คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 03 | The Air Force
The Air Force | kookv
3
กลิ่นหอมของนมและเนยลอยอบอวลไปทั่วทั้งคฤหาสน์ล็อควูด
นัยน์สีน้ำทะเลจ้องมองคุกกี้ที่อยู่ในเตาอบด้วยความตื่นเต้นหลังจากที่ตัดสินใจใช้เวลาว่างก่อนออกไปช่วยงานคุณพ่อที่เพนตากอนในช่วงสายของวันนี้
ไปกับการทำขนมคุกกี้ช็อคโกแลตชิพของโปรดที่เขาและคุณสตีฟชอบกิน
มือเรียวสวมถุงมือกันความร้อนทั้งสองข้างเมื่อเตาอบส่งสัญญาณบ่งบอกว่าตอนนี้คุกกี้ของเขาอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว
รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นเมื่อเห็นว่าขนมคุกกี้ที่เขาไม่ได้ทำมานานออกมาน่าพึงพอใจ
โหลแก้วสองโหลถูกหยิบออกมาจากชั้นวางก่อนที่คุกกี้แสนอร่อยจะถูกบรรจุลงไป
ริบบิ้นสีขาวถูกหยิบออกมาใช้ตกแต่งโหลคุกกี้อย่างสวยงาม – โหลหนึ่งสำหรับคุณพ่อที่เอาแต่ทำงานของเขา
ส่วนอีกโหลนั้นเวดดี้ตั้งใจจะมอบให้กับโรเจอร์เพื่อแทนคำขอบคุณที่ชายหนุ่มช่วยชีวิตเขาเอาไว้
โชคดีที่คุณพ่อของเขาไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อเรื่องที่เขาไปยืนผิดที่ผิดทางจนเกือบเกิดอุบัติเหตุขึ้น
เพียงแค่บอกให้เขาระวังตัวเองให้มากกว่านี้เท่านั้น ซึ่งในตอนนั้นเวดดี้ก็ถึงกลับหน้าหงอยด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้ผู้เป็นพ่อต้องเป็นห่วง
และกลัวว่าสตีเฟนจะโกรธเรื่องที่เขาไม่ระวังตัวจนต้องเจ็บตัวแบบนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะเพียงแค่ข้อเท้าแพลงเท่านั้นแต่ทว่าเวดดี้รู้ดีว่าสำหรับคนที่ประคบประหงมเขามาตั้งแต่เล็กคนนี้
จะต้องเป็นห่วงและกังวลไม่น้อยแน่ เวดดี้จึงตัดสินใจที่จะง้อผู้เป็นพ่อด้วยการเข้าครัวทำคุกกี้อีกครั้ง
หลังจากที่เขาไม่ได้ทำมันเลยมาตั้งแต่เริ่มเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างจะหัวหมุนกับการสอนหนังสือเป็นอย่างมาก
ความเป็นห่วงของสตีฟที่มีให้เขาค่อนข้างมาก
ทำให้ทหารหนุ่มวัยกลางคนนี้มักจะโดนพวกเพื่อนๆแซวว่าทำตัวเป็นตาแก่ขี้หวงลูกหลายต่อหลายครั้ง
ซึ่งเวดดี้ก็ได้แต่หัวเราะทุกครั้งที่สตีฟมาเล่าให้ฟัง นั่นเป็นเพราะมันคือเรื่องจริงทั้งนั้น
ด้วยความที่พวกเรามีกันแค่สองคนดังนั้นจึงไม่เปลือกที่สตีฟจะหวงและห่วงเขามาก และมันก็เป็นความจริงที่ว่าตอนนี้สตีฟอายุก็อายุไม่น้อยแล้ว
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นว่าถึงแม้ว่าสตีฟจะเข้าสู่วัยกลางคนอย่างสมบูรณ์
แต่พ่อของเขายังหนุ่มยังแน่น และยังคงฮอตปรอทแตกเหมือนตอนหนุ่มๆไม่มีผิด
แน่นอนว่าการที่สตีฟยังหนุ่มยังแน่นแบบนี้
