ตอนที่ 10 : Alpha Red hood : 09
[kookv] Alpha Red hood #กุกวีหมวกแดง
Alpha Red hood : 09
องค์ราชินีแทบจะลมจับ เมื่อได้รับรายงานจากหมอหลวงว่าโอเมก้าตัวน้อยที่เธอแสนเอ็นดู กลับมาป่วยหนักกว่าเดิม หลายวันก่อนเธอยังเบาใจอยู่เลยที่เห็นว่าอาการป่วยของแทฮยองดีขึ้น แต่แล้วทำไมวันนี้ถึงได้อาการทรุดหนักกว่าเดิมได้
ขาเรียวก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังห้องนอนของโอเมก้าตัวน้อย พอเปิดประตูเข้าไปก็พบลูกชายตัวดีนั่งยิ้มโชว์ฟันกระต่ายอยู่บนโซฟา กลิ่นดอกไม้ลอยอบอวลผสมกับกลิ่นอัลมอนด์ออกมาจากคนที่นอนซมอยู่กลางเตียง สัญชาติญาณของความเป็นแม่บ่งบอกได้ดีว่าลูกชายของเธอทำเสียเรื่องเข้าแล้ว
มือเรียวอิงวัดอุณหภูมิที่หน้าผากมน สายตาไล่สำรวจไปตามสีผิวน้ำผึ้งเนียนสวย ร่องรอยกลีบกุหลาบเกือบทุกตารางผิวปรากฏชัดจนน่าตกใจ ลมหายใจอุ่นๆของโอเมก้าตัวน้อยทำเธอเบาใจได้ว่าแทฮยองไม่มีอาการน่าเป็นห่วงอะไร นอกแค่เป็นไข้เท่านั้น ก่อนจะขยับผ้าห่มผืนหนาให้คลุมอกคนที่นอนซมอยู่ให้มากขึ้น สายตาเฉียวคมตวัดมองไปยังคนที่นั่งทำหน้าใสซื่อบริสุทธิ์จนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง
“ทำไมมองชายแบบนั้นล่ะเสด็จแม่” จองกุกยิ้มแห้ง พลางเดิมเข้ามาสวมกอดเอวบางของคนเป็นแม่อย่างออดอ้อน
“แม่ว่าเราคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วนะองค์ชาย” องค์ราชินีพูดเสียงเข้ม ก่อนจะฟาดมือเรียวเข้าที่ท่อนแขนแข็งแรงของอัลฟ่าหนุ่มเต็มแรง จนคนมีชนักติดหลังชักมือออกแทบไม่ทัน
“ชายเจ็บนะครับเสด็จแม่”
แม้ว่าปกติแล้วแรงของอัลฟ่าหญิงจะไม่มากเท่าอัลฟ่าชาย โดยเฉพาะอัลฟ่าวัยหนุ่มอย่างจองกุก แต่ด้วยเดิมทีองค์ราชินีเป็นคนที่มือหนักอยู่แล้ว มิหนำซ้ำยังเป็นลูกสาวของแม่ทัพใหญ่ มีความเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้อยู่พอตัว จึงไม่แปลกที่ชายหนุ่มจะหลุดร้องโอดครวญเมื่อมือเรียวฟาดลงมา
“ – เจ็บสิดี คราวหลัง ..”
