ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [MarkBam] HOST FAMILY #ฟิคโฮสต์แฟม

    ลำดับตอนที่ #28 : กฎของโฮสต์ข้อที่ 22 :: เป็นโฮสต์ต้องไม่ร้องไห้ (100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.03K
      4
      2 มิ.ย. 59









    กฎของโฮสต์ข้อที่ 22

    เป็นโฮสต์ต้องไม่ร้องไห้

     

     

                วันที่สามของการเวิร์คช็อปทำให้ผมรู้ว่าการแสดงละครสักเรื่องไม่ใช่แค่การอ่านบทแล้วแสดงออกไปให้จบๆ แต่มันเป็นการเข้าใจใครคนหนึ่งและถ่ายถอดความรู้สึกของเค้าออกมาให้คนอื่นๆรับรู้ให้ได้มากที่สุดต่างหาก นี่ก็วันที่สี่แล้วครับที่ผมอยู่ที่หัวหิน อย่างงว่าทำไมถึงเป็นวันที่สี่ก็เพราะว่าวันแรกที่พวกเรามาถึงพวกเราพักผ่อนกันทั้งวันเลยไงครับ ช่วงเวลาสี่วันที่อยู่หัวหินกับเพื่อนๆนักแสดงรวมถึงทีมงานทุกคนทำให้เราสนิทกันมากขึ้นจนรู้สึกเหมือนว่าเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว เป็นสี่วันที่ผมมีความสุขดี เป็นสี่วันที่ผมกับละอองดาวยอมสงบศึกกันชั่วคราว ... มั้งนะผมก็ไม่แน่ใจ แต่อย่างน้อยวันหลังๆมานี้ละอองดาวเริ่มพูดกับผมมากขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน ก็ประหลาดใจเหมือนกันนะครับแต่ผมถือว่ามันเป็นสัญญาณที่ดี และหวังว่าวันที่เหลือที่หัวหินนี้จะทำให้ละอองดาวเปลี่ยนความคิดกับผมสักที อ่า ... หวังมากไปหน่อยมั้ยแบม

     

     

                ข้าวมือเย็นที่วันนี้เร็วกว่าปกติถูกผมจัดการฟาดลงท้องเรียบร้อย สองเท้าในรองเท้าผ้าใบจึงพาผมเคลื่อนย้ายร่างกายก้อนๆมานั่งเล่นอยู่ริมหาด สายลมเย็นสบายของทะเลตอนห้าโมงเย็นทำให้ผมรู้สึกดีจนถึงขั้นใช้คำว่าฟินได้ เสียงหัวเราะของพ่อแม่ลูกที่กำลังช่วยกันก่อปราสาททรายทำเอาผมยิ้มออกมา สีหน้ามีความสุขของเด็กน้อยกับพ่อแม่เผลอทำให้ผมนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ ...

     

     

                คนที่ผมไม่ได้เห็นหน้าและไม่ได้ยินเสียงมาอาทิตย์กว่าแล้วนั่นล่ะครับ

     

     

                พี่มาร์คอยู่ที่ไหนกันนะ ...

     

     

                สีหน้าของผมเปลี่ยนไปนิดหน่อยเมื่อความรู้สึกน้อยใจยังคงมีอิทธิพลกับผม ผมมีคำถามมากมายอยากจะถามพี่มาร์ค มีเรื่องราวมากมายที่อยากจะได้ยินจากปากของพี่เค้า ผมแค่อยากรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันคืออะไรก็เท่านั้นเอง

     

     

                คนที่เคยเล่าทุกเรื่องให้ผมฟังและอยู่ข้างๆผม

     

     

                ผมก็แค่อยากเจอพี่มาร์คอีกครั้ง

     

     

                ผมคิดถึงเสียงทุ้มๆที่ฟังทีไรก็ใจเต้น คิดถึงสีหน้ากับรอยยิ้มเวลาที่ผมทำอะไรเพี้ยนๆ คิดถึงมือที่ชอบเอื้อมมาลูบหัวเวลาผมร้องไห้ คิดถึงภาษาไทยสำเนียงแปลกๆของพี่มาร์ค คิดถึงคนที่ชอบตื่นมาปลุกผมทุกเช้า คิดถึงตอนที่เรานั่งดูหนังก่อนนอนด้วยกัน คิดถึง ... 



              ผมคิดถึงพี่มาร์ค

     

     

                นั่งคิดไปมาก็เริ่มรู้ตัวว่าน้ำตาไหลลงมาซะงั้น นี่มันเป็นเวลาผ่อนคลายผมไม่ควรจะมานั่งเศร้าสิ พี่มาร์คแค่ไปเที่ยวบ้านเพื่อน พี่มาร์คไม่ได้มีความลับอะไรกับผมหรอก เดี๋ยวพี่มาร์คกลับมาพี่มาร์คก็คงจะเล่าให้ผมฟังเองนั่นแหละ ผมน่ะคิดมากไปได้

     

     

                เสียงคลื่นลูกน้อยซัดมากระทบฝั่งเป็นจังหวะน่าฟัง พ่อแม่ลูกที่ผมนั่งมองจากไปแล้วพร้อมกับทิ้งปราสาททรายหลังน้อยน่ารักไว้เป็นที่ระลึก พรุ่งนี้มันก็คงจะหายไปแล้วล่ะ ได้แต่ภาวนาอย่าให้เด็กคนนั้นจำมันได้แล้วกันว่าเคยสร้างมันเอาไว้ เพราะไม่งั้นน้องคงจะเสียใจแน่ๆที่มันหายไปแล้ว

     

     

                เหมือนผมไง

     

     

                อะไรที่มันเป็นอดีต บางครั้งปล่อยให้มันเป็นแค่อดีตต่อไปนั่นแหละดีแล้ว

     

     

                นี่ ...เสียงหวานคุ้นหูที่ผมได้ยินมาหลายวันนี้ดังขึ้นข้างๆเมื่อเธอเดินมานั่งลงบนม้านั่งข้างผม ละอองดาวยื่นไอติมแท่งที่ไม่รู้ว่าเธอไปเอามาจากไหนให้ผม หลายวันที่อยู่ด้วยกันมานี้ผมไม่รู้ว่าเราสนิทกันเพราะละครที่เราต้องแสดงด้วยกันหรือเพราะอะไร แต่ละอองดาวกลับมีท่าทีเปลี่ยนไป เธอเริ่มที่จะเข้าหาผมบ้างถึงแม้ว่าจะไม่บ่อย เริ่มที่จะชวนคุยหรือหาอะไรมาให้ผมกิน เริ่มที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากผมเวลาที่เธอทำอะไรไม่ได้ เหมือนละอองดาวที่ผมรู้จักกำลังจะกลับมา ความรู้สึกของผมมันบอกแบบนั้นแต่ผมก็ยังไม่กล้าที่จะคาดหวังอะไรมากนัก