ประกอบกับหน้าที่การงานและฐานะก็ทำให้พ่อของเขามักมีคนมาติดพันด้วยเป็นประจำ ซึ่งเวดดี้ก็ไม่ได้ว่าอะไรและออกจะสนับสนุนด้วยซ้ำถ้าพ่อของเขาอยากมีใครสักคนอยู่เป็นคู่ชีวิตไปจนแก่เฒ่า
ทว่าเขากลับไม่เคยเห็นใครผ่านสามารถทำลายกำแพงในหัวใจของพ่อเขาได้เลยสักคน
โอเมก้าตัวน้อยกล่าวขอบคุณพ่อบ้านประจำตระกูลล็อควูดที่ขับรถมาส่งเขาทำงานในวันนี้
คนตัวเล็กหยุดสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปในอาคารขนาดใหญ่
ที่มีตึกมากมายถูกสร้างเรียงกันเป็นห้าแฉกของเดอะ เพนตากอน พร้อมกับรอยยิ้มหวานจับใจที่ทำเอาใครหลายคนใจเต้นแรง
บ้างก็หน้าแดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด มือเรียวถือคุกกี้ช็อคโกแลตชิพที่ถูกบรรจุใส่ถุงพลาสติคตกแต่งด้วยริบบิ้นน่ารักน่าชังไม่แพ้คนทำ
ถูกแจกจ่ายให้กับทหารและพนักงานในตึกของกองบัญชาการทหารอากาศแทบทุกคน
เพื่อแทนคำขอบคุณที่เป็นเพื่อนร่วมงานรวมถึงเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดีของท่านนายพลสตีเฟน
ล็อควูดพ่อของเขามาตลอด
“แจกยิ้มไปทั่วแบบนี้สงสัยพ่อต้องไว้หนวดแล้วล่ะมั้งเวดดี้” สตีฟที่ยืนพิงกรอบประตูห้องทำงานอยู่เอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นลูกชายตัวน้อยของเขาเดินออกมาจากลิฟต์
“ถ้าทำแบบนั้น เดี๋ยวเวดดี้ก็ขึ้นคานหรอกครับคุณพ่อ” โอเมก้าตัวน้อยทำแก้มพอง
“พ่อไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นหรอก และพ่อก็จะไม่ยอมปล่อยให้ลูกต้องมีชีวิตแบบพ่อด้วยลูกรู้ใช่ไหม”
สตีฟวางมือบนศีรษะเล็กของลูกน้อยที่วิ่งถลาเข้ามากอดแขนเขา
นับตั้งแต่วันที่เวดดี้ลืมตาดูโลก
สตีฟสัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกของเขาต้องแต่งงานหรือมีครอบครัวกับคนที่ไม่ใช่คู่ชีวิตของตัวเองแบบเขากับอดีตภรรยาอย่างเด็ดขาด
การแต่งงานที่เกิดขึ้นเพราะความเหมาะทางสังคมและผลประโยชน์ทางธุรกิจระหว่างตระกูล หาใช่การแต่งงานเพราะความรักที่เกิดจากโชคชะตานำพาผู้เป็นคู่ชีวิตมาให้
ล้วนแต่นำมาซึ่งการบั่นทอนความสุขในชีวิต แม้จะไม่ได้มีการบาดหมางทุกข์ใจกัน
แต่ทว่าตลอดระยะเวลา 3 ปีที่แต่งงานกันมา
สตีฟและอดีตภรรยาไม่เคยมีความสุขในชีวิตเลย
จนกระทั่งไม่อาจทนให้ความสุขในชีวิตถูกบั่นทอนไปมากกว่านี้
พวกเขาจึงตัดสินใจปล่อยมือคู่ที่จับเข้าหากันด้วยความจำเป็นออกจากกัน
เมื่อเวดดี้อายุได้เพียง 2 ขวบเท่านั้น
โดยที่สตีฟเป็นฝ่ายยืนกรานที่จะเป็นคนเลี้ยงดูเวดดี้เอาไว้เอง ซึ่งโชคดีที่แม่ของเวดดี้ไม่ได้ติดขัดอะไร
ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาคงจะขาดสีสันไปมากเลยทีเดียว
ด้วยปณิธานที่จะไม่ยอมให้เวดดี้มีชีวิตครอบครัวแบบเดียวกับตัวเอง
