ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [MarkBam] HOST FAMILY #ฟิคโฮสต์แฟม

    ลำดับตอนที่ #14 : กฎของโฮสต์ข้อที่ 11 :: เป็นโฮสต์ต้องไม่ขี้งอน (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.52K
      7
      25 พ.ค. 59







    กฎของโฮสต์ข้อที่ 11

    'เป็นโฮสต์ต้องไม่ขี้งอน'

     

     

     

     

               พี่มาร์คเป็นอะไรไม่รู้!!?

     
     

                ตั้งแต่คืนที่เพื่อนๆมาเยี่ยมผมวันนั้น จนเมื่อวานตอนเช้าพี่เบียร์มารับผมกลับบ้าน กระทั่งล่วงเลยมาถึงวันนี้! ตอนนี้! ทุกคนรู้มั้ยครับ ว่าพี่มาร์คยังไม่คุยกับผมเลย!

     

     

                เป็นอะไรของเค้าเนี่ย

     

               

                มาร์คคะ ดูนู้น ตรงนั้น .......ผมละสายตาจากผู้หญิงตัวเล็กนามว่าเมย์บีที่กำลังชี้นกชมไม้กระหนุงกระหนิงกับพี่มาร์คสองคนมามองออกไปนอกกระจกที่รถตู้วิ่งผ่านไปอย่างหงุดหงิดแปลกๆ ตั้งแต่ออกจากบ้าน ผมเป็นคนเดียวมั้งที่พี่มาร์คยังไม่คุยอะไรกับผมเลยสักคำ แต่กับคนอื่นนี่หัวเราะเม้าท์มอยสนุกสนานเชียว โดยเฉพาะกับเมย์บีนี่ตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ ไหนบอกว่ากลัวไม่อยากเข้าใกล้ไง ทำไมการกระทำตอนนี้มันช่างขัดกับคำพูดของคุณเมื่อวันก่อนจังเลยครับคุณชายต้วน!

     

     

                “ต่อไปเราจะไปที่ไหนกันเหรอยองแจ

     

     

                เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองแหละ หยุดถามได้แล้วแจ็คสันไอ้เตี้ยทำหน้าบู่ก่อนจะพิงกระแทกกับเบาะอย่างแรงด้วยท่าทางงอนๆเมื่อพี่ยองแจไม่ยอมตอบดีๆ แต่แค่แปบเดียวเท่านั้นแหละครับ แปบเดียวคนอยู่ไม่สุขอย่างแจ็คสันก็เด้งตัวหันไปคุยกับเจบีที่กำลังคุยกับจินยองอย่างออกรสทันที

     

     

    ใช่ครับตอนนี้พวกเราบรรดาโฮสต์อันได้แก่ผม พี่ยองแจ ไอ้มิ้นแล้วก็เมย์บี กำลังพาเหล่านักเรียนแลกเปลี่ยนทั้งหลายไปเที่ยวตามที่ได้วางแผนกันไว้ตั้งแต่วันก่อนนู้นไงครับ เอาความจริงมันเป็นแผนที่พี่ยองแจวางกับเมย์บีสองคนมากกว่านะ ติดอยู่ตรงที่ว่าผมดันเป็นเจ้าบ้านก็เลยต้องมาด้วยอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนละอองดาวซึ่งเป็นโฮสต์ของจินยองไม่ได้มากับเราด้วย เพราะต้องไปแข่งกิจกรรมให้โรงเรียน ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีสำหรับผมล่ะ

     

     

    รถตู้สีดำมันวาวที่ขับโดยคุณลุงคนขับรถจากบ้านของพี่ยองแจกำลังเคลื่อนไปตามถนนเส้นหลัก ไม่ต้องสงสัยครับ คือบ้านพี่แกรวย ก็ต้องมีคนขับรถก็เป็นเรื่องปกติ แล้วรถที่นั่งอยู่นี่ก็ของบ้านพี่ยองแจ เหมือนกัน ผมบอกแล้วว่าพี่ยองแจอ่ะโปรไฟล์ดี หน้าตาดี เรียนดี บ้านดี รวยด้วย เอาซี่ ดีซะจนผมไม่อยากเชื่อว่าจะมีน้องอย่างไอ้ยูคได้ พูดถึงมันผมก็หันไปมองข้างๆทันที ตอนนี้ผมนั่งอยู่เบาะหลังสุดติดริมหน้าต่าง ข้างๆมีไอ้ยูค แล้วถัดไปก็เป็นไอ้มิ้น ส่วนด้านหน้าผมเป็นเจบี จินยอง แล้วก็ไอ้เตี้ย ถัดไปอีกก็เป็นพี่ยองแจ เมย์บี แล้วก็ ...... คนนั้นนั่นแหละ!

     

     

    ผมนั่งเอาหัวพิงกระจกแล้วมองดูความเป็นไปในห้องโดยสารสี่เหลี่ยมแห่งนี้ ข้างๆผมมีไอ้ยูคซึ่งไม่ได้เป็นโฮสต์ของใครเลยกำลังนั่งเอามือแหย่จมูกแกล้งไอ้มิ้นอย่างอารมณ์ดีทั้งๆที่ถูกไอ้มิ้นทั้งทุบทั้งด่าหลายรอบแล้ว คือผมรู้นะว่ามันเสล่อมาเพื่อจะได้ตามคุณแฟนของมัน แต่แม่งดันปากแข็งบอกว่าจะมาช่วยพี่ยองแจดูแลเด็กแลกเปลี่ยน เหอะๆ เชื่อก็ลูกหมาแล้วว่ะไอ้ยูค ขอให้ได้กันเร็วๆนะครับพวกคุณเพื่อน

     

     

    ผมเบะปากให้กับความหมั่นไส้ส่วนตัวต่อเพื่อนรักทั้งสองแล้วเลื่อนสายตาไปมองที่เบาะด้านหน้าอย่างเหนื่อยใจ ตอนนี้รถกำลังวิ่งผ่านอะไรสักอย่างซึ่งคงจะถูกใจไอเตี้ยเข้าอย่างจัง เพราะผมเห็นมันเอี่ยวตัวข้ามจินยองกับเจบีไปถ่ายรูปทิวทัศน์นอกรถ

     

     

    หลบดิ้ไอ้เตี้ยผลักหัวเจบีที่นั่งติดหน้าต่างให้หลบออกไปจากองศาที่มันจะถ่ายรูป แต่ทว่าเจบีกลับไม่ยอมขยับออก หนำซ้ำยังแกล้งโดยการเอาตัวไปบังหน้าจอกล้องของแจ็คสันซะเต็มจอ เรียกเสียงหัวเราะใสจากจินยองได้เป็นอย่างดี

     

     

    ผมมองสองเพื่อนรักต่างสัญชาติแกล้งกันไปแบบไม่ได้สนใจอะไรนัก หัวที่เริ่มพิงกับกระจกตอนนี้เริ่มไหลลงมาตามเบาะเนื่องจากความเบื่อหน่ายเริ่มคืบคลานเข้ามา ผมมองไปยังเบาะด้านหน้าสุด พี่ยองแจกำลังนั่งเอาหัวพิงกระจกเหมือนกับผมแล้วก้มหน้าไถหน้าจอโทรศัพท์ไปเรื่อยเพื่อเล่นโซเชี่ยลฆ่าเวลา ส่วนสองคนข้างๆที่กำลังคุยกันอย่างออกรสก็ทำเอาผมต้องเบะปากอีกครั้งด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัว เสียงหัวเราะสู้งสูงอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของพี่มาร์คดังมาเป็นระยะ รังสีแห่งความอารมณ์ดีนั้นทำเอาผมหมั่นไส้ซะจนอยากจะเอาเล็บข่วนหน้าสักสองสามที

     

     

    คุณแฟน! เอามือออกไป รำคาญ! โอ๊ยยย บอกว่าอย่ามายุ่ง ง่วงแล้วจะนอนนน!!”