     

     

                กินข้าวเสร็จแล้วเหรอ ผมแกะซองไอติมออกพรางถามผู้หญิงข้างๆที่มัวแต่กินไอติมแล้วมองท้องฟ้าสีส้มตรงหน้าอย่างเพลิดเพลิน ละอองดาวอารมณ์ดีมากกว่าที่โรงเรียน อาจเป็นเพราะได้ออกมาเที่ยวด้วยล่ะมั้ง

     

     

                อื้อ คนอื่นก็กินหมดแล้วล่ะ เหลือแต่พวกพี่ๆเค้ายังนั่งกินผลไม้คุยกันอยู่ ส่วนคนอื่นๆแยกย้ายขึ้นห้องไปแล้ว

     

     

                แล้วอองดาวไม่ขึ้นไปเหรอ

     

     

                ไม่อ่ะ น่าเบื่อ ผมยกไอติมขึ้นกัด ความหวานของมันทำให้อารมณ์ปั่นป่วนสงบลงได้ ภาพตรงหน้าก็เป็นภาพที่ทำให้ผมรู้สึกทั้งตกหลุมรักและเหงาได้ในเวลาเดียวกัน ท้องฟ้าสีส้มกับพระอาทิตย์ที่ค่อยๆหายลับไปกับขอบฟ้า ฝูงนกตัวเล็กๆพากันบินกลับรัง ผมว่าผมเหงามากกว่าจะตกหลุมรักยังไงไม่รู้สิ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะนั่งอยู่ข้างๆคนที่ผมเคยตกหลุมรักก็ตาม ...

     

     

                แบม

     

     

                หืม ว่าไง

     

     

                ได้ยินพี่โจควอนบอกว่าไม่ไกลรีสอร์ทมีตลาดนัดแฮนด์เมด เราไปเดินเล่นกันมั้ย ผมหันกลับมามองละอองดาวที่กำลังจ้องมองผมรอฟังคำตอบ ใบหน้าสั่นไหวขึ้นลงคือคำตอบจากผม ละอองดาวจึงยิ้มออกมาอย่างง่ายดาย

     

     

                งั้นไปกัน

     

     

                ไปเที่ยวหน่อยจะได้ไม่ต้องคิดถึงบางคนบ่อยๆนะแบม

     

     

    ----------------

     

     

     

     

                ตลาดนัดที่ว่านั่นอยู่ไม่ไกลจากที่พักเท่าไหร่ครับ ผมกับละอองดาวเดินเล่นมาตามทางที่พี่โจควอนบอก ราวๆยี่สิบนาทีก็มายืนอยู่ในตลาดนัดแล้ว พระอาทิตย์ตกดินไปแล้วร้านค้าต่างๆจึงพากันเปิดไฟขับไล่ความมืดมิดให้ออกไปทำให้บรรยากาศของตลาดที่นี่สวยขึ้นเป็นพิเศษ ตลาดนัดที่ได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่งอยู่เป็นระยะๆ ของแฮนด์เมดกับร้านค้าที่ประดับไฟสวยๆทำให้ทั้งผมกับละอองดาวลืมความเมื่อยจากการเดินลงไปสนิทใจ เราสองคนเดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น เผลอแปบเดียวสองมือของเราก็เต็มไปด้วยถุงมากมายแล้ว

     

     

                เหนื่อยแล้วยังอองดาว ตอนนี้เราหยุดซื้อน้ำดับกระหาย ผมถามผู้หญิงข้างๆที่เอาแต่ดูดน้ำ ละอองดาวเงยหน้ามองผมด้วยสายตายิ้มๆก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ

     

     

                ไม่เหนื่อยแต่ดูดน้ำเป็นว่าเล่นเนี่ยนะ ปากแข็ง

     

     

                ก็ยังมีอีกตั้งหลายร้านเลยนะที่ยังไม่ได้เข้า

     

     

                นี่ยังจะไปเดินต่ออีกเหรอ แค่นี้ในมือก็ถือจะไม่ไหวแล้วนะอองดาว

     

     

                แต่นานๆมาทีนะแบม ไปเดินดูต่อเถอะ ผมต้องยอมจำนนกับความดื้อของคนตรงหน้า สุดท้ายผลคือผมยังคงเดินตามคุณเธอต่อไปหลังจากที่ละอองดาวดูเหมือนจะหายเหนื่อยแล้ว คนตัวเล็กกว่าเดินนำผมไปตามทางที่เรายังสำรวจไม่หมด โชคดีที่คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ยังพอมีที่หายใจบ้าง ไม่อย่างนั้นผมคงตายอยู่ในนี้แน่ๆ

     

     

                “น้องละอองดาว เราสองคนกำลังเดินไปตามทางและในตอนนั้นเองก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง ละอองดาวหันขวับกลับไปมองด้วยความรวดเร็วทันทีเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง ผมจึงค่อยๆหันไปมองตามและก็ต้องตกใจเมื่อคนที่อยู่ข้างหลังคือคนที่ผมไม่คิดว่าจะเจอกันที่นี่

     

     

                อ้าวพี่ตินท์ สวัสดีค่ะ

     

     

                ไอ้ตินท์ ... มันมาทำไม !

     

     

    สวัสดีค่ะ อ้าวแบมแบม! ไม่เจอกันตั้งนานนะน้องรัก ผมยืนอึ้งและชักสีหน้ายุ่งๆทันทีที่เห็นละอองดาวทักทายมันด้วยความสนิทสนม ไอ้ตินท์ยังคงตีหน้าซื่อใส่ผมกับละอองดาว น่าหงุดหงิดชะมัด นี่เล่นตามกันมาถึงที่นี่เลยเหรอวะ

     

     

                “ใครน้องมึงไม่ทราบ ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆติดเย็นชาจนละอองดาวต้องหันหน้ามามอง สายตาของเธอที่จ้องมองผมดูจะกลับกลายเป็นไม่พอใจนิดๆดั่งเช่นทุกครั้งที่ผมพูดถึงพี่ชายแสนดีของเธอ

     

     