สตีฟจึงตั้งใจเอาไว้ว่าคนที่จะมาเชยชมดอกไม้งามของเขาได้นั้นจะต้องเป็นคู่ชีวิตของเวดดี้เท่านั้น
และคนๆนั้นจะต้องผ่านบททดสอบเพื่อให้เขาไว้วางใจเสียก่อน
ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้คิดฝันว่าจะได้แตะต้องลูกน้อยของเขาแม้แต่ปลายเล็บ
“รู้สิครับ
เวดดี้รู้ว่ายังไงคุณพ่อก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเวดดี้อยู่แล้ว”
โอเมก้าตัวน้อยเอนศีรษะซบไหล่ผู้เป็นพ่ออย่างออดอ้อน
“ว่าแต่มีคุกกี้แจกให้ลูกน้องพ่อแล้ว ไม่มีของพ่อบ้างเลยเหรอ”
“มีสิครับ เวดดี้ใส่ขวดใหญ่มาให้เลยเห็นไหม”
คนตัวเล็กพูดขึ้นพลางคว้าโหลคุกกี้ออกมาจากถุงกระดาษในมือก่อนที่โหลคุกกี้จะถูกชูมาตรงหน้า
ทำเอาผู้เป็นพ่อหุบยิ้มไม่ได้ นึกเอ็นดูลูกรักของตัวเองจนอดไม่ได้ที่จะกดจมูกลงบนลุ่มผมนิ่ม
“ขอบใจมากลูกรัก – จริงสิ พ่อยังไม่ได้บอกลูกเลยว่าบ่ายนี้
พ่อต้องบินไปวอชินตัน”
“ทำไมกะทันหันแบบนี้ล่ะครับคุณพ่อ
งั้นคืนนี้เวดดี้ก็ต้องดินเนอร์คนเดียวซะแล้วสิ”
ท่าทางน่าเอ็นดูของโอเมก้าตัวน้อยที่ห่วงว่าจะไม่มีคนกินข้าวเย็นเป็นเพื่อน
ทำเอาสตีฟหลุดหัวเราะ “พ่อต้องไปพบท่านประธานาธิบดีเรื่องการเลือกตั้งน่ะ
... ส่วนเรื่องดินเนอร์ พ่อหาคนมาแทนให้แล้ว”
“หื้ม ใครเหรอครับ”
“ตามมาสิ เดี๋ยวลูกก็รู้”
.
.
.
โอเมก้าตัวน้อยเดินตามผู้เป็นพ่อมาจนถึงโรงเก็บเครื่องบินของหน่วยรบพิเศษแนวหน้า
USAF Alpha – 26 ที่เขาเคยมาเมื่อครั้งก่อน
แต่ครั้งนี้ไม่ได้เดินเข้าไปในโซนเก็บเครื่องบินเช่นเดิม
แต่กลับเดินเข้ามาในส่วนของสำนักงานที่ดูเหมือนว่าจะเป็นออฟฟิศของเหล่านกอินทรีย์ทั้งหลาย
ซึ่งเวดดี้ก็จำได้ว่าตอนโรเจอร์พาเขามาปฐมพยาบาลที่ห้องทำงานของเจ้าตัวก็มาทางเช่นเดียวกัน
แต่เขาก็ดันจำไม่ได้เหมือนกันว่าห้องไหน คิดแบบนีแล้วโอเมก้าตัวน้อยก็แต่แอบผู้เป็นพ่อทำหน้างอ
เพราะเขาไม่รู้จะเอาคุกกี้ไปให้โรเจอร์ตามที่ตั้งใจได้ยังไง
นอกจากจะทำทางไปห้องทำงานของหมอนั้นได้แล้ว ช่องทางติดต่ออื่นเขาก็ไม่มีเลยเช่นกัน
พลันปลายเท้าของอัลฟ่าหนุ่มวัยกลางคนก็หยุดลงที่ระเบียงทางเชื่อมระหว่างโซนเก็บเครื่องบินกับโซนสำนักงานบริเวณชั้นสอง
คิ้วของโอเมก้าตัวน้อยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยเล็กน้อยแต่ทว่าเวดดี้ก็เลือกที่จะหยุดเดินผู้เป็นพ่อแทนการเอ่ยถาม
ก่อนที่คนตัวเล็กจะชะงักไปเมื่อมองไปยังบริเวณลานกว้างที่อยู่ด้านล่างแล้วสบตาเข้ากับนัยน์ตาสีซิลเวอร์ของคนที่เขาเพิ่งนึกถึงเมื่อครู่
เพียงแค่ได้สบตากันไม่กี่วินาทีเท่านั้น
โอเมก้าตัวน้อยก็ต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาไปเสียก่อนเมื่อรู้ถึงความเห่อร้อนที่พ่วงแก้มของตัวเอง
