักคำก็ไม่มี เห็นว่าเจ็บอยู่หรอกนะเลยไม่หงุดหงิดน่ะ. ผมส่ายหัวเบาๆก่อนจะนั่งลงและทำแผลให้เขาต่อจนเสร็จ ระหว่างที่ผมกำลังทำแผลให้เขาก็หลับสนิท ผมเลยแอบแก้แค้นเรื่องไวน์ด้วยการละเลงแอลกอฮอล์ใส่แผลซะเลย ผมใช้ใบไม้ที่ดูสะอาดๆหน่อยมาวางทาบบนแผลของเขาแทนผ้าพันแผล ก็ในชุดปฐมพยาบาลของผมมันไม่มีผ้าพันแผลนี่นา 


        "เสร็จแล้วนะ" 



         ผมนั่งมองชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังหลับสนิทเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเอง ถึงแม้ว่าตอนนี้ท้องฟ้าจะมืดแล้วแต่ก็ได้แสงจันทร์ช่วยเอาไว้ แม้ว่าคืนนี้จะไม่ใช่คืนที่พระจันทร์เต็มดวงแต่แสงสว่างจากพระจันทร์แค่ครึ่งดวงก็เพียงพอให้ผมพอสังเกตเห็นใบหน้าคมของคนตรงหน้าได้ชัดเจน เขาเป็นคนผิวคล้ำแต่ก็คล้ำแบบดูดี ถึงจะไม่ได้หล่อเหลาแบบเจ้าชายในฝันของใครแต่เขาก็ดูหล่อในแบบของเขา ดูแมนๆไม่อ้อนแอ้นสำอางเหมือนผู้ชายสมัยนี้...ไม่เหมือนผม ผมเผลอยิ้มออกมาที่เห็นว่าบาดแผลเขาดูโอเคขึ้นเพราะฝีมือของผมแต่นั่นก็เท่ากับว่าผมปล่อยให้คุณยายรอทั้งวัน ผมรู้สึกไม่ค่อยดีที่ทำตัวเหลวไหลแต่ตอนนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าจะเดินทางต่อไปได้อีก ผมค่อยๆเขยิบไปนั่งข้างๆผู้ชายที่มีหูและหางคนนี้ ก่อนจะเอนตัวลงนอนบนพื้นดินแข็งๆที่มีแต่เศษใบไม้และหลับไปในที่สุด







        'จิ๊บ จิ๊บ'


         เสียงนกนานาชนิดแข่งกันร้องขันดังกังวาลทั่วไปหมด ไหนจะเสียงสัตว์ป่าชนิดอื่นที่คงจะตื่นมาหาอาหารเช้าปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากห้วงนิทราอันยาวนาน ผมรู้สึกดีขึ้นมากหลังจากได้นอนหลับอย่างเต็มที่ ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าป่าตอนกลางคืนจะอุ่นแบบนี้ ผมกลัวตัวเองจะแข็งตายไปแล้วซะอีก แต่ว่า...ผมไม่ได้พกผ้าห่มมาด้วยนี่นา แล้วความรู้สึกอุ่นๆนิ่มๆนี่มันคืออะไร
      ผมค่อยลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อให้สายตาได้ปรับตัวเข้ากับแสงสว่างในยามเช้า สิ่งแรกที่ผมเห็นตรงหน้าคือแผงอกกว้างที่ควรจะมีรอยแผลอยู่แต่ตอนนี้มันกลับเหลือเพียงแค่แผลแห้งที่ตกสะเก็ดแล้วเท่านั้น แต่นั้นก็ยังไม่ทำให้ผมแปลกใจเท่าดวงตาคู่สวยที่จับจ้องทุกกิริยาอาการของผมอย่างไม่ลดละ มันไม่ใช่สายตาที่ดุร้ายหรือคอยจับผิด...มันดูอ่อนโยนกว่านั้น ผมหลบตาเขาก่อนจะมองไปที่แขนแกร่งข้างหนึ่งที่กอดเอวผมเอาไว้หลวมๆ ส่วนแขนอีกข้างของเขากำลังทำหน้าที่เป็นหมอนรองให้ผมนอน...นี่มันอะไรกัน .////.