                จุ๊ๆๆๆๆ ดูพูดเข้าสิทำร้ายกันจังเลย ดูสิคะน้องอองดาว เพื่อนละอองดาวคนนี้ใจร้ายกับพี่จัง ละอองดาวไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับเงียบและยืนนิ่งไปเสียเฉยๆ ผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะอารมณ์เสียและละอองดาวก็เริ่มจะไม่โอเคถ้าหากว่าผมยังทำตัวแบบนี้ต่อไป นึกกลัวว่าความสัมพันธ์ที่มันเริ่มดีขึ้นหลายวันมานี้มันจะพังลงไปอีกรอบเพราะไอ้คนรกโลกที่ยืนอยู่ตรงหน้าเราสองคน ผมจึงตัดสินใจคว้าข้อมือของละอองดาวมาไว้แล้วหันหลังจะกลับ

     

     

                กลับเถอะอองดาว เดี๋ยวจะดึก ละอองดาวถูกผมลากข้อมือหันหลังกลับเธอจึงเดินตามไปอย่างง่ายดาย แต่เสียงไอ้ตินท์ก็ยังตามไล่หลังมา

     

     

                หวงเหรอแบมแบม อยู่ๆไอ้ตินท์ก็พูดแบบนั้นผมเลยหยุดเดินแล้วเหลือบมองหน้าอองดาว แววตาของเธอวูบไหวเล็กน้อยแต่เธอก็ยังคงเงียบ สีหน้านิ่งๆนั้นเอาผมใจแกว่งเพราะเดาอารมณ์ของเธอไม่ถูก

     

     

                ไอ้ตินท์มึงหุบปากดิ้ อย่าพูดมาก รำคาญ ผมหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับมันด้วยความเหลืออด แม้ว่าใจจริงจะไม่อยากคุยกับมันก็ตาม

     

     

                โว้วๆๆๆ ยังใจร้ายเหมือนเดิมเลยนะแบมแบม

     

     

                กูใจดีกับทุกคนยกเว้นมึง ไปให้พ้นๆจากชีวิตกูสักทีได้มั้ย

     

     

                ไม่ได้หรอก คนรู้จักกันจะเลิกติดต่อกันไปง่ายๆได้อย่างไงล่ะ อีกอย่างพี่มีหน้าที่ดูแลน้องอองดาวในฐานะน้องสาว ที่รัก ซะด้วยสิ ถ้าน้องแบมอยากเป็นเพื่อนน้องอองดาว น้องแบมก็ต้องทำใจหน่อยนะครับ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆอย่างเหลืออด ไอ้ตินท์มันตั้งใจเน้นคำว่าที่รักใส่กวนโมโหผมชัดๆ มือของผมที่จับมืออองดาวอยู่เผลอกำแน่นจนเธอมองหน้า

     

     

                ไม่จำเป็น กูดูแลอองดาวได้

     

     

                จะดูแลเหรอ ? ในฐานะอะไรล่ะ ผมชะงักไปกับคำถามของไอ้ตินท์ จริงๆคำตอบมันก็ชัดเจนอยู่แล้วแต่ทำไมผมกลับไม่กล้าตอบก็ไม่รู้

     

     

                .......

     

     

                ว่าไง ดูแลในฐานะอะไรเหรอ

     

     

                แล้วทำไมกูจะต้องตอบมึงด้วย อย่ายุ่ง ความรู้สึกวูบๆปั่นป่วนอยู่ในใจ ผมกำลังห่วงความรู้สึกของละอองดาว ไม่รู้ทำไมเหมือนกันครับ ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงกังวลกับสีหน้าแบบนี้ของเธอตอนนี้

     

     

                ผมมองหน้าไอ้ตินท์ที่ยืนส่งยิ้มกวน จึงตัดสินใจที่จะดึงมืออกดาวกลับออกไปให้ไกลจากตรงนี้ และในตอนที่ผมหันหลังไปก็พบกับพี่โจควอนและพี่พิมพอดี

     

     

                อ้าวแบม อ้าวอองดาว เป็นพี่พิมนั่นเองที่ทักพวกเรา พี่พิมกับพี่โจควอนทักด้วยรอยยิ้มแต่ก็ต้องยิ้มเจื่อนเมื่อสังเกตุเห็นสีหน้าของพวกเราสองคน รุ่นพี่ทั้งสองลอบมองหน้ากันก่อนจะมองเลยไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านหลังผม

     

     

                มีอะไรกันรึเปล่า ?” พี่พิมพูดกับผมเบาๆราวกับกลัวคนอื่นจะได้ยิน

     

     

                ไม่มีอะไรหรอกครับ เราอยากกลับกันแล้ว

     

     

                แต่อองดาวยังไม่อยากกลับค่ะ ผมหันมองเจ้าของเสียงหวานทันที น้ำเสียงแข็งเอ่ยออกมาจนผมใจหาย อองดาวดึงมือออกจากกำมือของผมช้าๆแล้วเดินเข้าไปยืนข้างๆพี่พิม

     

     

                แบมกลับก่อนเถอะ เราจะไปเดินเล่นกับพี่ๆต่อ เธอพูดจบก็ดึงมือพี่พิมที่ทำหน้าเหวอออกไปเลย เหลือเพียงผมกับไอ้ตินท์ที่ยังยืนอยู่ตรงนี้กันลำพัง

     

     

                โถ่ว น่าสงสาร ผมหลับตาลงถอนหายใจแล้วหันไปมองหน้าเอาจริงกับคนที่เพิ่งพูดกับผมเมื่อกี้

     

     

                เมื่อไหร่จะออกไปจากชีวิตกูสักทีวะ

     

     

                ก็บอกแล้วไงว่าฉันต้องดูแลน้องอองดาว ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ

     

     

                กูขอร้องได้มั้ย กูขอมึงเลิกยุ่งกับละอองดาวเถอะ เหนื่อย ผมเหนื่อยมากพอแล้วกับการต้องเล่นเกมส์ปั่นประสาทกับมัน ผมอยากเลิกยุ่ง แต่ผมก็ทิ้งละอองดาวไปไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผมเป็นสุภาพบุรุษหรือพระเอกอะไรหรอกนะครับ แต่การที่เพื่อนของตัวเองต้องตกอยู่ในอันตรายโดยที่ผมรับรู้มาตลอดแล้วปล่อยผ่าน เรื่องแบบนี้ผมทำไม่ได้จริงๆ

     

     

                ก็ได้ อยู่ๆไอ้ตินท์ก็ตอบออกมาง่ายๆจนผมตกใจ ไม่ได้หูฝาดไปแต่ไอ้ตินท์พูดแบบนั้นจริงๆ ผมมองหน้ามันเพื่อพิจารณาว่าคำพูดนั้นเชื่อถือได้หรือไม่ และก็ต้องพบว่าสีหน้าของมันมีแววจริงจังจนผมแอบกลัว

     

     

                มึงว่าไงนะ

     

     

                เออ กูจะเลิกยุ่งกับละอองดาว

     

     

                “…..”