เช่นเดียวกับหัวใจดวงน้อยที่เต้นแรงผิดจังหวะไปมากกว่าเดิม เวดดี้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโรเจอร์ถึงถูกเหล่ทหารยกตำแหน่งหนุ่มหน้าตาดีที่สุดในกองทัพ
เขาไม่มีข้อกังขาอะไรเลยเพราะกัปตันหนุ่มคนนี้ช่างมีเสน่ห์จริงๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาทำงานแบบนี้
ร่างสูงในจั๊มสูทชุดนักบินสีเข้มกำลังถ่ายทอดวิชาความรู้และทักษะในการขับเครื่องบินรบในภาคทฤษฎีให้กับเหล่านกอินทรีย์ที่เพิ่งฟักตัวออกจากไข่
เป็นภาพที่ทำให้เวดดี้หัวใจเต้นแรงเสียจนกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นโรคหัวใจไปเสียก่อน
โอเมก้าตัวน้อยเอาแต่หลบหน้าหลบแต่มองพื้นเพื่อซ่อนพวงแก้มแดงๆเอาไว้
โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคนที่เผลอไปใจเต้นแรงใส่เมื่อครู่ตอนนี้ได้มายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ครับท่านนายพล ... คุณเวดดี้”
เสียงทุ้มที่เอ่ยดังขึ้น ทำเอาโอก้าน้อยตัวน้อยสะดุ้งเฮือก
เผลอเงยหน้ามองคนตรงหน้าแต่ทันทีที่ได้สบตาคนตัวเล็กก็ต้องก้มหน้างุดอีกครั้ง
แถมครั้งนี้ยังเอาตัวไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นพ่ออีกด้วย ทำเอาโรเจอร์ที่แอบสังเกตท่าทางของคนตัวเล็กอยู่ตลอดอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมา
“ไม่คิดเลยว่าคุณจะพาคุณเวดดี้มาที่นี่ด้วยนะสตีฟ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากพามาหนักน่า
แค่อยากจะเวดดี้มาทำความรู้จักนายอย่างเป็นทางการน่ะ ถึงพวกนายจะเจอกันแล้วก็เถอะ
– เวดดี้ ทำความรู้จักกับพี่เขาหน่อยสิลูก”
โอเมก้าตัวน้อยเม้มปากแน่นด้วยความประหม่า
ก่อนจะตัดสินใจยืนมือไปตรงหน้า “คะ ครับ ... ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะเวดดี้”
แต่ทว่าทันทีที่สองฝ่ามือแตะสัมผัสกัน คนทั้งสองก็ต้องชะงักเมื่อมือกระแสไฟฟ้าสถิตเกิดขึ้น
หากแต่โรเจอร์กลับไม่ปล่อยให้เวดดี้ดึงมือออกเพื่อไม่ให้มีพิรุธ
แม้จะรู้สึกสงสัยไม่น้อยว่าทำไมถึงมีไฟฟ้าสถิตเกิดขึ้นระหว่างคนที่เป็นอัลฟ่ากับอัลฟ่า
ทั้งๆที่อะไรแบบนี้มันควรจะเกิดขึ้นกับอัลฟ่าและโอเมก้าที่เป็นคู่ชีวิตกัน แต่ทว่าชายหนุ่มก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยนี้เอาไว้นี้ด้วยการส่งยิ้มทักทายลูกชายของเจ้านายด้วยความเป็นมิตร
เสียงไอกระแอมที่ครั้งดูจะดุดันกว่าปกติของสตีเฟ่น
ทำเอาคนทั้งสองต้องรีบปล่อยมือออกจากกัน
โอเมก้าตัวน้อยมองผู้เป็นพ่อกับอัลฟ่าหนุ่มตรงหน้าสลับไปตามมาด้วยความสงสัยเงียบๆ
ขณะที่ภายในใจก็โลดเต้นไปด้วยความกังวลกลัวว่าชายหนุ่มจะรับรู้ความลับที่เขาปกปิดความเป็นโอเมก้าเอาไว้