“แค่ก แค่ก สะ เสด็จป้า อย่าดุองค์ชายเลยนะครับ ...เป็นความผิดของแทเอง”
เสียงแหบพร่านของคนป่วยเรียกให้สองแม่ลูกหยุดการกระทำทั้งหมด องค์ราชินียกยิ้มอบอุ่นให้คนที่นอนอยู่ มือเรียวลูบลุ่มผมนิ่มด้วยความเอ็ดดูในความน่ารักของโอเมก้าตัวน้อย
“พักผ่อนเถอะนะลูก ป้าขอโทษที่ทำหนูตื่น”
คนป่วยยกยิ้มตอบ ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงไปอีกครั้ง จนแน่ใจว่าแทฮยองเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว องค์ราชินีก็เตรียมจะเล่นงานลูกชายตัวแสบที่ยืนอยู่ข้างๆต่อ
“ตามแม่มาข้างนอกเดี๋ยวนี้องค์ชาย”
ชายหนุ่มมองคล้อยตามหลังผู้เป็นแม่ที่เดินออกไป ก่อนจะก้มจรดริมฝีปากบนหน้าผากอุ่นอย่างแผ่วเบา
“เดี๋ยวพี่มานะ”
//
“โอ๊ย – ชายเจ็บนะครับเสด็จแม่” อัลฟ่าหนุ่มร้องโอดครวญอีกครั้ง เมื่อมือเรียวของผู้เป็นมารดาบิดเข้าที่กล้ามเนื้อหน้าท้องใต้เนื้อผ้าบางๆที่จองกุกสวมใส่อยู่เต็มแรง
“ตอนไปฝึกกับท่านตาเจ็บหนักกว่านี้ยังไม่บ่นอะไรสักคำ ไม่ต้องมาทำเป็นสำออยเลยนะ! แม่บอกอะไรทำไมไม่ฟังแม่บ้าง”
องค์ราชินีพูดเสียงดุ เมื่อคนเป็นลูกชายทำท่าทางโอดครวญเกินความจริง อัลฟ่าวัยหนุ่มที่แข็งแรงแบบลูกชายนางไม่มีทางเจ็บแบบที่แสดงออก เพียงเพราะถูกนางบิดพุงหรอก
สำออยนัก แม่จะบิดให้เนื้อเขียวเลย
“ชายขอยอมรับผิดทุกการกระทำครับเสด็จแม่”
“เจ้าลูกคนนี้มันจริงๆเลย แม่อุส่าจับเราแยกออกกับหนูแทแล้วนะ – แล้วแบบนี้แม่จะกล้าไปสู้หน้าลอร์ดแทรังได้ยังไง ทำไมไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจบ้าง”
องค์ราชินีแทบจะควันออกหู นางอุส่ารับปากเพื่อนสนิทอย่างแทรังไว้ซะดิบดี ว่าจะดูแลไข่มังกรของลอร์ดแทรังอย่างดีชนิดที่ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าลูกชายของนางกลับทำเสียเรื่องเอาซะเอง มันน่าเอาไม้เรียวมาฟาดให้ก้นลายจริงๆ
“…ชายไม่มีข้อแก้ตัวครับ”
องค์ราชินีไม่ได้อยากจะเข้มงวดหรือใจร้ายกับองค์ชาย แต่เธอจำเป็นต้องให้บทเรียนกับคนที่ดื้อด้านไม่ฟังคำสั่ง
“องค์ชาย แม่จะเลื่อนพิธีอภิเษกฯให้เร็วขึ้น แต่แม่ขอสั่งห้ามเจ้าเจอหนูแทเด็ดขาดจนกว่าจะหมดฮีทวีค”
คำสั่งเด็ดขาดของผู้เป็นแม่ เป็นเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของจองกุก – ให้ตายเถอะ ให้เขาไปไล่จับเสือป่ายังง่ายกว่าการไม่เจอแทฮยองเสียอีก ยิ่งช่วงฮีทวีคที่เพิ่งเริ่มต้นวันนี้เป็นวันแรกแบบนี้
คงทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็น
“สองแม่ลูกทำอะไรกันอยู่”