     

     

     แต่ ... คิดไว้ไม่ผิดว่าคนอย่างไอ้ตินท์น่ะเหรอจะยอมอะไรง่ายๆ มันมองหน้าผมแล้วยิ้มจนผมรู้สึกหวั่นๆ ไอ้ตินท์ยืดตัวเต็มความสูงแล้วค่อยๆเดินเข้ามาหาผม ส่งผลให้ผมถอยออกอัตโนมัติทันที รอยยิ้มมุมปากของมันยกยิ้มอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า

     

     

                แต่อะไร

     

     

                กูจะเปลี่ยนมายุ่งกับมึงแทน คำพูดตรงๆแบบไม่คิดทำให้ภาพวันนั้นแวบเข้ามาในหัวของผมทันทีจนใจสั่นไปหมด ถึงแม้ว่าตรงนี้จะเป็นตลาดนัดแต่ที่ๆผมยืนอยู่คนไม่ค่อยพลุกพล่านมากนักแต่ผมกลับกำลังรู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงไม่รู้ หันมองซ้ายขวาหาทางหนีทีไล่เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นผมจะได้หนีทัน

     

     

                ไม่ต้องกลัวหรอกแบมแบม ฉันยังไม่ทำอะไรตอนนี้แน่ๆ เพราะต้องรอให้ไอ้มาร์คมาเห็นภาพบาดตาบาดใจด้วยไง จะได้สนุกสนานไปพร้อมกัน หึ แค่คิดก็สนุกจะแย่ เพราะชื่อของคนคุ้นหูที่มันเอ่ยออกมาเรียกผมให้หันกลับมามองมันด้วยหัวใจที่เต้นรัวทันทีและมันยิ่งตอกย้ำให้ผมมั่นใจว่าเบื้องหลังระหว่างมันกับพี่มาร์คต้องมีอะไรที่ผมยังไม่รู้แน่ๆ เรื่องราวในอดีต เรื่องราวที่ผมไม่รู้ เรื่องราวก่อนหน้าที่พี่มาร์คจะมาที่นี่ เรื่องราวอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นที่แอลเอ มันคือเรื่องอะไรกันแน่!

     

     

                ผมมองหน้าไอ้ตินท์ด้วยสีหน้าสับสนอย่างเห็นได้ชัด อยากจะพูดออกไปแต่ตอนนี้ผมกลับพูดไม่ออกได้แต่อ้าปากค้าง แววตาของผมปิดไม่มิดว่าอ่อนแอแค่ไหนที่ได้ยินชื่อนี้ ไอ้ตินท์ถือไพ่เหนือกว่าผมเหมือนมันรู้เกมส์ทั้งหมดในขณะที่ผมไม่รู้อะไรเลย หรือว่านี่มันอาจจะเป็นเกมส์ๆหนึ่งของพวกเค้าสองคนที่มีผมเป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น

     

     

    แบม

     

     

    เสียงเรียกคุ้นหูพร้อมกับแรงดึงจากมือใหญ่ของใครบางคนดึงผมให้หันกลับไป และผมก็ต้องตกใจขีดสุดจนแทบจะควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่เมื่อคนที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ก็คือ ...

     

     



    พี่มาร์ค!”












    ไอ้พี่บ้า ... กลับมาสักทีนะ :'(

     

     

     

     ------------------- 30 % -----------------







    ในตอนนั้นเองตอนที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว ก็มีเสียงเรียกคุ้นหูพร้อมกับแรงดึงจากมือใหญ่ของใครบางคนที่ทำให้ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งจากห้วงของความอึดอัด มือใหญ่จับที่ต้นแขนของผมและน้ำเสียงทุ้มคุ้นหูทำให้ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง

     

     

    ใคร ...

     

     

    ใช่มั้ย

     

     

    ใช่เค้ามั้ย

     

     

    ใช่ใช่มั้ย ...

     

     

    เสียงที่ดังขึ้นของคนมาใหม่กำลังทำให้ผมตัวสั่นด้วยความรู้สึกทีสะสมมันกำลังวิ่งวนอยู่ในใจเพราะความตกใจกับสัมผัสนี้ สัมผัสของคนคุ้นเคย สัมผัสที่ผมจำได้ดี เสียงๆนี้ผมจำได้ดี เสียงที่ผมกำลังเฝ้าคิดถึง ...

     

     

    ผมดีใจ ดีใจจนไม่กล้าที่จะหันกลับไปมองหน้าของคนด้านหลัง ผมไม่อยากจะร้องไห้ออกมาตรงนี้ถ้าเกิดผมหันไปเห็นหน้าของเค้า เค้ากลับมาแล้ว คนที่โผล่มาเสมอในเวลาที่ผมต้องการใครสักคน

     

     

    ผมหลับตาลง ภายในใจเบาโหวงตัวเบาหวิวจนแทบจะล้ม กำมือแน่นแล้วตัดสินใจหันกลับไปเผชิญหน้ากับคนข้างหลัง ใบหน้าที่ทำให้ผมคิดถึงอยู่หลายวันปรากฏอยู่ตรงหน้า สายตาคู่นี้ยังทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยอยู่เหมือนเดิม

     

     

    พี่มาร์ค ... เสียงเรียกชื่อคนตรงหน้าเบาๆหลุดออกมาจากปากผมราวกับคนกำลังละเมอ พี่มาร์คช้อนสายตาลงมามองหน้าผมด้วยแววตานิ่งก่อนจะลากสายตากลับไปมองที่ไอ้ตินท์

     

     

                “อ้าวเพื่อนนนนนนน ! ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เจอกัน มาทำอะไรที่นี่วะ เสียงกวนๆของคนๆเดิมทำให้ทั้งผมและพี่มาร์คหันหน้าไปมองมันทั้งคู่ สายตาไม่พอใจที่ฉายแววชัดเจนอยู่บนใบหน้าหล่อยิ่งทำให้ผมเริ่มมั่นใจว่าพี่มาร์คกับมันต้องมีอะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้

     

     

                มึงมาที่นี่ทำไม

     

     

                กูก็มาเที่ยวสิ

     

     

                ถ้าอย่างนั้นก็ไปตามทางของมึงซะ อย่ามายุ่งกับเด็กคนนี้ คำว่าเด็กคนนี้ซึ่งแน่นอนว่าหมายถึงผมหลุดออกมาจากปากของพี่มาร์คด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง และมันเป็นเหมือนปฏิกิริยาอัตโนมัติที่ทำให้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของไอ้ตินท์เผยขึ้นมาบนใบหน้านั่นทันที

     

     

                ทำไม ? หวงเหรอ ?” แววตาของพี่มาร์ควูบไหวเสียเชิงเล็กน้อย ผมไม่รู้ว่าพี่มาร์คกำลังคิดอะไรหรือรู้สึกอะไรเพราะผมก็ไม่กล้าเดา ...