     

     

    ไอ้เจบี! เอาฟันหน้าของแกออกไปจากเลนส์กล้องฉันเดี๋ยวนี้นะ เห้ย!! บอกว่าเอาออกไป๊!! ฟันแกเฉาะเลนส์ฉันแตกทำไงวะ!!”

     

     

    รอยแผลเป็นนี่เพราะมาร์คเคยเล่นเสก็ตบอร์ดแล้วล้มบนหิมะตอนเด็กๆงั้นเหรอ ตลกอ่ะมาร์ค .......

     

     

    ฮัลโหลสวัสดีครับพี่คุณ ตอนนี้ผมอยู่ข้างนอกครับ ..... อ๋อ เอกสารนั้นผมจัดการเรียบร้อยแล้ว วางอยู่บนโต๊ะพี่ในห้องสภาเลยครับ .........

     

     

     

    เฮ้อ ....... ทำไมทุกคนแลดูมีอะไรทำ

    ผมคงเป็นคนเดียวที่ไม่มีใครคบสินะ

    นอนดีกว่า อย่างน้อยจะได้มีอะไรทำบ้าง

     

    ฝันดีนะแบมแบมคนหล่อที่โลกลืม T^T

     

     

    …………………………………………….

     

     

     

    เห้ยไอ้แบมตื่น ถึงแล้วโว้ย!” เสียงเรียกโวยวายพร้อมแรงเขย่าจากไอ้ยูคทำเอาผมเด้งตัวขึ้นมาจากเบาะอย่างเร็ว ถึงแล้วเหรอเนี่ย ผมยกมือขึ้นมาขยี้ตาก่อนจะบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยจากการนั่งรถและการนอนสองสามที มองไปด้านนอกรถตอนนี้พวกเด็กแลกเปลี่ยนลงไปยืนโหวกแหวกโวยวายกันอย่างตื่นเต้นแล้ว คนที่ดีดที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นหวังแจ็คสันที่ดีดซะจนพี่ยองแจต้องยืนคุม

     

     

    ที่ไหนวะเนี่ย

     

     

    เขาดินผมร้องอ๋อออกมาทันทีเมื่อไอ้ยูคบอกว่าตอนนี้เรามาอยู่กันที่ไหน เขาดิน หรือ สวนสัตว์ดุสิตเขาดินวนา คือสวนสัตว์ยอดนิยมตลอดกาลที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯของเรา ภายในประกอบไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิดกว่า 2000 กว่าตัว บรรยากาศก็เย็นสบายเหมาะแก่การพาครอบครัวมาเที่ยวสุดๆ ผมยังจำได้เลยว่าตอนเด็กๆหม่าม๊าชอบพาผมกับพี่น้องมาที่นี่อยู่บ่อยๆ

     

     

    ไปเถอะลงจากรถได้แล้วผมหันไปพยักหน้าให้ไอ้ยูคแล้วค่อยๆขยับตัว แต่ไอ้ยูคอยู่ๆก็หันมามองผมก่อนจะถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเป็นห่วงเบาๆ

     

     

    ว่าแต่มึงเดินเองได้แล้วเหรอแบม หมอบอกว่าห้ามเดิน 2-3 วันไม่ใช่เหรอ

     

     

    ไม่เป็นไรหรอก กูเดินเองได้ นี่ก็ใกล้จะหายดีแล้ว

     

     

    แน่นะ

     

     

    เออดิ นี่ใคร พี่กันต์คนแมนนะเว้ย แผลแค่นี้ทำอะไรกูไม่ได้หรอก

     

     

    สัส อย่าให้รู้ว่าเลือดออกแล้วร้องไห้หาแม่อีกนะผมยกเท้าขึ้นยันไอ้ยูคจนมันรีบวิ่งลงจากรถแทบไม่ทัน ก่อนจะหันมาทำหน้าล้อเลียนให้อีก จริงๆแผลที่เท้าตอนนี้มันก็ค่อนข้างดีขึ้นแล้วล่ะครับ คงไม่ต้องลำบากให้ใครช่วยหรอก ผมเกรงใจ เกรงใจมากๆโดยเฉพาะใครบางคนที่บอกว่าจะดูแลผมเองแต่กลับไม่สนใจผมสักนิดน่ะ ผมเปล่าแซะนะ เปล๊า!~~~

     





     

     

    ตอนนี้กองทัพเด็กแลกเปลี่ยนและโฮสต์เคลื่อนพลเข้ามาด้านในเขาดินกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บรรดาเด็กแลกเปลี่ยนทุกคนต่างดูสนุกสนานจนผมเผลอยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ พวกเราเดินผ่านหลายกรงสัตว์มากมายหลายหลายสายพันธ์ หน้าตาน่ารักบ้าง น่ากลัวบ้าง เดินลึกเข้ามาเรื่อยๆ เสียงหัวเราะสนุกสนานที่ส่วนใหญ่ดังมาจากแจ็คสันและคู่กัดอย่างพี่ยองแจทะเลาะกันตั้งแต่เรื่องที่พี่ยองแจอยากถ่ายรูปกับกวางดาว แต่แจ็คสันอยากลากพี่ยองแจไปถ่ายกับหมีควาย บวกกับเสียงโวยวายเบาๆตอนที่จินยองถูกเจบีกับแจ็คสันแกล้งล็อคตัวให้ไปยืนใกล้ๆกรงงูเหลือมตัวใหญ่ทั้งๆที่รู้ว่าจินยองกลัวงู ส่วนพี่มาร์คที่กำลังเดินถ่ายรูปโดยกล้องคู่ใจให้ลุกที่ดูดีแปลกๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดปลดกระดุมเม็ดบนเบาๆ กางเกงสีดำเข้มบวกรองเท้าผ้าใบธรรมดาๆ ผมเซ็ตที่ไม่ค่อยตั้งใจเท่าไหร่ปรกลงมาลู่กับตา รอยยิ้มระบายบนใบหน้าทุกครั้งที่พี่มาร์คยกกล้องที่ห้อยคออยู่นั่นขึ้นมากดชัตเตอร์ หรือไม่ก็หันไปคุยกับคนอื่นสนุกสนาน อ่า นี่ผมแอบมองพี่มาร์คได้ไงเนี่ย

     

     

    เห้ยไอ้แบม เดินทันมั้ยผมขอบคุณไอ้ยูคในใจเบาๆที่อย่างน้อยมันก็ยังไม่ลืมว่าผมเดินตามอยู่ข้างหลังคนเดียว มันหยุดรอผมที่เดินมาส่งยิ้มเจื่อนๆให้ ไอ้มิ้นที่เพิ่งยกไอโฟนขึ้นเซลฟี่ตัวเองกับยีราฟอยู่ค่อยๆลดโทรศัพท์ลงก่อนจะหันมามองที่ผม

     

     

