ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [MarkBam] HOST FAMILY #ฟิคโฮสต์แฟม

    ลำดับตอนที่ #2 : กฏของโฮสต์ข้อที่ 1 :: เป็นโฮสต์ต้องใจเย็น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.88K
      22
      25 พ.ค. 59






    กฎของโฮสต์ข้อที่ 1

    "เป็นโฮสต์ต้องใจเย็น"

     


     

                   Bambam’s Talk



                    เป็นโฮสต์ต้องใจเย็น




                    โฮสต์ต้องใจเย็น ….



                     ต้องใจเย็น ...

                   

                   

                    !!!!!!!!!!!!



                    แต่เรื่องนี้แบมจะไม่ทนครับ!


                    กันต์พิมุกต์คนแมนต้องมาเสียซิงแก้มให้เด็กแลกเปลี่ยนตั้งแต่อายุยังไม่ครบ 18ปีบริบูรณ์ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น! อยากจะเอาหัวมุดชักโครกไปโผล่ที่หมู่เกาะบาฮัมมัสแล้วครายเป็นสายเลือดจริงๆ TT     


                    ผมเปิดก็อกน้ำในอ่างล้างมือวักใส่หน้ารัวๆเพื่อหวังจะให้สายน้ำเย็นลบเหตุการณ์สุดสะพรึงตึงตังเมื่อครู่ ในหัวตอนนี้มีแต่หน้าเด็กแลกเปลี่ยนคนหล่อยืนอมยิ้มอยู่ข้างเตียงแบบไม่รู้ตัวว่าทำอะไรผิด คิดแล้วล่ะเขิน เอ้ย! โกรธ!!


                    ผมเคยบอกไอ้พี่มาร์คหลายครั้งแล้วครับว่าอย่าปลุกแบบนี้ แต่รายนั้นเค้าฟังอะไรที่ไหนกัน ยิ่งเตือนก็เหมือนยิ่งยุ นี่ถ้าขืนยังไม่ฟังอีกนะ ผมจะไปบอกคุณครูให้เปลี่ยนโฮสต์ให้คุณชายเค้าด่วนจริงๆด้วย ข้อหาขืนใจและพรากซิงแก้มของโฮสต์โดยไม่สมยอม รู้สึกว่าพี่มาร์คมาอยู่แค่สองเดือน กันต์พิมุกต์ก็สูญเสียอิสระภาพในการใช้ชีวิตไปเกือบครึ่งแล้วอ่ะครับ!


                และผมมีลางสังหรณ์ว่าจะเสียตัวในเร็วๆนี้ด้วย .... !!




                ผมล้อเล่นนะ ._.



                เฮ้ออ ... แต่คำบ่นของผมก็คงเหมือนตดแหละครับ ปล่อยออกมาแล้วก็ระเหยหายไป (เปรียบเทียบได้อุบาทมากแก) แต่เอาเถอะครับ ไหนๆก็อยู่กันมาตั้งสองเดือนแล้ว ผมจะพยายามทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุดแล้วกัน นี่หลายคนคงอยากจะรู้ใช่ไหมครับว่าทำไมผมถึงได้มาเป็นโฮสต์แฟมให้คุณชายมาร์คต้วนคนนี้ มาใกล้ๆสิเดี๋ยวพี่แบมคนแมนจะเล่าให้ฟัง ….





     

                2 เดือนที่แล้ว

                ไอ้แบมมมมมมมมม ครูเรียกหามึงอ่ะ บอกให้ไปหาที่ห้องตอนนี้เลย เร็วๆดิสัส กินอยู่นั่นแหละ ไม่รู้จักแบ่งเพื่อนแบ่งฝูงถุงขนมปังที่ผมซื้อมาจากร้านดังหน้าโรงเรียนถูกมือใหญ่ของเพื่อนสนิทร่างยักษ์นามว่า "ยูคยอม" แย่งไปต่อหน้าต่อตาทันทีที่มันวิ่งเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ ผมมองจิกมันช้าๆทั้งที่ขนมยังคาปากอยู่ นี่เจ้าของไม่ให้อาหารหรือยังไง ถึงแย่งของกินผมได้ทุกวัน แย่งตั้งแต่อนุบาลจนมัธยม นี่ถ้าผมมีเมียมันจะแย่งมั้ยเนี่ย


                เรียกกูทำไมวะ

                “กูจะรู้เหรอ อยากรู้ก็ไปหาเจ้แกเองดิ เห้ย!มึงซื้อร้านไหนวะ อร่อยโคตรประโยคช่วงแรกเป็นคำตอบเติมเต็มคำถามผม ส่วนนอกนั้นไอ้ยูคมันก็เลิกสนใจผมแล้วครับ แต่มันหันไปสนใจขนมปังในถุงที่เหลือเกินครึ่ง แหม ของฟรีมึงอร่อยหมดแหละครับ - -“


                “เออ อร่อยก็กินเยอะๆนะมึง เดี๋ยวผอม กูเป็นห่วงทันทีที่พูดจบผมก็จัดการจับมือมันยัดขนมปังที่มันฉีกออกมานิดนึงเข้าปากไอ้ยูคอย่างแรงจนมันหงายหลังตกเก้าอี้ดังสนั่นลั่นห้อง เพื่อนผู้หญิงที่นั่งเม้าท์มอยอยู่ในห้องหันมามองพวกเราแล้วทำหน้าแบบ พวกมึงเล่นอะไรกันคะ?’ ก่อนจะหันกลับไปเม้าท์กันต่อ 


                   งานนี้ต้องมีแก้แค้นว่ะเพื่อน บังอาจแย่งน้องขนมปังสุดที่รักไปจากพี่แบม โฮะๆ



                ไอ้แบมมมมม เลวววววววววววไอ้ยูคเด้งตัวขึ้นมาจากเก้าอี้กะจะด่าผม แต่ขอโทษครับ ใครจะอยู่ให้ด่าล่ะ ผมชิ่งหนีออกมาจากห้องตั้งแต่มันลงไปนอนหน้าแนบพื้นแล้ว :P



     

               

                สองขาพาร่างกายของผมเคลื่อนที่มายังห้องที่ติดป้ายไว้ข้างหน้าว่า ห้องพักครูผมเลื่อนประตูช้าๆแล้วโผล่หน้าเข้าไปมองหาเป้าหมายเป็นอันดับแรก พลันสายตาก็ไปปะทะเข้ากับครูประจำชั้นสุดที่รัก ผมจึงจัดการปิดประตูแบบเบามือที่สุดในชีวิตแล้วค่อยๆคลานผ่านบรรดาคุณครูที่นั่งทำหน้าประหนึ่งเพิ่งทะเลาะกับเมียมาไปหาครูประจำชั้นของผมเงียบๆ


                อ้าวกันต์พิมุกต์ มาแล้วเหรอผมคลานมานั่งพับเพียบเรียบร้อยข้างๆโต๊ะครู แล้วยกมือไหว้อย่างสวยงามอลังการ เน้! เห็นแบบนี้ผมก็เด็กมารยาทโรงเรียนนะคร้าบบบ


                “ครับ คุณครูเรียกผมมามีอะไรเหรอครับ


                “คืองี้ ครูมีเรื่องให้เราช่วยนิดหน่อย สะดวกมั้ยคุณครูหันหน้ามามองผมแบบจริงจังสุดใจ


                “ได้เสมอครับถ้าครูต้องการผมเปล่าประจบนะ ….


                “เอาแบบตรงไปตรงมา ไม่อ้อมไม่ค้อมเลยนะ บ้านเราตอนนี้มีใครอยู่บ้าง


                “ก็มีผม คุณแม่ พี่ชายสองคน แล้วก็น้องสาวครับ


                “ดีจริง แล้วที่บ้านใหญ่ไหม มีกี่ห้องนอน เล่าให้ครูฟังแบบละเอียดๆหน่อยสิคุณครูยกมือทาบอกแล้วทำหน้าปริ่มเหมือนนางงามได้รับตำแหน่งก่อนจะซักประวัติผมต่อ ที่จริงก็งงๆเหมือนกันนะว่าครูถามเรื่องบ้านผมไปทำไม หรือว่าจะไปเยี่ยมบ้าน


                ก็ไม่เล็กมากไม่ใหญ่มากครับ เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น มีรั้วรอบ ข้างหน้าบ้านมีสนามหญ้า หลังบ้านเป็นสวน ด้านซ้ายเป็นลานเอนกประสงค์ ส่วนด้านขวาเป็นโรงจอดรถ บ้านผมมีห้องนอน 5 ห้อง ห้องนอนสำหรับแขกอีกหนึ่งห้อง ในห้องนอนมีห้องน้ำพร้อม แต่ข้างล่างยังมีห้องน้ำอีกห้องหนึ่ง แล้วก็มีห้องครัว ห้องทานอาหาร แล้วก็ห้องรับแขกบวกห้องนั่งเล่นครับนี่ละเอียดไปป่าววะกู ได้แต่คิดในใจน่ะครับ


                “กันต์พิมุกต์ ครูอยากให้เราเป็นโฮสต์ให้เด็กแลกเปลี่ยน เธอคิดว่าไงและแล้วคุณครูก็เฉลยความจริงสุดแสนจะน่ารักมาให้ผมฟัง โอ้พระเจ้า! ให้กันต์พิมุกต์คนเกรียนเป็นโฮสต์เนี่ยนะ ผมสงสารเค้าจริงๆนะครับ ดูแลตัวเองยังไม่รอดเลย นับประสาอะไรจะไปดูแลรับผิดชอบชีวิตอีกหนึ่ง


              และที่สำคัญคือผมก็ยังไม่รู้เลยว่าเค้าเป็นคนยังไง หรือเป็นใคร


                เอ่อ จะดีหรอครับครู ผมว่าผมคงไม่เหมาะ ...เพราะคงรู้ว่าผมจะปฏิเสธ คุณครูจึงชิงตัดบทโดยการเอื้อมมือมาวางไว้บนไหล่ผมเบาๆ แล้วยิ้มแบบที่ทำเอาผมเย็นยะเยือกไปถึงม้ามและถุงน้ำดี