     

     

                “ถ้าไม่อยากเสียเวลาก็อย่ายุ่งกับเด็กคนนี้ เค้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเราทั้งนั้น

     

     

                กูก็ไม่ได้จะทำอะไรน้องเค้าเลย กูแค่จะจีบน้องเค้าอ่ะ ก็มึงเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะทำอะไรก็ทำ ไอ้ตินท์ย้อนพี่มาร์คทุกทางจนคนข้างๆผมแทบจะจนมุม ผมจดจ้องไปที่ใบหน้าของพี่มาร์คด้วยความอยากรู้ว่าพี่มาร์คจะทำยังไงต่อไป เพราะจริงๆที่ไอ้ตินท์พูดมันก็ถูก พี่มาร์คเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าไอ้ตินท์อยากจะทำอะไรกับผมก็ทำเลยตามสบาย ผมเข้าใจอย่างนี้ แต่ทำไมตอนนี้กลับมาบอกว่าอย่ายุ่งกับผมเองซะงั้น เห็นผมเป็นอะไรเหรอพี่มาร์ค คิดจะทิ้งก็ทิ้ง คิดจะกลับมาก็กลับ ...

     

     

                ใช่ กูพูดเอง และกูก็แค่จะมาเตือนมึงว่า ต่อให้มึงคิดจะทำอะไรกับเด็กคนนี้กูก็จะบอกไว้เลยว่าเปล่าประโยชน์ เสียเวลาเปล่าๆว่ะ เพราะกูไม่รู้สึกอะไร ประโยคสุดท้ายที่ผมไม่รู้ว่าลึกๆคนพูดอยากจะสื่อความหมายว่าอะไร แต่ทำไมตอนนี้ผมกลับรู้สึกจุกขึ้นมาก็ไม่รู้สิ จุกจนไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงต่อไปอีก มันหมายความว่าอะไรเหรอพี่มาร์คคำๆนี้ที่พี่พูดออกมา ผมตั้งคำถามในใจเงียบๆคนเดียว ...

     

     

                ตั้งคำถามทั้งๆที่ผมเองก็รู้อยู่เต็มอกว่ามันหมายความว่าอะไร

     

     

                ไอ้ตินท์เงียบไปอย่างคนสับสนว่าสิ่งที่พี่มาร์คพูดออกมานั้นมันเป็นเรื่องจริงหรือแค่ตบตา ไม่ต่างจากผมที่ก็กำลังสับสนว่านี่คือเรื่องจริงหรืออะไร พี่มาร์คยังคงยืนนิ่งมองหน้าไอ้ตินท์ไม่พูดอะไรออกมา ยิ่งผมมองลึกเข้าไปในสายตาคมที่เอาแต่จ้องมองไอ้ตินท์เหมือนต้องการเน้นย้ำให้เข้าใจว่าสิ่งที่พี่มาร์คพูดออกมานั้นคือเรื่องจริงก็ยิ่งทำให้ใจผมโหวงและเจ็บขึ้นมาซะงั้น มันเริ่มทำให้อะไรหลายๆอย่างที่ผมคิดแน่นอนขึ้นมา

     

                ห .. เหอะ ... อะไรของมึงมาร์ค คิดอะไรเป็นตุเป็นตะ กูบอกว่ากูแค่จะจีบแบมแบมแค่นั้นเอง ...

     

     

                ถ้าอย่างนั้นก็เลิกจีบเถอะ เพราะยังไงแบมแบมก็ไม่เอามึงหรอก ไปหาของเล่นอื่นเล่นเถอะนะ พี่มาร์คทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้แค่นั้นแล้วปล่อยให้ไอ้ตินท์ยืนเหวออยู่ มือใหญ่คว้าข้อมือผมฉุดให้เดินตาม ตัวเล็กๆของผมจึงเดินตามมาอย่างง่ายดายด้วยสติที่ไม่ค่อยอยู่กับล่องกับลอยเท่าไหร่นัก พี่มาร์คลากผมเดินไปเรื่อยๆโดยที่ผมก็ไม่รู้ว่าเราจะไปไหนกัน แผ่นหลังกว้างคือสิ่งเดียวที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ พี่มาร์คเดินนำไปไม่พูดอะไรมีแต่ผมที่เดินตามหลังพร้อมกับความรู้สึกมากมายอยู่คนเดียว

     

     

                เดินไกลออกมาจากตลาดนัดจนเสียงสนทนาและผู้คนบางตาไปมาก เสียงคลื่นของท้องทะเลยามค่ำคืนซัดหาดทรายดังก้องทั่วบริเวณที่เดินผ่าน พี่มาร์คยังคงจับข้อมือผมเดินไปตามหาดทรายที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา  ระยะทางข้างหน้าที่ผมไม่รู้เลยว่าเรากำลังจะเดินไปไหนยาวไกลเสียจนทำให้ผมตัดสินใจหยุดตัวเองอยู่กับที่ คนที่เดินนำหน้าหยุดชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับมามองด้วยใบหน้าคิ้วขมวด

     

     

                เราจะไปไหนกันเหรอพี่มาร์ค

     

     

                ไปส่งแบมกลับรีสอร์ทไง น้ำเสียงนิ่งแต่ไม่มีความรู้สึกใดๆผสาน

     

     

                แล้วรู้เหรอว่าแบมพักอยู่ที่ไหน

     

     

                ...... เกิดเดดแอร์ขึ้นระหว่างเราสองสามวิ ผมจึงตัดสินใจดึงมือตัวเองให้หลุดออกจากการเกาะกุมของมือใหญ่ รอบตัวของเราสองคนเงียบสนิท มีเพียงเสียงคลื่นเท่านั้นที่ทำให้บรรยากาศไม่โหดร้ายจนเกินไป

     

     

                บ้านเพื่อนพี่มาร์คอยู่ที่นี่เหรอ มีถ้อยคำมากมายที่อยากจะเอ่ยถามคนตรงหน้า แต่กันต์พิมุกต์คนเก่งที่เคยเก่งและไม่กลัวอะไรตอนนี้กลับไม่กล้าแม้แต่จะพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดหรือไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าของคนตัวสูงกว่าที่กำลังมองผมอยู่เลย