เพราะโชคชะตาที่กำหนดให้มาเป็นคู่ชีวิตกันก็ไม่ต่างอะไรกับแม่เหล็กสองขั้วที่ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลกันสักเพียงไหน
ก็ถูกแรงดึงดูดดึงเข้าหากันเสมอ
“เลขาฉันคงมาบอกนายแล้วเรื่องที่ฉันต้องเข้าพบท่านประธานาธิบดีเป็นการด่วน
ดังนั้นหากนายไม่ติดอะไรฉันอยากจะให้ฝากลูกชายฉันไว้กับนายสักหนึ่งวัน”
“อะไรนะครับคุณพ่อ” พลันคำพูดของคนเป็นพ่อก็ทำให้นัยน์ตาสีน้ำทะเลต้องเบิกกว้าง
ใบหน้างดงามสบตากับผู้เป็นพ่อด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็อย่างที่บอกลูกไปว่าพ่อหาคนมาดินเนอร์เป็นเพื่อนลูกเอาไว้
และอีกอย่างพ่อก็ไม่อยากปล่อยลูกอยู่บ้านคนเดียว”
“แต่คุณพ่อครับ – ”
“ไม่มีแต่ครับลูกรัก อย่าทำให้พ่อเป็นห่วงเลยนะ”
อัลฟ่าหนุ่มที่มองภาพสองพ่อลูกกำลังเจรจารต่อรองกันอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มให้กับภาพความน่ารักที่เกิดขึ้นนี้
เขารู้มาตลอดว่าสตีฟรักลูกชายคนเดียวคนนี้มากขนาดไหน แต่เขาก็เพิ่งเคยเห็นภาพเจ้านายของเขาในโหมดคุณพ่อแบบนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน
แต่โรเจอร์ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสตีฟถึงได้รักและหวงเวดดี้มาก –
ก็เจ้าตัวเล่นแบกความน่ารักและความนุ่มนิ่มเอาไว้เป็นโลกทั้งใบขนาดนี้ ถ้าเป็นเขาเขาก็คงจะหวงไม่ต่างกัน
นี่ถ้าไม่ติดว่าสตีฟเป็นคนพูดเองว่าเวดดี้มีสายเลือดเป็นอัลฟ่า เขาก็คงเข้าใจว่าคนตัวเล็กเป็นโอเมก้าไปเสียแล้ว
ทั้งรูปร่างที่ดูบอบบาง แต่ทว่าขณะเดียวก็กลับไม่ได้ดูอ่อนแอแบบโอเมก้า ไหนจะกลิ่นกายวนิลาอ่อนๆเจือจางแบบอัลฟ่าแต่กลับน่าหลงใหลราวกับเป็นกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้า
แล้วไหนจะกระแสไฟฟ้าสถิตที่มักจะเกิดขึ้นว่าสัมผัสร่างกายของอัลฟ่ากับโอเมก้าที่เป็นคู่ชีวิตกันอีก
ยอมรับเลยว่าสิ่งเหล่านี้มันทำให้เขาสับสนไม่น้อย ความรู้สึกของเขามันบอกว่าเวดดี้คล้ายจะใช่อัลฟ่าแต่ก็ไม่ใช่
คล้ายจะใช่โอเมก้าแต่ทว่าก็ไม่ชัดเจน ตลอดชีวิตที่ผ่านมาโรเจอร์ไม่เคยเจอใครที่ทำให้เขาสับสนในสายเลือดแบบนี้เหมือนกับเวดดี้มาก่อน
เพราะกระแสไฟฟ้าสถิตที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันค่อนข้างจะกวนใจเขาอยู่ไม่น้อย –
หรือว่าเขาจะมีคู่ชีวิตเป็นอัลฟ่าเหมือนกัน
แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าเวดดี้เป็นคู่ชีวิตของเขาจริงๆ เขาก็ต้องรับรู้ได้จากสัญชาตญาณของเขาเองตั้ววแต่แรกแล้ว
... แต่นี่เขากลับไม่ได้ยินเสียงสัญญาณแห่งความเป็นคู่ชีวิตดังขึ้นเลย มีแต่เพียงความรู้สึกหลงใหลในกลิ่นกายของคนตัวเล็กและกระแสไฟฟ้าสถิตนั่นเท่านั้น
… แบบนี้เขากับเวดดี้ก็คงไม่ใช่ ...