        "ตื่นแล้วหรอ" เขาคลี่ยิ้มบางๆ เป็นรอยยิ้มซื่อๆแต่กลับยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิม มันดูซื่อมากซะจนทำให้ผมใจเต้นโครมครามเลยล่ะ
        "อ...อื้ม" ผมตอบพลางก้มหน้างุด ไม่กล้า...ไม่กล้าสบตาเขา ไม่อาจต่อสู้รอยยิ้มนั่นได้ยั้งแต่เห็นมันครั้งแรก เขาหล่อมากจริงๆน่ะแหละ .////.
        "นายชื่ออะไร?" เสียงทุ้มนั้นเอ่ยถามผมอีกครั้ง
        "จุน...จุนมยอน" 
        "ยากจัง" ร่างสูงพึมพำในลำคอ แต่ผมที่ถูกเขานอนกอดอยู่แบบนี้น่ะได้ยินทุกอย่างชัดเจน
        "ห...หรอ" ผมไม่รู้จะต่อบทสนทนากับคนแปลกหน้ายังไงดี เรานิ่งเงียบไปทั้งคู่ก่อนที่อีกฝ่ายจะเป็นคนปริปากพูดออกมาก่อน
        "อุ่นมั้ย?" เขาถามผมพร้อมกับยิ้มให้อีก
        "อะไรอ่ะ" ผมทำหน้ามึนใส่เขา
        "นี่ไง อุ่นมั้ย?" เขากระชับอ้อมกอดให้กระชับมาดขึ้น ส่งผลให้เราทั้งคู่อยู่ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม
        "อ...อื้ม .////." ผมผยักหน้ารัวๆพลางซุกหน้าลงกับแผงอกเปลือยนั่นอย่างช่วยไม่ได้ ทำไมผมต้องเขินที่เขาทำแบบนี้ด้วยนะ ผมไม่รู้จุดประสงค์ของเขาแต่ก็ยอมให้เขากอดแล้วแถมยังเขินเขาอีกแหนะ บ้าไปแล้ว ./////.
        "ว่าแต่นาย..." ผมนึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้ชื่อคนๆนี้เลย แต่ไม่ทันที่จะได้ถามจนจบเขาก็ชิงพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
        "ไค!" 
        "อะไรของนาย" ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างงงๆ
        "ฉันชื่อไค" เขาตอบพลางส่งยิ้มกว้างมาให้เป็นรอบที่สามล้าน 
        "นายไปโดนอะไรมา ทำไมถึงเป็นแผลใหญ่ขนาดนี้?" ผมถามในขณะที่นิ้วเรียวของผมแตะแผลตกสะเก็ดของเขาเบาๆ ไคหุบยิ้มลงเมื่อผมถามถึงสาเหตุที่เขาบาดเจ็บ
        "ฉันโดนนายพรานล่าน่ะ" 
        "แล้วเขาจะมาล่านายทำไม นายก็เป็นคนนี่นา" ผมขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ
        "หึ๊? ฉันเป็นหมาป่า นี่ไงมีหูมีหาง" ไคว่าพลางกระดิกหูและหางให้ดูด้วย
        "นี่มนุษย์หมาป่ามีจริงหรอเนี่ย?" ผมไม่ได้แปลกใจขนาดนั้นเพราะผมเห็นหูกับหางของไคตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ แต่ก็ยังเป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับหลายๆคนอยู่ดี
        "หึหึ แต่เพราะได้นายช่วยไว้เลยไม่ตาย ขอบใจนะจุนมยอน" ไคยิ้มให้ผมใจสั่นเล่นอีกแล้ว
        "อ...อื้ม ไม่เป็นไรหรอก .///." ผมรีบก้มหน้าลงต่ำมองไปที่รอยแผลบนหน้าอกของเขาอย่างช่วยไม่ได้ ก็มันเขินนี่นา
        "มนุษย์ก็ไม่ได้แย่ทุกคน ฉันชอบนายจัง" 
        "ห้ะ? นายพูดอะไรออกมาเนี่ย" ผมเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เชื่อหู
        "ฉันชอบนายจังเลยจุนมยอน" พูดจบไคก็ดึงผมเข้าไปใกล้กว่าเดิมและกอดผมแน่น
        "ค...ไค" ตอนนี้แก้มผมคงแดงไปถึงหูแล้ว หัวใจเต้นแรงจนแทบจะจับจังหวะไม่ได้
        "เพราะนายช่วยชีวิตฉันไว้ ต่อจากนี้ไปฉันจะดูแลนายทุกอย่าง จะคอยปกป้องนาย ชีวิตฉันจะเป็นของนายคนเดียว สั่งให้ไปตายฉันก็จะตาย..." ไคมองผมด้วยสายตาจริงจังและหนักแน่น ถึงเราจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมเชื่อในตัวไคเหลือเกิน เชื่อมั่นว่าเขาจะไม่ทำร้ายผมเหมือนสัตว์ป่าชนิดอื่นๆและเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดน่ะมันออกมาจากใจจริงทั้งหมด...ผมเชื่อใจเขา 
        "พูดบ้าๆ ใครจะไปสั่งให้ตายเล่า" ผมค้อนใส่เขาที่พูดจาแปลกๆทำร้ายตัวเอง ก่อนจะดึงแก้มไคเบาๆอย่างเอ็นดู
        "รักจุนมยอนที่สุดเลย :)"