    ทำไมวันนี้แกดูซึมแปลกๆอ่ะแบม เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่ายังไม่หายดี บอกได้นะ ฉันเตรียมยามาอยู่ไอ้มิ้นเอามือมาอังที่หน้าผากของผมก่อนจะลดมือเก็บเมื่อรู้ว่าผมไม่ได้เป็นอะไร จะให้บอกว่าผมซึมเพราะไม่มีคนสนใจก็ดูจะเอาแต่ใจตัวเองไปหน่อยอ่ะ แต่จริงๆแล้วผมก็อยากจะตะโกนว่าแบมงอน! แบมเจ็บขา! แบมเดินตามไม่ทัน! แบมไม่มีคนคุยด้วย! แบมไม่มีอะไรทำ! แบมหว้าเหว่! แล้วดิ้นๆซะจริงๆเลย ฮึ่ย! คิดแล้วอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ

     

     

    ไม่เป็นไรๆ กูแค่อยากเดินช้าๆเก็บบรรยากาศหน่อยอ่ะ วันนี้อากาศดี

     

     

    อากาศดี๊ดีย์ ผมล่ะสดใส๊ ...... สดใสมากๆเลยล่ะครับ! *กัดฟันพูดอ่อน*

     

     

    เออโอเค มีอะไรเรียกแล้วกันผมพยักหน้าให้ไอ้สองเพื่อนรักก่อนที่มันจะหันไปลั้นลาเซลฟี่กับสัตว์โลกน่ารักต่อ แง้ กลับมาก่อนนนนนนนนนนน กลับมาคาดคั้นผมมากกว่านี้ก่อนได้มั้ย ทำไมมันไม่เอ๊ะใจอะไรเลยวะ นี่ถ้ามันคาดคั้นผมต่ออีกหน่อย ผมจะน้ำตาไหลดราม่าเล่าให้มันฟังหมดเลยนะ กลับมาก่อนดิเพื่อนรัก

     

     

    ผมยืนเบะปากน้ำตาจะไหลก่อนจะรีบเดินตามกลุ่มไปอย่างยอมจำนนกับชะตาชีวิตเมื่อเห็นว่าชาวบ้านเค้าเดินไปกันต่อแล้ว เริ่มรู้สึกน้อยใจจริงๆแล้วนะ ผมเริ่มรู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าวจนต้องก้มหน้ามองดูรองเท้าอย่างช่วยไม่ได้ อย่านะ อย่ามาร้องไห้ตรงนี้นะ อายเค้าตายเลย

     

     

    ปั๊ก

     

    เอ่อะผมเดินมองเท้าตัวเองไม่ทันได้มองทางจนเดินมาชนเข้ากับแผ่นหลังของใครบางคน ผมไล่สายตามองไปที่รองเท้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าเป็นพี่มาร์คนั่นเองที่ผมเดินชน

     

     

    พี่มาร์คละสายตาจากกล้องหันกลับมามองผม ในมือยังถือกล้องถ่ายรูปค้างไว้ สีหน้าเรียบเฉยนั้นทำให้ผมยิ้มเจื่อนทันที

     

     

    พี่มาร์ค .......เสียงอ่อยๆซึ่งสาบานว่าจะไม่มีใครได้ยินอีกแน่นับต่อจากนี้หลุดออกมาจากผม พี่มาร์คมองผมนิ่งและกำลังจะขยับปากเหมือนจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่ยังไม่ได้ทำอะไร เมย์บีก็วิ่งเข้ามาลากพี่มาร์คไปถ่ายรูปให้พวกเพื่อนๆอีกฝั่งหนึ่งซะก่อน

     

     

    ฮึ่ย! มาได้ถูกจังหวะมากครับเมย์บี!

     

     

    ตอนแรกที่เห็นว่าพี่มาร์คไม่โอเคกับเธอผมก็กะจะหาแผนแกล้งให้เข็ดกันไปข้างหนึ่ง แต่ทำไมตอนนี้เหมือนผมโดนแกล้งเองเลยวะ

     

     

    แบมแบม มานี่! มาถ่ายรูปกันเร็ว!” เป็นเสียงของแจ็คสันนั่นเองที่ร้องเรียกผมให้เข้าไปร่วมวงถ่ายรูป ผมยิ้มขึ้นมาได้นิดหน่อยที่อย่างน้อยก็ไม่ได้ถูกลืมไปมากขนาดนั้น ผมรีบเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆก่อนที่แจ็คสันจะยกกล้องขึ้นมารัวชัตเตอร์ไม่ยั้ง ผมยืนอยู่ด้านหน้าใกล้ๆกับเมย์บีและพี่ยองแจ ฉีกยิ้มกว้างให้กล้องเหมือนที่ชอบทำเป็นประจำ คุณตากล้องแจ็คสันเหมือนจะยังไม่ชอบมุมที่เป็นอยู่ตอนนี้จึงสั่งให้ทุกคนจัดระเบียบองค์ประกอบใหม่ ผมถอยหลังมาเล็กน้อย แต่ก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาเมื่ออยู่ๆเมย์บีก็ถอยหลังมาเหยียบเข้าที่แผลที่เท้าของผมเต็มๆ

     

     

    โอ๊ย!”

     

     

    อุ๊ยแบม! เมย์บีขอโทษๆ เจ็บมากมั้ยผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าเมย์บีที่ทำหน้ารู้สึกผิดจนผมต้องส่ายหน้าเบาๆให้เธอสบายใจ แต่ทว่าตอนนี้สายตาของผมกลับมองเลยไหล่ของหญิงสาวไปมองที่ผู้ชายตัวสูงที่ยืนมองอยู่ข้างหลัง พี่มาร์คมองผมแวบหนึ่งก่อนจะหลบสายตาแล้วเบือนหน้าไปมองทางกล้องเมื่อแจ็คสันเรียกให้พวกเราหันหน้าไปหา

     

     

    ผมเริ่มน้อยใจจริงๆละนะ ...

     

     

    ..................................................

     

     

     

    น่ารักอ่าผมนั่งมองไอ้มิ้นกับไอ้ยูคป้อนนมลูกแพะกันอย่างสนุกสนานร่าเริง ตอนนี้พวกเรามาหยุดอยู่ที่โซนสัตว์เล็กน่าร๊ากกกกกกกันครับ ตรงนี้เค้ามีกิจกรรมให้ป้อนนมแพะกับปลาคาร์พด้วย พวกเด็กแลกเปลี่ยนกับโฮสต์พากันแยกย้ายไปป้อนนมแพะที่ยื่นหน้ามาหาคนกันอย่างสนุกสนาน ไอ้มิ้นนี่ดูจะสนุกกว่าเพื่อน มันป้อนนมลูกแพะตัวสีดำที่กำลังดูดจุกนมอย่างอร่อย โดยที่ไอ้มิ้นก็ไม่ลืมที่จะให้ไอ้ยูคคอยถ่ายรูปให้ด้วย เดี๋ยววันนี้ไปดูได้เลย ไอจีมันต้องมีรูปนี้แน่นอน

     

     

    ผมเป็นคนเดียว(อีกแล้ว)ที่แยกตัวออกมานั่งรอดูอยู่ห่างๆ ความจริงก็อยากไปป้อนนมลูกแพะอยู่เหมือนกันนะครับ แต่จากที่เมื่อกี้ถูกเมย์บีเหยียบเท้าผมยังไม่หายเจ็บเลย นั่งก่อนดีกว่า

     

     

    แบมแบม ไปป้อนนมแพะกันจินยองวิ่งเอาขวดนมอันหนึ่งมายื่นให้ผม ใบหน้าน่ารักใต้กรอบแว่นนั้นดูสว่างสดใสอย่างคนมีความสุข ผมรับขวดนมมาก่อนจะบอกขอบคุณจินยอง

     

     