                กันต์พิมุกต์ ครูเชื่อว่าเธอทำได้ ครูไว้ใจเธอนะ เธอเป็นคนเรียนเก่ง ภาษาอังกฤษก็ดีที่สุดในห้อง มารยาทก็ดี หน้าตาก็หล่อ นิสัยก็น่ารัก แล้วคิดดูสิ ถ้าเธอได้เป็นโฮสต์คราวนี้นะ เธอจะดูเพอร์เฟ็คมากขึ้นไปอีกนะลูก คิดดูดีๆ



                คุณครูคือมนุษย์ที่โน้มน้าวใจคนได้เก่งที่สุดในโลก

              ไม่มีใครกล่าวไว้หรอกครับ เพราะผมเพิ่งกล่าวมันไว้เมื่อกี้

              ครูครับ ผมตกลงตั้งแต่ครูชมว่าผมหล่อแล้วล่ะ

              กันต์พิมุกต์ไม่บ้ายอนะ นี่พูดเลย


     

                กลับมา ณ โลกปัจจุบันที่แสนโหดร้าย ผมได้แต่สะบัดหัวเบาๆไล่ความคิดออกไป เฮ้อ! ไหนๆก็ตกปากรับคำครูมาแล้ว ยังไงก็จะลองทำหน้าที่นี้สักครั้งแล้วกัน หวังว่าแบมแบมคนนี้จะเป็นโฮสต์ที่ดีกับเค้าได้บ้างนะครับผม ...


                หนึ่งปีต่อจากนี้ไปพี่จะสนุกจนลืมไม่ลงแน่ พี่มาร์ค!


     ------------------------------------------------

     

     

                หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเสร็จ ผมก็รีบวิ่งลงมาข้างล่างด้วยความว่องไว ไม่ใช่อะไรหรอกครับ พอดีผมได้กลิ่นข้าวต้มกุ้งฝีมือคุณแม่คนสวย น้ำย่อยในกระเพาะมันเลยเรียกร้องให้ผมตามกลิ่นมา

                ม๊า ข้าวต้มหอมจุงงงงงผมวิ่งมาวางกระเป๋าไว้บนโซฟาแล้วหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ตรงข้ามพี่มาร์คซึ่งลงมานั่งรอตั้งแต่ผมเข้าไปอาบน้ำ เรื่องเมื่อเช้ายังไม่เคลียร์ ตอนนี้ยังมีหน้ามาจ้องผมอีกนะ เดี๋ยวเหอะ! เดี๋ยวปั๊ดเอาส้อมจิ้มตา

                “อ่ะ นี่ข้าวต้มของสองคนลูก กินเร็วๆแล้วรีบไปเรียนได้แล้วนะ เดี๋ยวม๊าขอขึ้นไปดูยัยเบบี้ก่อนนะ น้องสาวแกนี่นับวันยิ่งนอนกินบ้างกินเมือง ไม่รู้ตอนกลางคืนทำอะไรนักหนาไม่หลับไม่นอนม๊าบ่นตามประสาคุณแม่ที่ต้องรับมือกับลูกสาววัยรุ่น เป็นแบบนี้แหละครับหม่าม๊าของผม ถึงจะขี้บ่นแต่ผมก็รักที่สุดในโลก


                บี้มันอ่านฟิคอ่ะม๊า ลูกสาวม๊าอ่านฟิคเก่งกว่าหนังสือเรียนอีกรู้ป้ะน้องสาวไม่อยู่พี่ชายต้องรีบแซะครับ


                “นั่นสิ มีลูกสาวเป็นสาววายม๊าล่ะเพลียจิต นี่ไม่รู้มันจับพี่ชายจิ้นกันรึยังนะหม่าม๊าบ่นเสร็จก็เดินขึ้นบันไดไปปลุกยัยบี้ แถมยังทิ้งคำพูดสุดสยิวไว้ให้ผมขนลุกเล่น นี่ถ้ายัยบี้มันจับผมจิ้นกับพี่แบงค์หรือพี่เบียร์นะ ผมจะตัดพี่ตัดน้องกับมันเลยคอยดู


                เมื่อหม่าม๊าเดินขึ้นไปชั้นสองแล้ว ผมจึงรีบหันกลับมาจัดการกับข้าวต้มในชามต่อ แต่กินไปได้แค่คำเดียวผมก็สังเกตเห็นว่าคุณชายมาร์คนั่งนิ่งมองข้าวต้มในชามแบบยังไม่พร่องไปสักนิด อะไรของเค้านะ นี่อย่าบอกนะว่าที่แอลเอมีธรรมเนียมนั่งไว้อาลัยให้อาหารและวิญญาณกุ้งก่อนกินอ่ะ


                เป็นอะไร ทำไมไม่กินสักทีผมสปีคภาษาอังกฤษ(ที่แปลไทยให้คนอ่านเรียบร้อยแล้ว)ใส่คนตรงหน้า มนุษย์มาร์คต้วนเงยหน้าขึ้นมามองผมช้าๆ ใบหน้าหล่อที่รับกับผมเซทตั้งส่ายหน้าเบาๆ


                กินไม่ได้


                “ทำไมล่ะ ไม่อร่อยเหรอ


                “ไม่ใช่ๆ คือพี่แพ้กุ้งน่ะผมชะงักช้อนที่ตักข้าวต้มไว้กลางอากาศแล้วตัดสินใจวางมันลงไปในชามตามเดิม งานงอกแล้วกันต์พิมุกต์ มายเด็กแลกเปลี่ยนของผมแพ้กุ้ง ผมก็ลืมไปว่าในประวัติก็ระบุไว้แล้ว แต่ดันลืมบอกม๊า เอาไงดีล่ะ จะให้ไปตามม๊ามาทำให้ใหม่ก็เกรงใจ ผมเด็กดีเกินไปไงประเด็น งั้นคงจะมีทางเดียวแล้วล่ะ


                “งั้นเดี๋ยวแบมทำอันอื่นให้กินแล้วกันหน้าหงอๆนั้นเปล่งประกายขึ้นมาทันทีที่ผมพูดจบ พี่มาร์คมองผมอย่างอารมณ์ดีตอนที่ผมลุกจากเก้าอี้เพื่อเดินไปทำอาหารให้คุณชาย


                ผมขนวัตถุดิบจากตู้เย็นออกมากองไว้ที่เคาน์เตอร์ เมนูที่จะทำก็คงไม่พ้นอเมริกันเบรคฟาสต์หรอกครับ ทำง่ายแล้วก็เร็วที่สุดแล้วตอนนี้ ผ้ากันเปื้อนสีสวยถูกสวมใส่แล้วผมก็ลงมือทำไม่ให้เสียเวลา


                ผ่านไปห้านาที พี่มาร์คคงจะเบื่อหรือเมื่อยตูดก็ไม่ทราบ หางตาผมเหลือบไปเห็นคุณชายลุกจากเก้าอี้มาเดินดูของในตู้โชว์ เดินดูกรอบรูปมากมายที่แขวนอยู่บ้าง วางอยู่บ้าง รอยยิ้มบางๆฉบับมาร์คต้วนปรากฏขึ้นที่มุมปาก ผมเลิกสนใจแล้วหันมาทอดไข่ดาวตรงหน้าต่อ

                 แต่สักพักผมก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างมายืนอยู่ข้างหลังผม


                พลังงานบางอย่างที่หล่อๆอ่ะ


                ทำอะไรเหรอเสียงที่ดังขึ้นแบบไม่มีสัญญาณทำให้ผมตกใจตะหลิวเกือบลอย ก็อยู่ๆพี่มาร์คเล่นยื่นหน้าเข้ามาใกล้น่ะสิครับ หูยยย เกือบแล้วนะพี่มาร์ค เกือบได้แผลกลับแอลเอแล้วนะพี่


                อะ ... อเมริกันเบรคฟาสต์


                “อ่า” พูดจบพี่แกก็พยักหน้าเข้าใจ หน้าตาดูไม่ยินดียินร้าย ก่อนจะอัญเชิญตัวเองขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์แล้วหันมาหาผม มือข้างขวาเอื้อมไปหยิบขวดวิปครีมที่วางอยู่ข้างๆมาถือเล่น


                พี่กินนะผมหันหน้ามองคุณชายที่นั่งห้อยขาอยู่ข้างๆ เพราะพี่มาร์คนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ มันเลยทำให้องศาการมองหน้าลำบากกับผมสุดๆ เมื่อยคอจังครับ ผมพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงอนุญาต คุณชายจึงไม่รอช้าบีบวิปครีมใส่ช้อนกินอย่างเอร็ดอร่อย เหมือนเด็กเลยอ่า ...