แต่ทว่าเสียงของคนที่เพิ่งเดินเข้ามา เป็นเสมือนน้ำฝนที่ตกลงมารดน้ำต้นไม้ที่กำลังจะเหี่ยวเฉาแบบจองกุก จุดประกายความหวังให้กับอัลฟ่าหนุ่ม ว่าผู้เป็นพ่อจะเห็นอกเห็นใจเขา แล้วช่วยเจรจากับเสด็จแม่ให้
“เสด็จพ่อช่วยชายด้วย เสร็จแม่ตีชาย แล้วก็ยังสั่งไม่ให้ชายมาเจอเมียอีก”
“เอ๊ะ! เจ้าลูกคนนี้ ไม่ต้องไปฟ้องพ่อเลยนะ ทำผิดก็ต้องได้รับโทษ”
“ใจเย็นๆน่าที่รัก เรื่องมันก็แล้วไปแล้วอย่าดุลูกเลย – ว่าแต่ จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแบบที่พ่อสอนใช่ไหมองค์ชาย”
ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างเบาใจ เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อพูดเข้าข้างเขา “ครับ ชายให้น้องกินยาแล้ว”
“ดีมากไอ้เสือ” องค์ราชาพูด พลางขยิบตาให้ลูกชายที่ถอดแบบความเจ้าเล่ห์มาเหมือนกันไม่มีผิด
ลูกไม้หล่นใต้ต้นจริงๆพ่อลูกคู่นี้
องค์ราชินีส่งค้อนวงใหญ่ให้พ่อกับลูกที่เข้าขากันได้ดีซะทุกเรื่อง นอกจากความเจ้าเล่ห์และเล่ห์เหลี่ยมที่ถอดแบบกันมาแล้ว เรื่องบนเตียงและความหื่นกามที่มีก็คงจะไม่ต่างกัน นึกแล้วก็แอบสงสารแทฮยอง แต่งงานไปคงจะโดนองค์ชายจองกุกรวบหัวรวบหางกินจนพรุนไม่ต่างจากเธอแน่
“เสด็จพี่ก็ให้ทายลูกแบบนี้ ลูกถึงไม่ฟังคำสั่งข้าไง”
“ไม่เอาน่า ข้าอยากกินสตูเนื้อกวาง เจ้าไปทำให้ข้าหน่อยสิที่รัก – ส่วนเรื่องลงโทษองค์ชายไว้ให้ข้าจัดการเอง”
“อ้าวเสด็จพ่อ คิดว่าจะช่วยกันซะอีก”
“คำสั่งเมียอยู่เหนือทุกอย่าง จำไว้ไอ้ลูกชาย”
//
บนดาดฟ้าของหอดูดาวที่ตั้งอยู่ใจกลางเขาวงกตหลังวังหลวง ร่างระหงส์ของดยุคแห่งฟรานเชสยืนเหม่อมองแสงสีทองของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า ปุยหิมะสีขาวกำลังล่องลอยตกในอากาศ ก่อนค่อยๆตกลงตามแรงโน้มถ่วงโลก มือเรียวปัดเกล็ดหิมะที่ติดอยู่ตรงข้างแก้มออกอย่างลวกๆ แววตาเศร้าสร้อยถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มงดงาม เมื่อหวนระลึกถึงความหลังที่เคยเกิดขึ้นบนดาดฟ้าแห่งนี้
สถานที่ที่กักเก็บความทรงจำมากมาย
ทั้งความสุข
...และความเจ็บปวด
องค์ชายจองกุก เคานต์ยุนกิ และดยุคจีมินเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ เหตุหนึ่งก็เพราะจีมินเป็นลูกชายของผู้ที่เป็นน้องชายแท้ๆขององค์ราชินี จึงทำให้เขาสนิทสนมกับจองกุก ..และยุนกิเป็นพิเศษ
จีมินจำได้ดีว่าครั้งแรกที่เขามาที่นี่ก็ถูกองค์ชายขี้แกล้งอย่างจองกุกที่ได้รับขนานนามว่าจอมปีศาจแกล้งตั้งแต่เจอหน้า