    โอเค เดี๋ยวแบมตามไป จินยองไปก่อนเถอะ นั่นไงเจบีเรียกแล้วนั่น

     

     

    แบมไปด้วยกันเถอะ ไปป้อนพร้อมกัน ตรงนั้นมีลูกแพะตัวหนึ่งยังไม่มีใครป้อนเลยนะ แบมไปป้อนมันหน่อยเถอะ ไม่งั้นมันคงเหงาตายที่ไม่มีใครสนใจมันนะอื้อหือ ทำไมลูกแพะตัวนั้นช่างมีชะตากรรมที่เหมือนพี่แบมแบบนี้ ไม่เป็นไรนะลูก เดี๋ยวพี่จะไปป้อนนมให้หนูเอง

     

     

    โอเค ก็ได้ๆจินยองยิ้มกว้างก่อนจะจับข้อมือผมฉุดให้เดินตามไปยังมุมหนึ่ง เมื่อไปถึงผมเห็นเจบีป้อนนมลูกแพะตัวหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว จินยองชี้ลูกแพะตัวหนึ่งที่ยืนอยู่เงียบๆให้ผมเห็นก่อนจะก้มลงไปนั่งยองๆข้างๆเจบีช่วยกันป้อนนมลูกแพะ ผมมองลูกแพะตัวนั้นสักพักก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปชิดรั้วแล้วแกว่งขวดนมน้อยในมือเพื่อเรียกให้มันมาหา ลูกแพะสีขาวมองผมนิ่งๆอย่างชั่งใจว่าจะเข้ามาดีมั้ย ผมเห็นมันเงอะงะอยู่จึงเริ่มเรียกมัน เอาจริงๆผมไม่รู้หรอกครับว่าแพะนี่เค้าเรียกกันยังไง เอาเป็นว่าเรียกแบบที่ใช้กับหมานั่นแหละ แบบที่ผมใช้เรียกเจ้าโบโบอยู่บ่อยๆ

     

     

    จึ๊ๆๆๆๆๆ มานี่มาๆๆลูกแพะตัวน้อยค่อยเริ่มวางใจผมแล้วเดินเข้ามาหาช้าๆ ก่อนจะดูดนมที่ผมป้อนมัน ผมมองแพะน้อยตรงหน้าเพลินๆอย่างเอ็นดู โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ

     

     

    แชะ

     

     

    หืมผมหันไปมองพี่มาร์คที่อยู่ๆก็เดินมาหยุดอยู่ข้างๆแล้วยังถ่ายรูปผมไว้ด้วย พี่มาร์คมองลูกแพะกินนมโดยไม่ได้มองหน้าผมเลยสักนิด ผมจึงไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่แต่กลับรู้สึกอึดอัดซะด้วยซ้ำไป อยากจะถามว่าพี่มาร์คเค้าเป็นอะไรของเค้า แต่ทำไมมันไม่กล้าพูดออกไปสักที

     

     

    แต่ในที่สุดเมื่อผมรู้สึกว่าจะไม่ยอมอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีกแล้ว ผมไม่ชอบความค้างคาอ่ะครับ ยังไงก็ต้องถามให้รู้เรื่องกันไปข้าง

     

     

    เอ่อ คือ พี่มา ………”

     

     

    มาร์ค มาถ่ายรูปให้เมย์บีหน่อย ดูสิลูกแพะมันกำลังยิ้มให้เมย์บีเลยอ่ะ เร็วๆเสียงของผู้หญิงคนเดิมที่ชื่อว่าเมย์บีดังสวนอากาศขึ้นมาทำให้พี่มาร์คหันไปมองก่อนจะเดินออกไปจากตรงนี้เพื่อถ่ายรูปให้คุณเธอที่กำลังดีดซะจนผมยอมใจ

     

     

    เฮ้อ ....ผมถอนหายใจก่อนจะก้มลงมองลูกแพะที่มันดูดนมจนหมดแล้วและกำลังยืนจ้องผมตาแป๋ว ผมยืนจ้องกับมันอยู่ได้ประมาณเกือบสิบนาทีประหนึ่งว่าเรากำลังสนทนากันทางสายตาวางแผนยึดครองโลก สุดยอดไปเลยครับผม เฮ้อ!

     

     

    ผมหันไปมองชาวบ้านที่ยังคงป้อนนมลูกแพะกันอย่างสนุกสนานจนไม่มีใครมองมาตรงที่ผมยืนอยู่เลยสักนิด ด้วยความอึดอัดที่กำลังเข้ารุมเร้าผม ผมจึงตัดสินใจที่จะปลีกตัวออกไปเดินเล่นแถวๆนี้ก่อน

     

     

    ผมเดินออกมาจากจุดนั้นพอสมควร หูฟังสีแดงที่ต่อเข้ากับโทรศัพท์ถูกจับยัดเข้าหูแล้วเปิดเพลงที่เปิดค้างไว้ก่อนหน้านี้

     
     

     

    “…ได้แต่มองเธอข้างหลัง ตรงที่เดิมอยู่ซ้ำซ้ำ
    ได้แต่ส่งใจไปรั้ง หวังให้เธอมองหันมา
    เป็นแค่เพียงคนคนหนึ่ง คนที่อยู่ข้างนอกสายตา
    แค่คนที่ธรรมดา ที่เธอมองข้ามไป…”

     

     

     

    อื้อหือ ผมนี่ดึงหูฟังออกแทบไม่ทัน ใครมาเปิดเพลงนี้ทิ้งไว้ครับ! มาได้ผิดจังหวะมาก เนื้อเพลงก็ดี๊ดี



    แต่ช่างมันเถอะ ผมจะฟังต่อละกัน

     





     

     

                สองขายาวพาผมเดินเล่นใจลอยมาเรื่อยๆตามทาง ตอนนี้ผมมาหยุดอยู่ที่สระน้ำใหญ่ที่มีเรือปั่นอยู่กลางสระเต็มไปหมด ผมฟังเพลงไปพลางมองผู้คนที่ถีบเรือปั่นกันอย่างสนุกสนาน ตรงนี้อากาศดีมากจริงๆครับ มองจากมุมนี้ไปจะเห็นยอดพระที่นั่งอนันตสมาคมโผล่พ้นแมกไม้มาให้ความรู้สึกสวยงามจนบรรยายแทบไม่ถูก ผมยืนเหม่ออยู่ตรงนั้นปล่อยใจให้ล่องลอยไปเรื่อยโดยไม่คิดเลยว่าจะมีใครออกตามหาหรือเปล่า ...

     

     

     

    .................................................

     

     

     

                บุรุษในชุดดำกำลังยืนมองชายหนุ่มตัวเล็กที่กำลังยืนเหม่ออยู่ริมสระ รอยยิ้มพอใจฉายชัดขึ้นมาบนใบหน้าที่สวมแว่นดำอยู่ ในมือถือโทรศัพท์เพื่อรายงานใครบางคนที่อยู่ปลายสายตลอดเวลา

     

     

                ครับนาย ..... ตอนนี้มันอยู่คนเดียวแล้ว ไม่มีใครตามมาสักคนครับ

     

     

                    เสียงปลายสายของผู้เป็นนายกำชับอะไรออกมาอีกเล็กน้อยก่อนที่จะวางสายไป โทรศัพท์ถูกเก็บลงในกระเป๋ากางเกง สายตาคมตวัดมองตรงไปยังหนุ่มน้อยอีกครั้งก่อนที่มือหยาบกร้านจะยกขึ้นมาให้สัญญาณลูกน้องอีกสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อบอกว่าเริ่มทำงานที่สั่งได้แล้ว ...