     

     

                ผมอ่อนแอลงทุกวันเพราะผู้ชายที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า

     

     

                ทั้งๆที่เคยตั้งใจว่าตอนที่ได้เจอหน้าพี่มาร์คอีก ผมจะถามทุกคำถามที่อยากรู้ จะคาดคั้นจนกว่าจะได้คำตอบเหมือนที่ผมเคยได้มันมาเหมือนทุกครั้ง แต่ ณ เวลานี้ที่ผมได้ยืนอยู่ตรงหน้าพี่มาร์คจริงๆแล้ว คำถามมากมายที่ค้างคาอยู่ในใจกลับไม่กล้าที่จะหยิบมันออกมาถามเลยสักคำ

     

     

                ผมอึดอัดจะแย่อยู่แล้ว

     

     

                อื้ม ก็ประมาณนั้นแหละ พี่มาร์คตอบคำถามผมเหมือนเลี่ยงไปที ไม่มีแม้แต่คำอธิบายเพิ่มเติมจนรอบตัวเราเงียบลงอีกครั้ง

     

     

                ผมฝืนยิ้ม กลับกลายเป็นผมอีกครั้งที่เริ่มบทสนทนาใหม่

     

     

                พี่มาร์คหนีมากะทันหันแบบนี้รู้มั้ยว่าแบมเป็นห่วงแค่ไหน อย่างน้อยก็น่าจะบอกกันดีๆหน่อย นี่แบมโทรมาก็ยังไม่รับสายอีก ยุ่งเหรอพี่มาร์ค หรือสายชาร์จจมน้ำตายไปแล้ว 55555 เสียงหัวเราะที่ฟังยังไงก็รู้ว่าฝืนหลุดออกมาจากปากของผม ส่งผลให้สีหน้าของพี่มาร์คเปลี่ยนไป สายตาคมหลุบมองต่ำ ผมจึงค่อยๆหุบยิ้มฝืนของตัวเองลง

     

     

                พี่ขอโทษนะแบม ขอโทษ ... เสียงแผ่วเบาของคนตรงหน้าไม่อาจทำให้ผมเข้าใจได้มากขึ้นว่าพี่มาร์คกำลังรู้สึกอะไร แต่ในจุดๆหนึ่งอยู่ๆสมองของผมก็สั่งให้ทำอะไรบางอย่าง ผมหลุดปากถามออกไป

     

     

                พี่มาร์ค ... มีอะไรอยากบอกแบมมั้ย เงียบ รอบตัวเงียบอีกครั้ง ความอึดอัดถาโถมเพิ่มมากขึ้นเมื่อผมตัดสินใจพูดออกมา

     

     

                ..... ไม่มี

     

     

                ไม่มี ... หรือจริงๆแล้วพี่ไม่อยากบอกแบมกันแน่ ความอึดอัดที่โอบล้อมเราสองคนอยู่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นมาอีกระดับเมื่อผมเริ่มต้นพูด คำพูดที่ไม่ได้กลั่นกรองแต่ออกมาจากความรู้สึก ณ เวลานั้น

     

     

                แบม ...

     

     

                ..... ถ้าแบมไม่สำคัญให้บอกก็ไม่ต้องบอกก็ได้ครับ แต่อย่างน้อยช่วยบอกผมหน่อยว่าพี่กำลังทำอะไร หรือพี่อยู่ที่ไหน พี่มาร์คอยู่กับใครบ้าง อย่าหายหน้าไปแบบนี้ อย่าทำเหมือนกับว่าไม่มีคนข้างหลังที่เป็นห่วงพี่มาร์คจะตายอยู่ตรงนี้ได้มั้ย ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวนิดหน่อยเมื่อผมระบายความรู้สึกอัดอั้นออกมา แต่ผมก็ต้องใช้ความพยายามทั้งหมดควบคุมมันเอาไว้

     

     

                .......

     

     

                ผมเคารพการตัดสินใจของพี่มาร์คเสมอมานะ ผมพยายามจะเข้าใจว่าการที่พี่มาร์คทำแบบนี้เพราะพี่ต้องมีเหตุผล เพราะพี่มาร์คเป็นคนมีเหตุผลให้ผมเสมอ ผมรอได้รอวันที่พี่มาร์คจะหันมาอธิบายให้ผมฟังสักหน่อยแม้จะไม่ใช่ทั้งหมดผมก็คงจะดีใจ เพราะอย่างน้อยมันก็แสดงให้เห็นว่าผมยังมีค่าให้พี่มาร์คมองเห็นเวลาที่มีปัญหา เหมือนเวลาที่ผมมีปัญหาพี่มาร์คก็อยู่ข้างๆผมเสมอ แต่สุดท้ายพี่ก็ไม่หันมาอธิบายอะไรให้ผมฟังสักนิด ทำไมเหรอครับ ทำไมเวลาที่พี่มีปัญหาพี่ไม่ให้ผมอยู่ข้างๆพี่บ้าง น้ำตาที่ดูเหมือนจะคลออยู่รอบดวงตาจนพร่าแทบมองไม่เห็นในที่สุดก็ร่วงลงมาตามแก้ม แต่ความอึดอัดกลับไม่ถูกชะล้าง กลับยิ่งเพิ่มความอึดอัดเป็นเท่าเมื่อพี่มาร์คยังคงนิ่ง

     

     

                พี่ทำแบบนี้ก็เพราะแบมมีค่ากับพี่มากเกินไปไง คำพูดแรกที่พี่เค้าพูดออกมาแทบอยากจะทำให้ผมกระชากคนตรงมาคาดคั้นให้รู้ดำรู้แดงกันไปสักที อึดอัด อึดอัดมาก

     

     

    สายตาคมที่หลุบมองต่ำในที่สุดคนตรงหน้าก็ลากมันกลับมามองใบหน้าอาบน้ำตาของผม แววตาของพี่มาร์ควูบไหวชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงนิ่งในแบบที่เป็นพี่มาร์ค น้ำตาเม็ดใหญ่ยิ่งร่วงลงมากระทบแก้มกลมของผมมากขึ้นเมื่อรู้สึกว่าสิ่งที่ระบายออกมาตรงๆไม่ได้ช่วยให้พี่มาร์ครู้สึกอะไรขึ้นมาบ้างเลยสักนิด

     

     