         หลังจากนั้นผมก็ลุกไปอาบน้ำที่ลำธารเล็กนั่น โดยที่มีไคตามมาด้วย หมอนั่นอ้างว่าจะคอยสอดส่องแล้วก็เฝ้าเสื้อผ้าให้ในระหว่างที่ผมอาบน้ำ ถึงตอนแรกจะรู้สึกแปลกๆที่มีคนมาเฝ้าก็เถอะแต่...ตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่ดี ทุกครั้งที่ผมแอบเหลือบมองไคที่นั่งเล่นนอนเล่นอยู่บนต้นไม้เขาน่ะจ้องมองมาที่ผมตลอดเวลาเลย ไม่ยอมหลบตาผมด้วยนะ...แถมยังมาฉีกยิ้มให้อีก บ้าชะมัด...ถูกผู้ชายด้วยกันมองตอนอาบน้ำมันก็อายนะ ไอ้หมาบ้าเลิกมองฉันซะที!! -///-
      ผมคว้าเอาเสื้อผ้าที่วางอยู่ริมฝั่ง ก่อนจะรีบหลบอยู่หลังซอกหินพอให้พ้นจากสายตาของอีกคนและรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว หลังจากแต่งตัวเสร็จผมค่อยๆชะโงกหน้าออกมาจากโขดหินนั้น ผมไม่เห็นไค...เขาไม่ได้นั่งเล่นอยู่บนต้นไม้แล้ว...ไคหายไปไหน? ใจผมหล่นวูบแปลกๆที่ไม่เห็นเขาอยู่ใกล้ เกิดอะไรขึ้นกับไครึเปล่า...หรือว่าจะเจอนายพรานมาล่าอีก? จู่ๆผมก็กังวลขึ้นมาและเป็นห่วงเขาเหลือเกิน


        "คึ มองไม่เห็นฉันจริงหรอ?"