                ผมหลุดขำเบาๆออกมา ทำให้คุณชายหันมามองแบบงงๆ พี่มาร์คเอียงหน้ามาหาผมพร้อมด้วยสีหน้าสงสัย


                หัวเราะอะไรแบมแบม


                “พี่มาร์คตลกอ่ะ ทำไมกินแล้วต้องทำหน้าฟินขนาดนั้นด้วย


                “ก็มันอร่อยนี่ แบมแบมไม่เข้าใจหรอกพี่มาร์คทำหน้ายู่เหมือนเด็กงอน แล้วกอดขวดวิปครีมไว้แน่นก่อนจะเขยิบห่างไปนิดหน่อย ลำบากผมต้องง้อมั้ยครับเนี่ย


                ไหนเอามาลองกินดิ้ผมยื่นมือข้างที่ไม่ได้จับตะหลิวไปแบมือขอคนข้างๆ


                ไม่ต้องเลย ขวดนี้ให้แล้วให้เลย พี่ไม่แบ่งแบมแบมหรอก


                “อ้าว แล้วแบมจะรู้มั้ยเนี่ยว่ามันอร่อย


                “ไม่รู้ ไม่สน


                “ก็ได้ แบมไม่กินแล้ว เชิญพี่มาร์คเอาไปกินคนเดียวเลยผมหันกลับมาสนใจแฮมตรงหน้าแล้วลองแกล้งงอนคนหล่อดู แต่เหมือนว่าจะไม่ได้ผล เพราะพี่มาร์คยังคงนั่งกอดขวดวิปครีมเป็นลำยองอยู่ที่เดิม สายตาผมหันไปดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้อง อ่า จะสายแล้ว เลิกเล่นแล้วรีบๆทำดีกว่า


                พอผมหันมาจริงจังกับการทอดแฮมและฮอทดอกตรงหน้าโดยไม่สนใจคุณชายอีกต่อไป พี่มาร์คจึงตัดสินใจขยับมาหาผมทีละนิดๆ จนมาอยู่ติดกับผมในที่สุด แล้วในตอนนั้นเอง วิปครีมสีขาวนุ่มก็ถูกแปะลงบนจมูกของผมจากฝีมือของผู้ชายที่ชื่อว่ามาร์คต้วน


                เห้ย เล่นอะไรของพี่เนี่ย


                “ก็เห็นบอกว่าอยากกิน พี่ก็แบ่งให้แล้วไง กินเลยแบม กินเลยพี่มาร์คยิ้มแล้วทำหน้าล้อเลียนใส่ผมแบบถ้าผู้หญิงคนไหนมาเป็นผมตอนนี้คงจะเขินตายละลายหายไปในอากาศแล้ว แต่พอดีผมแมนๆไง ความรู้สึกเดียวที่มีให้พี่มาร์คคือ


                ….. กวนตีนจังครับ


                แปะบนจมูกแล้วแบมจะกินยังไง พอเลยพี่มาร์ค แบมไม่เล่น ไปเอาทิชชู่มาเช็ดออกให้แบมเลย มันเหนียวววว


    “……………” คำร้องขอของกันต์พิมุกต์ไม่เคยเข้าไปในโสตประสาทของมนุษย์มาร์คต้วนเลยสักนิด เพราะพอแกล้งผมเสร็จพี่มาร์คก็ยันตัวกลับไปนั่งนิ่งเหมือนเดิมแล้วไม่พูดไม่จา แถมยังไม่เอาทิชชู่มาเช็ดให้ผมอีก พี่แกทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง อะไรของเค้าวะ เข้าใจยากจังเด็กแอลเอเนี่ย


    แต่ไม่ทันได้คิดอะไรอีกต่อไป เมื่ออยู่ๆคุณชายต้วนได้ทำในสิ่งที่ทำให้โลกของผมหยุดหมุนไปชั่วขณะ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองหมดแรงไปดื้อๆ หัวสมองตอนนี้ว่างเปล่ายิ่งกว่าปกติ มือที่จับตะหลิวไร้เรี่ยวแรงไปหมด เพราะอยู่ๆพี่มาร์คก็ยื่นหน้าหล่อๆนั่นมาใกล้ผมมากถึงมากที่สุด ย้ำนะครับ มากถึงมากของมากที่สุด! แล้วพี่เค้าก็กระทำการอุกอาจโดยการเอาดั้งโด่งๆมาสัมผัสกับจมูกของผมด้วยเว้ยเห้ย!!


    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


    มนุษย์มาร์คต้วนหลับตาพริ้มคลี่ยิ้มเห็นเขี้ยวน้อยๆ สัมผัสตรงปลายจมูกมันเบาและนุ่มจนผมบอกไม่ถูกว่าเป็นวิปครีม หรือ จมูกของคนตรงหน้า .... พี่มาร์คลืมตาขึ้นมาทำให้ผมเผลอสบตาพี่มาร์คไปแบบเต็มๆ รอยยิ้มนึกสนุกผุดขึ้นบนใบหน้าของคนเป็นพี่ แววตาเจ้าเล่ห์ประกายวิบวับยามมองเห็นใบหน้าเหวอของผม แล้วพี่แกก็ใช้จมูกถูไปถูมาเพื่อให้วิปครีมหายไป เขินไหมครับกู พูดสิพูด! ผมนี่พูดไม่ออกแล้วครับ -[]-




    นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมยืนสติพังอยู่ตรงนั้น


    นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่หัวสมองของผมว่างเปล่าเหมือนกำลังสอบคณิตศาสตร์


    แล้วก็นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ห้องนี้มีบุคคลที่สามเข้ามาใหม่ ...


    มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงยัยเบบี้น้องสาวตัวดีโวยวายนั่นแหละครับ ......



    .___________.




    เดี๋ยวนะ! .... เมื่อกี้ผมพูดว่ายัยเบบี้เหรอ ....




              *กำลังประมวลผล*








     

    3

    2

    1

    บึ้ม! แล้วผมก็กลายร่างระเบิดเป็นโกโก้ครั้นในทุ่งข้าวสาลี



    ชิพหายแล้วกู!!!


                “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!” ผมรีบผลักพี่มาร์คออกไปด้วยความเร็วแสง ตายห่าแล้วครับ ใครเห็นไม่ว่า ทำไมต้องให้ยัยเบบี้เห็นด้วย แบมอยากกรี๊ด!


                ยัยน้องบ้ารีบสาวเท้าเดินมายังเคาน์เตอร์ที่คุณชายมาร์คนั่งยิ้มโชว์เขี้ยวไม่รู้เรื่องอยู่บนเคาน์เตอร์ทันทีที่เห็นภาพในประวัติศาสตร์เมื่อกี้ เอาแล้วครับกู มีประเด็นให้อับอายอีกแล้ว ผมจะโดนแซะยันเหลนมีหลานมั้ยวะ (นี่ก็นานไป) เง้ออออ ไอ้พี่มาร์คทำอะไรของพี่อีกแล้วววววววว นี่หน้าผมร้อนจนจะทอดไข่ดาวได้แล้วนะ ไฟกับน้ำมันนี่ยังสำคัญอยู่มั้ย !? T-------------------T


                ไม่ไหวๆ แบมแบมอยากเอาหน้าไปแช่ในช่องฟรีช TT


                เมื่อกี้พี่สองคนทำอะไรกัน พี่มาร์คทำอะไรพี่แบมอ่ะ มาถึงน้องผมก็จัดเลยครับ ยัยเบบี้สปีคอังกฤษ(แปลไทยแล้ว)ใส่พี่มาร์คแบบไม่ให้ผมมองหาทางออกทันเลย แงงงง ผมนี่แทบลุกขึ้นวิ่งไปห้องน้ำมุดชักโครกแล้วไปโผล่อยู่หมู่เกาะบาฮัมมัสอีกรอบ สติสตังเมื่อกี้กลับมาครบ 200% อย่างไวเลย


                พี่เช็ดวิปครีมออกให้แบมแบมอ่ะ ทำไมเหรอพี่มาร์คตอบได้หน้าซื่อตาใสมากครับ อื้อหืออออ นี่หรือที่เรียกว่าเช็ด แถวบ้านแบมเรียก ……………..


                .......................


                -//////////////////////-


    เออ! ช่างมันเถอะ!


                “แล้วทำไมต้องเช็ดแบบนั้นอ่ะ! พี่มาร์คคิดอะไรกับพี่ชายบี้ปะเนี่ย!


                “หืมม คิดอะไร พี่ก็แค่จำมาจากซีรี่ย์เกาหลีที่บี้ดูเมื่อคืนไง อยากลองทำดู แค่อยากรู้เฉยๆว่ามันจะรู้สึกยังไง


                “แล้วเป็นไง ฟินมั้ยพี่มาร์คแค่ได้ยินประโยคชวนคิด ยัยน้องสาวบ้าของผมมันก็ยื่นหน้าเข้าไปฟังพี่มาร์คแบบถ้ามันสิงพี่มาร์คได้มันคงทำไปแล้ว


                ฟินห่าอะไรล่ะครับ ถามอะไรช่วยเช็คหน้าพี่ชายตัวเองด้วยนิดนึง


                ก็ ……” มนุษย์มาร์คต้วนทำหน้าอมยิ้มแล้วหันมามองผมแปลกๆ อิ้วววววว~ คิดอะไรกับผมป่าววะ ไม่เอานะ มันเร็วเกินไปเพิ่งตอนแรกเองนะ 

                “พอๆๆๆๆ รีบมากินข้าวได้แล้วสองคนนี้ จบๆมันไม่มีอะไร โอเคนะยัยเบบี้ ถ้าขืนยังไม่จบเดี๋ยวพี่จะไปฟ้องม๊าว่าแกแอบจิกเงินม๊าไปซื้อฟิคเพราะคงกลัวว่าเรื่องที่ปกปิดไว้มานานจะไปถึงหูม๊า ยัยเบบี้มันจึงรีบวิ่งสี่คูณร้อยไปนั่งที่อย่างว่อง แล้วยังทำท่ารูดซิบปากเป็นการยืนยันให้ผมด้วย ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องรีบจบบทสนทนาก่อนที่มันจะวายไปมากกว่านี้ แค่นี้เครดิตพี่แบมคนแมนก็แทบจะไม่เหลือแล้ว!


                สิบนาทีต่อจากนั้นอาหารบนโต๊ะถูกจัดการจนเกลี้ยง แบบไม่ต้องลำบากแม่บ้านล้างจาน สะอาดยิ่งกว่าใช้ซันไลต์ 30 พลังสะอาดซะอีก เราสามคนรีบขึ้นรถที่ม๊าไปส่ง ผมสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติตัวเองให้กลับเข้าที่ โอ๋ลูกพ่อไม่เป็นไรนะครับ


                ถ้าถามผมว่ารู้สึกยังไงกับเช้านี้ ตอบได้คำเดียวครับว่าเป็นเช้าที่วุ่นวาย(ใจ)ที่สุดในสามโลกกกกกก เป็นโฮสต์ต้องใจเย็นนะรู้ยัง ข้อนี้สำคัญมากบอกเลย





                เดี๋ยว! ขอเพิ่มอีกข้อนะ 

                 เป็นโฮสต์ให้คนหล่อเกินไปใจต้องนิ่งนะครับผม!