น่าเสียดายเหมือนกัน เพราะโรเจอร์เองก็รอคอยการพบเจอคู่ชีวิตของตัวเองมานานหลายปีแล้ว
หรือพระเจ้าจะใจร้ายไม่ส่งคู่ชีวิตมาให้เขาแบบที่พวกเพื่อนของเขาชอบแซวกันจริงๆ
“นายไม่ติดอะไรใช่ไหมโรเจอร์”
“ไม่ครับ ผมยินดี”
.
.
.
โอเมก้าตัวน้อยถูกพามายังห้องทำงานของกัปตันหนุ่มอีกครั้ง หลังจากที่สตีเฟ่นต้องรีบปลีกตัวออกไปเพื่อเดินทางไปวอชิงตัล
ดีซี เวดดี้นั่งลงเป็นโซฟาตัวเดิมที่เขาเคยนั่งเมื่อวาน ถุงกระดาษสีหวานที่ภายในบรรจุโหลคุกกี้ที่เขาตั้งใจทำถูกวางอยู่ข้างลำตัว
ก่อนที่นัยน์สีน้ำทะเลจะสำรวจไปรอบๆห้อง ห้องทำงานที่ตกแต่งสไตล์คอนเทมโพรารีที่พยายามรูปแบบการตกแต่งแบบสมัยก่อนและปัจจุบันเอาไว้ได้อย่างลงตัวให้ความรู้สึกแลดูเรียบหรู
แต่ก็ดูอบอุ่นและเป็นกันเองเหมือนคนเป็นเจ้าของห้องไม่มีผิด
ใช้เวลาไม่นานประตูห้องทำงานของกัปตันโรเจอร์ก็ถูกเปิดออกโดยผู้เป็นเจ้าของห้องพร้อมกับนมกล่องสองกล่องในมือ
หลังจากที่เจ้าตัวถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับเหล่านกอินทรีย์ทั้งหลายในฐานะครูฝึกเสร็จสิ้น
เวดดี้เอ่ยขอบคุณหลังจากที่นมช็อตโกแลตกล่องหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้า
“ขอบคุณนะ
ผมชอบรสนี้มากเลย – ว่าแต่คุณรู้ได้ยังไงว่าผมชอบรสช็อตโกแลต”
อัลฟ่าหนุ่มยักไหล่ให้กับคำถามของโอเมก้าตัวน้อย
“ไม่รู้เหมือนกัน ความรู้สึกฉันมันบอกว่านายน่าจะชอบมั้ง ก็เลยหยิบรสนี้มา”
เวดดี้พยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ ก่อนที่โหลคุกกี้ที่ใส่อยู่ในถุงกระดาษจะถูกส่งไปให้คนตรงหน้า
“รับไปสิ ฉันทำมาให้”
“หื้ม นี่อะไรกัน” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย พลางรับถุงกระดาษจากมือคนตัวเล็กก่อนที่โหลคุกกี้ช็อคโกแลตชิพผูกโบว์สีขาวจะปรากฏต่อสายตาชายหนุ่ม
“คุกกี้แทนคำขอบคุณที่นายช่วยฉันเอาไว้เมื่อวาน”
“ฉันเต็มใจทำ”
“ฉันก็เต็มใจทำให้นายเหมือนกัน”
“ขอบคุณนะเวดดี้”
ท่าทางที่ดูเหมือนเด็กน้อยที่กำลังออดอ้อนด้วยสายตาอยู่ทำเอาหัวใจของโรเจอร์เต้นผิดจังหวะไปก่อน
แต่ขณะเดียวกันเด็กน้อยคนนั้นก็เก็บซ่อนความประหม่าเอาไว้ได้ไม่มิดจนอัลฟ่าหนุ่มอดที่จะยกยิ้มด้วยความเอ็นดูอย่างห้ามไม่ได้
มือหนาลูบนั่งบนศีรษะคนตัวเล็กอย่างถือวิสาสะ
หากแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไรทำเพียงแค่สบตากับเขาเท่านั้น
แปลก แปลกจริงๆ ทำไมความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้มันถึงได้แปลกประหลาดไปแบบนี้ก็ไม่รู้
โรเจอร์เองก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้มันคืออะไร แต่ทว่าเขารู้ดีว่ามันเป็นความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับคนที่ไม่ใช่คู่ชีวิตเลยแม้แต่น้อย