    ถ้าแบมมีค่าในสายตาพี่มาร์คจริงๆ ... ฮึก พี่มาร์คจะไม่ทำแบ .. แบบนี้หรอก ถ้าแบมมีค่ากับพี่มาร์คจริงๆ พี่มาร์คจะอยากอธิบายทุกอย่างให้แบมฟัง ถ้าแบมมีค่ากับพี่มาร์คจริงๆ .. ฮึก พี่มาร์คจะไม่ปล่อยให้แบมต้องโดดเดี่ยวเป็นคนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลยอยู่คนเดียวแบบนี้ จะไม่ทิ้งให้ผมต้องเป็นบ้าเป็นห่วงพี่มาร์คว่าจะเป็นอะไรหรือเปล่า จะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรทำไมติดต่อไม่ได้ และถ้าแบมมีค่าจริงๆ พี่มาร์คจะไม่ทำให้แบมสับสนแบบนี้ พี่จะไม่ทำให้แบมต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าพี่มาร์คกำลังคิดอะไร หรือพี่มาร์ครู้สึกยังไงกันแน่ ... ฮึก

     

     

    “………….”

     

     

    แบมคิดมาตลอดว่า ... ฮึก ว่าแบมรู้จักพี่มาร์คดีที่สุด แต่ ณ เวลานี้แบมเริ่มลังเลแล้วล่ะพี่มาร์ค พี่มาร์ครู้ทุกเรื่องของแบมในขณะที่แบมกลับกลายเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่เลยสักนิด ฮึก ... พี่มาร์ค สรุปพี่มาร์ครู้สึกยังไงกันแน่ เรื่องไหนกันแน่ที่เป็นเรื่องจริง ความรู้สึกไหนกันแน่ที่เป็นเรื่องจริง! … ฮึก เพียงแค่ได้ระบายทุกสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจออกมาน้ำตาที่พยายามจะกลั้นไว้ในตอนแรกก็ทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก ผมมองหน้าพี่มาร์คด้วยลูกตาที่กลบไปด้วยม่านน้ำตาจนแทบจะมองไม่เห็นอะไรอยู่แล้ว อกน้อยสั่นกระเพื่อมขึ้นลงไม่เป็นจังหวะเพราะผมหายใจแทบไม่ออก ทั้งจากการร้องไห้และความอึดอัดทั้งหมดมันสุมอยู่ตอนนี้

     

     

    ผมยืนร้องไห้ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว แต่ในตอนนั้นอยู่ๆความอบอุ่นจากอ้อมกอดของคนตรงหน้าก็เข้ามาคว้าผมเข้าไป ผมยิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีกเมื่ออ้อมกอดนี้มันอบอุ่นเกินไป พี่มาร์คกอดผมแน่นมากเหมือนโหยหาผมเหมือนกัน แรงสั่นจากคนตัวสูงทำให้ผมหยุดสะอื้นแต่น้ำตายังรินไหล พี่มาร์คร้องไห้เหรอ ?

     

     

    ขอโทษ ... ขอโทษที่พี่ทำแบบนั้นไป ขอโทษที่ทำให้แบมรู้สึกแบบนี้ พี่รู้ว่ามันไม่ถูกต้องและพี่ไม่ควรทำ แต่พี่ก็ไม่กล้า พี่กลัวนะแบม พี่กลัวว่าจะต้องเสียเราไปอีกคน พี่ไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว ... ตัวของพี่มาร์คสั่นพอๆกับผมที่ยังไม่หยุดร้องไห้ คำพูดที่พี่มาร์คพูดออกมามันทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความกลัวและความทุกข์ที่ซ่อนอยู่ข้างใน ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่เข้าใจทั้งหมดแต่ทำไมตอนนี้ผมถึงทุกข์ไปกับพี่มาร์คด้วยก็ไม่รู้

     

     

    พี่ตั้งใจจะอธิบายทุกอย่างให้แบมฟังอยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่ตอนที่จะทำให้แบมต้องเสี่ยงเพราะพี่ พี่ต้องอยู่ห่างเราทั้งๆที่ไม่เคยมีสักวินาทีที่อยากจะทำแบบนี้ พี่ไม่อยากให้เราต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องที่พี่เป็นคนก่อ พี่กลัวมากนะแบม พี่กลัวว่าพี่จะปกป้องแบมไม่ได้ ... ผมซุกหน้ากับอกกว้างพร้อมน้ำตาที่ยังไหลรินแต่ไร้ซึ่งการสะอื้นแล้ว

     

     

    ทำไมพี่มาร์คถึงคิดว่าพี่มาร์คปกป้องแบมไม่ได้ล่ะ ตอนเด็กๆพี่มาร์คก็เคยช่วยแบมไม่ให้จมน้ำไม่ใช่เหรอ แล้วที่พี่มาร์คมาที่นี่ก็เพื่อมาปกป้องแบมไม่ใช่เหรอ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่มาร์คก็ปกป้องแบมได้ไม่ใช่เหรอ เวลาที่แบมต้องการใครสักคน คนๆนั้นก็เป็นพี่มาร์คไม่ใช่เหรอ .... ตัวของผมถูกสองมือใหญ่จับไหล่และดันออก ใบหน้าคมตรงหน้าดูตกใจเล็กน้อย ขอบตาแดงๆนั่นเบิกโตติดตะลึงนิดหน่อยหลังจากที่ผมพูดจบ

     

     

    ผมจำพี่มาร์คได้แล้ว ... ผมจำพี่ได้แล้วพี่มาร์ค

     

     

    “……….”

     

     

    พี่มาร์ค พี่อองฝน แล้วก็ไอ้ตินท์ มันมีอะไรเกิดขึ้นใช่มั้ยพี่มาร์ค ... แล้วในที่สุดคำถามที่ผมอยากรู้มากที่สุดก็หลุดออกมาจากปาก

     

     

    พี่มาร์คลดมือที่จับไหล่ของผมลงแล้วย่อตัวยันมือไว้กับหัวเข่าอย่างอ่อนแรงเหมือนคนที่ไม่มีแรงจะยืน แล้วไหล่กว้างนั้นก็สั่นไหวอีกรอบ

     

     

    พี่มาร์คมาที่นี่ทำไมกันแน่ครับ ... พี่มาร์คไม่ใช่เด็กแลกเปลี่ยน .. พี่มาร์คไม่ได้แค่มาแลกเปลี่ยน แต่พี่มาร์คมาทำอะไรกันแน่ .. ฮึก ... พี่มาร์คมาเพื่อพี่อองฝนใช่มั้ย ... หยาดน้ำตาที่เกือบแห้งไปแล้วไหลลงมาอีกรอบและดูเหมือนจะหนักกว่าเดิม เพราะนี่คือสิ่งที่ผมกลัวกับคำตอบมากที่สุดแม้จริงๆเกินครึ่งความมั่นใจผมจะรู้อยู่แล้ว พี่มาร์ครักพี่อองฝน พี่มาร์คมาที่นี่ก็เพื่อพี่สาวของผม