     

     

     

    โรงเรียนเจวายพีวิทยา


    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดเสียงประมาณสามล้านเดซิเบลดังขึ้นแบบเซอร์ราวด์ทันทีที่ผมกับพี่มาร์คก้าวขึ้นมาบนเวทีหน้าเสาธง มาร์คต้วนมนุษย์ที่คงจะเคยชินกับเสียงกรี๊ดที่มีผลมาจากความหล่อบนใบหน้าเดินยิ้มไปหาครูที่ทำหน้าที่พิธีกรกลางเวที ส่วนผมโฮสต์ที่ไม่เหมือนโฮสต์แต่เหมือนคนใช้ก็เดินตามมาหงอยๆ อยากจะเอามืออุดหูแทบตายก็ทำไม่ได้ กรี๊ดขนาดนี้เอากลับไปกรี๊ดต่อที่บ้านไหมครับ ผมให้ยืม


    เอาล่ะครับมาเข้าเรื่องกัน พอผมกับคุณชายมาถึงโรงเรียน คุณครูประจำชั้นของผมที่ดูแลโครงการแลกเปลี่ยน (ที่ยัดเยียดพี่มาร์คมาให้ผมนั่นแหละ) ก็เรียกผมกับคุณชายไปพบที่ห้องแล้วบอกว่าวันนี้จะให้ผมพาพี่มาร์คไปแนะนำฝากเนื้อฝากตัวกับคนในโรงเรียนตามธรรมเนียม ซึ่งผมยังได้ยินมาอีกว่าวันนี้ก็จะมีเด็กแลกเปลี่ยนอีกสามคนมาที่โรงเรียนเราเหมือนกัน ทางโรงเรียนจึงกำหนดให้วันนี้เป็นวันต้อนรับนักเรียนแลกเปลี่ยนไปเลย


    เอาพอแล้วลูกๆ เดี๋ยวคอหอยพังก่อนคุณครูพิธีกรรีบหยุดนักเรียนหญิงด้านล่างก่อนที่คอหอยของพวกเธอจะพังจริงๆ


    เอาล่ะ อย่างที่รู้ๆกันนะว่าปีนี้เรามีเด็กแลกเปลี่ยนมาถึงสี่คนด้วยกัน! ค่อนข้างจะเยอะกว่าทุกๆปีที่ผ่านมาเลย ซึ่งอันที่จริงพวกเค้าเดินทางมาถึงประเทศไทยตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้ว และวันนี้ครูจะพามาให้ทุกคนทำความรู้จักกัน อยากรู้จักไหม


    อยากค่า >///<”


    ถ้ายังงั้นเรามารู้จักกับพ่อหนุ่มคนแรกเลยดีกว่า เชิญแนะนำตัวเลยลูกคุณครูพิธีกรส่งไมค์มาให้พี่มาร์ค แต่อีตาคุณชายก็ทำหน้างงใส่ ผมจึงต้องเขยิบเข้าไปใกล้เพื่ออธิบายให้ฟัง


    ครูเค้าให้แนะนำตัวอ่ะพี่มาร์คพี่มาร์คเอียงหน้าเข้ามาใกล้ๆเพื่อฟังผม


    อ๋อ โอเคพอเข้าใจแล้วว่าต้องทำอะไรต่อ มาร์คต้วนคนหล่อก็ก้าวไปตรงกลางเวทีเพื่อแนะนำตัว


    ซาหวัดดีขรับ ผมชื่อ มาร์ค ต้วน อี้เอิน เรียกสานๆว่า มาร์คนะ มาจาก แอลเอ ยินดีทีดายรูจากทุกโคนขรับพอพี่มาร์คพูดจบด้วยภาษาไทยสำเนียงฝรั่งที่ผมเฝ้าสอนมาตลอดสองสามวันนี้ เสียงกรี๊ดด้านล่างของเหล่านักเรียนหญิงก็ดังขึ้นประหนึ่งพี่มาร์คเป็นโอป้า ส่วนโฮสต์อย่างผมนี่! กว่าคุณชายจะพูดจบเหงื่อไหลยังกะเขื่อนแตก ตื่นเต้นชิบหาย ได้ฟิลเหมือนกำลังลุ้นว่าลูกชายจะพูดแนะนำตัวต่อกรรมการในวันสมัครเข้าอนุบาลหมีน้อยได้ไหมยังไงยังงั้นเลยครับ


    พี่มาร์คส่งไมค์คืนให้คุณครูพิธีกรแล้วเดินกลับมายืนข้างๆผม


    คนแรกชื่อมาร์ค ต้วน อี้เอิน โฮสต์ก็คือนายกันต์พิมุกต์ ภูวกุล หรือแบมแบมของพวกเรานั่นเอง เชิญแบมแบมมาพูดอะไรหน่อยครับทันทีที่ผมได้ยินชื่อของตัวเองสติสะตังก็กลับเข้าที่ทันที เอ่อ ครูครับ ทำไมต้องเรียกว่าน้องแบมแบมด้วยเนี่ยยยยยย ไม่แมนเลยให้ตายสิ


    คุณครูยื่นไมค์มาให้ผมพร้อมทั้งพยักหน้าเบาๆเป็นการบอกให้ผมพูด


    เออะเอ่อ สวัสดีครับเมื่อผมรับไมค์มาจากคุณครูพิธีกรมาไว้ เสียงกรี๊ดข้างล่างก็ดังขึ้นอีกรอบ และดูเหมือนจะดังกว่าพี่มาร์คอีกนะ แหมม อันที่จริงผมก็ถูกจัดว่าเป็นเซเลบในโรงเรียนเหมือนกันนะครับ นี่ไม่ได้อวดนะ โรงเรียนของผมมีทำเนียบเซเลบจริงๆ


    'ทำเนียบเซเลบ' เนี่ยมันถูกจัดขึ้นโดยชมรมนิเทศศาสตร์ซึ่งผมก็เป็นสมาชิกอยู่พอดี ตำแหน่งเซเลบจะถูกคัดเลือกจากความมีชื่อเสียงของแต่ละคน บวกกับผลงานสร้างชื่อให้โรงเรียน ซึ่งผมก็ดันเป็นนักร้องนำวงดนตรีของโรงเรียน แล้วก็เป็นเด็กมารยาทไปแข่งขันให้โรงเรียนตลอด ไม่ได้เป็นเซเลบก็คงจะไม่ได้แล้วล่ะครับ โฮะๆๆๆ *สะบัดมือโบกไปมา* หืมมม?


    ช่วยเล่ารายละเอียดของมาร์คให้พวกเราฟังเพิ่มเติมได้ไหมลูกครูพิธีกรหันมายิ้มให้ผม


    อ๋อ ได้ครับผมหันไปมองหน้าพี่มาร์คนิดนึงเพื่อเช็คว่าสามารถเล่าเรื่องของเขาได้จริงๆ แต่คุณชายก็มองผมแล้วเลิกคิ้วงงแบบสงสัยว่าผมจะพูดอะไรด้วย ผมคิดว่าคงเล่าได้แหละ เพราะพี่มาร์คแม่งไม่รู้เรื่อง


    พี่มาร์คมาจากแอลเอครับ แต่ครอบครัวเป็นคนไต้หวันข้อมูลใหม่ดูเหมือนจะทำให้นักเรียนที่นั่งฟังอเมซิ่งใจอย่างแรง โดยเฉพาะนักเรียนหญิงนี่ หันไปตบตีกรี๊ดกร๊าดใส่เพื่อนซะงั้นอ่ะ เพื่อ!?


    พี่มาร์คเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของโครงการเจวายพีครับ เพิ่งมาถึงไทยได้แค่สองเดือนเท่านั้น นิสัยของพี่เค้าเท่าที่ผมได้สัมผัสมาก็ดีครับ พี่มาร์คเป็นคนใจดี เฟรนลี่ ขยันใช่ครับ เทียบได้จากการขยันตื่นเช้ามาปลุกผมทุกวันนั่นแหละ


    เป็นคนกินง่าย อยู่ง่ายครับผมแอบอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเมื่อเช้า กินง่ายครับแต่ไม่กินกุ้ง แล้วก็ชอบกินวิปครีมเหมือนเด็กน้อย เห้ย.. ไม่เอาไม่พูดถึงวิปครีม


    ตอนนี้วิปครีมเป็นประเด็นอ่อนไหวของผม เราจะไม่พูดถึงมันกันนะครับ TT


    เอ่อ ... แล้วก็ค่อนข้างเรียนรู้เร็วด้วยครับ สอนอะไรไป แปบเดียวพี่เค้าก็จำได้แล้วเหมือนที่ผมสอนคำว่า ตื่นครับตื่นพี่แกก็จำมาใช้ทุกวันเลย กันต์พิมุกต์กำลังคิดว่ากันต์พิมุกต์พลาด กันต์พิมุกต์ไม่น่าสอนมาร์คต้วนเลย ฮือออ เวลานอนของผม T^T


    อ้อ คุณแม่กับผมตั้งชื่อไทยให้พี่เค้าด้วยครับอยู่ๆผมก็คิดขึ้นได้ว่าผมกับหม่าม๊าตั้งชื่อไทยไว้ให้พี่มาร์คด้วย ไม่ต้องมองผมแบบนั้นเลย ผมไม่ได้เป็นคนคิดหรอก แต่หม่าม๊านั่นแหละบอกว่ามาอยู่ไทยก็ควรจะมีชื่อไทยๆ พอหม่าม๊าพูดแบบนั้นทั้งบ้านก็วุ่นวายเลยครับ ระดมพลทั้งผม ทั้งหม่าม๊า ลามไปถึงพี่แบงค์พี่เบียร์ยัยบี้ ช่วยกันหาชื่อให้วุ่น สุดท้ายก็ได้ชื่อมาเกือบ 10 ชื่อ ลำบากต้องมานั่งตัดสินใจอีก


    หม่าม๊าแนะนำชื่อ "กันต์รพี" แปลว่าพระอาทิตย์ที่น่ารัก


    หม่าม๊าบอกว่าพี่มาร์คเป็นคนยิ้มน่ารักสดใสเหมือนพระอาทิตย์ ก็เลยตั้งชื่อนี้ แต่ผมว่าความจริงม๊าอยากตั้งชื่อว่า รณพีร์ ต่างหากล่ะ ตอนนั้นม๊าติดละครเรื่องคุณชายรณพีร์อ่ะครับ น่าจะคิดว่าตัวเองเป็นเพียงขวัญแล้วล่ะ


    แต่ผมว่าชื่อนี้มันดูผู้หญิงเกินไป ฟังดูฟรุ้งฟริ้งมากเลยอ่ะ ขอผ่านนะครับม๊า


    พี่เบียร์พี่แบงค์แนะนำชื่อ "มาก" ตามแบบพี่มากพระขโนง


    ได้ฟังครั้งแรกผมนี่อึ้งไปเลยครับ ตั้งชื่อนี้ผ่านกระบวนการคิดมาปะวะ นี่เฮียแกจริงจังหรือเอาจริงผมก็ไม่รู้นะ โว๊ะ!เกรียนกว่าหัวไผ่ฮอร์โมนก็พี่ชายผมนี่แหละครับ


    เอาเป็นว่าข้ามพี่เบียร์พี่แบงค์ไปเถอะครับ - -*


    ส่วนยัยเบบี้น้องสาวสุดครีเอทของผม มันบอกว่ามันไม่มีชื่อมาเสนอ แต่มันบอกว่า ...