     

     
     

    ------------------------ 30% -----------------------------------

     



     

    Mark’s Part

     

     

     

                น้องหายไปไหน ?

     

     

                ผมถูกเมย์บีเรียกตัวไปถ่ายรูปแปบเดียว หันมองอีกทีน้องก็หายไปแล้วครับ

     

     

                แบมนะแบม ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปไหนมาไหนคนเดียว แล้วนี่ยิ่งแผลที่เท้าก็ยังไม่หายดีด้วย

     

     

                ผมเป็นห่วงนะ เค้าจะรู้บ้างมั้ยเนี่ย

     

     

                วันนี้ที่ผมไม่ค่อยคุยกับน้อง เอาจริงๆก็ตั้งแต่คืนนั้นนั่นแหละครับ ความจริงแล้วผมไม่ได้โกรธหรืออะไรกับแบมแบมเลยนะ เพียงแต่ถ้าให้ผมพูดเหตุผลจริงๆของผมออกไปมันค่อนข้างน่าอายเหมือนกัน

     

     

                 .... ไม่ต้องมองผมแบบนั้นเลย บอกก็ได้

     

     

     

     

                ความจริงก็คือผมงอนแบมแบมล่ะ

     

     

                ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกันครับ ตั้งแต่คืนนั้นที่เห็นว่าแบมแบมรับกำไลข้อมือมาจากคนที่ชื่อเตนล์ซึ่งผมขอสารภาพอีกว่าผมไม่ค่อยถูกชะตาตั้งแต่วันแรกที่เจอ แค่ตอนที่เจอครั้งแรกในห้องดนตรีผมก็ไม่โอเคแล้ว แต่นี่อะไรกัน แบมแบมยังใส่กำไลข้อมือของไอ้นั่นไม่ถอดเลยจนถึงตอนนี้!

     

     

                ผมยอมรับก็ได้ว่าผมงี่เง่าที่ทำตัวแบบนี้ แต่ไม่รู้สิครับ จะให้พูดยังไงดี ผมรู้สึกว่าคนที่ชื่อเตนล์คนนี้มันมีอะไรมากกว่านั้น เค้าเข้ามาหาแบมเหมือนเพราะจุดประสงค์อะไรบางอย่างซึ่งผมก็อาจจะคิดไปเองอีก แต่ถ้าลงรอยว่าเคยอคติแล้ว ผมก็จะอคติต่อไปนั่นแหละ ยังไงๆผมก็ไม่ยอมให้มายุ่งกับน้องของผมหรอก!

     

     

               

     

     

     

                “แบมแบม ...... แบมมมมมมมมมในระหว่างที่คนอื่นๆกำลังง่วนอยู่กับการป้อนนมลูกแพะและถ่ายรูปสนุกสนาน ผมจึงแอบปลีกตัวออกมาเดินตามหาโฮสต์ของผม ตอนแรกผมคิดว่าแบมแบมอาจจะไปเข้าห้องน้ำจึงลองไปตามหาดูแต่กลับไม่พบแม้แต่วี่แววของน้องเลยสักนิด ขายาวจึงตัดสินใจเดินไกลออกมาจากกลุ่มเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะพบแบมแบมแต่อย่างใด

     

     

                ไปไหนของเค้านะ ...

     

     

                ผมเดินทั้งเรียกหาทั้งตะโกนหรือแม้กระทั่งถามคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้น จนในที่สุดตอนนี้ผมก็พบว่าตัวเองเดินมาจนถึงสระน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางสวนสัตว์แห่งนี้ เรือปั่นมากมายที่ผู้คนกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานทำให้ผมเผลอคิดขึ้นมาว่าแบมแบมอาจจะไปเล่นก็ได้ แต่พอผมสอดส่ายสายตามองหาจนทั่วแล้ว ก็ยังไม่พบน้องอีก

     

     

                ผมเริ่มจะเป็นห่วงแล้วนะ

     

                เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าวะ

     

     

                สองขายาวพาร่างสูงของผมมานั่งพักยังม้านั่งที่อยู่ข้างสระเพื่อพักเหนื่อยสักครู่ก่อนจะได้ไปเดินตามหาต่อ หน้าอกสั่นไหวขึ้นลงตามแรงหายใจถี่ ผมยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาเยอะกว่าปกติ ไม่รู้ว่าเพราะความร้อนจากอากาศหรือเพราะความร้อนใจจากข้างในใจผมตอนนี้กันแน่

     

     

                ระหว่างที่นั่งพักผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหวังต่อสายหาแบมแบม เผื่อบางทีน้องอาจจะเดินกลับไปรวมที่กลุ่มแล้วก็ได้ แต่เสียงสัญญาณปลายสายที่ยังคงติดแต่ไม่มีคนรับทั้งๆที่ผมพยายามต่อสายหลายครั้งเริ่มทำให้ผมหวั่นใจ และอีกอย่างความจริงแล้วผมกำลังหวั่นกับอะไรบางอย่าง นั่นก็คือเสียงโทรศัพท์ที่ดังมาจากไหนไม่รู้ตลอดเวลาและทุกครั้งที่ผมกดต่อสายหาแบมแบมใหม่ พยายามบอกตัวเองทั้งๆที่เริ่มรู้ว่านี่มันแปลกไปแล้วว่าเสียงโทรศัพท์นั่นคงจะเป็นของคนแถวๆนี้ แต่ตอนนี้ผมว่ามันไม่ใช่แล้วล่ะครับ ผมลดโทรศัพท์ลงจากหูแต่ยังไม่กดวางสายแล้วตัดสินใจเดินตามหาเสียงนั่น ยิ่งเดินเข้าไปใกล้พุ่มไม้ข้างๆมากขึ้น เสียงโทรศัพท์ก็ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ และในที่สุดโทรศัพท์เครื่องสวยคุ้นตาก็ตกอยู่ที่แทบเท้าผม ผมรีบก้มลงไปคว้าโทรศัพท์นั้นขึ้นมาทันที และพบว่าหน้าจอกำลังสั่นเนื่องจากมีเบอร์ของผมโทรเข้า!

     

     

     

    Mark

    17 missed call

     

     

     

    แบมแบม …” ผมลดโทรศัพท์ลงแล้วกดตัดสาย ภายในใจตอนนี้เต้นรัวด้วยแรงสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับน้อง เร็วเท่าความคิดผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้ววิ่งออกไปตามหาน้องทันที แม้จะไม่รู้ว่าน้องอยู่ไหนแต่ทุกสิ่งทุกอย่างตอนนี้สั่งให้ผมวิ่งออกไป ต้องวิ่งออกไปหาน้องให้เจอ!

     

     

     

    …………………………………………………

     

     

     

     

     

    Bambam’s Part

     

     

     

                “ปล่อยนะโว้ย!!! ปล่อยเดี๋ยวนี้ไง! บอกให้ปล่อย!!” ผมดิ้นเต็มแรงแบบชนิดที่เรียกว่าโกยกำลังมาทั้งชีวิตนี้ต่อสู้กับสองคนที่กำลังหิ้วผม อยู่ๆผมก็ถูกผู้ชายชุดดำสองคนนี้ที่ผมไม่รู้จักเข้ามารวบตัวแล้วลากผมมาจนถึงนี่ คนหนึ่งที่ดูท่าทางมีอายุกว่าอีกคนสั่งให้ผมหยุดดิ้นแต่ทว่าผมไม่ฟัง สุดท้ายผู้ชายอีกคนที่ตัวใหญ่กว่าคนสั่งจึงตัดสินใจใช้มือใหญ่ฟาดเข้ามาที่ท้ายทอยผมเสียเต็มแรง จนสติที่ผมมีอยู่มืดลงไปในทันที

     

     

    ..................................................