      เสียงทุ้มดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลมาก ผมรีบหันไปมองตามเสียงก็พบว่าไคกำลังยืนยิ้มอยู่บนโขดหินที่ผมใช้เป็นที่กำบังสำหรับใส่เสื้อผ้า...ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีที่เห็นรอยยิ้มของเขาแต่ไม่นานมันก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกโหวงๆและความรู้สึกร้อนที่ใบหน้า


        "น...นายมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่" ผมรีบหันกลับไปมองเขาทันที
        "ตั้งแต่แรก" 
        "นี่นายดูฉันเปลี่ยนเสื้อหรอ?" ผมว่าพลางยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกและ...ตรงนั้น ถึงมันจะดูโง่และไร้ประโยชน์ที่มาปิดเอาตอนนี้ก็เถอะ
        "แล้วฉันจะปกป้องนายได้ยังไงถ้านายไม่อยู่ในสายตาฉันน่ะ" ไคยิ้มกรุ้มกริ้ม 
        "ห...เห็นอะไรบ้าง" หัวใจผมเต้นตุบๆที่ถามอะไรน่าอายแบบนั้น แต่คำตอบที่ได้จากไคน่ะมันทำให้หัวใจผมแทบจะหยุดเต้นไปเลย!
        "ทุกอย่าง" 
        "ไอ้หมาบ้า!!" ผมหยิบก้อนหินเล็กๆขึ้นมาปาใส่ไคแต่เขาก็หลบได้อย้างว่องไวทุกครั้ง จนผมเหนื่อยและเดินกระทืบเท้ากลับไปยังที่ๆเราจากมา...ทั้งหงุดหงิดทั้งอาย
        "จุนมยอน รอด้วยดิ~" ไคพอเห็นจุนมยอนเดินกลับไปแล้วก็รีบกระโดดลงจากก้อนหินยักษ์และวิ่งตามร่างบางไปอย่างรวดเร็ว




        "จุนมยอนอ่า นี่นายจะไปไหน?" ไคถามขึ้นหลังจากที่กลับมาแล้วพบว่่าร่างบางกำลังเก็บของใช้ต่างๆลงกระเป๋าเป้
        "ฉันจะไปหายาย ป่านนี่แกคงเป็นห่วงแย่แล้ว ฉันควรจะไปถึงตั้งแต่เมื่อวานแต่ก็ดันหลงทางและ...มาเจอกับนาย" จุนมยอนหยุดการกระทำทุกอย่างและเงยหน้าขึ้นมามองไค 
        "จุนมยอนจะไปจริงๆหรอ?" ชายหนุ่มร่างสูงมองจุนมยอนตาละห้อย เขาดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด หูพับตกและไม่กระดิกหางเหมือนตอนแรก
        "อื้ม ฉันไม่อยากให้คุณยายรอนานนะ ท่านจะเป็นห่วงเอา" ร่างบางรูดซิบปิดกระเป๋าก่อนจะสะพายขึ้นบ่า
        "ไม่ไปไม่ได้หรอ?" ไครีบเดินมาขวางทางเอาไว้
        "ที่จริง...ฉันก็ไม่อยากจะ..." จุนมยอนเริ่มลังเลหลังจากเห็นแววตาเว้าวอนของอีกฝ่าย ถึงแม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่เขากลับรู้สึกผูกพันกับเจ้ามนุษย์หมาป่าตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก
        "ผ...แผลเรายังไม่หายดี" ไครีบชี้ไปที่แผลตกสะเก็ดที่หน้าอก 
        "เห?" จุนมยอนมองตามอย่างงงๆ 
        "ยา...อยู่ให้ยาเราก่อน" ไคเอาแผลมาเป็นข้ออ้างรั้งจุนมยอนเอาไว้ทั้งที่จริงๆแล้วร่างกายของเขาฟื้นฟูเร็วกว่าคนปกติทั่วไป ถ้ามาถึงขั้นนี้ได้พรุ่งนี้เช้าทุกอย่างก็จะเป็นปกติเหมือนเดิมโดยไม่ต้องพึ่งยาใดๆเลยทั้งสิ้น
        "แต่ว่า..." จุนมยอนรู้ว่าไคพยายามรั้งเขาเอาไว้ สุดท้ายแล้วเขาก็แอบดีใจนะที่ไคอยากอยู่กับเขาขนาดนี้ 
        "อีกแค่คืนเดียวเอง นะ" 
        "เอ่อ ก็ได้" จุนมยอนวางกระเป๋าเป้ลงกับพื้นตามเดิม
        "รักจุนมยอนที่สุดเลย!" ไคดึงจุนมยอนไปกอดแน่นด้วยความดีใจโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนตัวเล็กน่ะใจเต้นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว...