    "พี่แบมลองเอาชื่อพี่แบมกับพี่เค้ามาผสมกันดูสิ บี้ว่ามันเก๋ดีนะ ชื่อจะได้ไม่ซ้ำใครด้วย"


    "เช่นอะไรล่ะ พี่ชื่อกันต์พิมุกต์ เค้าชื่อมาร์ค ไม่เห็นจะมีอะไรเข้ากันได้สักนิด"


    "ก็เป็นซะแบบเนี้ย ประเทศชาติถึงไม่เจริญสักที" เกี่ยวอะไรวะครับ


    ยัยเบบี้เด้งตัวจากโซฟาฝั่งตรงข้ามมานั่งใกล้ๆผม แล้วมองหน้าจริงจัง


    "การที่คนสองคนแตกต่างกันสุดขั้ว ไม่ได้หมายความว่าจะเข้ากันไม่ได้สักหน่อย ใครจะรู้ว่าบางทีสิ่งที่คนอื่นมองว่าแตกต่างและไม่มีวันลงตัวได้ พอได้ลองจับมาอยู่ด้วยกันแล้ว อาจจะได้สิ่งที่ดีที่สุดก็ได้ เหมือนกับขาวดำยังได้หยินหยาง แจ็คผู้ต่ำต้อยมาเจอกับโรสผู้สูงศักดิ์ ยังได้ตำนานรักไททานิกตรึงใจคนทั้งโลก พี่ก็ต้องตัดคำว่าเข้ากันไม่ได้แล้วเปิดใจมองใหม่ เพื่อสร้างสิ่งที่ดีที่สุดได้แบบแตกต่างอย่างลงตัว พี่เข้าใจไหม"


    #คมสัสๆขอยืมไปหั่นผักหน่อย

    ผมนี่ติดแท็กให้เลยครับ น้องสาวใครเนี่ย -.-

    แต่ประเด็นคือพูดอย่างกับเรื่องใหญ่โต แค่ตั้งชื่อมั้ยล่ะ - -*



    "เออ เข้าใจแล้ว จริงจังนะแกอ่ะ" ผมผลักหัวยัยเบบี้จนมันเซลงไปกองกลับพื้นด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ มันมุ่ยหน้าใส่ผมแล้วกลับไปนั่งที่เดิม ผมจึงหันไปถามหม่าม๊าที่นั่งแกะส้มอยู่ข้างๆอย่างขอความคิดเห็น


    "ม๊าคิดว่าไงบ้างอ่ะ"


    "ก็ดีนะแบม ม๊าว่าเอาชื่อแบมกับชื่อเค้ามารวมกันก็ดี เค้าจะได้รู้ว่าโฮสต์เอ็นดูเค้าแค่ไหน แต่ต้องให้ได้ความหมายดีๆด้วยนะ อันนี้อย่าลืม"


    "แล้วชื่อแบมมันแปลว่าอะไรอ่ะม๊า" เอาจริงๆนะครับ เกิดมาจนจะเลือกตั้งได้แล้วผมยังแปลชื่อตัวเองไม่เป็นเลย อายว่ะ


    หม่าม๊าก้มหน้าไปปอกส้มเงียบๆแล้วยิ้มบางๆ


    "มันก็ไม่มีชื่อตรงตัวหรอกนะ คำว่า กันต์ เนี่ยแปลว่าน่ารัก ส่วนคำว่า พิมุกต์ แปลว่า ผู้หลุดพ้น"


    "งั้นชื่อพี่แบมก็แปลว่า ผู้หลุดพ้นจากความน่ารักเหรอม๊า 555555555 ขำอ่ะ ถึงว่าหน้าตาไม่พัฒนาสักที" ยัยเบบี้เงยหน้าขึ้นมาจากไอแพดที่กำลังดูซีรี่ย์เกาหลีอยู่เพื่อแซะผม


    พี่น้องบ้านนี้แซะกันเป็นปกติครับ


    "ไอบี้! เอาส้มยัดปากแล้วกลับไปดูโทมินจุนของแกเลยไป"


    "ชื่อ กันต์พิมุกต์เนี่ย แปลว่า ผู้หลุดพ้นด้วยความน่ารัก ป๊ากับม๊าตั้งชื่อนี้ให้แบมก็เพราะว่าอยากให้แบมหลุดพ้นจากสิ่งต่างๆที่ไม่ดีได้ด้วยตัวเอง ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูไงลูก ทีนี้คิดได้รึยังล่ะว่าจะตั้งชื่ออะไรให้เค้าจ้ะ" ผมนิ่งไปแปบนึงเพื่อให้สมองได้ใช้ความคิด และแล้วชื่อดีๆก็ปิ๊งขึ้นมาในหัว ผมหันไปยิ้มให้ม๊าแบบสดใสสุดๆ


    "อืมมม ... แบมว่าแบมคิดได้แล้วล่ะม๊า"


    .... กันต์พิมุกต์ กับ มาร์ค ก็ ....



     

     

    'กันต์พิมาร์ค' ไงครับผม








    "ผมกับคุณแม่ตั้งชื่อให้พี่มาร์คว่า ... กันต์พิมาร์ค ครับ"


    หืม กันต์พิมาร์ค แปลว่าอะไรเหรอคุณครูพิธีกรหันมาถามผมอย่างสนใจ


    อ๋อ แปลว่า …..” ผมตั้งใจกลั้นหายใจเว้นช่วงไว้แปบนึงเพื่อดูปฎิกิริยาของเด็กหัวแดงด้านหลังที่ดูสงสัยเมื่อได้ยินชื่อไทยของตัวเอง


    แปลว่า ... มาร์คผู้น่ารัก ครับ


    อร๊ายยยย น่ารักอ่ะแก / คิ้วเว่อร์ / ฟรุ้งฟริ้งที่สุดเพียงแค่ผมพูดจบกระแสตอบรับจากด้านล่างโดยเฉพาะนักเรียนหญิงก็ดังขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ผมจึงยื่นไมค์กลับคืนให้ครู แล้วถอยหลังกลับไปยืนข้างๆพี่มาร์คตามเดิม


    เมื่อกี้พูดอะไรบ้างเหรอพี่มาร์คเอียงหน้ามาถามผมเบาๆแบบให้ได้ยินกันแค่สองคน


    ไม่มีอะไรหรอกพี่มาร์ค


    แล้วเค้ากรี๊ดอะไรกันพี่มาร์คดูเหมือนจะคาดคั้นเอาคำตอบกับผมให้ได้ แต่โชคดีที่เสียงคุณครูพิธีกรดังขึ้นเรียกให้ผมกับพี่มาร์คต้องหันไปมองก่อน


    "แหม ชื่อน่ารักจริงๆ โฮสต์ชื่อกันต์พิมุกต์ เด็กแลกเปลี่ยนชื่อ กันต์พิมาร์ค ดูเป็นชื่อที่ดีนะ ครูชอบ" คุณครูหันมายิ้มให้ผมกับพี่มาร์คอีกทีหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองบางอย่างจากข้างเวที


    อ๋ออ มาถึงแล้วๆ เอาล่ะนักเรียนทุกคน หลังจากที่เราได้รู้จักกับนักเรียนแลกเปลี่ยนคนแรกไปแล้ว ต่อไปจะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอีกสามคนที่เหลือ พวกเขาเดินทางมาถึงโรงเรียนแล้ว และเพื่อไม่ให้เสียเวลาขอเสียงปรบมือต้อนรับพวกเขาด้วยครับเสียงปรบมือดังขึ้นทันทีที่สิ้นเสียงคุณครู แต่พอร่างสูงทั้งสามเดินขึ้นมาปรากฏกายบนเวทีเท่านั้น ก็ดูเหมือนว่าจะสามารถแปรเปลี่ยนเสียงปรบมือเมื่อครู่ให้เป็นเสียงกรี๊ดได้ทันที ไม่ใช่กรี๊ดธรรมดาด้วยนะครับ นี่มันหล่อคูณสาม ดังนั้นเสียงกรี๊ดเลยคูณสาม อร๊ากกกกก แบมปวดหู


    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” (.เด็กอีกสามล้านตัว)


    เอาพอๆๆๆๆ จะกรี๊ดอะไรกันขนาดนั้นนนนน คุณครูพิธีกรพยายามสั่งให้นักเรียนหญิงทั้งหลายหยุด แต่ก็ยังไม่ได้ผล


    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


    สถานการณ์ดูเหมือนจะวุ่นวายยิ่งกว่าตอนพี่มาร์คขึ้นเวทีซะอีกนะเนี่ย คิดภาพเด็กพันกว่าคนกรี๊ดสิครับ ฮอลลลล


    พวกมอหกถ้าไม่หยุดครูจะให้ติดศูนย์ทั้งหมดเลยนะ!” เท่านั้นเสียงฝั่งมอหกจึงดูเหมือนจะเบาลงไปถนัดตา


    "พวกมอสามถ้าไม่หยุดทำกิริยาแบบนี้ เดี๋ยวครูจะสั่งตรวจเครื่องแบบอาทิตย์หน้า ให้ตัดผมเห็นติ่งหูด้วยเอาไหม!"