     

     

                ตื่นได้แล้วแบมแบม จะนอนไปถึงไหนกันเสียงของใครบางคนดังคลอเคลียอยู่ที่หูของผมจนผมต้องสะดุ้งขึ้นมาอย่างตกใจทันที เห้ย! นี่ผมอยู่บนรถใครวะเนี่ย ผมหันมองไปรอบๆทันทีที่พบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในสถานการณ์อันตรายที่สำคัญอยู่บนรถซึ่งมันทำให้ทางหนีเอาตัวรอดยิ่งยากมากไปกว่าเก่า เสียงกระแอมดังขึ้นเบาๆจากข้างๆ ผมหันขวับมองผู้ชายที่เดาว่าน่าจะเป็นเจ้าของเสียงเมื่อกี้นั่งอยู่บนเบาะข้างๆผมทันที สายตาคมภายใต้กรอบแว่นดำกำลังจับจ้องมาที่ผม และเพียงแค่ชายตรงหน้ายกมือดึงแว่นกันแดดลงจากใบหน้า ก็ทำให้ผมต้องเผลออุทานชื่อของมันขึ้นมาทันที

     

     

     

                “ไอ้ตินท์!”

     

     

    เหมือนฟิล์มหนังม้วนเก่าสีขาวดำกลอขึ้นมาฉายชัดตรงหน้าผมอีกรอบ ตัวละครที่มีความหมายต่อชีวิตผมทุกๆคนซึ่งผมพยายามลบเรื่องราวเหล่านั้นไปหมดแล้วกำลังกลับเข้ามาในความทรงจำของผมอีกครั้ง

     

     

                “จุ๊ๆๆ เรียกอะไรแบบนั้น พี่ตินท์ดิ ให้เกียรติกูหน่อย

     

     

                คนอย่างมึงไม่สมควรได้รับเกียรติ!! ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ!!” ไม่บ่อยนักหรอกครับที่ใครจะได้ยินผมพูดคำหยาบต่อรุ่นพี่ได้ขนาดนี้ แต่ไอ้คนตรงหน้านี้เป็นข้อยกเว้นแล้วกัน อดีตที่มันทำไว้กับผมกับคนที่ผมรักมันมีมากเกินกว่าที่ผมจะให้อภัยมันได้ ถึงแม้ว่าครั้งหนึ่งผมจะเคยนับถือมันมากแค่ไหนก็ตาม

     

     

                ปล่อยอ่ะปล่อยแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้

     

     

                “มึงต้องการอะไร! มึงกลับมาอีกทำไม! ไอ้ตินท์! ปล่อยกู!” ผมพยายามดิ้นแต่ผ้าที่มัดอยู่ข้อมือผมก็มัดแน่นเสียเหลือเกิน ความร้อนจากแรงเสียดสีของผ้ากับผิวหนังเริ่มส่งความเจ็บแสบออกมา

     

     

                กูก็แค่คิดถึงมึง อยากเจออีกครั้งไม่ได้เหรอไงไอ้ตินท์นั่งไขว่ห้างมองผมดิ้นๆอย่างสบายอารมณ์

     

     

                แต่กูไม่คิดถึงมึง!”

     

     

                “แบมแบม!”

     

     

                “มึงไปอยู่อเมริกาก็ดีแล้ว กูอุตส่าห์ลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว! แล้วมึงจะกลับมาทำไมอีกวะ! ห้ะ!”

     

               

               “อยู่ที่อเมริกามันน่าเบื่อ กลับมานี่ยังมีคนให้เล่นด้วย สนุกดีนะ อยู่ที่นั่นพี่เหงามากเลยอ่ะแบมไอ้ตินท์ตอบผมด้วยน้ำเสียงและหน้าตากวนประสาทผมสุดๆ ตอนนี้ผมได้แต่ควบคุมอารมณ์ไม่ให้วู่วามและมีสติเข้าไว้ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกว่าผ้าที่มัดผมอยู่เริ่มหลวมออกจากข้อมือของผมแล้ว ผมค่อยๆขยับมือต่อไปเรื่อยๆแต่ก็ต้องพยายามคุยกับมันให้มันตายใจทั้งๆที่ผมแทบไม่อยากได้ยินเสียงของมันเลยด้วยซ้ำ!

     

     

               

                ที่นี่ไม่ทีใครอยากเล่นกับมึงแล้วไอ้ตินท์ แล้วก็ไม่มีใครให้มึงเล่นด้วย!”

     

     

                มีสิ ใครบอกว่าไม่มี

     

     

                ใคร!”

     

     

                ไม่ใช่ใครอื่นไกลหรอกแบมแบม ก็พอดีว่าเล่นคนพี่เบื่อแล้ว ก็เลยอยากลองเล่นคนน้องดูบ้าง

     

     

                “มึง!! ไอ้เลว!!” ผมแทบจะพุ่งเอามีดไปแทงมันทันทีที่ได้ฟังคำตอบสุดชั่วของมัน ผมจ้องหน้าเอาเรื่องมันสุดๆให้รู้กันไปเลยว่าคราวนี้ผมจะไม่ยอมมันอีกต่อไปแน่

     

     

                อย่ายุ่งกับละอองดาว!” ผ้าที่ถูกผูกกับมือของผมอยู่ค่อยๆคลายตัวออกเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็หลวมพอที่จะเอามือออกมาได้ ผมพยายามนิ่งไว้ไม่ให้เกิดพิรุธทั้งๆที่ในใจนี่ดอกไม้บานเหมือนแก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่ไม่เคยทำได้สักครั้งสำเร็จ อยากจะวิ่งออกไปในทุ่งหญ้าแล้วตะโกนอย่างบ้าคลั่ง หือออ ผมแก้มัดผ้าได้แล้วววว ไอ้แบม! นี่ใช่เวลามาปัญญาอ่อนมั้ย!!!

     

     

                ไอ้ตินท์เบือนหน้าหนีจากผมแล้วคว้าบุหรี่ขึ้นจุดสูบ เชี่ยยยยยย ผมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่เลยให้ตายสิ ได้กลิ่นแล้วเวียนหัวทุกครั้ง แล้วนี่ต้องมานั่งดมกลิ่นในรถตู้ไร้อากาศหายใจขนาดนี้ มันจะรมควันผมให้ตายหรือยังไง ไอ้ตินท์ถือบุหรี่ไว้ในมือก่อนจะพ่นควันออกมาทำให้ผมต้องรีบกลั่นหายใจแทบไม่ทัน มันค่อยๆยกยิ้มขึ้นก่อนจะพูดกับผมแต่สายตาจับจ้องไปที่อื่น ผมใช้โอกาสนั้นค่อยเอื้อมมือที่เป็นอิสระแล้วไปจับที่เปิดประตูไว้มั่น

     

     

                หวงนักนะละอองดาวของมึงเนี่ย หึ คอยดูเถอะ เดี๋ยวเราได้รู้กันแบมแบม

     

     