เกมส์ซ่อนแอบที่องค์ชายตัวแสบชวนเขาเล่นในตอนนั้น
‘ห้ามแอบมองนะ’
เสียงเจื้อยแจ้วขององค์ชายอัลฟ่าพูด พลางมัดผ้าผูกตาให้กับเด็กผู้ชายตัวเล็กที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของตนเอง ดยุคตัวน้อยในวัยสิบขวบก้าวไปตามแรงจูงที่ข้อมือ ขาเล็กก้าวสะดุดก้อนหินจนเกือบจะล้ม แต่ก็ถูกมือนิ่มขององค์ชายคว้าไว้
‘ระวังหน่อยซี่ เดี๋ยวก็ล้มหรอก – เอาล่ะตรงนี้ ..ข้าจะไปซ่อนแล้วนะ คิกคิก’
‘หนึ่ง สอง สาม – เจ้าจงไปหลบ ถ้าไม่หลบข้าจะหาเจ้าเจอ’ ดยุคตัวน้อยเริ่มนับเลขเพื่อนให้องค์ชายอัลฟ่าในวัยเดียวกันไปซ่อนตัว สายลมพัดแรงจนผมสีอ่อนปลิวสะไหว มือเล็กยกกอดอกเล็กน้อย พลางเลื่อนผ้าปิดตาออก เมื่อกะเวลาให้อีกคนไปซ่อนตัว
‘คิกคิก หาข้าไม่เจอหรอก’
จองกุกหัวเราะชอบใจตามประสาคนขี้แกล้ง มองดูดยุคตัวน้อยเดินวนไปมาเพื่อตามหาเขาในเขาวงกตหลังวัง จากระเบียงชั้นสองบนตำหนัก
‘อยู่ตรงนี้หรือป่าวน้า ... เอ๊ะ ไม่มีนี่’ ราชนิกุลผิวสีน้ำนมเดินลัดเลาะไปตามกำแพงต้นสเตอร์บัน ย่างก้าวลึกเข้าสู่ส่วนที่เป็นเขาวงกต
‘ตรงนี้อีกแล้ว’ เด็กน้อยพ่นลมหายอย่างยอมแพ้เมื่อเพื่อพบตัวเองเดินผ่านจุดเดิมมาเป็นรอบที่สาม ใบหน้าจิ้มลิ้มขึ้นสีแดงแก้มฝาดเพราะความเหนื่อย
‘องค์ชายออกมาเถอะ ข้ายอมแพ้แล้วง่า’
‘...’
‘อะ องค์ชาย อยู่ไหนครับ’
เด็กน้อยหันหลังเตรียมเดินกลับไปตำแหน่งเดิมที่เขาถูกปิดตาในตอนแรก แต่ทว่าพอเดินไปเรื่อยๆ กลับไม่พบใช่อย่างที่หวัง เมื่อสองข้างทางยังคงเป็นแนวต้นสเตอร์บันแทนที่จะเป็นตำหนักขององค์ชายที่อยู่ติดกัน
โดยไม่รู้ตัวเลยกำลังเดินลึกเข้าสู่ใจกลางของเขาวงกตเรื่อยๆ
‘ว้าว มีหอคอยดูดาวเหมือนที่ปราสาทข้าเลย’ จีมินยกยิ้มตาหยี พลางผลักประตูไม้ของคอหอยเข้าไปอย่างตื่นเต้น เด็กน้อยเดินเข้าไปด้วยความคุ้นชิน หอคอยดูดาวที่วังหลวงไม่แตกต่างกับที่ปราสาทของเขาเท่าไหร่นัก เพียงแค่มีขนาดใหญ่กว่าเท่านั้น ก่อนจะหยิบกล้องดูดาวที่วางอยู่ขึ้นมาส่องอย่างคล่องแคล่ว
‘ตรงนั้น ... กลุ่มดาวนายพราน’
จีมินหัวเราะคิกคักเมื่อส่องกล้องไปเจอกลุ่มดาว เนื่องด้วยเมืองฟรานเชส หัวเมืองทางตอนเหนือของอาณาจักรคาร์โรซินเวีย เป็นเมืองที่ล้อมลอบไปด้วยเทือกเขาสูง สามารถมองเห็นดวงดาวในยามรัตติกาลได้มากที่สุดของอาณาจักร อีกทั้งในทุกปียังมีปรากฏการณ์แสงเหนืออันมหัศจรรย์เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ จึงไม่แปลกที่ดยุคแห่งฟรานเชสในตอนนั้นจะมีความเชี่ยวชาญในด้านดาราศาสตร์ตั้งแต่เด็ก
ตุบ!