    ผมกับพี่มาร์คยืนมองบรรยากาศชุลมุนด้านล่างเวทีแล้วแอบขำเบาๆ คุณครูวิชาพละที่มีนกหวีดห้อยคอไว้ก็เดินไปเป่าใส่ให้พวกนักเรียนที่กรี๊ดให้หยุด แล้วในที่สุดเสียงดังเมื่อครู่ก็ค่อยๆเบาลงจนเงียบไปเอง


    เห็นผู้ชายไม่ได้เลยนะพวกเธอ ครูหล่อกว่าตั้งเยอะทำไมไม่กรี๊ดกันบ้าง


    โหวววววววววววเด็กนักเรียนด้านล่างเวทีพร้อมใจส่งเสียงกันทันที แล้วจากนั้นเสียงหัวเราะในความมั่นหน้าของคุณครูก็ดังขึ้น


    ผมหันไปมองนักเรียนชายอีกสามคนที่ยืนอยู่อีกข้างของเวทีให้เต็มตาอีกครั้ง เข้าใจแล้วล่ะครับว่าทำไมนักเรียนหญิงถึงกรี๊ดกันได้มากมายขนาดนี้


    คนหนึ่งสูงยาวเข่าดี ผมสีทองตัดกับผิวขาวปากชมพู หน้าตาจัดว่าดูดี

    …. โหวว นี่มันโอป้าหลุดออกมาจากซีรี่ย์ป่ะวะ


    อีกคนหนึ่งตัวเล็กกว่าคนแรกเล็กน้อย ใบหน้าเรียวเข้ากันกับตาตี่ภายใต้กรอบแว่นสีดำดูมีสไตล์ เวลายิ้มนี่มันน่ารักโคตรๆไหนจะผิวขาวๆ นั่นอีก

    …. โหวว นี่มันผู้ชายดอกไม้เหมือนที่ยัยบี้เคยพูดเลยนี่หว่า


    ส่วนคนสุดท้ายนี่ตัวเตี้ยที่สุดในกลุ่ม แต่ตัวไม่เล็กนะครับ ท่าท่างดูมั่นใจตั้งแต่เดินขึ้นเวที ยิ้มยิงฟันมาแต่ไกล นี่ยิ้มมาตั้งแต่สี่แยกหน้าโรงเรียนเลยมั้ย หน้าตาก็จัดว่าดูดีครับ ดูขี้เล่นด้วย



                โหวว นี่มัน ……


    นี่มันตัวอะไร - -*


     ติดนิดเดียวตรงท่าโพสต์ของมันนี่แหละครับ ทำไมต้องยืนไขว้ขาแล้วก้มหน้าทำหล่อแบบนั้น คือยืนดีๆไม่เป็น ?


    เอาล่ะๆ มาฟังพวกเขาแนะนำตัวกันดีกว่า เชิญคนแรกเลยครับคุณครูพิธีกรยื่นไมค์ให้เด็กหัวทองที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด เขารับมาแล้วยิ้มบางๆก่อนจะก้าวขึ้นไปตรงกลางเวที


    อันยองฮาเซโยยอรอบุน นันอิมแจบอมอิมนีดา ฮันกุกเกซอวัซซอโย ยอรอบุน มันนาซอพันกับซึมนีดาพอพ่อหนุ่มหัวทองพูดประโยคปราบเหล่าร้ายจบ ปฏิกิริยาของนักเรียนหญิงที่นั่งกรี๊ดอยู่เมื่อกี้ก็เป็นแบบนี้อ่ะครับ ….


    กริบ


    -[]- // -0- // -[]-“


    ผมไม่รู้จะสงสารหรือจะขำดี เจอไปแบบนี้ พวกผู้หญิงคงรู้สึกเหมือนโดนเอาโสมมาฟาดหน้าเลยสินะ 555555555555 ไม่มีใครคิดจะมาเป็นล่ามหน่อยเหรอเนี่ย


    โอ๊ะขอโทษครับๆผมว่าผมแค่คิดเล่นๆ แต่อยู่ๆตอนนั้นเองก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้น ผมที่ยืนขำอยู่หันไปมองผู้มาใหม่ที่เพิ่งวิ่งขึ้นมาบนเวที ชายหนุ่มหน้าตาน่ารัก ตาตี่ๆ ที่ดูยังไงก็ต้องรู้ว่ามีเชื้อสายเกาหลีแน่นอนวิ่งขึ้นมายืนหอบอยู่ข้างๆพ่อหนุ่มหัวทอง นั่นมัน ...


    พี่ยองแจผมหันไปโบกมือให้พี่ยองแจเบาๆ พี่แกที่ยืนอยู่อีกฟากของเวทีเห็นผมเลยโบกมือกลับด้วยท่าทางหอบๆก่อนจะหันไปขอไมค์จากคุณครูพิธีกรที่ยืนทำอะไรไม่ถูก


    ขอโทษที่มาช้าครับ ผมเป็นล่ามและเป็นโฮสต์ให้หนึ่งในเด็กแลกเปลี่ยนชุดนี้ ชื่อ ยองแจ ครับ"


    "อ๋ออ ยองแจของเรานี่เอง ทำไมถึงมาช้าล่ะ" คุณครูพิธีกรที่คงจะหายตกใจแล้วหันมาพูดกับพี่ยองแจอย่างเร็ว


    "อ๋อ พอดีผมเพิ่งไปตรวจเด็กมาสายอ่ะครับ ขอโทษด้วยจริงๆ" พี่ยองแจรีบก้มหัวให้คุณครูและประชาชนชาวเจวายพีวิทยาที่นั่งอยู่ข้างล่าง


    พี่ยองแจคือพี่ชายแท้ๆของไอ้ยูคมันครับ คือสองคนนี้เป็นลูกครึ่งครับไม่ต้องงง พ่อเป็นคนเกาหลีแท้ๆเลย มาพบรักกับแม่ที่เมืองไทย หลังจากนั้นก็เลยย้ายมาอยู่เมืองไทยกันอย่างถาวร พ่อกับแม่ไอ้ยูคเป็นคนน่ารักมากครับ ใจดีด้วย พี่ยองแจก็น่ารัก เรียนดี อยู่ในสภานักเรียนทำหน้าที่เป็นสารวัตรนักเรียนครับ จัดว่าเป็นหน้าตาของวงศ์ตระกูลมากเลย ผิดกับไอ้ยูคนี่แหละ นิสัยไม่ได้เข้ากับคนในครอบครัวเลยสักนิด กวนตีนกว่ามันคงไม่มีแล้วล่ะครับ นี่ยังแอบสงสัยเหมือนกันว่าแม่ไอ้ยูคหยิบลูกมาผิดรึเปล่าตอนคลอด


    "อ่า ไม่เป็นไรๆ ไหนมาแปลให้ทุกคนฟังหน่อยว่าเค้าพูดว่าอะไร"


    "อ๋อ เค้าพูดว่า สวัสดีครับทุกคน ผมชื่ออิมแจบอม มาจากประเทศเกาหลี ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับพี่ยองแจรัวประโยคใส่ไมค์ทันที พอพูดจบเหล่านักเรียนที่นั่งเอ๋ออยู่เมื่อกี้ก็พร้อมใจกันอ๋อโดยมิได้นัดหมาย พี่ยองแจหันมายิ้มบางๆแล้วยักคิ้วใส่ผม ผมจึงชูนิ้วโป้งให้แบบเห็นกันแค่สองคน


    อ๋อ ชื่ออิมแจบอม ครูพูดถูกมั้ย มาจากเกาหลีซะด้วย ยังไงก็ระวังๆแม่ผู้หญิงพวกนี้หน่อยนะลูก เดี๋ยวจะเหลือแต่ฟันกลับบ้านครูหันมาพูดกับแจบอมแล้วหันไปแซวนักเรียนหญิงที่นั่งทำหน้าเคลิ้มอยู่ข้างล่างเวที พี่ยองแจเลยทำหน้าที่ล่ามที่ดี หันไปกระซิบให้เด็กเกาหลีหัวทองฟังแล้วหัวเราะเบาๆกันสองคน


    "แล้วอีกสองคนที่เหลือล่ะ เชิญแนะนำตัวหน่อยเร็ว" ผู้ชายสองคนที่ยืนสงบเสงี่ยมมานานก้าวขึ้นมายืนข้างๆแจบอม ก่อนที่ผู้ชายหน้าหวานๆใส่แว่นจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน


    "สวัสดีคับผม ผมชื๋อจินยองนะคับ ปักจินยอง มาจักโคเรีย ยินดีทีได้รู้จักนะคับผม" ภาษาไทยสำเนียงเกาหลีที่จัดว่าดีมากเมื่อเทียบกับพี่มาร์คถูกพ่นออกมาจากจินยอง เจ้าตัวพูดจบก็ขยิบตาใส่เบาๆแล้วยิ้มกว้างแบบเห็นฟันครบทุกซี่ นักเรียนหญิงที่นั่งอยู่ข้างล่างก็เสต็ปเดิมอ่ะครับ ตายหมู่ยกรัง - -* ยังอยู่ไหมครับเพื่อนๆ


    "คนนี้ผมคงไม่ต้องแปลนะครับคุณครู" พี่ยองแจหันไปพูดใส่ไมค์กับคุณครู เรียกเสียงฮาเบาๆจากเหล่านักเรียน