                “มึงทำร้ายพี่สาวที่กูรักที่สุดไปแล้ว ซึ่งนั่นคือสิ่งที่จะทำให้กูไม่ให้อภัยมึงอีกต่อไป แล้วถ้ามึงยังมาทำร้ายเพื่อนที่กูรักที่สุดอีกล่ะก็ กูจะเอาเรื่องมึงให้ถึงที่สุด จำไว้ไอ้ตินท์!!”  ผมตะคอกใส่มันอย่างแรงแล้วใช้จังหวะนั้นเปิดประตูรถออกสุดแรงเกิด โชคดีที่มันไม่ได้ล็อคแบบระบบไฟฟ้าซึ่งส่วนมากรถตู้จะมี ผมหลุดออกมานอกตัวรถ แล้วเห็นว่าไอ้ตินท์หน้าเหวอแค่ไหนที่เห็นผมหลุดออกมาได้ ผมยืนให้มั่นคงมองไปทางขวามือเห็นลูกน้องสองตัวที่จับผมมากำลังนั่งมองมาที่ผมอย่างตกใจและดูเหมือนว่ากำลังจะลุกขึ้นวิ่งมาทางผม ไม่รอช้าให้มันมาจับผมอีกรอบที่สอง ผมจึงรวบรวมแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ใส่เกียร์วิ่งหนีออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

     

     

                “เห้ย!! จับมันให้ได้!!” ผมไม่หันหลังไปมองแต่อย่างใด ตอนนี้สมองและร่างกายสั่งแค่ว่าให้ผมวิ่งออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมวิ่งลึกเข้ามาในโซนแสดงสัตว์ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าผู้คนหายไปไหนกันหมด ในหัวตอนนี้มีภาพความทรงจำมากมายไหลเวียนเข้ามาไม่หยุด เสียงไอ้ตินท์ คำพูดนั้นทำให้ผมต้องขุดอดีตที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของผมขึ้นมาดูอีกครั้ง ....

     

     

              แบมแบม พี่ท้อง ฮึก .... พี่จะทำยังไงดี ตินท์เค้าให้พี่ไปเอาลูกออก พี่ไม่อยากทำ แต่พี่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไงแล้วอ่ะแบม แบมแบม พี่จะทำยังไงดี ฮือ

     

     

              เสียงของพี่ละอองฝนชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง ผมวิ่งเอามือปิดหูอย่างไม่ต้องการรับรู้อะไรอีกแล้ว ใช่ครับ นี่แหละคืออดีตอันเลวร้ายที่ผมพยายามปกปิดทุกคนมาตลอด พี่ละอองฝน พี่สาวที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต เคยคบกับไอ้ตินท์ หรือที่ตอนนั้นผมเรียกมันว่าพี่ตินท์เพราะเผลอชื่นชมกับนิสัยจอมปลอมที่มันทำขึ้นเพื่อบังหน้าทุกคน มันคบกับพี่ละอองฝนและดูเหมือนว่าทุกอย่างจะสวยงาม ผมรักมันเหมือนพี่ชายของผมอีกคน เพราะผมรู้ว่าพี่ละอองฝนรักมันมากและนั่นจึงทำให้ผมรักชื่นชมมันมากเช่นกัน แต่แล้ววันหนึ่งก็เหมือนกับโลกแตกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อพี่สาวของผมเดินเข้ามาหาผมพร้อมทั้งน้ำตาอาบไปทั้งสองแก้ม พี่ละอองฝนมาหาผมและเล่าเรื่องที่ถูกมันทำชั่วๆไว้ ไอ้ตินท์เผลอพลาดมีลูกกับพี่ละอองฝน ทั้งๆที่ตอนนั้นทั้งคู่กำลังอยู่ในวัยมหาวิทยาลัย พี่ละอองฝนเด็กเรียนดี เป็นที่ชื่นชมของอาจารย์และคนรอบข้าง ต้องพลาดเพียงเพราะความมักง่ายของผู้ชายอย่างมัน

     

     

    เสียงร้องไห้สะอื้นอย่างเจ็บปวด คราบน้ำตาและตาช้ำแดงนั้นยังอยู่ในความนึกคิดของผมอย่างดี ไอ้ตินท์ด้วยความที่มันเป็นลูกผู้มีอิทธิและมีหน้ามีตาในสังคม บวกกับเป็นคนดีที่ใครๆต่างบอกแบบนั้นต้องมีลูกเพราะพลาดทำแฟนสาวท้อง นั่นคือสิ่งที่มันรับไม่ได้ และเพื่อปิดเรื่องทุกอย่าง มันจึงสั่งให้พี่ละอองฝนไปเอาลูกแท้ๆของมันออก มันจึงจะยอมคบกับพี่ละอองฝนต่อ ซึ่งนั่นทำให้พี่ละอองฝนเจ็บปวดเป็นอย่างมาก สัญชาติญาณความเป็นแม่สั่งให้เธอห้ามทำแบบนั้น แต่พี่ละอองฝนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปเหมือนกัน เธอขอร้องห้ามไม่ให้ผมพูดบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด ผมจึงต้องปิดปากเงียบและช่วยเหลือคอยปลอบพี่สาวของผมเท่าที่จะทำได้

     

     

     










     

     

     

     

    แบมแบมผมเปิดประตูออกมายังสวนหลังบ้านหลังจากที่เมื่อชั่วโมงที่แล้วพี่ละอองฝนเรียกให้ผมมาหา ผมเดินไปยังกลางสนามหญ้าที่พี่ละอองฝนกำลังยืนอยู่ พี่ละอองฝนโผเข้ากอดผมทันทีแล้วร้องไห้เหมือนจะขาดใจ ซึ่งนั้นทำให้ผมต้องยกมือขึ้นลูบหลังพี่สาวอย่างช่วยไม่ได้

     

    พี่ไม่ไหวแล้วอ่ะ ตินท์บอกว่าถ้าพี่ไม่ทำจะเลิกกับพี่ ฮึก  .... แบม พี่ยังรักตินท์อยู่นะ ฮึก พี่จะทำยังไงดีอ่ะ ฮือ

     

    นี่มันไม่ได้การแล้วนะพี่ฝน พอสักทีเถอะพี่ เราควรบอกเรื่องนี้กับทุกคนได้แล้ว อย่างน้อยถ้าพี่ยังไม่กล้า พี่ควรจะบอกละอองดาว น้องสาวของพี่นะครับพี่ฝน

     

     

              “พี่ควรทำแบบนั้นใช่มั้ย พี่ต้องบอกใช่มั้ย ..... ฮึก

     

     

              อย่างน้อยตอนนี้พี่ก็ควรบอกละอองดาวให้เธอได้รู้ก่อน เผื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้นตอนที่ผมไม่อยู่ ละอองดาวจะได้ช่วยเหลือได้ทันไงครับพี่ ส่วนพ่อแม่ของพี่ ถ้าพี่ยังไม่พร้อมบอก ผมก็จะไม่บังคับให้พี่พูด และผมก็จะไม่พูดเด็ดขาดจนกว่าพี่จะพร้อม ผมเข้าใจพี่ดีว่าตอนนี้สภาพจิตใจของพี่คงยังไม่พร้อม แต่ขอให้รู้ไว้นะครับ ว่าน้องชายของพี่ยังอยู่ตรงนี้ทั้งคน พี่จะต้องผ่านมันไปให้ได้นะ

     

    ละอองฝนเงยหน้าขึ้นมองน้องชายที่เธอรักเหมือนน้องแท้ก่อนจะยิ้มแล้วเริ่มเบะปากร้องไห้มากกว่าเดิม ก่อนจะซุกหน้าฝังไปกับอ้อมกอดของน้องชาย

     

     

              “ขอบคุณนะแบมที่เข้าใจพี่”

     

     

              "ผมรักพี่นะ ถ้าอะไรที่ผมทำให้ได้ ผมก็ยินดี"

     

             

     

     

     