      เป็นอีกคืนที่ผมอยู่กับเจ้ามนุษย์หมาป่านี่ อันที่จริงการมีเขาอยู่ด้วยในป่าที่วังเวงแบบนี้ก็ไม่เลวนะ ผมไม่ต้องเหนื่อยไปออกตามหาผลไม้มากินเลย แค่นั่งอยู่เฉยๆไคก็หามาให้ นอกจากนั้นไคน่ะเป็นนักล่า เพราะฉะนั้นผมเลยได้กินพวกเนื้อสัตว์จำพวกเนื้อกระต่ายด้วยล่ะ ถึงผมจะไม่เคยกินเนื้อกระต่ายมาก่อนแต่ผมว่ามันก็อร่อยดีนะ...อาจจะเพราะไคเป็นคนทำให้ผมก็ได้ พอตกดึกไคก็จัดการก่อกองไฟเล็กๆให้ผมเพราะผมบอกให้เขาจุด ถึงแม้เจ้าตัวจะทำหน้าเหยเกตอนที่ผมบอกเขาให้ทำเพราะว่าไคน่ะกลัวและเกลียดไฟ อย่างว่าแหละ...ไม่ว่าสัตว์ป่าชนิดไหนก็กลัวไฟทั้งนั้น แต่หลัังจากผมกลับมาจากการอาบน้ำที่ลำธารก็เห็นไคนั่งยิ้มพร้อมกับกองไฟข้างๆตัว ผมยิ้มกว้างมากแถมยังหน้าแดงอีกด้วยที่เห็นแบบนั้น เขายอมก้าวผ่านความกลัวเพื่อผมเลยนะเนี่ย...น่ารักจัง :)




      พระอาทิตย์เริ่มบอกลาท้องฟ้าก่อนที่ดวงดาวและพระจันทร์จะค่อยๆขึ้นมาแทนที่ ไคนั่งเอนหลังพิงกับต้นไม่ใหญ่โดยที่มีผมนั่งอยู่บนตัก แผ่นหลังของผมแนบชิดติดกับแผงอกกว้างภายใต้อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นจนน่าประหลาดใจของเขา นี่สินะสิ่งที่ห่มผมให้หลับสบายเมื่อคืนนี้ พอนึกภาพที่ไคนอนกอดผมมันก็ทำให้หัวใจผมเต้นแรงขึ้นๆพร้อมกับความรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า ผมไม่ใช่คนที่อินโนเซนต์ขนาดไม่รู้ว่าอาการของตัวเองคืออะไรแล้วผมก็ไม่โกหกตัวเองด้วย ใช่...ผมรู้สึกดีกับไคอย่างประหลาด เขาไม่เหมือนคนอื่นที่ผมเคยเจอ ถึงแม้เขาจะเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์และเราเพิ่งจะรู้จักกันได้แค่วันเดียวแต่ทุกครั้งที่เขามองผม เขามีแต่ความจริงใจและซื่อสัตย์ต่อผมจริงๆ แล้วก็...มีไม่กี่คนหรอกที่บอกรักผมอย่างเต็มปากเต็มคำบ่อยเท่านี้ .////.


        "ไค"

       

        ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายเบาๆก่อนจะค่อยๆยันตัวเองขึ้นและผลิกตัวหันหน้าเข้าหาไคช้าๆภายในอ้อมกอดของเขา ไคไม่พูดอะไรนอกจากจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่มีคำถาม ผมเผลอยิ้มออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวเขาเบาๆ...มนุษย์หมาป่าอะไรกัน ในตอนนี้ ต่อหน้าผมไคก็ไม่ต่างอะไรกับลูกสุนัขเชื่องๆตัวนึงเท่านั้น ผมเลื่อนมือไปลูบหูแมว(?)ของเขาเล่นอย่างที่ผมเคยเล่นกับน้องแมวแถวบ้าน แต่ปฏิกิริยาของไคมันต่างกันออกไป เขาแก้มแดงเล็กน้อยก่อนจะรีบจับมือผมออกจากหูของเขา 