‘ระวัง!’
จีมินหลับตาปี๋เมื่อของที่วางอยู่บนชั้นลอยกำลังจะร่วงมาใส่ตัวเขา เด็กน้อยเม้มปากแน่นด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ถูกคว้าให้พ้นจากบริเวณนั้นได้ทันก่อนที่ของจะตกลงมาใส่เจ้าตัว เด็กน้อยเซไปตามแรงดึง ก่อนจะพากันเข่าอ่อนล้มทับไปบนพรมผืนหนาด้วยกันทั้งจีมิน ทั้งคนที่มาช่วย
‘เจ้าเป็นอะไรไหม’
เด็กน้อยรีบผละออกมาเมื่อพบตัวเองนอนทับอยู่บนร่างเด็กหนุ่มที่ดูอายุมากกว่าเขาหลายปี เสียงทุ้มที่ใกล้แตกหนุ่มถูกเปล่งออกมาจากปากสีซีด จีมินเผลอสำรวจคนตรงหน้าอย่างลืมตัว ผิวกายที่ขาวซีดแต่กลับตัดกับผมสีดำขลับได้อย่างลงตัว ท่าทางที่ดูผู้ดีราวกับเจ้าชาย ประกอบกับใบหน้ามีเสน่ห์ และกลิ่นกายที่ไม่เหมือนหมาป่า ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นผิดจังหวะ
‘เจ้าเลือดออกนี่ รอเดี๋ยวนะ’ จีมินก้มมองรอยถลอกที่มีเลือดสีสดซึมออกมาที่บริเวณเข่าของตนเอง เพราะตอนที่ล้มเมื่อกี้เข่าของเขาดันไปครูดเข้ากันพื้นปูนเข้า
พลางชำเลืองมองเด็กหนุ่มตัวซีดที่ก้มหน้าก้มตาค้นหาของบางอย่างในกระเป๋าเป๋สะพายหลัง เด็กน้อยหน้าเหลอหลาเมื่อถูกเด็กหนุ่มอุ้มตัวลอยมาให้นั่งบนเก้าอี้โยกที่อยู่ใกล้กัน ก่อนที่คนตรงหน้าจะคุกเข่าลง มือขาวซีดสัมผัสที่บาดแผลอย่างเบามือ แล้วเริ่มลงมือทำแผลให้
‘ข้าขอโทษนะเจ้าหนู เป็นความผิดของข้าแท้ๆ’
‘จะเป็นความผิดท่านได้ยังไงกันฮ่ะ มันเป็นอุบัติเหตุนี่หน่า – ซี๊ดดด แสบจังเลย’ เด็กหนุ่มมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่เหยเกเล็กน้อยจากความแสบที่บาดแผลด้วยความรู้สึกผิด เป็นเพราะเขาที่กำลังฝึกร่ายเวทมนต์อยู่แถวนี้ แต่ด้วยความตกใจไม่คิดว่าจะมีคนนอกเข้ามาที่หอดูดาวในเวลาหัวค่ำเช่นนี้ ประกอบกับยังควบคุมพลังเวทของตัวเองได้ไม่ดี จึงเป็นเหตุให้เด็กน้อยตรงหน้าต้องได้รับบาดเจ็บ
!!!