พลันชายหนุ่มก็รีบยกมือออกจากลุ่มผมนุ่มของคนตัวเล็กพลางหยิบคุกกี้ในขวดโหลเข้าปากเพื่อกลบเกลื่อนทันที
แต่ทันที่ได้รับรสชาติของคุกกี้ที่คนตัวเล็กทำมา ชายหนุ่มก็ต้องชะงักท่าทางรีบกินในตอนแรกเปลี่ยนมาเป็นค่อยๆเคี้ยวช้าๆราวกับต้องการลิ้มรสอย่างละเมียดละไม
เนื้อสัมผัสของคุกกี้ที่กรอบนอกนุ่มใน กลิ่นหอมของนมและเนยที่เป็นส่วนประกอบ แฝงมาด้วยกลิ่นวนิลาอ่อนๆแบบเดียวกับคนทำ
และรสชาติหวานกำลังพอดี ก็เป็นสิ่งที่ถูกปากและถูกใจคนที่ไม่ชอบกินของหวานอย่างเขามากเลยทีเดียว
“เป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม”
“อืม อร่อยมากเลย – ปกติฉันไม่ชอบของหวาน แต่คุกกี้นายทำให้ฉันชักจะติดใจเสียแล้วสิ”
“จริงเหรอ! นายไม่ได้หลอกฉันใช่ไหมโรเจอร์”
โอเมก้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยความดีใจ พลางเขยิบเข้าไปใกล้ชิดชายหนุ่มมากขึ้นด้วยความลืมตัว
ทำให้ตอนนี้ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนน้อยลงอีกเท่า แต่แล้วโอเมก้าตัวน้อยก็เป็นฝ่ายต้องรีบหลบตาคนตัวสูงและขยับตัวกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้ง
เมื่อนัยน์ตาสีซิลเวอร์คู่นั้นเล่นงานหัวใจของเขาทุกครั้งที่ได้สบตา
“เอ่อ ในนี้ร้อนจังเลยเนอะ” ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าจู่ๆเวดดี้ก็รู้ตัวว่าอากาศรอบตัวช่างร้อนระอุขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
รีบยกมือขึ้นมาพัดใบหน้า
“เรื่องคุกกี้ฉันพูดจริง – แล้วก็ ... ห้องนี้เปิดแอร์อยู่นะเวดดี้”
อัลฟ่าหนุ่มแค่นหัวเราะให้กับท่าทางน่าเอ็นดูของคนตัวเล็ก ใบหน้าที่สีแดงก่ำขึ้นมาทำเอาชายหนุ่มอดไม่ได้ที่แกล้งคนตัวเล็กด้วยการยื่นหน้าเข้าไปใกล้
หากแต่ครั้งนี้กลับใกล้มากกว่าเดิมเสียจนเวดดี้ต้องยกมือเล็กทั้งสองยันหน้าอกของคนตัวสูงเอาไว้
“นะ นายจะทำอะไร – ”
“กัปตันคร้าบบบบ เที่ยงไปกินข้าวไหน ... คะ ครับ”
พลันประตูห้องทำงานที่ถูกเปิดออกอย่างไม่ให้สุ่มให้เสียงก็ทำเอาคนทั้งสองผละออกจากแทบไม่ทัน
อัลฟ่าหนุ่มรีบใช้ลำตัวบังคนตัวเล็กเอาไว้ ก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวใส่ผู้มาใหม่ทั้งสามคนที่ตอนนี้ยืนอ้าปากค้างไปแล้ว
เพราะภาพจากมุมมองที่พวกเขาเห็นนั้นคือโรเจอร์กำลังจูบกับหนุ่มน้อยนิรนามที่ตอนนี้เจ้าตัวเอาตัวบังไว้ไม่ให้พวกเขาเห็นหน้าอยู่
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เคาะประตูก่อน”
“เอ่อ ลืมตัวไปนิดหน่อยครับ แต่พวกผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้นนะครับกัปตัน!”