    "ไม่ต้องแปลๆ จินยองใช่ไหม ชื่อเพราะมากครับ บอกเค้าไปสิยองแจว่าชื่อเพราะมาก" พี่ยองแจพยักหน้ารับแล้วหันไปกระซิบบอกจินยอง เจ้าตัวพอได้ฟังแล้วก็รีบหันมาไหว้คุณครูอย่างน่ารักทันที น่ารักดีนะคนนี้ รู้จักมารยาทไทยด้วย


    "เอาล่ะ ทีนี้ก็เหลือคนสุดท้ายแล้ว เชิญเลยครับ"


    เด็กแลกเปลี่ยนคนสุดท้ายที่ผมบอกว่ามันยืนไขว้ขาตั้งแต่ขึ้นเวทีนั่นแหละ ก้าวออกมารับไมค์จากจินยอง แล้วไปยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงขอบเวทีด้านหน้า เน้! ไม่ธรรมดานะครับ


    "สาหวัดดีคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบ!!!" พูดยังไม่ทันขาดคำ พี่เตี้ย(ดูผมเรียกสิ 555) ก็แสดงอภินิหารทันที ทักทายใส่ไมค์ประหนึ่งมางานแฟนมีทตัวเอง แล้วไม่ใช่อะไรนะ พวกผู้หญิงเจ้าเก่าก็เล่นด้วยนะครับ ขานรับพี่เตี้ยกันสนั่นเลย


    "สวัสดีคร้า!!~ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด" ผู้หญิงโรงเรียนผมพ่อเป็นนกหวีดแม่เป็นนกแก้วครับ เอ่ะอ่ะกรี๊ดตลอด


    "สวัสดีครับ แจ็คสันนะครับผม I'm come from Hong Kong !! Yeah! Do you know Hong Kong Babe!?"



    ลำดับต่อไปขอมอบเวทีให้คุณแจ็คสันจากฮ่องกงครับ ...

    แย่งซีนทุกคนบนเวทีหมดจริงๆ


    "Yesss!! I Knowwwww! กรี๊ดดดดดดดดดดดด" เอออ่ะ เอาเข้าไป


    "เดี๋ยวๆๆๆ" แจ็คสันทำท่าห้ามนักเรียนหญิงให้หยุดกรี๊ดโดยการเอามือจุ๊ปาก พอเสียงเงียบลงเพราะนักเรียนกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่แจ็คสันจะพูด รวมทั้งผมด้วย แล้วพี่เตี้ยมันก็พูดขึ้นมาว่า ...


    "รู้จักช้างไหมครับ ช้างๆๆ น๋องเคยเห็นช้างรือเปา"


    ครับ .... ขอบคุณสำหรับเวลา 4.65 วินาทีที่ผมเสียเวลาไปฟังมัน

    ช้างพ่____!!


    "กรี๊ดดดดดดดดดด! รู้จักคร้า!" แจ็คสันดูเหมือนจะมีความสุขมากที่นักเรียนข้างล่างเล่นด้วย เจ้าตัวหันมายิ้มตาหยีให้คุณครูพิธีกรก่อนที่จะหันไปส่งสัญญาณอะไรบางอย่างให้แจบอมที่อยู่ข้างๆ


    "ถ้ายางง้าน" แจ็คสันหันไปพยักหน้าให้แจบอม เจ้าคนหัวทองอมยิ้มน้อยๆที่มุมปาก ชิคเว่อร์


    อยู่ๆเสียงบีทบอกซ์ฟังดูมีพลังน่าโยกหัวตามก็ออกมาจากปากของแจบอม แจ็คสันหันไปโบกมือให้จังหวะกับนักเรียนข้างล่างที่เริ่มเล่นด้วย และ ....


    "Yeah! อ่ะบนสวรรค์ชั้นเจ็ด เราไม่เคยหมดเม็ด และไม่เคยพูดเท็จกับครายย .....~"


    เหยดดดดดดด! เพลงกูวววววววววววววว ~~

    ผมนี่อึ้งไปเลยครับ




     

    เสียงบีทบอกซ์และเพลงสวรรค์ชั้นเจ็ดสำเนียงแปร่งจบลงพร้อมกับเสียงกรี๊ดถล่มทลายและการแจ้งเกิดของคู่ดูโอ้แจ็คบอม อันที่จริงน่าจะพี่เตี้ยคนเดียวมากกว่า พอเลิกแถวผมกับพี่ยองแจจึงนำเหล่าเด็กแลกเปลี่ยนไปที่ห้องรับรองตามที่คุณครูบอกให้พาไปทันที


    แต่ขอโทษนะครับ กว่าจะพาไปถึงห้องนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะทันทีที่พวกผมลงจากเวที เหล่าซอมบี้ผู้หิวกระหาย (ผมหมายถึงเพื่อนผู้หญิงอ่ะ 555555) ก็พุ่งเข้ามาขอถ่ายรูปและเต๊าะเหล่านักเรียนแลกเปลี่ยนกันเป็นมหกรรมเลยครับ ทั้งถ่ายรูปเอย แอบเต๊าะขอเบอร์เอย โอยน่ากลัวไปนะ ผมยังกลัวอ่ะ แล้วยังมีบางคนแอบเนียนมาขอถ่ายรูปกับผมด้วยนะครับ หืมมม อย่าคิดว่าพี่แบมไม่รู้น้า


    "ขอโทษนะครับขอทางหน่อย" ผมพยายามลากข้อมือของมนุษย์มาร์คต้วนออกไปจากดงผู้หญิงที่รุมล้อมอยู่ โอยยยยยย คนเยอะจังวะ ไม่เคยเห็นรึไงฝรั่งอ่ะ โรงอาหารถุงละ 20 บาทไปซื้อมากรี๊ดกันเซ่!


    "อร๊ายยยย มาร์คมองกล้องทางนี้ค่ะพลีส"


    "วันนี้พอแค่นี้นะครับ ผมต้องพาพี่ๆเค้าไปพบคุณครูแล้วคร้าบ" ผมพยายามตะโกนบอกเหล่านักเรียนหญิงที่กำลังผลัดกันถ่ายรูปกับพี่มาร์ค หนอยย มายเด็กแลกเปลี่ยนของผมก็ใช่ย่อย ยิ้มแปร้เลยนะ


    "ขอทางด้วยครับๆ" ผมพยายามตะโกนแล้วก็มองหาพี่ยองแจไปในตัวด้วย แต่ฝ่ายนั้นก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะกำลังจัดการกับเด็กแลกเปลี่ยนที่เหลือเหมือนกัน สู้ๆนะพี่ยองแจ แบมเข้าใจ T__T


    "อ๊ะ!" ผมหันไปมองหาพี่ยองแจแปบเดียว หันกลับมาอีกทีก็พบว่าข้อมือที่ผมจับเอาไว้หลุดออกไปจากมือผมด้วยฝีมือพวกผู้หญิงที่ลากพี่มาร์คไปถ่ายรูปมุมอื่นแล้ว เห็นแบบนั้นผมเลยรีบวิ่งเข้าไปกะว่าจะกระชากพี่มาร์คออกมาแล้วหนีตามกันไปเลย เดี๋ยวๆๆ ผมใช้คำผิด กระชากออกมาแล้วรีบวิ่งหนีไปเลยต่างหาก


    "พี่มาร์ค! โอ๊ย!" ผมว่าผมคงไปไม่ถึงฝันจริงๆแหละ เพราะพอผมเข้าไปจะดึงพี่มาร์คตามเดิม ผู้หญิงอ้วนๆคนหนึ่งที่อยู่นอกวงล้อมก็กลับหลังหันอย่างเร็ว ทำให้ผมที่รีบวิ่งเข้าไปชนกับเธอเข้าอย่างจัง ลองคิดภาพเด็กอนุบาลวิ่งเข้าชนพุงของซูโม่ดูนะครับ นั่นแหละครับผมตอนนี้ กันต์พิมุกต์นี่กระเด็นมานั่งพับเพียบสวยงามอลังการที่พื้นเรียบร้อยแล้ว โอยยยยย เจ็บครับ



    "แบมแบม!" เสียงตะโกนของพี่ยองแจที่ตะโกนมาอีกฝังหนึ่งดังขึ้นทันทีที่พี่แกเห็นผมลงไปนอนจับกบอยู่ที่พื้น เสียงตะโกนเรียกชื่อผมอย่างดังทำให้พี่มาร์คหันมามองอย่างตกใจเมื่อคุณชายเพิ่งรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม เหล่านักเรียนหญิงที่เห็นผมลงไปกองหมดสภาพที่พื้นก็หือหามองผมกันใหญ่ มองอะไรครับ มีใครคิดจะช่วยผมบ้างไหมนะ ยู้หูววว


    "แบมแบม" พี่มาร์คแหวกวงล้อมพวกผู้หญิงรีบวิ่งเข้ามาคุกเข่าดูผมทันที ว่าไงพ่อคนรูปหล่อ เพิ่งคิดได้หรอครับว่าควรออกมาจากตรงนั้นตั้งนานแล้ว


    "แบมแบมเป็นไงบ้าง" พี่ยองแจที่เพิ่งวิ่งมาถึงถามผมอย่างร้อนใจ พี่เค้ามองผมแวบหนึ่งก่อนจะหันไปหาเหล่านักเรียนหญิงที่ยืนมุงดูอยู่อย่างรวดเร็ว พร้อมกับสายตาที่ต้องบอกคำเดียวว่า


    น่ากลัวโคตร ...