ก่อนที่คนตัวซีดจะทำในสิ่งที่จีมินไม่คาดคิด ปากหยักกดจูบอย่างแผ่วเบาบนบาดแผลทำเอาคนตัวเล็กตกใจ ขยับขาถอยหนีตามสัญญาณ
’อย่าขยับ มันกำลังช่วยให้เจ้าเจ็บน้อยลง’ เด็กน้อยหน้าแดงซ่านเมื่อปากหยักกดจูบลงมาที่บาดแผลอีกครั้ง อาการแสบเมื่อกี้หายไปราวกับที่เข่าเขาไม่มีรอยถลอกอยู่
‘ขะ ขอบคุณฮ่ะท่าน ..’
‘ยุนกิ ข้าชื่อยุนกิ – แล้วเจ้าชื่ออะไรล่ะเจ้าหนู’
‘จีมินฮ่ะ’
แต่ทว่าแววตาเป็นประกายที่สะท้อนตัวเขาอยู่ในตาของยุนกิ ทำให้หัวใจดวงน้อยได้รู้จักกับคำว่าหลงรักเป็นครั้งแรก
//
ใบหน้าสวยเชิดขึ้นยกมือขึ้นปาดหยาดน้ำตาลวกๆ เมื่อนึกถึงความทรงจำในวัยเด็ก พลางซูดจมูกฟิดฟัดจากการยืนตากหิมะมานานสองนาน หันซ้ายหันขวารู้สึกได้ถึงสายตาของใครบางคนที่จับจ้องเขาอยู่ พลันสายตาก็เคลือบไปเห็นสันขอบของหนังสือเล่มหนาที่โผล่พ้นหลังเสาออกมา
หึ ไม่มีใครบ้าถือหนังสือเล่มหนาขนาดนั้นเดินไปเดินมาหรอก ถ้าไม่ใช่คนใจร้ายคนนั้น
มินยุนกิ
แววตาคู่สวยสั่นไหวอย่างรุนแรง เมื่อความเจ็บปวดโลดแล่นเข้ามาในหัวใจอีกครั้ง มุมปากแค่นยิ้ม จับจ้องไปยังบุคคลที่ยืนหลบอยู่หลังเสาไม่วางตา
“ออกมานะพี่ยุนกิ ... อ่อ ไม่สิ ต้องเรียกเคานต์ยุนกิถึงจะถูก”
พ่อมดหนุ่มที่ยืนหลับตาพิงอยู่หลังเสา เปิดเปลือกขึ้นช้าๆ วูบหนึ่งที่นัยน์ตาดำขลับฉายความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยดังเดิม ก้าวออกไปเผชิญหน้ากับดยุคแห่งฟรานเชส พร้อมกับโค้งคำนับให้กับคนที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงกว่า
“...”