     

     

    ใช่ ... ใช่แบมใช่ พี่ขอโทษ พี่มาเพราะอองฝน ... แล้วผมก็ทำได้แค่ยืนมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกชาๆแต่เจ็บจนไร้ความรู้สึกไปแล้ว สิ่งที่ผมเข้าใจมันถูกต้องแล้วใช่มั้ย

     

     

    แต่ ... แล้วอยู่ๆคนตัวสูงก็ยืดตัวเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมมองหน้าเหมือนคนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งรอฟังเงียบๆเท่านั้น

     

     

    แต่แบมก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้พี่อยากมาที่นี่ .... พี่มาร์คพูดแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ๆผม เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าไร้พลังแต่ฝืนเข้มแข็ง

     

     

    แบมไม่ใช่คนไร้ค่าสำหรับพี่นะ แต่ที่พี่ทำแบบนี้ก็เพราะว่าแบมมีค่ามากเกินไป มีค่าซะจนพี่กลัวจะเสียแบมไปอีกคน พี่ไม่อยากเสียใครไปแล้วแบม แค่อองฝนก็เกินพอแล้ว ...

     

     

    มันเกิดอะไรขึ้นครับพี่มาร์ค ... สีหน้าน้ำเสียงและแววตาจริงจังทำให้พี่มาร์คชะงักไป เสียงถอนหายใจน้อยๆดังออกมา พี่มาร์คมองหน้าผมแล้วยกนิ้วชี้ขึ้นเช็ดน้ำตาให้ผม ปากหยักเผยออกเรียกสติให้กลับมาแต่มือก็ยังคงเกลี่ยน้ำตาให้

     

     

    .... ตั้งใจฟังนะแบม ไอ้ตินท์คือคนที่จะไม่ยอมปล่อยให้พี่มีความสุข คนใดที่มันรู้ว่ามาร์คต้วนรัก คนนั้นคือคนโชคร้าย อองฝนก็คือหนึ่งในนั้น และคนต่อมาก็อาจจะเป็นแบม .. ถ้าพี่ไม่ปล่อยแบมไป .. คนต่อไปก็จะคือแบม เป็นคำอธิบายที่ทำให้ผมทั้งเครียดและเขินขึ้นมาในเวลาเดียวกัน  นี่พี่มาร์คสารภาพรักผมรึเปล่า ...

     

     

    เพราะฉะนั้นแบมอยู่ห่าง ... ไม่ให้คนหน้าหล่อตรงหน้าพูดจบผมก็โผเข้ากอดพี่มาร์คไว้แน่น ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไม่รู้จักหมดทำให้หัวใจของผมกับมาเต้นรัวอีกครั้ง

     

     

    พี่มาร์คแบมเป็นผู้ชายนะไม่ใช่ผู้หญิง แบมดูแลตัวเองได้น่าพี่มาร์คอย่าห่วงเลย ต่อให้อยู่ข้างๆพี่มาร์คแล้วแบมจะตายแบมก็จะอยู่ข้างพี่มาร์คอยู่ดี แบมอยากอยู่ข้างๆพี่มาร์คเหมือนที่พี่มาร์คอยู่ข้างๆแบมเสมอ พี่มาร์คไม่ต้องกลัวนะครับ ตราบใดที่พี่มาร์คยังอยู่ข้างๆแบม แบมก็จะปลอดภัย แบมมั่นใจว่าแบมจะไม่เป็นอะไร รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของผม ผมรู้เสมอว่าต่อให้จะมีอะไรเกิดขึ้น แม้มันจะเลวร้ายแค่ไหน แค่ผมได้ยืนอยู่ตรงนี้และมีพี่มาร์คเคียงข้าง ผมก็จะปลอดภัย

     

     

    จบคำพูดของผมตรงนั้นก็เงียบลงไปทันที เสียงร้องไห้และแรงสะอื้นก็เงียบตามไปด้วย เหลือเพียงแค่เสียงคลื่นซัดซาดหาดทรายขาว กับความอบอุ่นที่ผมได้จากพี่มาร์คในตอนนี้เพียงเท่านั้น ...

     

     

    ต่อให้แบมจะเป็นอะไรไป แต่แบมก็ยินดีที่จะยืนอยู่ข้างๆพี่มาร์คตลอดไปนะครับ ...

     

     

     

     

    ---------------------

     

     



                หลังต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากจุดที่คนตัวสูงและคนตัวเล็กกว่ากำลังยืนกอดกัน ร่างกำยำของคนที่แอบตามมากำลังยืนยกยิ้มอย่างผู้ชนะ แววตาเจ้าเล่ห์นั่นจับจ้องทั้งสองคนด้วยแววตาแห่งความมั่นใจและเหนือกว่า

     

     

                ในที่สุดก็ใช่สักที ...

     

     

                คนที่มันรักคือเด็กคนนั้นจริงๆ ...

     

     

     

    --------- 100 % ---------

     

     

     

     

    Come back homeeee ~ *ทำนอง 2ne1ต้องมา*

    เย้ในที่สุดอิชั้นก็ได้ฤกษ์งามกลับมาอัพฟิคแล้วค่า *รัวมือ*

    *รัวเท้านับพันคู่ลอยมาอย่างแม่นยำ*

    ก็ที่บอกไปแหละค่ะว่าคอมพังแฟ้มฟิคหายหมดเลยต้องแต่งใหม่ TT

    ประจวบกับงานอันหนักหนาก็เพิ่งจบลง อิชั้นจึงได้กลับมาหายใจหายคอสักที

    ตอนนี้ไม่ดราม่า (เหรอออออ) 5555555 จริงๆค่ะ ความดราม่าของอิชั้นก็อย่างที่รู้ๆกัน

    มันผ่านมาแล้วก็จะผ่านไป ไปเร็วด้วย ... อีกสองสามตอนฟิคเรื่องนี้ก็จะจบลงแล้ว

    ดังนั้นมันจะไม่ม่านานแน่นอนค่ะ เพราะสไตล์เราจะไม่ม่า เน้นกุ๊กกิ๊กจิ๊กหมอนกระจุยเท่านั้นน

    รอติดตามตอนต่อไปนาจา ~

     

     

               

     

     

                

    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×