    "ผมจะให้เวลานับ 1-3 นะครับ ถ้าพวกคุณไม่รีบขึ้นห้องไปเรียนเดี๋ยวนี้ ผมจะจดชื่อทุกคนโทษฐานขึ้นเรียนไม่ตรงเวลา แล้วจะลงโทษโดยการให้ทำความสะอาดห้องน้ำหนึ่งเดือน 1 .......... 2 .......... "


    ยังไม่ทันจบเลขสองดี เหล่าชุมนุมสมาคมคนชอบปรัง (= ฝรั่ง/ชาวต่างชาติ) ก็สลายตัวอย่างรวดเร็วด้วยคำสั่งประกาศิตของหัวหน้าสารวัตรที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดอย่างพี่ยองแจ หายไปไวเหมือนไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตอยู่ตรงนี้เลยอ่ะครับ


    "เป็นไงบ้างเรา เจ็บตรงไหนรึเปล่า" พี่ยองแจกับเด็กแลกเปลี่ยนอีกสามคนเข้ามามองผมทันที


    "ไม่มากหรอกพี่ยองแจ แบมไหวๆ เรารีบไปหาครูกันดีกว่าครับ สายมากแล้ว" ผมรีบยันตัวขึ้นยืนอย่างไวพร้อมกับชูกำปั้นให้พี่ยองแจเชื่อว่าผมไม่เป็นอะไรจริงๆ


    "แน่นะ"


    "แน่ดิ ปะ รีบไปกันดีกว่า"


     

     

    ห้องรับรองที่ถูกจัดขึ้นเพื่อต้อนรับเหล่านักเรียนแลกเปลี่ยนเต็มไปด้วยเหล่ารุ่นพี่จากสภานักเรียน อาหารมากมายถูกจัดรวมกับขนมและเครื่องดื่มสีสวยบนโต๊ะกลางห้อง วันนี้โรงเรียนจัดงานเลี้ยงเล็กๆให้พวกเด็กแลกเปลี่ยนน่ะครับ


    "อ้าว มากันแล้วหรอ" ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องเข้าไป พี่คุณ หรือ พี่นิชคุณ พี่รหัสของผม ซึ่งเป็นประธานนักเรียนก็เอ่ยทักทายผมทันที


    "พี่คุณสวัสดีครับ" ผมรีบตรงดิ่งไปไหว้พี่คุณอย่างที่ทำเป็นประจำทันที พี่คุณขยี้หัวผมเหมือนปกติแล้วยื่นแก้วน้ำอัดลมให้ รอยยิ้มสดใสที่ผมชอบยิ้มให้พี่คุณถูกส่งให้พี่รหัสของผมเหมือนทุกครั้ง


    "อ่ะ มาเหนื่อยๆ กินน้ำก่อน" ผมรับแก้วมาจากพี่คุณแล้วยกดื่มหมดภายใน 1.12 วินาที อยากจะทำท่าสดชื่นเหมือนโฆษณาเป็บซี่จริงๆ ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจพี่คุณอ่ะนะ


     "ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยได้คุยกับเราเลย ตั้งแต่เป็นประธานนักเรียนงานยุ่งมาก แบมแบมขึ้นม.5มาแล้วชีวิตเป็นยังไงบ้าง" พี่คุณถามผมตามปกติพี่รหัสน้องรหัสเจอกัน ผมหมุนแก้วในมือเล่น สายตาก็คอยเหลือบมองเด็กหัวแดงที่ยืนคุยกับใครสักคนในสภานักเรียนอยู่ตลอด


    "ก็เรื่อยๆอ่ะครับ ยิ่งช่วงนี้มีเด็กแลกเปลี่ยนต้องคอยดูแลก็มีอะไรให้ทำเยอะแยะเลย"


    "ดีแล้วแหละ แบมจะได้มีกังวลซะบ้าง จะได้โตเป็นผู้ใหญ่สักที"


    "โหวว พี่คุณหลอกด่าแบมป้ะเนี่ย"


    "5555 โตแล้วคิดเองครับ" พี่คุณหัวเราะให้ผมอย่างอารมณ์ดีแล้วค่อยๆหุบยิ้มมองผมด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป ผมที่หันมองเด็กแลกเปลี่ยนหัวแดงถ่ายรูปกับผู้หญิงคนหนึ่งในสภานักเรียน จึงหันกลับมามองพี่คุณด้วยสีหน้าสงสัยทันที ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงคำถามให้พี่คุณ


    "แล้วกับคนนั้นน่ะ เป็นไงบ้าง" แววตาของพี่คุณดูเป็นห่วงผมเหมือนอย่างที่ผ่านมาทุกครั้ง ตอนที่พี่คุณพูดถึงเรื่องที่เราสองคนรู้กัน หัวใจของผมแอบกระตุกเบาๆ พลางนึกถึงเรื่องที่เคยเกือบทำร้ายผมมาแล้ว เรื่องที่ผมอยากจะลืมไปให้สนิท เรื่องที่ผมใช้เวลานานมากในการรักษาตัวเอง และตอนนี้ผมก็ดีขึ้นมากแล้ว


    "ผมลืมไปแล้วนะพี่คุณ รู้สึกดีขึ้นมากแล้วครับ" ผมยิ้มบางๆให้พี่คุณเป็นการยืนยัน พี่คุณทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย สีหน้าดูอึดอัดแปลกๆยามมองมาที่ผม


    "พี่คุณมีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลย"


    "เห้อ พี่ก็ไม่อยากจะบอกเราหรอกนะ ดูเอาเองแล้วกัน ยังไงก็ต้องรู้อยู่แล้วนี่" พี่คุณกวักมือเรียกรุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าจะเป็นเลขาพี่คุณแล้วขอแฟ้มจากเธอ ก่อนจะส่งมาให้ผมแล้วบอกให้เธอออกไป


    "อะไรครับ"



    "เปิดดูเอาเองเถอะแบมแบม" พี่คุณพูดจบก็ก้มหน้าลงไปมองที่แฟ้ม ผมจึงตัดสินใจเปิดแฟ้มนั่นออกดูอย่างงงๆ


     

    รายชื่อนักเรียนที่รับเป็นโฮสต์ให้เด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนจากโครงการเจวายพี เป็นเวลา 1 ปี

    1. Mark Tuan Yi-En (USA)

    :: นายกันต์พิมุกต์ ภูวกุล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1

    อันนี้ชื่อพี่แบมคนหล่อและแมนมาก ถูกต้องแน่นอน


    2. Jackson Wang (Hong Kong)

    :: นายยองแจ สกุลธิวัฒน์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1

    อันนี้ก็พี่ยองแจครับ พี่เค้าใช้นามสกุลของแม่น่ะไม่ต้องงง เห้ย!นี่เป็นโฮสต์ให้พี่เตี้ยเหรอ โชคดีนะพี่


    3. Im Jae-Bum (South Korea)

    :: นางสาวจิมินทิรา วัฒนานุวงศ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1

    อ้าว! ไอ้มิ้นเป็นโฮสต์ด้วยเหรอ ทำไมมันไม่เห็นบอกผมเลย ไม่ต้องสงสัยครับ ไอมิ้นหรือจีมินคือเพื่อนสนิทอีกคนของผมเอง มันเป็นลูกครึ่งเกาหลีเหมือนไอยูคครับ แต่มันชอบให้เรียกชื่อไทยมากกว่า ผมก็เลยเรียกมันว่ามิ้นมาตลอดเลย แต่ประเด็นคือทำไมมันไม่บอกผมสักคำว่าเป็นโฮสต์ เจอกันต้องทะเลาะเบาะแว้งหน่อยซะแล้ว


    4. Park Jin-Young (South Korea)

    :: นางสาวละอองดาว จินดาพัฒน์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/3



    .............. !



               คุณเคยรู้สึกแบบว่า โลกทั้งโลกดูไม่น่าอยู่เอาซะดื้อๆมั้ยครับ

               ตอนนี้ผมกำลังเป็นอยู่


     

     

    "พี่คุณ .." ผมเงยหน้าขึ้นมามองพี่คุณทันทีที่อ่านรายชื่อมาถึงคนสุดท้าย บาดแผลที่ผมพยายามรักษาให้หายมานานเหมือนจะถูกสะกิดให้ผมเจ็บจี๊ดอีกครั้ง ชื่อที่ผมจำได้ไม่มีวันลืมและเป็นชื่อที่ผมอยากจะลืมออกไปจากชีวิตให้หมดแวบขึ้นมาอีกครั้งในหัว เหมือนฟิล์มหนังม้วนเก่ากลับมาฉายในความคิดอีกครั้ง ทำไมนะ ทำไมต้องตามมายุ่งกับชีวิตผมอีกแล้ว ทำไมไม่ไปจากชีวิตผมสักที


    พี่คุณมองหน้าผมด้วยความเห็นใจและเป็นห่วงซึ่งผมรับรู้ได้ มือหนาของพี่ชายเอื้อมมาบีบบ่าผมไว้แรงๆหนึ่งทีเพื่อบอกเป็นนัยว่าให้ผมเข้มแข็ง


    "อองดาว ...." ผมเผลอพูดชื่อนั้นออกมาเบาๆให้ได้ยินกันสองคนเพื่อย้ำถามความมั่นใจจากพี่คุณ พี่คุณไม่ได้พูดอะไรตอบ เพียงแต่พยักหน้าเบาๆให้ผม เป็นการบอกให้ผมรู้ว่าสิ่งที่เห็นนี้คือเรื่องจริง


    "พี่ยังอยู่ข้างๆแบมนะ ไม่ต้องเป็นห่วง พี่จะคอยช่วยเหลือแบมทุกอย่าง" ผมมองหน้าพี่คุณด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก รู้สึกว่าที่ขอบตาเริ่มร้อนๆ ไม่! กันต์พิมุกต์จะต้องไม่อ่อนแอแบบนี้สิ


    "ละอองดาว เธอ ....." ไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบ เสียงที่ผมคุ้นเคยดีมาเกือบทั้งชีวิตก็ดังขึ้นด้านหลัง




    "เรียกฉันเหรอ ... แบมแบม"








    Pin 's Talk 

    สวัสดีอันยองจ้าพ่อแม่พี่น้องชาวมาร์คแบม
    ก่อนอื่นต้องขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ก่อนนะคะ
    นี่เป็นฟิคเรื่องแรกเลยที่ลง (ไม่ใช่เรื่องแรกที่แต่ง 555)
    ยังไม่เก่ง ภาษายังไม่ดี 
    มีอะไรแนะนำบอกได้เลยนะคะ

    สุดท้ายอย่าลืมเม้นน้า
    รักปิ้งกระดิ่งแมว ><




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×