        "จับไม่ได้หรอ?" ผมยู่ปากเล็กน้อย
        "ไม่ใช่ว่าจับไม่ได้..." ไคหลบตาผมก่อนจะตอบเสียงเบาซึ่งต่างออกไปจากทุกที ไคไม่เคยหลบตาผมนะ
        "แล้วทำไมอ่ะ?" ผมพยายามมองตาเขา
        "มัน...เอาเหอะน่า อย่าจับหูเลย" ไคไม่ยอมอธิบาย เอาแต่บ่ายเบี่ยงแล้วก็หลบตาผมแบบนี้เรื่องอะไรผมจะยอมล่ะ
        "ไม่" ผมปฏิเสธดื้อๆ มือทั้งสองข้างเอื้อมไปลูบหูของเขาเบาๆอย่างไม่ยอมแพ้
        "จุนมยอน ไม่เอาๆ" ไคพยายามจะจับมือผมออกแต่ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน
        "น่ารักดีออก เหมือนในการ์ตูนเลย" ผมยิ้มก่อนจะลูบหลังหูข้างซ้ายของเขา
        "อย่าจับสิ" ไคเองก็พยายามกันมือผมออกตลอดเวลาเลย เห็นแล้วมันยิ่งน่าแกล้งชะมัด...เด็กน้อย
        "มันขยับหนีได้ด้วย? อย่าหนีสิ" หูของไคกระดิกไปมา บางทีก็หลบมือผมเวลาแหย่ไปใกล้ด้วยล่ะ
        "จุนมยอน...อย่า" ไคพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงต่างจากตอนแรกๆมาก ผมจึงตัดสินใจที่จะเลิกแกล้งเขา แต่รู้อะไรมั้ย...ตอนนั้นแหละที่ผมรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไป บางอย่างแข็งๆอยู่ข้างๆขาผม...บางอย่างของไค
        "ไค!" ผมจ้องหน้าอีกคนอย่างต้องการคำตอบ เขาคงรู้แล้วล่ะว่าผมรู้สึก แก้มทั้งสองข้างของเขาเปื้อนสีแดงหนักกว่าเก่า
        "ก็บอกแล้วว่าอย่าจับหู" ไคบ่นพึมพำ
        "แล้วมันเกี่ยวอะไร?" ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
        "สำหรับฉัน มันก็เหมือนจุดกระตุ้น..." 
        "อ...ทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะ" ผมตกใจที่ได้ยินแบบนั้น ก็ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยนี่นาว่ามันจะไป เอ่อ...กระตุ้นอารมณ์เขาได้!!
        "บอกแล้วนายหยุดมั้ย?" ไคมองค้อน ก่อนจะเสมองไปทางอื่นแทน
        "ขอโทษนะ" ผมกล่าวขอโทษ ก่อนจะก้มลงจูบแก้มอุ่นๆของไคเบาๆ
        "นั่นมันไม่ช่วยให้ดีขึ้นเลย" ไคหันมามองผมและเบ้ปาก
        "คิดเหมือนกัน" ผมหลุดยิ้มขำกับท่าทางของร่างสูงตรงหน้า
        "หึหึ" ไคหัวเราะเบาๆอย่างชอบใจ