“แล้วจะยืนกันอยู่ทำไม รีบออกไปกันได้แล้ว”
“ครับผม เดี๋ยวล็อคประตูให้นะครับกัปตัน”
อินทรีย์หนุ่มทั้งสามที่ปิดประตูพร้อมกับลงกลอนอย่างแน่นหนาให้กับกัปตันของพวกเขาอย่างที่พูดทันที
ก่อนที่ทั้งสามจะมองหน้ากันด้วยสายตาแพรวพราว พร้อมกับทำท่าทีดีใจที่เห็นโรเจอร์ไม่ได้เป็นอัลฟ่าตายด้านตามข่าวลือ
หลังจากที่เจ้าตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครเชิงชู้สาวเลยตั้งแต่สมัยเรียน – ไม่ได้การแล้วล่ะ
เรื่องนี้ทุกคนต้องรู้ เพราะพวกเขาก็ไม่อยากให้ใครมาว่าลูกพี่ของพี่เขาว่าเป็นพวกตายด้านเหมือนกัน
“เอ่อ ทำไมพวกเขาทำหน้ากันแบบนั้นล่ะ คงไม่ได้เข้าใจอะไรผิดกันไหมโรเจอร์”
“คงไม่หรอกมั้ง มาเถอะเดี๋ยวฉันพาไปกินข้าว
วันนี้ฉันมีเวลาให้นายทั้งวันเลย”
โรเจอร์ส่ายหน้าปฏิเสธ แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้ข่าวลืมเรื่องที่ว่ากัปตันรูปหล่อของกองทัพอากาศแอบซุกซ่อนคนรักเอาไว้
ไม่ได้ตายด้านตามข่าวลือได้แพร่กระจายเป็นข่าวซุบซิบไปทั่วทั้งเดอะ เพนตากอนเรียบร้อยแล้ว
To be continue
Talk
ไหนใครคิดถึงน้องเวดดี้กับกัปตันโรเจอร์บ้างคะ
แสดงตัวให้ชื่นใจกันหน่อยเร็ว ขออภัยที่หายไปนานนะคะ พอดีเรายุ่งๆเกี่ยวกับการทำเล่มกุกวีสวอนเลตอยู่
ประกอบกับกองงานแบบมหาศาลและสมรภูมิสอบมิดเทอมให้ไม่ค่อยมีเวลาปั่นเลยค่ะ ขอบคุณทุกคนนะคะที่มอบความรักให้กับงานเขียนของเรา
สุดท้ายนี้อ่านแล้วอย่าลืมส่งกำลังใจผ่านการคอมเม้นหรือสกรีมแทคด้วยนะคะ
เวลาได้อ่านอะไรพวกนี้มันทำให้เราใจฟูจริงๆค่ะ จากที่เหนื่อยๆมาอ่านนั่งปุ๊ปมีแรงฮึดสู้ขึ้นอีกเยอะเลย
ดังนั้นได้โปรดช่วยกันเติมพลังให้เราด้วยนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
ความคิดเห็น