จีมินเม้มปากเข้าหากันแน่น ไล่มองใบหน้าไร้อารมณ์ของคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันราวสองปีอย่างพิจารณา ยุนกิยังคงเหมือนกับความทรงจำไม่เปลี่ยน ขอบตาร้อนผ่าวด้วยความคิดถึง อยากจะเดินเข้ามากอดคนตรงหน้าแทบขาดใจ แต่ทิฐิที่มีอยู่ ทำให้ใบหน้าสวยเชิดขึ้น
“ขออภัยท่านดยุค แต่ข้าแค่บังเอิญเดินผ่านมาเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะตามเจ้ามา”
จีมินชำเลืองมองคนร้อนตัวตรงหน้า ท่าทางอยู่ไม่สุขและคำพูดของพ่อมดหนุ่มทำให้ดยุคคนสวยแอบลอบยิ้มจางๆ คงไม่มีใครบังเอิญมาเดินเล่นแล้วผ่านเขาวงกตมายังหอดูดาวได้หรอก ถ้าไม่ได้ตั้งใจเดินเข้ามาตั้งแต่แรกถูกไหม
“ข้ายังไม่ได้พูดสักคำว่าท่านตามข้ามา”
“ก็ – เผื่อว่าเจ้าจะเข้าใจแบบนั้น”
“หึ ข้ามีสิทธิเข้าใจแบบนั้นด้วยเหรอ” พลันขอบตาก็ร้อนผ่าว เมื่อคำพูดในอดีตของคนตรงหน้าลอยเข้ามาในห้วงความคิด
‘กลับไปซะ แล้วอย่ามาที่นี่อีก’ คำกล่าวไล่ของพ่อมด ทำให้ดยุคคนสวยที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าหอดูดาวร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโย
‘ทำไมพี่ยุนกิทำแบบกับจีมินแบบนี้ ฮึก ไม่รักจีมินแล้วเหรอครับ ฮึก ฮึก’
‘ฟังข้าให้ดีๆนะ – ข้าไม่เคยรักเจ้าเลย’
‘อึก .. พ พี่ แล้วที่มาผ่านเรื่องของเรามันคืออะไร ข้าไม่เชื่อว่าพี่ไม่ได้รักข้า’
‘เจ้าก็รู้ดีว่าข้าไม่พูดปด’
‘…’
‘ตัดใจจากข้าเสียเถอะ’
ยุนกิเบือนหน้าหนีใบหน้าเศร้าสลดของคนตรงหน้าอย่างจำใจ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะยืนอยู่ตรงหน้าร่างบางได้โดยไม่แสดงความเจ็บปวดออกมา เขาละอายใจที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้จีมินต้องเจ็บปวดเจียนตาย และยุนกิเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกันที่กับการต้องจำใจทำร้ายคนที่เขารัก
แต่รู้อะไรไหม – ทุกการกระทำย่อมมีเหตุผลของมันเสมอ
“จะค่ำแล้ว เจ้าออกมาทำอะไรที่นี่”
“ไม่ใช่เรื่องของท่าน” จีมินเป็นฝ่ายหลบตาคนตัวสูง ก้มหน้ามองพื้นอย่างกระอักกระอ่วมใจ
คนใจร้าย เป็นห่วงเขาก็สารภาพมาเถอะ
“สบายดีใช่ไหม”
“ก็ดีครับ ไม่เจ็บไม่ป่วยง่ายเหมือนเมื่อก่อน .... แต่ไม่รู้ทำไมในใจของข้าถึงได้เจ็บปวดเหลือเกิน”
“เจ้าหนู ข้า...”
ดยุคคนสวยก้มหน้าปล่อยหยาดน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจห้าม คำที่ยุนกิเรียกเขา เหมือนกับมีดที่ปักลงที่แผลในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
”อะ อย่าเรียกข้าแบบนั้น ... อึก คนที่เรียกข้าแบบนั้นได้มีแต่พี่ยุนกิเท่านั้น ... ไม่ใช่เคานต์ยุนกิแบบท่าน”
TALK
ช่วยองค์ชายด้วยทุกคน องค์ชายโดนเสด็จแม่ลงดาบห้ามพบน้องแทแล้ววว น่าสงสารสุดๆ ;-; ส่วนคุณพ่อมดกับดยุคคนสวยของเราก็แอบดราม่าเบาๆ เพราะไรท์อยากลองหัดแต่งแนวดราม่าดูเลยเอามาลงกับคู่นี้ (หลบรองเท้า) แต่ด้วยความอ่อนหัดของไรท์ ไรท์ว่าน่าจะดึงดราม่าไม่กี่ตอน ไม่ต้องห่วงนะคะ ยังไงขอฝากฟิคเรื่องนี้ใน #yoonmin ด้วยนะคะ ♥
15/03/2561
ร่วมพูดคุยกันได้ที่ทวิตเตอร์ @BAMATTY_ หรือ #กุกวีหมวกแดง นะจ๊ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กระต่ายโดนแม่ตี55555 ว๊ายๆ