     

     

     

     "แล้วเรื่องนี้ละอองดาวเธอจะว่ายังไง" 

     

     

     "ละอองดาวต้องเข้าใจสิครับ ผมรู้ว่ายังไงเธอก็ต้องเข้าใจ ผมรู้นิสัยของเพื่อนคนนี้ดี เธอจิตใจดีมากนะ" รอยยิ้มค่อยๆปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าสวยอีกครั้ง ผมยิ้มให้พี่สาวก่อนจะบีบมือให้กำลังใจ ให้พี่รู้ว่ายังมีผมอยู่ตรงนี้เสมอ

     

     

    ผมวิ่งไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาเรื่อยๆ ทำไมเรื่องร้ายๆต้องเกิดกับพี่สาวของผมด้วยครับ เพียงเพราะความมักง่ายของคนๆหนึ่งต้องทำให้ชีวิตของพี่ละอองฝนต้องพัง และยิ่งคิดไปถึงอดีต วันที่ผมต้องสูญเสียคนสำคัญของผมไป วันที่ผมต้องรับข่าวร้ายว่าพี่สาวของผมจากไปแล้วตลอดกาล ....

     

     

    ฮึก พี่อองฝน ....ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้ววิ่งต่อไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าตำรวจจะบอกว่าคนร้ายที่จับได้ก็คือเพื่อนของพี่ละอองฝน แต่ในใจของผมกับประท้วงอยู่ตลอดเวลาว่า ไม่ใช่! คนร้ายคือไอ้ตินท์ต่างหาก! มันต้องสั่งคนมาทำแบบนี้กับพี่สาวผมเพื่อให้เรื่องทุกอย่างจบ! แต่ผมก็ทำอะไรหรือพูดอะไรมากไม่ได้ ในเมื่อหลักฐานที่ผมมีอยู่มันคือคำสัญญาที่ผมให้ไว้กับพี่สาวว่าผมจะไม่มีทางพูดออกไป ในเมื่อพี่สาวของผมก็จากไปแล้ว ยังไงๆเรื่องเสื่อมเสียนั้นผมก็จะขอเก็บไว้ไม่พูดมันอีกต่อไปแล้วกัน ผมไม่อยากให้พี่สาวของผมเสื่อมเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว พี่ของผมกำลังจะไปเป็นนางฟ้า เรื่องชั่วร้ายทั้งหมดขอให้ทิ้งไว้ที่นี่ ให้มันจบแค่นี้พอแล้ว ถึงแม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้ผมกับละอองดาวต้องตัดขาดกันไปตลอดชีวิต ผมก็ยินดี

     

     

    เห้ย!! หยุด!!! ” เสียงไอ้สองตัวที่วิ่งตามผมมาดังใกล้มากกว่าเคยทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์และวิ่งให้เร็วขึ้นมากกว่าเดิม ถึงแม้ว่าแผลที่เท้าจะเป็นยังไง เลือดจะไหล แผลจะฉีก แต่ผมต้องวิ่งออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด!

     

     

    ผมกัดฟันวิ่งอย่างสุดชีวิต ทางข้างหน้าคือทางเดินที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ต้นใหญ่ไร้ผู้คนเดินผ่าน และในตอนนั้นเองผมก็แทบจะหยุดตัวไว้ไม่อยู่ เมื่อผู้ชายคนนั้นโผล่ออกมาจากหลังพุ่มไม้และคว้าตัวของผมเข้าไปไว้ในอ้อมกอดทันที

     

    หยุดได้แล้วแบม วิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว ...

     

     

    อั๊ก! โอ๊ย!” ผมหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดต่อจากนี้ ผู้ชายสองคนที่วิ่งตามผมมาถูกไม้หน้าสามฟาดเข้าให้สลบหมอบกองลงไปแทบพื้น ผมหลับตาสะอื้นจากความเหน็ดเหนื่อยผสานกับความกลัวและความเจ็บปวดทั้งจากบาดแผลทางกายและบาดแผลทางใจ

     

     

    และแล้วผมก็ปล่อยให้น้ำตารินไหลลงมาอย่างกับเขื่อนแตก ผมซุกหน้าร้องไห้ตัวโยนกับอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้ที่เข้ามาช่วยผมไว้

     

    คนที่ปรากฏตัวเสมอในยามที่ผมต้องการที่สุด

     

    แบมปลอดภัยแล้ว ...

     

    ฮึกๆๆ ...... ฮือออออ พี่มาร์คคค ฮึกพี่มาร์คค่อยๆลดไม้หน้าสามในมือที่เพิ่งใช้จัดการกับไอ้สองตัวนั้นจนสลบลงไปไม่เป็นท่าอยู่ที่พื้น ก่อนที่มือใหญ่จะค่อยๆปล่อยมันลงแล้วเอื้อมมืออีกข้างมากอดผมแน่น กอดที่ทำให้ผมรู้สึกว่าต่อให้ยืนอยู่ท่ามกลางสงคราม แต่ถ้ามีพี่มาร์คอยู่ผมก็จะไม่เป็นอะไร

     

     

    แบม ฮึก ... แบมปลอดภัยแล้ว ฮึกพี่มาร์คกอดผมแน่นขึ้นไปทำให้ตอนนี้เรากอดกันกลมอยู่ท่ามกลางถนนที่มีพุ่มไม้เรียงรายไปตลอดทาง พี่มาร์คค่อยๆดันตัวผมออกก่อนจะสำรวจว่าผมเป็นอะไรมากมั้ย

     

     

    พี่ขอโทษที่มาเกือบไม่ทัน พี่ขอโทษ

     

     

    ไม่หรอกพี่มาร์ค ฮึก .. ถึงจะมาช้า แต่แบมก็ไม่โกรธ เพราะแบมรู้อยู่แล้วว่ายังไงพี่ก็ต้องมา ...

     

     

    เพียงเท่านั้นพี่มาร์คก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้จนแน่นยิ่งกว่าที่ผมกอดพี่มาร์คอยู่ เสียงตัดพ้อ เสียงบ่นแต่ดูไม่จริงจัง น้ำเสียงที่ดูโล่งอกเหมือนคนได้ของรักกลับมาคืนดังขึ้นอยู่ที่ข้างๆหูผม น้ำเสียงติดสั่นนิดๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพี่เค้าเหนื่อย หรือว่าพี่มาร์คกำลังร้องไห้ ...

     

     

    ได้โปรดอย่าหายไปแบบนี้อีกนะแบม .... เพราะทุกครั้งที่พี่ไม่เห็นแบมอยู่ใกล้ๆหรืออยู่ในสายตา พี่จะเป็นบ้าตายจริงๆแล้วนะ อย่าหายไปไหนอีกรู้มั้ยครับ …” ผมดันตัวออกมองพี่มาร์คที่ก้มลงมามองผมด้วยแววตาแห่งความเป็นห่วง ก่อนที่ผมจะกอดพี่ให้แน่นขึ้นมากกว่าเดิม แค่มีพี่อยู่ตรงนี้ แบมก็ปลอดภัยแล้ว ….

     

     

    ขอบคุณนะครับที่ให้แบมได้เป็นคนในสายตาของพี่

     

    ขอบคุณจริงๆพี่ชายของแบม :’)

     

     



     

    -------------------- 100 % ------------------

     

     

    เหนื่อยเหมือนไปวิ่งในเขาดินกับน้องแบมเลย

    5555555555 หวังว่าจะชอบน้า

    -------------------------------------------

      

     
    CODE MOUSE Free Lines - Alternate Select
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×