         ผมค่อยๆโน้มตัวลงก่อนจะประกบปากกับไคอย่างแผ่วเบาและอ้อยอิ่ง หากแต่ความต้องการในตัวไคที่ผมเป็นคนก่อขึ้นมาทำให้จูบโง่ๆนี่กลายเป็นอะไรที่หนักหน่วงและเร่าร้อน ผมกลายเป็นฝ่ายถูกรุกทั้งที่ผมเป็นคนเริ่มก่อน ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้ามาภายในโพรงปากเล็ก ก่อนจะตวัดเลียรับเอาความหอมหวานไปอย่างเอาแต่ใจ ผมค่อยสอดมือไปตามกลุ่มเส้นผมดีดำขลับของร่างสูงและขย้ำมันบ้างตามแรงอามรณ์ที่ถูกปลดปล่อย มืออีกข้างก็เลื่อนขึ้นมาโอบรัดรอบลำคอแกร่งของไค ลิ้นร้อนของเรายังคงเย้าหยอกกันอย่างสนุกสนานอยู่ภายในโพรงปากของผม ผมก็ไม่ได้อินโนเซนต์ขนาดจูบไม่เป็นหรอกนะครับ ลิ้นสากไล้เลียไปตามริมฝีปากล่างของผมที่ตอนนี้เป็นสีแดงอิ่มก่อนจะขบเบาๆ จากนั้นก็กลับขึ้นมาประกบจูบกันใหม่อีกรอบ ลิ้นชื้นสอดแทรกเข้ามาภายในอีกครั้ง ก่อนจะดูดดุนปลายลิ้นของผมจนเกิดเสียงและเกี่ยวตวัดเลียกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมแพ้ ทำเอาผมเกือบหายใจไม่ทันอยู่เหมือนกัน...
      เนิ่นนานกับรสจูบนี้กว่าเราทั้งคู่จะยอมผละออกจากกัน เขาเปิดโอกาสให้ผมได้กอบโกยอากาศบริสุทธิ์เพื่อหอบหายใจ ผมมองไคด้วยสายตาที่หยาดเยิ้ม แก้มผมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อนๆรับผิวที่ขาวซีดของผม ไคก้มลงจูบที่แก้มนิ่มของผมย้ำๆ ก่อนจะเลื่อนลงมาจูบเบาๆที่ริมฝีปากล่างที่แดงเจ่อเนื่องด้วยถูกบดเบียดจากรสจูบเมื่อกี้นี้ ...ผมยอมรับว่าตอนนี้ผมเองก็เริ่มต้องการเขา ไคยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะค่อยๆดันตัวผมให้นอนราบลงกับพื้นดินเย็นๆโดยมีเขานอนคร่อมทับอยู่อีกที ไคกดจูบที่ริมฝีปากผมหนักๆก่อนจะไล่พรมจูบและสร้างรอยแดงไปทั่วซอกคอขาวของผม ...ใช่...ผมอาจจะวิปริต ผมกำลังจะร่วมรักกับมนุษย์หมาป่า...สัตว์ประหลาด หรืออะไรก็ตามที่คุณจะเรียกแถมยังเป็นเพศผู้เหมือนกันอีกต่างหาก แต่ผมไม่สนใจอีกแล้วเพราะคนๆนี้ใช่สำหรับผมและผมก็ต้องการเขามากเหลือเกิน ไคเองก็คงจะรู้สึกเหมือนกัน ไม่รู้สิ...เราอาจจะมีเวลาได้ทำความรู้จักกันแค่ไม่นานแต่ผมรู้สึกเชื่อใจและผูกพันกับเขาอย่างบอกไม่ถูก เขาบอกรักผมและผมก็เขินนี่มันแปลว่าอะไร ผมกำลังจะบอกพวกคุณว่า...ผมก็ชอบไคเหมือนกันน่ะแหละ :P




        "อ๊ะ~ ค...ไค อื้อ~ ชอบนายจัง~"

        "รัก...รักจุนมยอนที่สุดเลย"





      -THE END-


       
       


      PS. วันรุ่งขึ้นไคให้จุนมยอนขี่หลังและพาไปส่งที่บ้านยายของจุนมยอน แต่ยายของจุนมยอนเสียชีวิตแล้วเนื่องจากนายพรานที่ล่าไคจนได้รับบาดเจ็บก็คือคุณยายนั่นเอง หมาป่าตัวอื่นๆที่เป็นพรรคพวกของไคจึงมาขย้ำคุณยายเป็นการแก้แค้น ไคและจุนมยอนจึงอาศัยอยู่ในกระท่อมหลังน้อยด้วยกันอย่างมีความสุข Happy Ever After <3


       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×